1234
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป

[บันทึกการทหาร] : ศึกฉีเหลียงซาน

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-8-14 01:03:55 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย RongXiuying เมื่อ 2025-8-14 01:20







หลังจากได้รับการรักษาจนร่างกายสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วอีกครั้ง แม้จะยังไม่เต็มร้อย แต่ก็เพียงพอสำหรับสถานการณ์ตรงหน้า ซิ่วอิงไม่รอช้าแม้เพียงเสี้ยววินาที ปลายเท้าดีดร่างออกจากเนินทรายพุ่งทะยานไปเบื้องหน้าดุจเหยี่ยวโฉบเหยื่อ ง้าวมังกรคู่ใจถูกควงสะบัดในมืออย่างคล่องแคล่ว แสงสีเงินวาววับสะท้อนกับแสงอาทิตย์ยามบ่ายที่ร้อนระอุ ตัดกับสีแดงฉานของโลหิตที่ยังคงเปรอะเปื้อนอยู่บนคมง้าว

ทันทีที่ซิ่วอิงเคลื่อนไหว เจ้าหมาสามหัว คู่ใจก็กระโจนตามมาติดๆ มันคำรามก้องด้วยเสียงอันดุดัน ดวงตาทั้งสามคู่จ้องเขม็งไปยังเหล่าปีศาจมังกรดำที่กำลังอาละวาดปลุกขวัญกำลังใจให้แก่ทหารที่ยังคงยืนหยัดต่อสู้อย่างเหนื่อยล้า ซิ่วอิงกวาดสายตาไปทั่วสมรภูมิ และในที่สุดก็พบกับร่างสูงสง่าของ แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้ง ที่กำลังถูกปีศาจมังกรดำร่างกำยำสี่ตนโอบล้อมเอาไว้ พวกมันแต่ละตนถือกระบองเหล็กขนาดใหญ่ แกว่งเข้าใส่แม่ทัพหนุ่มอย่างไม่ยั้ง แม้ฮั่วชวี่ปิ้งจะสามารถปัดป้องและตอบโต้ได้อย่างแข็งแกร่ง แต่การถูกรุมเช่นนี้ย่อมเสียเปรียบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ซิ่วอิงกัดฟันแน่น ตัดสินใจพุ่งตรงไปยังจุดนั้นทันที

"เจ้าหมา! ไป!" ซิ่วอิงตะโกนสั่ง เจ้าหมาคำรามลั่น กระโจนนำหน้าเจ้านายไปยังกลุ่มปีศาจมังกรดำเหล่านั้น ด้วยพละกำลังมหาศาลของมัน เพียงแค่พุ่งชนร่างของปีศาจตนหนึ่งก็ถึงกับกระเด็นถอยหลังไปหลายวา ซิ่วอิงตามติดมาอย่างรวดเร็ว ง้าวในมือตวัดเป็นวงกว้าง ฟาดเข้าใส่ร่างของปีศาจมังกรดำตนที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดอย่างแม่นยำ คมง้าวผ่าอากาศด้วยความเร็วสูง กรีดผ่านเกราะหนังหนาของปีศาจราวกับเฉือนเต้าหู้ เลือดข้นพุ่งกระฉูด ร่างของปีศาจร้ายทรุดฮวบลงกับพื้นทรายทันที

ปีศาจมังกรดำอีกสามตนเห็นดังนั้นก็หันมาให้ความสนใจซิ่วอิงพร้อมกัน พวกมันคำรามก้อง โบกกระบองเหล็กเข้าใส่นางจากสามทิศทาง ซิ่วอิงหมุนตัวหลบกระบองที่ฟาดลงมาอย่างฉิวเฉียด ปลายง้าวแทงสวนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว จ้วงเข้าที่ช่องท้องของปีศาจตนหนึ่ง เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น ปีศาจตนนั้นทรุดตัวลงอีกตน ในขณะเดียวกัน เจ้าหมาก็เข้าตะครุบร่างของปีศาจอีกตนหนึ่ง ขย้ำด้วยกรามอันแข็งแกร่งทั้งสามหัวพร้อมกัน เกราะหนังหนาของปีศาจไม่อาจต้านทานแรงกัดอันมหาศาลได้ เสียงกระดูกแตกดังลั่น ปีศาจมังกรดำส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน

ซิ่วอิงฉวยโอกาสที่ปีศาจอีกสองตนกำลังเสียสมาธิ ง้าวในมือพลันเปลี่ยนเป็นท่าร่ายรำที่พลิ้วไหวแต่แฝงไว้ด้วยความอันตราย นางก้าวเท้าอย่างว่องไว หลบหลีกการโจมตีของกระบองเหล็ก พร้อมกับตวัดง้าวเข้าใส่ข้อต่อแขนของปีศาจตนหนึ่ง เสียงเนื้อฉีกขาดดังขึ้น กระบองเหล็กหลุดออกจากมือหยาบกร้านของมัน

ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง ฮั่วชวี่ปิ้งที่ถูกปลดจากพันธนาการก็โต้กลับทันควัน ทวนพู่แดงในมือพุ่งเข้าจู่โจมด้วยความเร็วราวสายฟ้าแลบ ปลายทวนแทงเข้าที่กลางหลังของปีศาจตนนั้นอย่างรุนแรง มันร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ทวนของแม่ทัพหนุ่มแทงทะลุเนื้อหนังจนเกราะหนาไม่อาจต้านทานได้ ซิ่วอิงไม่รอช้า รีบหมุนตัวอีกครั้ง ง้าวฟาดเฉียงขึ้น เจาะเข้าที่ลำคอของปีศาจตนนั้นอย่างแม่นยำ เลือดทะลักออกมาเป็นสาย ปีศาจร้ายล้มลงสิ้นใจเป็นตัวที่สาม

ปีศาจมังกรดำตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่มองเห็นความพ่ายแพ้ของพวกพ้องก็เกิดความหวาดหวั่น มันพยายามจะถอยหนี แต่ฮั่วชวี่ปิ้งไม่เปิดโอกาสให้มันทำเช่นนั้น เขาพุ่งเข้าประชิดตัวอย่างรวดเร็ว พร้อมกับส่งสัญญาณให้ซิ่วอิงล้อมปีศาจจากอีกทางหนึ่ง ซิ่วอิงเข้าประชิดตัวปีศาจตัวสุดท้ายอย่างว่องไว ง้าวของนางตวัดลงอย่างหนักหน่วง ผ่ากระหม่อมของปีศาจร้าย เลือดและเศษสมองกระจายไปทั่วบริเวณ ร่างของปีศาจมังกรดำล้มคว่ำลงกับพื้น เป็นอันสิ้นชีพตัวที่สี่

เมื่อสังหารปีศาจมังกรดำทั้งสี่ตนลงได้ ทั้งซิ่วอิงและฮั่วชวี่ปิ้งก็หันมาสบตากันชั่วครู่ แววตาของทั้งสองเต็มไปด้วยความเข้าใจโดยไม่ต้องเอ่ยคำใด ซิ่วอิงพยักหน้าให้เล็กน้อย ก่อนจะพุ่งทะยานออกไปข้างหน้าอีกครั้ง ฮั่วชวี่ปิ้งก็ทะยานตามติดไปไม่ห่าง การประสานงานของทั้งสองเป็นไปอย่างราบรื่นและเปี่ยมประสิทธิภาพราวกับเคยร่วมรบกันมานับร้อยนับพันครั้ง

"เจ้าหมา! ไปทางซ้าย!" ซิ่วอิงตะโกนสั่ง เจ้าหมาสามหัวรับคำสั่ง กระโจนแยกตัวไปอีกทางหนึ่งเพื่อช่วยสกัดปีศาจที่กำลังดาหน้าเข้ามาอีกกลุ่มใหญ่ ซิ่วอิงและฮั่วชวี่ปิ้งพุ่งตรงไปยังศูนย์กลางของกองทัพปีศาจที่กำลังก่อความวุ่นวาย ง้าวของซิ่วอิงและทวนของฮั่วชวี่ปิ้งร่ายรำไปพร้อมกันดุจเงาตามตัว ง้าวของซิ่วอิงฟาดฟันเป็นวงกว้าง สร้างบาดแผลฉกรรจ์ให้กับปีศาจที่อยู่รอบกาย ในขณะที่ทวนพู่แดงของฮั่วชวี่ปิ้งพุ่งเข้าสังหารอย่างรวดเร็วและแม่นยำดุจสายฟ้าแลบ

ปีศาจมังกรดำตนหนึ่งถือกระบองเหล็กขนาดใหญ่ฟาดเข้าใส่ซิ่วอิงอย่างรุนแรง นางใช้ปลายง้าวรับไว้ เสียงโลหะกระทบกันดังสนั่น ซิ่วอิงถอยหลังไปหลายก้าวด้วยแรงปะทะที่มหาศาล ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง ทวนพู่แดงของฮั่วชวี่ปิ้งก็แทงเข้าที่กลางลำตัวของปีศาจตนนั้นอย่างจัง เลือดปีศาจพุ่งออกมาจากบาดแผลราวกับน้ำพุ ร่างของมันกระตุกเกร็งและล้มลง

"ระวัง!" ฮั่วชวี่ปิ้งตะโกนเตือน เมื่อเห็นปีศาจอีกตนกำลังจะพุ่งเข้าโจมตีซิ่วอิงจากด้านหลัง นางหันขวับกลับไปในทันที ง้าวในมือถูกตวัดขึ้นอย่างรวดเร็ว ฟันเข้าที่ลำคอของปีศาจตัวนั้นจนขาดสะบั้น

