1234
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
เจ้าของ: WeijiaLianhua

[บันทึกการเดินทาง] : การเดินทางตามหามุกวารี

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-6-11 17:34:13 | ดูโพสต์ทั้งหมด

บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 27
คำตอบแห่งเส้นทางแสงจันทร์


  

วันที่ยี่สิบสอง ซื่อเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด

   ดูเหมือนวันนี้จะไม่ได้จับพู่กันเลยนะ ?


   เมืองหนานหนิงเป็นเมืองสุดท้ายที่ใกล้เขตแดนของหนานเจ้ามากที่สุดแล้ว ในยามทิวาฉายรัศมีกลับทะลุเมฆครึ้มเพียงแค่สว่างไร้แดดส่องกระทบสดใส ม่านหมอกจาง ๆ กระจายไปทั่วท้องที่ ผู้คนในเมืองหนานหนิงต่างเก็บตัวอยู่ภายในบ้านอย่างเดียวเท่านั้น หากไม่จำเป็นจะไม่ออกมาจากจวนกันเสียเท่าไหร่

   ในส่วนของคณะเดินทางผู้มาพักโรงเตี๊ยมเมื่อคืนเสียยามไห่ก็ตื่นสายหน่อยเอายามเฉิน ปกติแล้วพวกนางจะพักโรงเตี๊ยมโดยแบ่งเป็นสตรีหนึ่งห้อง บุรุษหนึ่งห้อง ทว่าการที่เว่ยเจียเหลียนฮวาบาดเจ็บนี้ทำให้ทั้งกลุ่มดูไม่สบายใจเท่าใดนักจนต้องเปิดห้องในโรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดหนึ่งห้องนอนร่วมกันในห้องเดียวเพื่อผลัดเวรคอยดูแลสตรีผู้เป็นดั่งศูนย์รวมใจคณะเดินทางก็ว่าได้

   เช่นนั้นแล้วในยามเฉินที่ไร้แสงแดดสาดส่อง ภาพที่เว่ยเจียเหลียนฮวาแลเห็นจึงเป็นภาพของจื่อเซวียนชิงหลีนอนอยู่ข้างเตียง โจวจินและฉางซานเซวียนหวางนั่งพิงนอนคนละมุมห้อง

   “อ่ะ…”

   ด้วยความที่คิดว่าตนเองไม่ได้เป็นอะไรมากนักก็พยายามจะฝืนกายขยันลุกขึ้นนัก ทว่าความปวดของบาดแผลที่ยาแก้ปวดสิ้นฤทธิ์ไปแล้วไม่สามารถดูแคลนได้เลย อาการปวดที่บ่าซ้ายแล่นเข้ามาจนทำให้ร่างเล็กร้องเบา ๆ

   เสียงร้องและเสียงขยับกายของสตรีบนเตียงนี้เองที่ทำให้จื่อเซวียนชิงหลีผู้ที่อยู่ใกล้ที่สุดรู้สึกตัวตื่นจากห้วงนิทราโดยพลัน ร่างเล็กดีดกายมามองสหายของนางก่อนจะรีบลุกขึ้นมาประคองตัวไม่ให้เว่ยเจียเหลียนฮวาต้องเกร็งเนื้อตัวจนเจ็บแผล

   “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

   “นอกจากเจ็บแผลก็ไม่มีอะไรแล้ว”

   เสียงของจื่อเซวียนชิงหลีที่ตระหนกเกินกว่าเหตุเป็นเสียงที่ปลุกบุรุษทั้งสองอีกทอดหนึ่ง โจวจินและฉางซานเซียนหวางขยับลุกจากมุมของพวกเขาและตรงมาสำรวจอาการของเว่ยเจียเหลียนฮวา

   “เมื่อวานนี้ดีที่แผลไม่ได้ฉีกมาก มันนี้ทำแผลอีกรอบคงสมานตัวมากขึ้น เทียบยาหมอเห็นผลชะงัดนัก”

   ด้วยเหตุนี้เองบุรุษทั้งหลายจำต้องรับหน้าที่เอาเทียบยาระงับปวดไปบอกให้โรงเตี๊ยมช่วยต้มยาให้และออกจากห้องไปในช่วงเวลาแกะผ้าเปลือยไหล่มน เหลือเพียงเว่ยเจียเหลียนฮวาและจื่อเซวียนชิงหลีที่ช่วยกันทำแผลใส่ยา บาดแผลของนางในวันนี้กลับมาสมานอีกครา ไม่มีเลือดไหลซึมเปื้อนผ้าพันแผลอีกแล้ว ด้วยเหตุนี้เองจื่อเซวียนชิงหลีก็ช่วยเปลี่ยนอาภรณ์เปลี่ยนถุงหอมห้อยเอวให้เรียบร้อยก่อนที่เหล่าบุรุษจะกลับมา