การต่อสู้ดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด ง้าวของซิ่วอิงและทวนของฮั่วชวี่ปิ้งผสานพลังกันอย่างลงตัวและไร้ที่ติ บางครั้งซิ่วอิงเป็นฝ่ายเข้าจู่โจมเปิดทางให้ฮั่วชวี่ปิ้งเข้าทำลายล้าง บางครั้งฮั่วชวี่ปิ้งเป็นฝ่ายดึงความสนใจของปีศาจไว้เพื่อให้ซิ่วอิงหาจังหวะสังหาร ปีศาจมังกรดำล้มตายลงไปทีละตัวสองตัว ร่างของพวกมันกองพะเนินอยู่บนพื้นทรายสีแดงฉาน

ซิ่วอิงใช้ปลายง้าวเกี่ยวขาของปีศาจตัวหนึ่งให้ล้มลง ฮั่วชวี่ปิ้งไม่รอช้า พุ่งทวนแทงเข้าที่หัวใจของมันอย่างรวดเร็ว ง้าวของซิ่วอิงยังคงร่ายรำไปอย่างต่อเนื่อง สร้างบาดแผลให้กับปีศาจอีกตัวหนึ่ง จากนั้นฮั่วชวี่ปิ้งก็กระโดดข้ามร่างของปีศาจที่ล้มลง พุ่งทวนเข้าสังหารอีกตัวหนึ่ง การเคลื่อนไหวของทั้งสองรวดเร็วจนแทบมองตามไม่ทัน

ภายหลังจากการต่อสู้อันดุเดือดที่เพิ่งจบลงไปได้ไม่นาน ผืนทรายสีแดงฉานยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด เสียงอาวุธกระทบกันเงียบลงชั่วขณะ เป็นช่วงเวลาที่ทหารทุกคนได้มีโอกาสพักหายใจ แต่แล้วความเงียบสงบนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วทั้งสมรภูมิราวกับพื้นดินกำลังจะปริแยกออกจากกัน สัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่าหายนะครั้งใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น…

ทุกคนหันมองรอบกาย ทหารที่ยืนหยัดอยู่ต่างเสียหลักล้มลุกคลุกคลาน ทรายบนพื้นกระเพื่อมราวกับผิวน้ำที่ถูกโยนหินลงไป เสียงคำรามก้องดังแว่วมาแต่ไกล ก่อนที่เงาร่างมหึมาจะพุ่งทะยานจากแนวหลังของกองทัพปีศาจ ทะลวงร่างปีศาจระดับล่างที่ขวางทางจนกระจัดกระจายราวกับกำลังวิ่งฝ่าฝูงหุ่นฟาง

ในที่สุดร่างนั้นก็ปรากฏสู่สายตาทุกคน มันคือ ‘องครักษ์มังกรดำ’ รองแม่ทัพแห่งกองทัพปีศาจมังกรดำ ร่างกายของมันใหญ่โตกว่าปีศาจมังกรดำทั่วไปถึงเท่าตัว สวมเกราะเหล็กสีดำสนิทที่ประดับด้วยลวดลายสีทองอร่ามตั้งแต่หัวจรดเท้า ปีกขนาดใหญ่สีดำกางออกกว้างขวางเมื่อมันร่อนลงสู่พื้นดินอย่างหนักหน่วงจนพื้นทรายยุบลงเป็นวงกว้าง กระบองเหล็กขนาดมหึมาในมือของมันมีหนามแหลมประดับอยู่รอบด้าน เปล่งแสงทึบ ๆ น่าสะพรึงกลัว ดวงตาคู่เล็ก ๆ ของมันฉายแววความดิบเถื่อนและกระหายเลือดอย่างไม่อาจปกปิด แต่กลับไม่มีประกายของสติปัญญาอยู่เลย

มันคำรามเสียงดังสนั่นหวั่นไหวราวกับสายฟ้าฟาด ลำตัวที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อเคลื่อนไหวอย่างเก้งก้างและเชื่องช้า แต่ทุกย่างก้าวกลับทรงพลังมหาศาล มันมองข้ามทหารทั่วไปที่อยู่รอบกายไปเสียหมด สายตาของมันพุ่งตรงไปที่ซิ่วอิงและฮั่วชวี่ปิ้ง ราวกับรับรู้ได้ว่าทั้งสองเป็นภัยคุกคามที่แท้จริง มันแกว่งกระบองเหล็กในมืออย่างไร้ทิศทางเพียงหนึ่งครั้ง ก็เกิดแรงลมมหาศาลที่กวาดทหารที่อ่อนแอให้ลอยละลิ่วไปไกลหลายจั้ง ซิ่วอิงต้องใช้ปลายง้าวปักลงไปในพื้นทรายเพื่อยึดตัวเองไว้กับที่ ในขณะที่ฮั่วชวี่ปิ้งก็ใช้ทวนต้านทานแรงปะทะนั้นด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี

ทันใดนั้นเจ้าหมาสามหัวก็กระโจนเข้าหาศัตรูตัวฉกาจด้วยความกล้าหาญอย่างที่เคยทำมา แต่มันกลับถูกกระบองยักษ์ตวัดเข้าใส่จนร่างกระเด็นกลิ้งไปตามพื้นทรายหลายตลบ แม้จะยังไม่บาดเจ็บถึงชีวิต แต่ก็ทำให้มันเซื่องซึมไปชั่วครู่ ซิ่วอิงกัดฟันแน่น รู้ดีว่าศัตรูตรงหน้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่พวกตนจะรับมือได้โดยง่าย นางชำเลืองมองฮั่วชวี่ปิ้งที่ยืนอยู่ข้างกาย เขายืนนิ่ง สงบนิ่งยิ่งกว่าที่เคยเป็น แววตาของเขามั่นคงและแน่วแน่ ไม่มีความหวาดหวั่นใด ๆ ทั้งสิ้น

ซิ่วอิงไม่รอช้า นางตัดสินใจเปิดฉากการโจมตีก่อน ง้าวในมือถูกสะบัดออกไปอย่างรวดเร็ว วาดเป็นวงโค้งสีเงินพุ่งตรงเข้าใส่ช่องว่างของเกราะที่บริเวณข้อต่อของปีศาจร้าย แต่กระบองยักษ์ของมันกลับถูกยกขึ้นมาป้องกันเอาไว้ได้ทันเวลา เสียงโลหะกระทบกันดังก้องสนั่น หูของทุกคนอื้ออึงไปชั่วขณะ ซิ่วอิงดีดตัวถอยหลังอย่างรวดเร็วเพื่อหลบกระบองที่ฟาดสวนลงมาด้วยความเกรี้ยวกราด ทิ้งรอยยุบขนาดใหญ่ไว้บนพื้นทรายเบื้องหน้า

ฮั่วชวี่ปิ้งไม่ยอมให้โอกาสทองนี้หลุดลอยไป ทวนในมือพุ่งตรงเข้าใส่ขาที่ใหญ่โตของมันอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปลายทวนกระทบเข้ากับเกราะสีดำอย่างจัง เกิดประกายไฟสว่างวาบ แต่ไม่อาจเจาะทะลวงเข้าไปได้ ซ้ำร้ายยังส่งแรงสะท้อนกลับมาจนเขาต้องถอยหลังไปหลายก้าว ซิ่วอิงเห็นดังนั้นก็ตะโกนสั่งเจ้าหมาสามหัวที่เริ่มฟื้นตัว 

"เจ้าหมา! เข้าไปเบี่ยงเบนความสนใจ!"

เจ้าหมาคำรามอย่างดุดัน เข้าพุ่งชนปีศาจร้ายจากด้านข้างทันที มันใช้กรงเล็บอันแหลมคมข่วนเข้าที่เกราะของมัน ส่งเสียงดังน่ารำคาญ ขณะที่กรามทั้งสามหัวก็พยายามกัดเข้าที่ข้อเท้าของมันอย่างต่อเนื่อง การโจมตีของมันไม่สร้างความเสียหายใด ๆ แต่ก็เพียงพอที่จะดึงความสนใจของปีศาจตัวยักษ์ให้หันมาสนใจมันชั่วขณะ ซิ่วอิงและฮั่วชวี่ปิ้งจึงฉวยโอกาสนี้แยกกันเข้าโจมตีจากสองทิศทางพร้อมกัน ง้าวและทวนในมือร่ายรำเข้าใส่เป้าหมายอย่างไม่หยุดยั้ง แต่เกราะที่หนาและแข็งแกร่งของมันกลับเป็นอุปสรรคที่ยากจะฝ่าฟัน

แม้ทั้งสองจะร่วมมือกันได้อย่างยอดเยี่ยมเพียงใด แต่การโจมตีของพวกเขาก็เป็นเพียงแค่การสร้างรอยขีดข่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ บนเกราะของมันเท่านั้น องครักษ์มังกรดำส่งเสียงคำรามด้วยความหงุดหงิด มันสะบัดตัวอย่างแรง กระบองในมือฟาดออกไปอย่างไร้ทิศทางและไร้ชั้นเชิง แต่ด้วยพละกำลังอันมหาศาลของมัน การโจมตีแต่ละครั้งจึงเต็มไปด้วยอันตรายที่ไม่อาจประมาทได้ ซิ่วอิงและฮั่วชวี่ปิ้งต้องใช้ความว่องไวทั้งหมดที่มีในการหลบหลีกการโจมตีนั้นอย่างหวุดหวิด ท่ามกลางเสียงดังสนั่นของกระบองที่ฟาดลงบนพื้นทรายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ซิ่วอิงเห็นว่าการต่อสู้เช่นนี้มีแต่จะเสียเปรียบ นางจึงหันไปตะโกนบอกแม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้ง 

"ต้องหาจุดอ่อนของมันเจ้าค่ะ!" 

ฮั่วชวี่ปิ้งพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะดีดตัวเข้าโจมตีทางด้านหลังของปีศาจร้ายอีกครั้ง ซิ่วอิงอาศัยจังหวะนั้นพุ่งเข้าโจมตีที่ด้านหน้า พยายามล่อลวงให้มันหันมาสนใจและเปิดช่องโหว่เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจจะมีขึ้นมาได้ แม้จะรู้ว่าความฉลาดของมันมีไม่มาก แต่พละกำลังของมันก็เป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง

ทวนพู่แดงในมือของแม่ทัพถูกพลิกกลับ พุ่งเข้าแทงใส่ข้อต่อขาด้านหลังขององครักษ์มังกรดำอีกครั้ง แม้จะสร้างเพียงประกายไฟ แต่ก็เพียงพอที่จะดึงความสนใจของมันได้ชั่วขณะ ในขณะเดียวกันซิ่วอิงก็พุ่งตัวหลบการโจมตีที่ฟาดลงมาอย่างเกรี้ยวกราด นางพยายามสังเกตการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของมันอย่างละเอียดลออ

"เจ้าหมา! ขึ้นไป!" ซิ่วอิงตะโกนสั่งอีกครั้ง เจ้าหมาสามหัวกระโจนขึ้นไปบนแผ่นหลังของปีศาจร้ายอย่างรวดเร็ว กรงเล็บแหลมคมเกี่ยวเข้ากับรอยต่อของเกราะอย่างเหนียวแน่น มันใช้กรามทั้งสามขย้ำเข้าที่ท้ายทอยของมันอย่างบ้าคลั่ง แม้จะกัดไม่เข้าแต่ก็สร้างความรำคาญใจให้แก่มันอย่างยิ่งยวด องครักษ์มังกรดำคำรามอย่างบ้าคลั่ง พยายามจะปัดร่างของเจ้าหมาออกไป แต่เจ้าหมาก็เกาะติดแน่นไม่ยอมปล่อย

นั่นแหละ! ซิ่วอิงเบิกตากว้างเมื่อเห็นเข้ากับแสงสีแดงเรืองรองที่ลอดออกมาจากช่องว่างระหว่างเกราะที่ท้ายทอยของมัน แสงนั้นเลือนลางและไม่ชัดเจนนัก แต่ก็เพียงพอที่จะยืนยันว่านั่นคือจุดอ่อนที่พวกเขากำลังตามหา!

"แม่ทัพฮั่ว! ที่ท้ายทอยเจ้าค่ะ!" ซิ่วอิงตะโกนบอกฮั่วชวี่ปิ้งอย่างสุดเสียง ฮั่วชวี่ปิ้งพยักหน้ารับโดยไม่ต้องให้ใครบอกซ้ำอีก เขาดึงทวนกลับมาตั้งท่าอย่างแน่วแน่ เตรียมพร้อมที่จะพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง ซิ่วอิงเองก็ไม่รอช้า นางใช้ปลายง้าวเกี่ยวขาของมันเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ขณะที่เจ้าหมาก็กัดไม่ปล่อยอยู่ที่ด้านบน

องครักษ์มังกรดำหันมาสนใจซิ่วอิงที่กำลังเกี่ยวขาของมันอยู่ มันเงื้อกระบองขึ้นสูงเตรียมจะฟาดลงมาใส่ร่างของนางอย่างรุนแรง แต่ในเสี้ยววินาทีนั้นเองฮั่วชวี่ปิ้งก็พุ่งทะยานขึ้นไปในอากาศราวกับพยัคฆ์ติดปีก ร่างของเขาลอยอยู่เหนือศีรษะของปีศาจร้ายในชั่วพริบตา

"ฮึ่ม!" ฮั่วชวี่ปิ้งเปล่งเสียงออกมาจากลำคอ ทวนในมือถูกปลดปล่อยออกไปจากกำมือด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี ทวนพุ่งตรงไปยังท้ายทอยขององครักษ์มังกรดำ ด้วยความเร็วราวสายฟ้าฟาด มันเจาะทะลุผ่านช่องว่างระหว่างเกราะที่เจ้าหมาได้สร้างขึ้นอย่างแม่นยำ ลึกเข้าไปในเนื้อหนังของมันอย่างจัง

เสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวขององครักษ์มังกรดำดังขึ้นอย่างยาวนาน ร่างอันมหึมาของมันสั่นเทาอย่างรุนแรง พลังงานสีแดงเข้มพวยพุ่งออกมาจากบาดแผลราวกับน้ำพุ ก่อนที่เกราะเหล็กสีดำสนิทที่ปกคลุมร่างกายของมันจะเริ่มแตกร้าวและหลุดร่วงลงมาเป็นชิ้น ๆ ดวงตาเล็ก ๆ ที่เคยเต็มไปด้วยความดิบเถื่อนหรี่ลง ก่อนที่มันจะส่งเสียงร้องโหยหวนเป็นครั้งสุดท้าย และล้มลงสู่พื้นทรายด้วยเสียงอันดังกึกก้อง แผ่นดินสั่นสะเทือนเป็นวงกว้าง ฝุ่นควันลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ

เมื่อฝุ่นควันจางลง ภาพที่ปรากฏสู่สายตาทุกคนคือร่างที่ไร้วิญญาณขององครักษ์มังกรดำ นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นทราย ฮั่วชวี่ปิ้งร่อนลงสู่พื้นอย่างนุ่มนวล ทวนของเขายังคงปักคาอยู่ที่ท้ายทอยของปีศาจ ซิ่วอิงที่ใช้ปลายง้าวยันพื้นทรายเพื่อพยุงตัวขึ้นมาจากการปะทะครั้งสุดท้ายมองไปที่ฮั่วชวี่ปิ้งด้วยความโล่งใจก่อนจะยิ้มออกมาบาง ๆ

เจ้าหมาสามหัวกระโดดลงจากร่างของปีศาจร้าย มันวิ่งไปหาซิ่วอิงก่อนจะใช้หัวทั้งสามคลอเคลียนางอย่างออดอ้อน ซิ่วอิงลูบหัวของมันเบา ๆ เป็นการให้รางวัล เหล่าทหารที่ยืนหยัดอยู่ต่างส่งเสียงร้องก้องแสดงความดีใจและขวัญกำลังใจถูกปลุกให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง

เสียงไชโยโห่ร้องของเหล่าทหารดังก้องไปทั่วสมรภูมิแห้งแล้ง แต่ความยินดีนั้นอยู่ได้ไม่นาน พื้นทรายที่เคยสงบเงียบพลันสั่นสะเทือนอีกครั้งอย่างรุนแรงกว่าคราวก่อน ทหารทุกคนต่างหยุดชะงัก สีหน้าของพวกเขากลับกลายเป็นความกังวลและหวาดหวั่น ซิ่วอิงหันไปมองหน้าแม่ทัพฮั่ว แววตาของทั้งสองเต็มไปด้วยความระแวดระวัง

ในขณะที่ทุกคนกำลังรอคอยหายนะครั้งใหม่ ทรายเบื้องหน้าพลันแตกกระจายออกเป็นสองทาง เผยให้เห็นกองทัพปีศาจมังกรดำจำนวนมหาศาลที่ดาหน้าเข้ามา ทหารในชุดเกราะทมิฬเดินเรียงแถวเข้ามาอย่างเป็นระเบียบ เสียงฝีเท้าของพวกมันดังกึกก้องราวกับเสียงกลองศึกที่ประโคมขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเงาขนาดใหญ่ที่ค่อย ๆ เคลื่อนมาเบื้องหน้าของกองทัพปีศาจ

และแล้วก็ปรากฏร่างสูงสง่าของบุรุษในชุดเกราะสีดำสนิทที่ประดับด้วยลวดลายสีทองอร่าม เขาเดินนำหน้ากองทัพด้วยท่วงท่าที่สง่างามและน่าเกรงขาม ใบหน้าของเขาคมคาย ริมฝีปากบางเฉียบยกยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยาม แววตาคู่คมกริบของเขาฉายแววความเจ้าเล่ห์และสติปัญญาต่างจากองครักษ์มังกรดำลิบลับ  ในมือของเขาถือกระบี่สีดำสนิทที่เปล่งประกายแสงสีเงินเย็นเยียบชวนให้ขนลุก นั่นคือ แม่ทัพจอมทัพแห่งกองทัพปีศาจมังกรดำ ผู้ที่สั่งสมตบะจนสามารถแปลงกายเป็นร่างมนุษย์ได้ และพลังของเขาก็แข็งแกร่งกว่าปีศาจมังกรดำตนใดที่เคยปรากฏตัวในสนามรบแห่งนี้

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า!" เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังขึ้นจากปากของแม่ทัพปีศาจ "พวกเจ้าช่างน่าสมเพชยิ่งนัก อุตส่าห์ร่วมมือกันโค่นล้มองครักษ์ผู้ไร้สติปัญญาของข้าได้ แต่ดูจากสภาพของพวกเจ้าในตอนนี้แล้วก็คงได้แค่นี้กระมัง"

คำพูดที่เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามนั้นทำเอาซิ่วอิงถึงกับเลือดขึ้นหน้า นางกำง้าวในมือแน่นจนข้อขาวโพลน พลางก้าวเท้าไปข้างหน้าเตรียมจะพุ่งเข้าไปสั่งสอนปีศาจโอหังตนนี้ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อฮั่วชวี่ปิ้งยื่นมือมาจับไหล่นางไว้แน่น