   ในการเตรียมตัวทั้งหลายนี้ใช้เวลาราว ๆ เกือบชั่วยามต่างจากปกติ ท้งสี่คนเดินออกจากโรงเตี๊ยมก็ได้พินิจเมืองหนานหนิงอย่างชัดแจ้ง เต็มตา เมืองนี้ไร้ผู้คนสัญจร มีเพียงไม่กี่คนที่แลเหมือนจะคอยส่งของตามบ้านราวกับผู้มาโปรด ในช่วงเวลานี้ช่างน่าหดหู่ยิ่งกว่าสิ่งไหนทั้งสสิ้น

   ทั้งห่างไกลจากแสงสุริยัน ทั้งต้องทนในม่านหมอกชวนให้หวาดกลัว ไร้ผู้ใดมาช่วยเหลือดูแล ไม่อาจทราบได้เลยว่าหากต้องขอความช่วยเหลือนั้นจะเดินทางมาถึงเมื่อใดกัน ความสิ้นหวังช่างแผ่กระจายไปทั่วท้องที่อย่างแท้จริง

   “วันนี้ก็น่าจะได้เข้าสู่หนานเจ้าแล้วล่ะ”

   โจวจินผู้ถือแผนที่ภูมิศาตร์เอ่ยขึ้นมาเมื่อดูสถานที่ที่พวกนางกำลังยืนอยู่ ณ ตอนนี้ เรื่องต่อไปที่ต้องจัดการต่อไปก็คือการไปรับม้าจากโรงพักม้าในเมืองและเริ่มการเดินทางต่อ

   “ซื้อม้าใหม่ให้ข้—”

   “ขอปฏิเสธ ง้างคันศรเพียงคราเดียวก็ปวดเช่นนี้ อย่าริอ่านคิดถึงกาารควบม้าเด็ดขาด”

   จบที่เว่ยเจียเหลียนฮวาต้องขึ้นขี่ม้าร่วมกับฉางซานเซียนหวางต่อไป



   คณะเดินทางออกจากเมืองหนานหนิงในยามซื่อ เร่งฝีเท้าควบอาชาผ่านเส้นทางที่ไม่ค่อยมีร่องรอยผู้คนสัญจรมานานเพียงใดแล้ว จากที่ราบสู่ป่าไผ่ ต้องค่อย ๆ ควบผ่านไปแม้จะช้าลงสักหน่อยเพราะต้องระวังทางหินชัน ยิ่งเดินทางเท่าไหร่หมอกหนายิ่งหนักขึ้นจนกระทั่งใจกลางหมอกนั้น แลเห็นกระท่อมไม้หลักเล็กและมีผู้เฒ่านั่งอยู่หน้ากระท่อมราวกับเซียนผู้สันโดษรอคอยการมาเยือนแห่งโชคชะตา

   “มาถึงแล้วสินะ ผู้ถือครองมุกวารี”

   น้ำเสียงเจนโลกได้เอ่ยกับคณะเดินทางโดยเฉพาะการกล่าวถึงผู้ถือครองไข่มุกวารี การกระทำนี้ทำให้ทั้งหมดตัดสินใจลงจากหลังอาชาเพื่อเข้าไปหาชายชราผู้สันโดษจากโลกทั้งใบ

   “ในแดนหมอกนิรันดร์ที่เกิดขึ้นโดยภูติแห่งขุนเขาหลังจากหนานเจ้าพบภัยพิบัติใหญ่ มันเป็นทั้งปราการป้องกันและกรงขังของชาวหนานเจ้า องค์หญิงเอ๋ย องค์หญิง เพื่อบรรลุเงื่อนไขการเดินผ่านทวารธรณีนี้ จงตอบคำถามข้าผู้แก่ชราเถิด”

   “หากว่าคำตอบของข้าไม่ได้เป็นที่น่าพอใจ จะเกิดสิ่งใดขึ้นหรือ”

   “ทุกคำตอบที่เจ้าผิดพลั้ง สหายของเจ้าจะไม่อาจออกจากขุนเขาแห่งนี้ได้ทีละคน ทว่าหากไม่ตอบสิ่งใดเลย…ก็ไม่อาจก้าวเดินไปได้ ทั้งเดินหน้าและถอยหลัง โปรดตริตรองให้ดี”