"ใจเย็นก่อนทหารหรง" ฮั่วชวี่ปิ้งกระซิบเสียงเบา "อย่าให้คำพูดของมันมาทำให้เราขาดสติ"

ซิ่วอิงหันไปมองฮั่วชวี่ปิ้ง เขาสบตานางด้วยแววตาที่สงบนิ่งและมั่นคง แสงแห่งความเข้าใจโดยไม่ต้องเอ่ยคำใดถูกส่งผ่านถึงกัน ซิ่วอิงพยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจนัก แล้วถอยกลับไปยืนเคียงข้างเขา

"โฮ่! ยังมีเวลามาหยอกล้อกันอีกหรือ?" แม่ทัพปีศาจเย้ยหยัน "ดูเหมือนความตายที่อยู่ตรงหน้าจะยังทำให้พวกเจ้าไม่รู้สึกรู้สาสินะ"

ฮั่วชวี่ปิ้งไม่สนใจคำพูดที่ยั่วยุ เขาเพียงดึงทวนออกจากร่างขององครักษ์มังกรดำ และก้าวเท้าออกไปเบื้องหน้าแล้วชี้ทวนพู่แดงไปยังแม่ทัพปีศาจ 

"กองทัพของข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเข้ามาย่ำยีแผ่นดินนี้ได้อย่างแน่นอน เจ้าจงกลับไปเสียแต่โดยดีเถิด"

แม่ทัพปีศาจหัวเราะเสียงดังลั่น 

"หึ! มีเพียงความตายเท่านั้นที่จะรอคอยเจ้า" พูดจบมันก็ยกกระบี่ในมือขึ้นชี้มายังฮั่วชวี่ปิ้ง "ทหาร! บุก! สังหารทุกคนให้สิ้นซาก อย่าให้เหลือแม้แต่เงา!"

สิ้นคำสั่งกองทหารปีศาจก็ดาหน้าเข้ามาประหนึ่งคลื่นยักษ์ที่ถาโถมเข้าหาชายฝั่ง ทหารของฮั่วชวี่ปิ้งที่ยืนหยัดอยู่ก็ไม่ยอมแพ้ พวกเขาส่งเสียงคำรามและพุ่งเข้าปะทะกับศัตรูอย่างกล้าหาญ การต่อสู้ครั้งใหญ่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เสียงอาวุธกระทบกัน เสียงร้องของทหาร เสียงคำรามของปีศาจ ดังกึกก้องไปทั่วสมรภูมิ

ซิ่วอิงและฮั่วชวี่ปิ้งต่างพุ่งทะยานเข้าสู่ใจกลางของวงล้อมปีศาจอย่างรวดเร็ว ง้าวของซิ่วอิงตวัดเป็นวงกว้าง ตัดร่างของปีศาจที่ดาหน้าเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ในขณะที่ทวนของฮั่วชวี่ปิ้งก็พุ่งแทงเข้าสู่หัวใจของปีศาจอย่างแม่นยำและรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ การประสานงานของทั้งสองยังคงไร้ที่ติราวกับคนคนเดียวกัน แต่ครั้งนี้ศัตรูที่เผชิญหน้ามีจำนวนมหาศาลเกินกว่าที่จะรับมือไหว

"ท่านแม่ทัพ! ปีศาจมีมากเกินไปเจ้าค่ะ!" ซิ่วอิงตะโกนบอกเมื่อเห็นว่าทหารเริ่มเสียเปรียบและถูกต้อนจนมุม

"เจ้าหมา! ช่วยทหารทางซ้าย!" ฮั่วชวี่ปิ้งออกคำสั่ง เจ้าหมาสามหัวคำรามรับคำแล้วพุ่งทะยานเข้าสู่กองทัพปีศาจทางด้านซ้ายอย่างบ้าคลั่ง มันใช้ร่างอันมหึมาของมันพุ่งชนและตะครุบปีศาจมังกรดำหลายตัวจนกระเด็นออกไป เปิดช่องว่างให้ทหารของฮั่วชวี่ปิ้งสามารถตั้งรับได้อีกครั้ง

ในขณะที่ทั้งสามกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด แม่ทัพปีศาจก็ยืนมองดูการต่อสู้อยู่ห่าง ๆ ด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ เขากำลังรอให้พลังของซิ่วอิงและฮั่วชวี่ปิ้งอ่อนแรงลง ก่อนที่จะลงมือด้วยตัวเอง

ทหารของฮั่วชวี่ปิ้งเริ่มเหนื่อยล้าลงเรื่อย ๆ ทุกการโจมตีและการปัดป้องเป็นไปอย่างเชื่องช้า ซิ่วอิงและฮั่วชวี่ปิ้งต้องใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีในการฟาดฟันและสังหารปีศาจที่เข้ามาไม่หยุดหย่อน

จู่ ๆ ก็มีปีศาจมังกรดำตนหนึ่งถือกระบองขนาดใหญ่ฟาดเข้าใส่ซิ่วอิงจากด้านหลัง นางหันกลับมาอย่างรวดเร็วและใช้ด้ามง้าวรับไว้ แต่ด้วยความเหนื่อยล้าและแรงปะทะที่มหาศาลทำให้ง้าวในมือของนางหลุดออกไปจากมือ กระเด็นไปไกลหลายจั้ง ซิ่วอิงพยายามจะถอยหนี แต่ปีศาจตนนั้นก็เงื้อกระบองขึ้นสูงพร้อมที่จะฟาดร่างนางให้แหลกละเอียด

"ทหารหรง!" ฮั่วชวี่ปิ้งตะโกนลั่น พยายามจะพุ่งเข้ามาช่วยแต่วงล้อมของปีศาจก็ทำให้เขาไปไม่ถึงตัวนาง

แต่ในเสี้ยววินาทีนั้นเองร่างของซิ่วอิงก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว นางใช้มือทั้งสองข้างคว้ากระบี่ของปีศาจหนูที่ล้มลงบนพื้นทรายแล้วใช้มันเป็นโล่กำบังตัวเอง เสียงกระบองกระทบกับกระบี่ดังสนั่น กระบี่ในมือของซิ่วอิงหักเป็นสองท่อนด้วยแรงปะทะที่มหาศาล

ในขณะที่ซิ่วอิงกำลังเสียหลักอยู่นั้น เจ้าหมาสามหัวก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว มันกัดเข้าที่ขาของปีศาจตนนั้นจนเซถลา ซิ่วอิงไม่รอช้า นางคว้ากระบองที่ปีศาจตนนั้นทำหล่นลงพื้น ฟาดเข้าที่ลำคอของมันอย่างแม่นยำจนคอหัก

ฮั่วชวี่ปิ้งเมื่อเห็นว่าซิ่วอิงปลอดภัยก็รีบกวาดทวนเข้าสังหารปีศาจที่ขวางทางจนหมดสิ้น ก่อนจะรีบวิ่งมาหาซิ่วอิง

"ไม่เป็นไรนะ?" เขาถามด้วยความห่วงใย เพราะเขายังคงยึดมั่นเป้าหมายที่ว่าจะต้องไม่มีใครต้องเสียสละชีวิตในศึกครั้งนี้

ซิ่วอิงพยักหน้าตอบพร้อมส่งยิ้มบาง ๆ ให้เขา 

"ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ"

แต่ในระหว่างนั้นเองแม่ทัพปีศาจก็ได้ทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้ว เขาโบกกระบี่ในมือเพียงหนึ่งครั้งก็เกิดคลื่นพลังสีดำพุ่งตรงเข้าใส่ซิ่วอิงและฮั่วชวี่ปิ้งอย่างรุนแรง ทั้งสองต่างถอยหลังไปหลายก้าวด้วยแรงปะทะที่มหาศาล

"ฮึ่ม! ข้าจะแสดงให้พวกเจ้าเห็นเองว่าพลังที่แท้จริงเป็นเช่นไร!" แม่ทัพปีศาจกล่าวเสียงเย็น

เขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่ไม่อาจมองตามได้ทัน กระบี่ในมือของเขาตวัดไปมาอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว ฮั่วชวี่ปิ้งต้องใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีในการป้องกันและปัดป้องการโจมตีนั้น ส่วนซิ่วอิงก็ต้องใช้ความว่องไวทั้งหมดที่มีในการหลบหลีกการโจมตีของเขา

ฮั่วชวี่ปิ้งเข้าปะทะกับแม่ทัพปีศาจด้วยทวนพู่แดงในมืออย่างดุดัน ท่วงท่าของเขาคล่องแคล่วและเต็มไปด้วยพลังอันน่าเกรงขาม ทวนพุ่งเข้าโจมตีแม่ทัพปีศาจอย่างต่อเนื่อง แต่กระบี่สีดำในมือของศัตรูก็วาดสะบัดรับการโจมตีได้อย่างง่ายดาย สร้างเสียงโลหะกระทบกันดังกังวานไปทั่วบริเวณ

ซิ่วอิงใช้จังหวะที่ฮั่วชวี่ปิ้งดึงความสนใจของแม่ทัพปีศาจเอาไว้ คว้ากระบองเหล็กของปีศาจที่ล้มตายมาเป็นอาวุธ นางอาศัยความว่องไวและพละกำลังที่มี พุ่งเข้าโจมตีจากอีกด้านหนึ่ง กระบองเหล็กในมือฟาดเข้าใส่เกราะของแม่ทัพปีศาจอย่างจัง เกิดเสียงดังกึกก้อง แต่ก็ไม่อาจสร้างบาดแผลให้แก่ศัตรูได้

แม่ทัพปีศาจหัวเราะเยาะ 

"หึ! อาวุธชั้นต่ำเช่นนั้นจะทำอะไรข้าได้!"