   คำตอบที่ชายชรามอบให้สร้างความตระหนกแก่คณะเดินทางมิใช่น้อย นั่นหมายความว่าภายในหมอกนิรันดร์แห่งนี้ ไม่มีทางใดที่จะออกไปได้นอกจากการเอ่ยคำตอบที่ถูกต้องเท่านั้น

   “เช่นนั้นก็เอ่ยคำถามมา”

   “สิ่งใดขาวดั่งจันทร์ แข็งดั่งศิลา แต่เมื่อถึงคราวต้องคืนฟ้า กลับอ่อนโยนดั่งสายฝน”

   ชะตากรรมของสหายนั้นอยู่ในกำมือของนางภายในชั่วพริบตา ตลอดระยะทางที่ผ่านมานางนั้นเป็นแม่นางน้อยผู้อ่นเยาว์แม้จะไม่ใช่ผู้ที่เยาว์วัยที่สุดก็ตาม นางมักจะได้รับความช่วยเหลือมากมาย ทั้งการปกป้อง การยอมรับ การปรึกษา การพึ่งพิง แม้แต่สตรีที่ไร้ซึ่งวรยุทธ์มากมาย นางแลเห็นสิ่งที่ดวงตานางสะท้อน ความรู้สึกไม่อาจปล่อยมือจากผู้คนตรงหน้า ความต้องการปกป้องสิ่งสำคัญที่ฉายชัดตลอดทุกคราที่เว่ยเจียเหลียนฮวาทอดมองไปยังที่ไกลแสนไกลในช่วงเริ่มต้นการเดินทางด้วยกัน นางที่ได้เรียนรู้หลาย ๆ อย่างจากนาง ในวันนี้สิ่งที่นางเท่านั้นที่ทำได้ จะเป็นการปกป้องพวกเขาในที่สุด

   ดวงตากลมงดงามทอดมองมุกวารีที่ส่องแสงอยู่กลางฝ่ามือ สีขาวนวลนั้นมิได้ต่างจากจันทร์ยามข้างขึ้น แข็งเย็นเมื่อแตะต้อง แต่ภายในกลับแฝงไว้ด้วยแรงสั่นสะเทือนบางอย่าง — คล้ายหัวใจที่กำลังจะเต้นครั้งสุดท้าย

   "สิ่งใด...ขาวดั่งจันทร์ แข็งดั่งศิลา..." นางพึมพำกับตนเองเบา ๆ ในขณะดวงใจเต้นระส่ำราวกับคลื่นในบึงลึก

   คือมุกวารีหรือ?

   สิ่งที่ดูสงบนิ่งในยามนี้ แต่กลับบรรจุความรุนแรงที่สามารถชะล้างปีศาจร้ายลงทั้งผืนแผ่นดิน ดวงจิตที่ถูกสร้างขึ้นจากบรรพกาล ขาวสะอาดเหมือนโชคชะตาอันสูงส่ง — แต่เมื่อถึงเวลาต้องปล่อย…จะกลายเป็นเพียงสายฝนบางเบาที่คืนสู่สวรรค์

   นางกัดริมฝีปากแน่น จนริมฝีปากบางขาวซีดและปวดหนึบ แม้มีคำตอบที่คิดคิดไว้ภายในหัวน้อย ๆ ทว่าความลังเลที่จะต้องเอ่ยตอบช่างมากมายนัก ความหวาดกลัวในผลลัพธ์ทำให้กายบางสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้

   นางกลัวเหลือเกิน

   “ไม่เป็นไร ต่อให้ข้าต้องท่องในแดนนี้สักปีสองปี ก็คิดเสียว่าให้เวลาข้านอนอ่านตำราก็แล้วกัน”

   ในช่วงเวลาที่แสนกดดันนี้ มีน้ำเสียงของสตรีผู้ที่เป็นดั่งพี่สาวของนางเอ่ยขึ้นข้างกาย ภาพของสตรีพันผ้าพันแผลที่เหลียวเห็นพ้นชายขอบอาภรณ์แสนธรรมดาช่วงไหล่ซ้ายได้ปรากฎข้างกายของนาง มือแสนอบอุ่นกอบกุมมือเล็กที่สั่นเทาเพื่อให้นางคลายแรงกำมือจนขาว น้ำเสียงที่เรียบนิ่งกลับเอ่ยราวกับไม่ได้เคร่งเครียดอะไรเพื่อปลอบดวงใจไม่ให้กดดันเพียงผู้เดียว

   สตรีผู้นี้สำหรับนางแล้วช่างเปล่งประกายแม้อยู่ใต้หมอกทึมทึบ

   การอยู่เคียงข้างช่างเป็นการมอบความกล้าหาญได้อย่างมหาศาล ต่อให้นางจะแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจมากนัก ทว่านางจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดต้องถูกทิ้งในหมอกนี้เป็นอันขาด องค์หญิงแห่งหนานเจ้าเงยหน้าขึ้นสู้ท้องนภาแสนมัวหมอง สูดลมหายใจแสนเย็นเยียบเข้าสู่ปอด

   “ข้าจะไม่ยอมให้คำตอบใด...เป็นการบูชาด้วยชีวิตของสหายเด็ดขาด” นางเอ่ยอย่างฉะฉานและมั่นคง “สิ่งใดขาวดั่งจันทร์ แข็งดั่งศิลา แต่เมื่อถึงคราวต้องคืนฟ้า กลับอ่อนโยนดั่งสายฝน… หากมันคือคำตอบที่ถามไถ่ข้าว่าเหมาะสมอย่างไร เช่นนั้นแล้วสิ่งที่เป็นคำตอบภายในใจข้าคือ ไข่มุกวารี”

   “แสงนวลประกายส่องนำทางสู่ผืนดิน ขอให้เจ้าโชคดี ทายาทแห่งหนี่วา”

   บัดนั้นเซียนเฒ่าก็เคาะไม้เท้าลงกับพื้น เกิดกระแสพลังงานส่องประกาย ณ ผืนดินราวกับเส้นทางแสงจันทร์นำทางแหวกหมอกหนาให้พวกนางเข้าสู่ดินแดนที่ล่มสลายอย่างปลอดภัย คณะเดินทางทั้งผองต่างทำความเคารพเซียนเฒ่าด้วยความขอบคุณก่อนจะออกเดินทางต่อโดยที่ดวงใจนั้นเต้นระส่ำอย่างอดไม่ได้

   ทุกย่างก้าวต่อจากนี้คือดินแดนอันเป็นต้นตอแห่งภัยพิบัติ หากสิ่งที่ให้การเดินทางของนางเกิดขึ้นนั้นล้วนมาจากที่ตรงนี้แล้วไซร้ การเดินทางของนางนับจากนี้ก็จะถึงจุดจบ ณ ที่แห่งนี้ในไม่ช้า

   ณ ยามโหย่วแห่งแสงสนธยาย้อมหมอกเป็นสีอำพันหม่น คณะเดินทางได้เดินทางสู่เมืองต้าหลี่ ใจกลางเมืองหลวงของหนานเจ้าเป็นที่เรียบร้อย



@Admin

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 24678 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-11 17:34
โพสต์ 24,678 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +12 ความโหด จาก นักวิชาการ  โพสต์ 2025-6-11 17:34
โพสต์ 24,678 ไบต์และได้รับ +15 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ธนูไม้จันทน์  โพสต์ 2025-6-11 17:34
โพสต์ 24,678 ไบต์และได้รับ +2 ความโหด จาก กระบอกธนู  โพสต์ 2025-6-11 17:34
โพสต์ 24,678 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ 2025-6-11 17:34
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x377
x10
x7
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-6-11 20:00:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-6-12 15:33


บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 28
จื่อเซวียนชิงหลี กษัตรีย์แห่งหนานเจ้า


  

วันที่ยี่สิบสาม ซื่อเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด

   เช้าวันนี้เป็นเช้าที่ข้าคิดว่าอาจจะเป็นเช้าสุดท้ายของการเดินทางแสนยาวนาน ต้องยอมรับเลยว่ากรเดินทางนี้เริ่มต้นจากสิ่งที่ไม่แน่นอนที่สุดอย่างนิมิตรแห่งเซียน ทว่ากลับเป้นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เหนือเกินกว่าจะหยั่งถึง ทั้งปีศาจเจี๋ยฮว่า ฝูงชาวบ้านที่กลายเป็นผีร้าย มารทั้งหลายระหว่างทาง ทั้งหมดนี้ใครจะไปคิดว่าสตรีผู้เป้นพระสนมจะต้องมาเจออะไรเช่นนี้ แน่นอนว่าเป็นเพราะข้าเลือกด้วยตนเองด้วย…

   แต่สิ่งที่ข้าไม่ขอปิดบังเลยคือความรู้สึกของอิสรภาพ การเดินทางจากตะวันออกสู่ตะวันตก จากเหนือลงใต้ ดินแดนที่ไม่เคยพบ ตำราที่ไม่เคยเห็น เป็นเช่นนี้สินะผู้คนถึงได้ชมชอบสิ่งที่เรียกว่าโลกยุทธภพ ข้าที่เป็นสตรีในห้องหอได้สัมผัสการเดินทางแสนอิสระคราแรก ทว่ามันคงจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวของข้าด้วย เมื่อกลับไปเหยียบรั้วสีชาดควไม่อาจหวนคืนสู่โลกภายนอกได้โดยง่ายเป็นแน่