เขาโบกกระบี่ในมือเพียงหนึ่งครั้ง พลังงานสีดำก็พวยพุ่งออกมาจากคมกระบี่เป็นรูปพญามังกรดำขนาดใหญ่ พุ่งตรงเข้าใส่ซิ่วอิงอย่างรวดเร็ว ซิ่วอิงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นางพยายามจะหลบหลีกแต่ก็ไม่ทัน พลังงานมังกรดำพุ่งเข้าปะทะร่างของนางอย่างรุนแรงจนกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว กระบองในมือหลุดออกจากมือ ร่างของนางกระแทกเข้ากับพื้นทรายอย่างแรงจนถึงกับกระอักเลือดออกมาคำใหญ่

"ทหารหรง!" ฮั่วชวี่ปิ้งตะโกนด้วยความตกใจ เขารีบพุ่งทวนเข้าจู่โจมแม่ทัพปีศาจอย่างบ้าคลั่ง แต่แม่ทัพปีศาจก็สามารถปัดป้องการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย

"มัวแต่ห่วงหญิงอื่นอยู่หรือแม่ทัพน้อย!" แม่ทัพปีศาจกล่าวเย้ยหยัน พลางใช้กระบี่ตวัดเข้าใส่ร่างของฮั่วชวี่ปิ้งจนเขากระเด็นถอยหลังไปเช่นกัน

ในจังหวะที่ทั้งสองกำลังเสียเปรียบอยู่นั้น เจ้าหมาสามหัวก็กระโจนเข้าใส่แม่ทัพปีศาจจากด้านข้าง มันใช้กรงเล็บแหลมคมข่วนเข้าที่ขาของเขาอย่างแรง จนเกราะสีดำเกิดรอยร้าวขึ้นมาเล็กน้อย แม่ทัพปีศาจหงุดหงิด เขาตวัดกระบี่ฟาดเข้าใส่ร่างของเจ้าหมาอย่างไม่ปราณี เจ้าหมาถูกแรงปะทะจนกระเด็นกลิ้งไปตามพื้นทรายหลายตลบ ร่างของมันเต็มไปด้วยบาดแผล แต่ก็ยังคงส่งเสียงคำรามอย่างดุดันไม่ยอมแพ้

ฮั่วชวี่ปิ้งเห็นดังนั้นก็ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง เขาใช้ทวนพุ่งเข้าโจมตีแม่ทัพปีศาจอย่างไม่ลดละ แม่ทัพปีศาจพยายามที่จะรับมือกับการโจมตีอันรุนแรงของฮั่วชวี่ปิ้งอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันซิ่วอิงก็พุ่งเข้าโจมตีจากอีกด้านหนึ่ง นางรีบใช้จังหวะนี้รีบไปคว้าง้าวของตนกลับมา ง้าวในมือถูกวาดเป็นวงโค้งขนาดใหญ่ ฟาดเข้าใส่เกราะที่ด้านหลังของแม่ทัพปีศาจอย่างเต็มแรง

เสียงโลหะกระทบกันดังก้องสนั่นอีกครั้ง!

แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป...รอยร้าวบนเกราะของแม่ทัพปีศาจที่เจ้าหมาได้สร้างไว้ขยายกว้างขึ้นด้วยแรงปะทะจากง้าวของซิ่วอิง เลือดไหลซึมออกมาจากรอยร้าวเล็กน้อย แม่ทัพปีศาจคำรามด้วยความเจ็บปวด เขาหันกลับมาด้วยความโกรธแค้น ดวงตาคู่คมกริบของเขาลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความแค้น

"บังอาจ! พวกเจ้าบังอาจทำข้าถึงเพียงนี้!" เขาคำรามลั่น ก่อนจะโบกกระบี่ในมืออย่างบ้าคลั่ง คลื่นพลังงานสีดำพวยพุ่งออกมาจากกระบี่เป็นวงกว้างเข้าโจมตีทั้งซิ่วอิงและฮั่วชวี่ปิ้งพร้อมกัน

ทั้งสองต้องใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีในการต้านทานคลื่นพลังงานนั้นอย่างสุดกำลัง แรงปะทะที่มหาศาลทำให้พื้นทรายเบื้องหน้ายุบตัวลงเป็นหลุมขนาดใหญ่ ทั้งซิ่วอิงและฮั่วชวี่ปิ้งถูกคลื่นพลังซัดจนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ง้าวของซิ่วอิงและทวนของฮั่วชวี่ปิ้งหลุดออกจากมือกระเด็นไปคนละทิศละทาง

การต่อสู้ดำเนินต่อไปอย่างยาวนานจนกระทั่งแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป ความมืดเข้าปกคลุมสมรภูมิรบ แต่ประกายไฟจากอาวุธที่กระทบกันก็ยังคงสว่างวาบอยู่เป็นระยะ ซิ่วอิงและฮั่วชวี่ปิ้งใช้ความมืดให้เป็นประโยชน์ในการหลบหลีกการโจมตีอันบ้าคลั่งของแม่ทัพปีศาจ พวกเขายังคงต่อสู้ด้วยมือเปล่าและอาวุธที่หาได้ตามพื้น แต่การต่อสู้ที่ยืดเยื้อก็ทำให้ร่างกายของทั้งสองอ่อนล้าลงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

ซิ่วอิงกระอักเลือดออกมาอีกครั้งขณะที่หลบกระบี่ของแม่ทัพปีศาจได้อย่างหวุดหวิด นางใช้เพียงหมัดและเท้าในการป้องกันตัวอย่างยากลำบาก ในขณะที่ฮั่วชวี่ปิ้งเองก็หายใจหอบแรง เขาใช้เพียงแขนและไหล่ในการปัดป้องการโจมตีอันหนักหน่วงของศัตรู

"เจ้าพวกมนุษย์น่ารำคาญ! จงยอมแพ้เสียเถิด!" แม่ทัพปีศาจคำรามด้วยความหงุดหงิด เขาไม่คิดว่าคนสองคนจะสามารถยืนหยัดต่อสู้กับเขาได้นานถึงเพียงนี้

เจ้าหมาสามหัวกระโจนเข้ามาอีกครั้ง มันกัดเข้าที่ขาของแม่ทัพปีศาจอย่างไม่ลดละ แม้จะไม่ได้สร้างบาดแผลใด ๆ ให้กับเขา แต่ก็เพียงพอที่จะดึงความสนใจของเขาไว้ได้ชั่วขณะ ซิ่วอิงและฮั่วชวี่ปิ้งฉวยโอกาสนั้นโจมตีจากสองทิศทางพร้อมกันอีกครั้ง ซิ่วอิงพุ่งเข้าไปในเงามืดเพื่อคว้าง้าวคู่ใจของนางกลับคืนมา ในขณะที่ฮั่วชวี่ปิ้งใช้จังหวะที่แม่ทัพปีศาจหันไปสนใจเจ้าหมา เขาพุ่งตัวคว้าทวนของเขาคืนมา

การต่อสู้ดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งตลอดทั้งคืนยาวนานจนเข้าสู่ช่วงเวลาที่เงียบสงัดที่สุดของยามเช้ามืด ท้องฟ้ายังคงเป็นสีดำสนิท ไร้ซึ่งแสงดาวหรือแสงตะวัน ซิ่วอิงและฮั่วชวี่ปิ้งต่างอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เสื้อผ้าขาดวิ่น ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลและคราบเลือด ง้าวในมือของซิ่วอิงยังคงถูกกุมแน่น แม้จะเต็มไปด้วยรอยเลือดและฝุ่นทราย ทวนของฮั่วชวี่ปิ้งก็ยังคงมั่นคงในมือของเขา ไม่ต่างอะไรกับส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่ดวงตาของพวกเขายังคงเต็มไปด้วยประกายแห่งความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้

แม่ทัพปีศาจเองก็เหนื่อยล้าไม่แพ้กัน รอยร้าวบนเกราะของเขาขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เลือดไหลซึมออกมาจากบาดแผลอย่างไม่หยุดยั้ง เขาไม่คิดเลยว่าการต่อสู้กับมนุษย์สองคนจะทำให้เขาต้องใช้พลังงานมากถึงเพียงนี้

"ข้าจะต้องสังหารพวกเจ้าให้ได้!" แม่ทัพปีศาจคำราม พลางรวบรวมพลังทั้งหมดที่มีเข้าสู่กระบี่ในมือ กระบี่สีดำเปล่งแสงสีแดงเข้มที่น่าสะพรึงกลัวออกมา มันกำลังจะใช้ท่าไม้ตาย!

ซิ่วอิงและฮั่วชวี่ปิ้งมองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างก็รู้ดีว่านี่คือโอกาสสุดท้ายแล้ว หากไม่สามารถโค่นล้มศัตรูได้ในครั้งนี้ พวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน

"พร้อมหรือไม่ทหารหรง!" ฮั่วชวี่ปิ้งถามเสียงแหบแห้ง

"พร้อมเจ้าค่ะ!" ซิ่วอิงพยักหน้าตอบรับ

ฮั่วชวี่ปิ้งหันไปส่งสัญญาณให้เจ้าหมาสามหัว เจ้าหมาคำรามอย่างดุดัน ก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีแม่ทัพปีศาจอย่างบ้าคลั่งเป็นครั้งสุดท้าย มันใช้กรงเล็บและเขี้ยวอันแหลมคมโจมตีที่ขาและแขนของแม่ทัพปีศาจอย่างไม่หยุดยั้ง การโจมตีที่ไม่สร้างความเสียหายใด ๆ แต่ก็เพียงพอที่จะดึงความสนใจของเขาไว้ได้อีกครั้ง ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง ฮั่วชวี่ปิ้งและซิ่วอิงก็พุ่งเข้าโจมตีจากสองทิศทางพร้อมกันอีกครั้ง!