   บางคราข้าก็คิดนะ ว่าหรือข้าจะหนีออกไปที่ไหนทักที่ ไปยังสถานที่ที่พ้นเอื้อมมือของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ไปเป็นเพียงสตรีเพศผู้เรียนรู้สรรพสิ่งใต้หล้า ทว่าความปรารถนาของข้ามิใช่สิ่งที่เรียบง่าย

   อย่างน้อยข้าก็ต้องได้ก้มหน้ายลโฉมนางตัวดียามคุกเข่าใต้ฝ่าเท้าของข้า


   วันนี้เป็นวันที่คณะเดินทางต่างนอนไม่หลับกันเป้นส่วนใหญ่ ทั้งบรรยากาศน่าหวาดระแวง ทั้งความรู้สึกกังวลที่ถาโถม เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นนับรุ่งอรุณเบิกฟ้าต่อจากนี้จะเป็นตำนานในใจของเหล่าคณะเดินทางสืบต่อไป

   เว่ยเจียเหลียนฮวาตื่นเช้ามาในยามเฉินอันทะมึนทึม ท้องฟ้ามืดดั่งเมฆฝนครึ้ม ทว่าแท้จริงแล้วมันคือม่านหมกที่กั้นหนานเจ้าจากโลกภายนอก ภาพของสถานที่ที่เป็นซากเพิ่งพังได้ไม่นาน นี่ไม่ใช่การพังทลายด้วยอายุและกาลเวลา มันคือภัยพิบัติอย่างแท้จริง นี่ขนาดว่าพวกนางอยู่นอกเมืองต้าหลี่เท่านั้น ยังสัมผัสได้ถึงปีศาจมากมาย

   “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าขอตำราฝังไปพร้อมข้าด้วย”

   ท่ามกลางความเงียบที่นางตระหนักรู้ได้ถึงสหายทั้งผองอยู่ด้วยกันและเตรียมจะเดินทางต่อไปในยามนี้ คำพูดปลุกใจนั้นไม่อาจเป็นตัวตนที่นางจะสามารถเอ่ยออกมาได้ สิ่งที่ออกมาจึงกลายเป้นการฝากฝังเรื่องสุดท้ายอย่างตลกร้ายเสียมากกว่า

   “ข้าต้องสั่งเสียต่อหรือไม่”

   หากถามว่าผู้ใดกันที่กล้าต่อปากต่อคำกับพระสนมในยามนี้ก็มีเพียงผู้เดียวก็คือโจวจินผู้เป็นสหายคนสนิทของนางเอง ครั้งเมื่อวาจาหยอกล้อได้เอ่ยออกมา ทุกคนก็พลันหัวเราะได้อย่างสบายใจ

   สบายใจเพราะว่ามีกันและกันอยู่เคียงข้าง แต้ทางข้างหน้าเป็นขวากหนามก็พร้อมจะฟันฝ่าและก้าวเดิน

   คณะเดินทางได้เดินทางจากนอกเมืองเข้ามาในตัวเมือง ต้องยอมรับเลยว่าหากต้องปะทะกับปีศาจทั้งหลายเกรงว่าคงจะเหนื่อยจนภารกิจล่มไปเสียก่อน คณะเดินทางจึงต้องเดินทางฝ่าเมืองรกร้างให้เงียบที่สุด ห้ามส่งเสียงเด็ดขาด จนกระทั่งเดินทางมายังใจกลางเมืองต้าหลี่อันเป็นที่ตั้งของวิหารหนี่วา

   “ที่นั่นสินะที่เจ้าต้องเข้าไปน่ะ ชิงหลี”

   “ใช่”

   “ไปกันเถิด”

   ทว่า เพียงก้าวเดียวที่เหยียบลงบันไดหินอ่อนเท่านั้น พลันได้ยินเสียงหยดน้ำสะท้อนก้องในหัวราวกับการมาของพวกนางคือหยดน้ำที่หยดลงวารีไร้คลื่น ร่างของผู้คนทั้งหลายที่บาดเจ็บล้มตายค่อย ๆ ลุกขึ้นมา ทว่าสิ่งที่ต่างออกไปมิใช่การที่พวกเขากลายเป็นผีร้าย หากแต่ความมืดมิดแผ่ล้นออกจากร่าง ผิดกายที่มอดไหม้ดั่งเถ้าถ่าน มันกลายเป็นปีศาจเพลิงทมิฬไปกันหมดแล้ว พร้อมกับ ณ ทวารธรณีแห่งวิหารหนี่วา ร่างของมารปีศาจปลาที่คุ้นเคยได้ปรากฎกายขึ้นเป็นดั่งจ้าวแห่งมารทั้งปวง ณ ที่แห่งนี้