"เพื่อแผ่นดิน!" ฮั่วชวี่ปิ้งคำรามลั่น! เขาใช้ทวนพุ่งเข้าโจมตีรอยร้าวที่ด้านหลังของแม่ทัพปีศาจอย่างสุดกำลัง ในขณะที่ซิ่วอิงก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีฟาดง้าวเข้าที่ช่องท้องของมันอย่างรุนแรง

การโจมตีที่ประสานกันของทั้งสองพุ่งเข้าสู่ร่างกายของแม่ทัพปีศาจในเสี้ยววินาทีเดียว รอยร้าวบนเกราะด้านหลังถูกทวนของฮั่วชวี่ปิ้งเจาะทะลุ เลือดพวยพุ่งออกมาจากบาดแผลอย่างบ้าคลั่ง!

"ไม่จริง! ข้าไม่มีวันแพ้เจ้าพวกมนุษย์ชั้นต่ำอย่างพวกเจ้า!" แม่ทัพปีศาจคำรามเป็นครั้งสุดท้าย ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง พยายามจะเงื้อกระบี่ขึ้นฟาดใส่ซิ่วอิงที่อยู่ใกล้ที่สุด แต่ก็ทำไม่ได้เพราะง้าวของนางยังคงปักคาอยู่ที่ช่องท้องของมัน

ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง ฮั่วชวี่ปิ้งก็ถอนทวนออกมาจากรอยบาดแผลที่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว และใช้แรงทั้งหมดที่มี พุ่งทวนเข้าแทงที่หัวใจของแม่ทัพปีศาจอย่างรุนแรงและแม่นยำ!

"อำนาจไม่ได้อยู่ในอาวุธ หรือพลังที่แข็งแกร่งเท่านั้น..." ฮั่วชวี่ปิ้งกล่าวเสียงเรียบ มองดูร่างของแม่ทัพปีศาจที่กำลังสั่นสะท้านอย่างรุนแรง "หากแต่เป็นหัวใจที่แข็งแกร่งและไม่ยอมแพ้ต่างหาก...จงไปสู่ความตายซะ!"

สิ้นคำพูดร่างของแม่ทัพปีศาจก็ล้มลงสู่พื้นทรายอย่างหมดสภาพ เหลือไว้เพียงกระบี่สีดำที่ตกลงบนพื้นทรายอย่างโดดเดี่ยว…



หลักฐานการต่อสู้



ฆ่าปีศาจหน้าละทุก ๆ 4 ตัว: +8 ป้ายผลงาน, +2 Point ต่อหน้า

ศาสตร์การล่าสัตว์ 
ทุกการล่าปีศาจหรือมาร จะได้รับโบนัส +20 ตบะฝึกฝน 

พรสวรรค์: ยอดฝีมือ (ทอง)
ทุกการต่อสู้ (ประลองระบบ) จะยิ่งทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น ได้รับโบนัสค่าประสบการณ์เติบโต +30 EXP

โบนัสสังหารขุนพล: ทำให้แม่ทัพและรองแม่ทัพเลือดเหลือครึ่งหลอด +4 ผลงาน 

[NPC-18] ฮั่ว ชวี่ปิ้ง
โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม
หัวมาร โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+15
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


จบพาร์ท : แสงริบหรี่แห่งความหวัง

รางวัล (ความคืบหน้า):
40% ของภารกิจหลัก




@Admin 






แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-18] ฮั่ว ชวี่ปิ้ง เพิ่มขึ้น 30 โพสต์ 2025-8-14 01:28
คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2025-8-14 01:27
โพสต์ 98688 ไบต์และได้รับ 72 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-14 01:03
โพสต์ 98,688 ไบต์และได้รับ +1 Point [ถูกบล็อค] ความชั่ว +30 ความโหด จาก ยอดยุทธ์ผู้ล่า  โพสต์ 2025-8-14 01:03
โพสต์ 98,688 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 ความโหด จาก ปราณเพลิงสีชาด  โพสต์ 2025-8-14 01:03

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตบะฝึกฝน +20 ย่อ เหตุผล
Watcher + 20

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x43
x1
x30
x30
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x134
x2
x12
x73
x186
x200
x399
x684
x707
x2
x2
x8
x4
x5
x20
x4
x796
x2
x10
x2
x18
x1
x12
x17
x10
x38
x2
x680
x228
x426
x45
x487
x19
x9
x1
x19
x171
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x9
x7
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x5
x7
โพสต์ 2025-8-14 19:03:25 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย RongXiuying เมื่อ 2025-8-14 19:10







ดวงตะวันค่อย ๆ โผล่พ้นจากขอบฟ้าสีเลือดนก ฉาบแสงสีทองอ่อน ๆ ลงบนผืนทะเลทรายที่เคยแดงฉานไปด้วยโลหิต บัดนี้เสียงก้องกังวานของคมดาบและเสียงคำรามของปีศาจได้เงียบงันลงแล้ว มีเพียงเสียงโห่ร้องกึกก้องแห่งชัยชนะของเหล่าทหารหาญที่ยังคงยืนหยัดอยู่บนสมรภูมิ สภาพของทุกคนเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า บาดแผล และฝุ่นทราย แต่ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความปลื้มปิติและหยาดน้ำตาแห่งความภาคภูมิใจ

ซิ่วอิงใช้ปลายง้าวที่เปื้อนเลือดและฝุ่นทรายยันกายขึ้นอย่างยากลำบาก ร่างกายของนางเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยฟกช้ำจากการต่อสู้ที่ยาวนาน นางกวาดสายตามองไปทั่วสมรภูมิ เห็นทหารหลายคนกำลังโอบกอดกันด้วยความดีใจ บางคนคุกเข่าลงบนพื้นทรายอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง แต่บนใบหน้าของพวกเขามีรอยยิ้มประดับอยู่ นางเห็นทหารนายหนึ่งกำลังร้องไห้ด้วยความโล่งใจพลางเช็ดน้ำตาด้วยมือที่กำดาบแน่น นางหันไปมองแม่ทัพฮั่วที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากนางนัก เขายืนนิ่งสง่าราวกับรูปปั้น แม้จะอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ไม่ต่างจากคนอื่น ๆ แต่แววตาของเขายังคงมุ่งมั่น ทวนพู่แดงในมือถูกปลดลงแล้ว ดวงตาของทั้งสองสบกันชั่วครู่ แววตาของเขาบ่งบอกถึงความรู้สึกขอบคุณและความเข้าใจโดยไม่ต้องเอ่ยคำใด ๆ ซิ่วอิงคลี่ยิ้มบาง ๆ ให้เขาเป็นครั้งแรกหลังจากเผชิญหน้ากันในสนามรบ แล้วเขาก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน

เหล่านักรบผู้กล้าหาญต่างพยุงร่างที่อ่อนล้าของกันและกัน ก้าวเดินฝ่าผืนทรายขึ้นสู่ยอดเขาสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ ณ สุดขอบฟ้า เส้นทางนั้นเต็มไปด้วยก้อนหินและทรายที่ร้อนระอุ แต่ไม่มีใครปริปากบ่น พวกเขาเดินไปข้างหน้าด้วยจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังและความภูมิใจ ยิ่งสูงขึ้นไปภาพของสมรภูมิที่เคยโหดร้ายก็ค่อย ๆ เล็กลงและเลือนหายไปในสายลม เหลือไว้เพียงภาพของทะเลทรายอันกว้างใหญ่ที่ถูกย้อมด้วยแสงทองของตะวันยามเช้า

เมื่อมาถึงยอดเขาที่สูงที่สุดทหารนายหนึ่งในชุดเกราะที่เต็มไปด้วยรอยขูดขีดและเลือดแห้งกรังก็คุกเข่าลงเบื้องหน้าแม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้ง มือของเขายกธงทัพสีแดงฉานขึ้นสูง ธงที่เปรียบเสมือนหัวใจของกองทัพ ธงที่เคยโบกสะบัดเพื่อนำชัยชนะมาสู่พวกเขา

แม่ทัพฮั่วรับธงนั้นมาอย่างมั่นคง เขายืนอยู่บนจุดสูงสุดของดินแดนที่เพิ่งพิชิตมาได้ ดวงตาคมกริบกวาดมองไปทั่วทั้งกองทัพที่กำลังยืนเรียงรายอยู่เบื้องหน้า ทุกคนต่างยืนมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความศรัทธาและความเคารพ

"พวกเจ้า...เหล่าทหารของข้า" เสียงของฮั่วชวี่ปิ้งดังก้องกังวาน แม้จะไม่ตะโกนแต่ก็ทรงพลังยิ่ง "เราได้ต่อสู้...เราได้สูญเสีย...และเราได้ยืนหยัด!"

เขาชูธงขึ้นสูงให้แสงตะวันสาดส่องลงมา ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวน่าเกรงขาม 

"วันนี้...ณ ที่แห่งนี้...ในนามของแผ่นดินใหญ่ต้าฮั่น ข้าขอประกาศก้อง...ว่าดินแดนแห่งนี้ได้กลับมาเป็นของพวกเราแล้ว!"

หลังจากเสียงโห่ร้องแห่งชัยชนะดังกึกก้องไปทั่วทั้งหุบเขาและผืนทราย แม่ทัพหนุ่มอย่าง ฮั่วชวี่ปิ้ง ค่อย ๆ ลดมือลง เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งเพื่อซึมซับบรรยากาศแห่งชัยชนะที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อและน้ำตาของผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน ดวงตาที่เคยคมกริบดุจเหยี่ยว บัดนี้เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและภาคภูมิใจ เขาพยักหน้าให้เหล่าทหารราวกับเป็นการบอกว่าถึงเวลาพักผ่อนแล้ว คำสั่งของแม่ทัพถูกส่งผ่านไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 

"จงรวมพล รวบรวมเสบียง และปักหลักที่ป้อมปราการฉีเหลียง!" เสียงที่เคยทรงพลังและเกรี้ยวกราดในยามออกศึก บัดนี้กลับมาหนักแน่นและมั่นคง เหล่าทหารที่ได้ยินต่างรับคำสั่งพร้อมกันโดยไม่ต้องนัดหมาย พวกเขาไม่ได้พักผ่อนแม้เพียงวินาทีเดียว ทุกคนต่างพยุงร่างที่อ่อนล้ากลับลงจากยอดเขาอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปยังป้อมปราการฉีเหลียงที่เคยเป็นฐานทัพของศัตรู

ตลอดทางลงจากยอดเขา ซิ่วอิงและเกาเหยียนช่วยกันประคองทหารที่บาดเจ็บหนักหลายคน บางคนสิ้นเรี่ยวแรงจนแทบจะเดินไม่ได้ เกาเหยียนใช้มือข้างหนึ่งจับไหล่ของซิ่วอิงไว้เป็นการพยุงและขอบคุณไปในตัว ส่วนซิ่วอิงก็พยักหน้าตอบรับ ดวงตาของทั้งสองไม่ได้คุยกันด้วยคำพูด แต่รับรู้ได้ถึงมิตรภาพและความผูกพันที่เกิดขึ้นระหว่างการรบอย่างชัดเจน เจ้าสุนัขสีดำยังคงกระโดดโลดเต้นอยู่รอบ ๆ ตัวซิ่วอิงราวกับเป็นผู้ชนะอีกหนึ่งชีวิต

ป้อมปราการฉีเหลียงที่เคยเต็มไปด้วยเหล่าปีศาจ บัดนี้เงียบสงบลงแล้ว กำแพงป้อมที่สูงตระหง่านยังคงมีร่องรอยของเลือดและเขม่าดินปืนอยู่ไม่จาง แต่ภายในกลับว่างเปล่า ฮั่วชวี่ปิ้งออกคำสั่งให้แบ่งทหารออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มแรก ให้รวบรวมเสบียงที่เหลือจากการรบทั้งหมดและจัดสรรแบ่งปันให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน กลุ่มที่สอง ให้ตรวจสอบป้อมปราการเพื่อหาจุดอ่อนหรือร่องรอยของศัตรูที่อาจหลงเหลืออยู่ และ กลุ่มสุดท้าย ให้หมอทหารและนักพรต เริ่มรักษาอาการบาดเจ็บของทหารที่บาดเจ็บสาหัสที่สุดก่อน

ซิ่วอิงถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่สาม นางไม่ได้มีความรู้เรื่องการแพทย์จึงทำได้แค่เพียงช่วยพวกหมอทหารจัดหาเครื่องมือและน้ำสะอาดเท่านั้น แต่นางก็ทำอย่างเต็มที่และตั้งใจ เมื่อช่วยงานจนเสร็จนางก็หันไปเจอเข้ากับแม่ทัพฮั่วที่กำลังนั่งพักอยู่ไม่ไกลนัก เขาเหมือนจะรู้ตัวว่านางมองอยู่จึงหันมามองนางและยิ้มให้

"ศึกครั้งนี้ขอบคุณเจ้ามาก ถึงเจ้าจะดื้อฝ่าฝืนคำสั่งหลายคราก็เถอะแต่ข้าให้อภัยเจ้า" แม่ทัพหนุ่มกล่าวพลางปาดเหงื่อที่ไหลลงมาตามใบหน้าของตนเองอย่างรวดเร็ว ซิ่วอิงได้ยินดังนั้นก็นึกยิ้มอยู่ในใจ นางไม่ได้รู้สึกว่าตนถูกแซะอะไร แต่กลับรู้สึกถึงความเอ็นดูที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้น

"เป็นหน้าที่ของข้าเจ้าค่ะ" ซิ่วอิงตอบกลับด้วยรอยยิ้มอย่างไม่เป็นทางการ แม้จะอยู่ต่อหน้าแม่ทัพที่ทุกคนนับถือ แต่นางก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวหรือเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย

ฮั่วชวี่ปิ้งลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปที่กลุ่มทหารม้าเร็วที่กำลังเตรียมตัวออกเดินทางไปยังเมืองหลวง เขาเขียนรายงานชัยชนะอย่างกระชับและรวดเร็ว ก่อนที่จะมอบมันให้กับทหารม้าที่แข็งแกร่งที่สุด 

"ส่งรายงานนี้ไปยังเมืองหลวงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง 

ทหารม้าพยักหน้าอย่างมั่นคงและรีบควบม้าฝ่าทะเลทรายไปยังเมืองหลวงทันที เสียงฝีเท้าม้าดังกึกก้องไปทั่วทั้งป้อมปราการฉีเหลียง หลังจากทหารม้าเร็วที่แข็งแกร่งที่สุดควบมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงเพื่อแจ้งข่าวดี ฮั่วชวี่ปิ้งยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาคมกริบกวาดมองไปทั่วป้อมปราการที่เต็มไปด้วยร่องรอยของการต่อสู้ มันเป็นสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกยึดครองโดยเหล่าปีศาจ แต่ตอนนี้มันได้ถูกยึดคืนมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เขาหันไปหาทหารอีกนายที่ยืนอยู่ด้านหลัง แล้วออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น 

"ส่งสารฉบับนี้ ไปยังค่ายชั่วคราวให้เคลื่อนพลมายังป้อมปราการฉีเหลียงพร้อมเสบียงทั้งหมด"

นายทหารคนนั้นรับคำสั่งอย่างเคร่งครัด ก่อนจะเร่งควบม้ามุ่งหน้าออกไปสู่ค่ายชั่วคราวทันที ฮั่วชวี่ปิ้งมองตามจนม้าและคนกลายเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ บนผืนทะเลทราย เขาหันกลับมามองเหล่าทหารหาญที่กำลังทำตามคำสั่งอย่างแข็งขัน แต่ในแววตาของทุกคนยังคงมีร่องรอยของความเหนื่อยล้าปรากฏอยู่ไม่จาง

ฮั่วชวี่ปิ้งเดินขึ้นไปยืนอยู่บนแท่นหินที่สูงที่สุดของป้อมปราการ แล้วยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุดทำงานชั่วคราว เสียงเซ็งแซ่ของการทำงานเงียบลงอย่างฉับพลัน ทุกคนหันไปมองแม่ทัพหนุ่มอย่างพร้อมเพรียงกัน

"ทุกคน...เราได้ชัยชนะมาแล้ว และเราได้ฐานที่มั่นแห่งใหม่" เสียงของเขาดังกังวานและทรงพลัง "ในฐานะนักรบของต้าฮั่น เรามีหน้าที่ต้องปกป้องดินแดนแห่งนี้ และทำให้มันเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งที่สุด ป้อมฉีเหลียงที่เคยเป็นฐานที่มั่นของศัตรู บัดนี้จะถูกบูรณะขึ้นใหม่โดยน้ำมือของพวกเราทุกคน มันอาจต้องใช้เวลาครึ่งเดือนหรือนานกว่านั้น ข้าหวังว่าทุกคนจะยังไม่คิดถึงฉางอัน"

ได้ยินดังนั้น ทหารบางคนเริ่มมีเสียงโอดครวญเบา ๆ บางคนสบตากันด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ เพราะพวกเขาทุกคนต่างก็เหน็ดเหนื่อยจากการรบมาหลายวัน และต่างก็คิดถึงบ้านที่อยู่ห่างไกลออกไป แต่ก็ไม่มีใครกล้าปริปากบ่นออกมาดัง ๆ เพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่าหน้าที่ของพวกเขาคืออะไร

"ข้ารู้ว่าทุกคนเหนื่อยและคิดถึงบ้าน" ฮั่วชวี่ปิ้งกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลงเล็กน้อย "แต่ข้าขอเวลาพวกเจ้าอีกเพียงครึ่งเดือน...ครึ่งเดือนเพื่อทำให้ป้อมปราการแห่งนี้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อให้มันสามารถปกป้องแผ่นดินของเราได้อย่างมั่นคง เมื่อภารกิจนี้สำเร็จลง ข้าสัญญาว่าทุกคนจะได้กลับบ้านไปหาคนที่พวกเจ้ารักอย่างสมศักดิ์ศรี!"