   “เหอะ ! ทายาทแห่งหนี่วาเอ๋ย รนหาที่ตายถึงเพียงนี้เลยรึ วันนี้จะเป็นวันตายของพวกเจ้า”

   “โอหังสิ้นดี ! ปีศาจปลา แน่จริงก็เข้ามาเสีย”

   ไม่อาจทานทนได้ต่อการต่อปากต่อคำนัก เว่ยเจียเหลียนฮวาเอ่ยออกไปตอบโต้มารปีศาจปลาอย่างทันควันราวกับว่ามันคือบทพูดที่นางจะไม่ปล่อยให้มันจางไปแค่รับฟังคำกล่าวเสนียดใบหูอย่างเดียวเป็นแน่

   ราวกับมีคนตบลูกขนไก่มา นางก็ต้องโต้กลับ…

   เมื่อได้ยินเสียงสตรีที่มันคุ้นเคยก็เริ่มเพ่งมองคณะเดินทางที่มาร่วมกันกับทายาทหนี่วา สองในสามเป็นมนุษย์ที่ทำให้มันรู้สึกอับอายและสมเพชจนเคืองแค้นมานานนับปี ไฟในการเข็นฆ่าเดือดพล่าย จิตสังหารกำจายไปทั่วอาณาบริเวณ เมื่อนั้นมนุษย์มารต่างคลุ้มคลั่ง

   “เจ้ามนุษย์น่ารังเกียจ ดี ดียิ่ง วันนี้ต่อให้ข้าต้องตายด้วยน้ำมือของทายาทหนี่วาส ทว่าข้าก็จะเด็ดหัวเจ้าสองคนให้ได้”

   สองคนที่ไม่ใช่ทายาทหนี่วา ???

   บัดนั้นเว่ยเจียเหลียนฮวากับโจวจินก็มองหน้ากันโดยพลัน อย่าบอกนะว่าเจ้านี่คือปีศาจปลากามราคะที่เกือบจะลวนลามนางใต้วังบาดาลนั่น เช่นนั้นแล้วก็ไม่ต้องสืบว่าเหตุใดต่อให้จื่อเซวียนหนีออกไปได้พวกนางก็จะต้องจมใต้เท้ามัน จื่อเซวียนชิงหลีกับฉางซานเซียนหวางก็มองสองคนนี้อย่างสงสัย

   “โจวจิน เหมือนเราจะต้องมาชดใช้กรรมแล้วหรือ”

   “ก่อนใช้กรรมก็สู้ก่อนเถิด ชีวิตเจ้ายังไม่สิ้นจำต้องดิ้นต่อไป”

   แล้วการต่อสู้พลันเปิดฉากขึ้น ฉางซานเซียนหวางและโจวจินเป็นฝ่ายนำทัพรับมือกับมนุษย์มารที่เข้ามาใกล้ จื่อเซวียนชิงหลีแปลงร่างเป็นครึ่งอสรพิษเพื่อเพิ่มแรงทางกายภาพปะทะเข้ากับมนุษย์มารทั้งหลายแม้จะต้องเจ็บปวดเพราะว่าพวกเขาเนื้อในคือไพร่ฟ้าของนางเองก็ตาม เว่ยเจียเหลียนฮวาหยิบเกาทัณฑ์ไม้จันทน์ขึ้นมายิงเพื่อหวังปลิดชีพทีละตัวอย่างแม่นยำ การเดินทางนี้ทำให้นางได้รู้ว่าพวกมันแพ้ลูกศรจากมือของนางขนาดไหน

   ปีศาจปลาเห็นพวกนางโรมรันฟันแทงกับลูกน้องก็ผายมือขอหากแหลมจากลูกน้องเพื่อปามาเสริมกำลังและหวังดับสิ้นลมหายใจมนุษย์อ่อนแอพวกนี้เสีย การต่อสู้ที่ต้องแบ่งรับแบ่งสู้ช่างกินพลังกายเหลือคณานับนัก

   มือเล็กของจื่อเซวียนชิงหลีพลันกำแน่นแล้วความคับแค้นในอก ที่แห่งนี้คือบ้านเกิดของนาง สถานที่ของนาง ประเทศของนาง นางไม่อาจคุกเขา่ให้ผู้ใด นางไม่อาจยอมแพ้ให้มารปีศาจทั้งหลายได้

   บัดนั้นที่ความืดมิดโหมกระหน่ำจนอ่อนล้า มุกวารีพลันเปล่งประกายต่อปณิธานแห่งทายาทผุ้ปกป้องดินแดนสายเลือดหนี่วา มุกวารีที่ถักเชือกเป็นสร้อยคอมิให้ผู้ใดแตะต้องได้พลันสว่างทะลุเส้นเชือกที่บดบัง ล่องลอยตรงหน้าทายาทเพื่อส่องสว่างชำระล้างทั่วอาณาบริเวณใกล้เคียง

   จอมมารผู้สัมผัสได้ถึงพลังและกระแสคลื่นที่แปรทิศก็ร้อนใจจนปาหอกลงมาทีเดียวถึงสองเล่ม โจวจินและฉางซานเวียนหวางเร่งพุ่งเข้ามาตวักกระบี่เบี่ยงทิศให้ออกไปจากสตรีทั้งสอง เว่ยเจียเหลียนฮวามือมองน้อย ๆ ของนางแล้วก็ได้แต่คิดว่านางจะทำได้หรือไม่

   ไม่ใช่ว่าทำได้หรือไม่ ทว่านางต้องทำให้ได้ต่างหาก

   “ชิงหลี ได้โปรดมอบพลังให้ข้าที”

   สตรีผู้สูงศักดิ์ก้าวขึ้นมา ณ สนามรบ มือเล็กง้างเกาทัณฑ์ขึงสายจนตึง ลูกศรแหลมเตรียมพร้อมโจนทะยานปลิดดวงวิญญาณแห่งความมืดมิด พลังของหนี่วาที่ตอบรับได้โอบล้อมกายบางจนเกิดกระสมพัดโบก นัยน์ตายสีเปลือกไม้พลันวาวโรจน์เรืองเรืองสีอำพันงดงาม

   ในชั่วขณะที่สูดลมหายใจจนเต็มปวด ชั่นพริบตาที่กลั้นลมหายใจเพื่อเพ่งสมาธิ บัดนั้นศรสีขาวประกายพุ่งออกไปด้วยแรงมหาศาลเกินกว่าที่สตรีตัวเล็ก ๆ จะทำได้ ศรแห่งหนี่วาโจนทะพานไปด้วยความเร็วเหนือสายฟ้าฟาดหวังแทงทะลุขั้วหัวใจ

   ทว่ามันยังไม่เร็วมากพอ และยังอ่อนกำลังนัก สิ่งที่ดวงตาสีอำพันพิศเห็นคือภาพของปีศาจที่หลบกายจนบาดเจ็บเพียงแค่แขนซ้ายมันขาดวิ่น โลหิตสีชาดทะลักออกมาก่อนที่มันจะกุมบาดแผลและเร้นกายหายไป มนุษย์มารทั้งหลายที่เหลืออยู่พลันลงไปนอนกองเป้นซากเถ่าสีทมิฬ

   “มันยังไม่ตาย…”

   เมื่อพลังนี้มาพร้อมกับแรงสะท้อน นางผู้ไม่เคยใช้พลังเหนือธรรมชาติใด ๆ ก็กระอักเลือดออกมาเล็กน้อย ร่างเล็กถูกประคองแล้วร่างสูงของฉางซานเซียนหวางผู้บาดเจ็บสาหัสนัก ต้องบอกว่าสภาพของคณะเดินทางก็ไม่ได้ดูดีกันเท่าไหร่เลย

   “ถึงเวลาแล้ว ชิงหลี เข้าไปกันเถิด”

   แม้จะเจ็บใจที่ไม่อาจสังหารมันได้จนสิ้นซาก ทว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือการกอบกู้บ้านเมือง จื่อเซวียนนำมุกวารีไปยังใจกลางวิหารหนี่วา แท่นหินอ่อนกลางวงวารีอันว่างเปล่าเป็นสถานที่ประทับของมุกวารีเป็นแน่ ภาพของความทรงจำในถ้ำพลันกระจ่างชัดขึ้น สถานที่ที่นางคุ้นเคยนี้ได้รับรู้แล้วว่าคุ้นเคยจากแห่งหนใดกัน

   มือเล็กของทายาทหนี่วากำมุกวารีสีขาวนวลก่อนจะค่อย ๆ วางมันลงไปบนแท่นประดิษฐานแห่งมุกวารี บัดนั้นอัญมณีเม็ดงามพลันเปล่งประกายออกมา ส่งพลังพุ่งขึ้นทะเลเพดานวิหารไปยังเหนือฟากฟ้า สร้างเป้นกำแพงป้องกันและขับไล่ไอปีศาจจนหายไปจากหนานเจ้า

   “สำเร็จแล้ว”

   จื่อเซวียนชิงหลีเอ่ยพร้อมกับกระโจนข้ามากอดเว่ยเจียเหลียนฮวาที่อยู่ข้างกาย เป็นความรู้สึกที่มีความสุขจนล้นในอกไม่อาจเอ่ยสิ่งใดได้นอกจากน้ำตาแห่งความปิติ มือเล็กของเว่ยเจียเหลียนฮวายกขึ้นโอบกอดร่างเล้กตรงหน้า ในช่วงเวลาที่แสนสำคัญ ขอบคุณนางเช่นกันที่แบ่งปันร่วมกัน

   ช่วงเวลาที่แสนยินดีนี้ผ่านไปไม่นานก็ได้เวลากลับมาสู่สิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้

   “ชิงหลี แล้วต่อจากนี้เจ้าจะเอาเยี่ยงไรเล่า”

   “ก่อนอื่นเลย ข้าต้องขอบคุณพวกท่านมาก”นางผละออกจากอ้อมอกของสหายที่รักที่สุดของหัวใจในตอนนี้ “สงครามนี้ทำให้หนานเจ้าสูญเสียอย่างหนัก หากต้องบูรณะทุกสิ่ง ข้าต้องเป็นผู้นำแห่งหนานเจ้า ข้าจะขึ้นเป็นกษัตรีย์”

   ราวกับไข่มุกวารีได้เลือกผู้เป็นนาย ณ ช่วงชีวิตหนึ่งนี้ คลื่นชำระล้างแผ่ขยายอีกคราพร้อมกับวิหารที่ค่อย ๆ ฟื้นฟู ความเจ็บปวดที่ได้รับจากการต่อสู้พลันมลายจนสิ้น เปิดหน้าศักราชใหม่แห่งหนานเจ้าในบรรดล

   ช่วงเวลาหลังจากกอบกู้เอกราชจากมารปีศาจ ทั่วทั้งหนานเจ้าก็ปรากฎผู้รอดชีวิตทีละนิด ทีละหน่อย ใช้เวลาช่วยเหลือจื่อเซวียนชิงหลีอยู่สักพักใหญ่ ทั้งต้องพักรักษาตัวด้วยแล้ว การกลับฉางอันคงจะเป็นเรื่องที่ปล่อยให้ตัวนางในอนาคตเป็นตริตรองเองกระมัง ?

  
จบบันทึกการเดินทางสีคราม


สกรีนช็อต 2025 06 11 183653
สกรีนช็อต 2025 06 11 184650




รางวัลสำเร็จภารกิจ

+200 พลังใจ , +1500 ตำลึงเงิน , หินตีบวกกับหินอัปเกรดอย่างละ 20 ก้อน , หินเซียนคนละ 1 ก้อน ที่ทายาทหนี่วากลั่นออกมาตอนชำระล้างหมู่บ้านชิวปี้ , +1 Level up

+50 บารมี, +200 คุณธรรม, +100 ความโหด

+2 หัวใจ กับฉางซานเชียนหวาง
+4 หัวใจ กับทายาทหนี่วา
+ไข่หมาป่าหิมะ 1 ฟอง

@Admin

แสดงความคิดเห็น

บอกแบบนี้ ไม่อยู่ได้หรือ?  โพสต์ 2025-6-11 21:20
หากพักอยู่หนานเจ้าและบุกเบิกร้านค้าที่สำคัญบางร้านจะมีโอกาสพบเจอของขายร้านต่าง ๆ หลังจากระยะเวลาผ่านไปครู่ใหญ่--------  โพสต์ 2025-6-11 20:37
((สามารถเลือกจะกลับเลยหรือไม่ โรลเดินทางกลับตามความเร็วรถม้าไปยังฉางอัน หรือ อยู่หนานเจ้าต่อใน เรือนรับรองที่จื่อเซวียนจัดให้))  โพสต์ 2025-6-11 20:36
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-14] จื่อเซวียน ชิงหลี เพิ่มขึ้น 400 โพสต์ 2025-6-11 20:33
คุณได้รับ 100 EXP โพสต์ 2025-6-11 20:33

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +200 ตำลึงเงิน +1500 ย่อ เหตุผล
Admin + 200 + 1500

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x377
x10
x7
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
1234
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้