คำพูดของฮั่วชวี่ปิ้งทำให้เสียงโอดครวญเงียบหายไปในทันที ทุกคนเริ่มรู้สึกฮึกเหิมอีกครั้ง พวกเขารู้สึกได้ถึงความจริงใจและความเข้าใจที่แม่ทัพหนุ่มมีให้พวกเขา ทุกคนกลับไปทำงานของตนเองอีกครั้งด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ

ตลอดช่วงบ่าย แสงอาทิตย์เริ่มทอดยาวทาบทับผืนทะเลทรายสีทอง ซิ่วอิงยังคงวุ่นอยู่กับการช่วยหมอทหารจัดยาและทำแผล นางมองดูแม่ทัพฮั่วที่กำลังเดินตรวจตราการทำงานของเหล่าทหารทั่วทั้งป้อมปราการอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ช่างเป็นบุรุษที่สมเป็นผู้นำอย่างแท้จริง สักวันหนึ่งนางจะต้องเป็นให้ได้อย่างเขาบ้าง

เมื่อตะวันลับขอบฟ้า ป้อมปราการฉีเหลียงถูกรายล้อมด้วยบรรยากาศแห่งความคึกคักอีกครั้ง เหล่าทหารที่ประจำอยู่ที่ค่ายชั่วคราวซานซาเคลื่อนพลมาถึงแล้ว ตามมาด้วยขบวนเสบียงจำนวนมาก พวกเขานำเสบียงและกำลังพลมาสมทบกับทัพที่ประจำการอยู่ที่ฉีเหลียง ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแต่เสียงโห่ร้องทักทายของเหล่าทหารดังไปทั่วทั้งบริเวณ บรรยากาศแห่งความเหนื่อยล้าที่เคยปกคลุมป้อมปราการเริ่มเบาบางลง กลายเป็นบรรยากาศแห่งความหวังและความสามัคคีที่เข้ามาแทนที่

ฮั่วชวี่ปิ้งเดินไปทักทายรองแม่ทัพเวินซ่างที่ลงจากหลังม้า ทั้งสองสนทนากันอย่างเคร่งเครียดถึงแผนการบูรณะป้อมปราการฉีเหลียงอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สุด เหล่าทหารของทั้งสองทัพต่างช่วยกันขนย้ายเสบียง จัดที่พัก และวางแผนการซ่อมแซมกำแพงป้อมที่เสียหาย

ท่ามกลางความวุ่นวาย ซิ่วอิงมองเห็นเกาเหยียนกับทหารคนอื่น ๆ ที่กำลังช่วยกันแบกเสาไม้ขนาดใหญ่เพื่อนำมาซ่อมแซมส่วนที่พังทลายของป้อม เจ้าสุนัขสีดำยังคงกระโดดโลดเต้นอยู่ไม่ห่างจากซิ่วอิง ราวกับกำลังช่วยงานด้วยเช่นกัน

ดึกคืนนั้นป้อมปราการฉีเหลียงเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยดังไปทั่ว สุราถูกนำมาแจกจ่ายให้กับเหล่าทหารหาญที่ร่วมรบในสงครามนี้ ฮั่วชวี่ปิ้งอนุญาตเป็นกรณีพิเศษเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับทุกคน ซึ่งนับเป็นโชคดีของสตรีผู้รักสุราเป็นชีวิตจิตใจอย่างซิ่วอิงยิ่งนัก นางกระดกสุราเข้าไปหลายต่อหลายไห จนใบหน้าแดงก่ำ แม้จะคอแข็งเพียงใดแต่เจอเข้าไปหลายไหก็ต้องเมาแอ๋ไปตามระเบียบ

นางเดินเซไปเซมาอย่างไม่มั่นคง จนมาเจอเข้ากับแม่ทัพฮั่วที่ปลีกตัวมานั่งอยู่เพียงลำพังใต้แสงจันทร์ดูเงียบสงบ ราวกับกำลังใช้สมาธิในการวางแผนบูรณะสถานที่อย่างเคร่งเครียด ซิ่วอิงยิ้มกว้างอย่างดีใจ ก่อนจะยกไหสุราในมือขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้ ๆ

"ดื่มด้วยกันหน่อยดีหมายยยยเจ้าคะ ข้ามีกับแกล้มเป็นล่าจื่อลู่ด้วยนะ" นางกล่าวด้วยน้ำเสียงยานคาง พร้อมกับยื่นไหสุราออกไปให้ ฮั่วชวี่ปิ้งไม่ถือสาอะไร เขาเห็นถึงความจริงใจของนางจึงรับไหสุรามาดื่มอย่างช้า ๆ

ซิ่วอิงกระดกสุราจากไหของตนอย่างหนักอีกครั้ง ก่อนจะหันมามองแม่ทัพฮั่วด้วยใบหน้าที่แดงก่ำจากฤทธิ์ของสุราดวงตาเริ่มปรือเล็กน้อย และมีอาการสะอึกเบา ๆ ฮั่วชวี่ปิ้งเห็นดังนั้นจึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“ดูสภาพเจ้าตอนนี้สิ ไหวหรือไม่?”

"ท่าน...ท่านทำไมม่ายยยยมาส่งข้าล่ะ?" นางพูดทั้งที่ยังเมาแอ๋ น้ำเสียงปนน้อยใจเล็กน้อย "ตอนที่ข้าต้องไปออกรบ...ท่านทำไมม่ายยยยมาส่งข้าาาาา"

ฮั่วชวี่ปิ้งขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ 

"ข้าน่ะหรือ?"

"ก็ช่ายยยยน่ะสิ! ไหนท่านบอกว่าข้าเป็นสหายยยยยคนสำคัญของท่านไง"

"เจ้าเมามากแล้วนะ" ฮั่วชวี่ปิ้งพยายามพูดให้สติ "พูดอะไรเลอะเทอะใหญ่แล้ว"

"ฮึ! ท่านมันใจร้าย...ใจร้ายที่สุดเลย!" นางพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ ก่อนจะทุบลงบนอกของฮั่วชวี่ปิ้งไปสองสามที ทำให้เขาถึงกับสะดุ้งด้วยความประหลาดใจ

"จะ…เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครกันแน่เนี่ย?" ฮั่วชวี่ปิ้งถามกลับด้วยน้ำเสียงงุนงง

"นี่ท่านจำชื่อตัวเองม่ายยยยด้ายยยยหรือ!" ซิ่วอิงใช้นิ้วชี้ไปที่อกของเขา "ท่านก็คือ...ตงฟางหมานเฉียนไง! เอิ้ก! (เสียงสะอึก)...คุณชายตงฟางหมานเฉียนนนนน"

ก่อนที่ฮั่วชวี่ปิ้งจะได้ทันพูดอะไร เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

"อยู่นี่เอง! ข้าหาท่านตั้งนาน!" เกาเหยียนโผล่พรวดเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก "ลูกพี่ดื่มอะไรเข้าไปเยอะขนาดนั้นเนี่ย!"

เกาเหยียนรีบเข้ามารวบตัวซิ่วอิงแล้วหิ้วปีกนางไว้ เพื่อไม่ให้ไปเสียมารยาทกับแม่ทัพไปมากกว่านี้ เขาโค้งคำนับขอโทษขอโพยฮั่วชวี่ปิ้งแล้วรีบหิ้วซิ่วอิงออกไปจากบริเวณนั้นทันที โดยมีเสียงซิ่วอิงบ่นตลอดทาง

"ไม่ไป...ม่ายปายยยยยยย! ข้าจะคุยกับคุณชายให้รู้เรื่อง!"

"คุณชายอะไรเล่าลูกพี่! นั่นท่านแม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้งนะ!" 

เกาเหยียนรีบหิ้วปีกนางไปในที่สุด ปล่อยให้ฮั่วชวี่ปิ้งยืนอยู่เพียงลำพังด้วยความงุนงงกับชื่อที่ซิ่วอิงเพิ่งพูดออกมา ชื่อ...ตงฟางหมานเฉียน...นั่นมันชื่อรอง ‘ต้าซือถู’ ไม่ใช่หรือ?

ฮั่วชวี่ปิ้งสะบัดความคิดออกไปอย่างรวดเร็ว นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องไร้สาระแบบนี้ เขามองไปยังดวงดาวนับพันบนท้องฟ้า และคิดถึงหน้าที่ของตนเองที่ยังรออยู่ข้างหน้า ป้อมปราการแห่งนี้ยังต้องได้รับการบูรณะซ่อมแซมอีกมาก เหล่าทหารยังต้องได้รับการฟื้นฟู และที่สำคัญที่สุดคือราชสำนักยังคงรอการกลับมาของเขาและชัยชนะครั้งนี้ ฉะนั้นไม่ว่าอย่างไรเขาจะต้องทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถไม่ให้เสียชื่อที่ฝ่าบาทไว้วางพระทัยให้เขารับหน้าที่สำคัญนี้



จบพาร์ท : บทสรุปแห่งยุทธจักร

รางวัล (ความคืบหน้า):
100% ของภารกิจหลัก


- จบบันทึกการทหาร -

โบนัสพิเศษ:
 +1 ผลงานการรบ

รางวัลเมื่อสำเร็จภารกิจ
เกียรติยศนิรันดร์: จารึกนามผู้กล้าแห่งต้าฮั่น
ประสบการณ์ล้ำค่า: ในฐานะพลทหารผู้ผ่านสมรภูมิ
ความภาคภูมิใจ: ที่ได้ปกป้องแผ่นดิน

[NPC-18] มอบ ล่าจื่อลู่ และ สุรานารีแดง ให้ ฮั่ว ชวี่ปิ้ง
+30 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดแดง + ชา/สุราเกรดแดง (+20)
อาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5 
โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม
หัวมาร โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+15
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม



@Admin 






แสดงความคิดเห็น

หัวใจฮั่วชวี่ปิ้งตัน 6 ดวงแล้ว  โพสต์ 2025-8-14 20:40
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-18] ฮั่ว ชวี่ปิ้ง เพิ่มขึ้น 65 โพสต์ 2025-8-14 20:40
รอกุ้ยเฟยปักป้อมปราการ  โพสต์ 2025-8-14 20:40
โพสต์ 52082 ไบต์และได้รับ 40 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-14 19:03
โพสต์ 52,082 ไบต์และได้รับ +35 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 ความโหด จาก ยอดยุทธ์ผู้ล่า  โพสต์ 2025-8-14 19:03
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x43
x1
x30
x30
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x134
x2
x12
x73
x186
x200
x399
x684
x707
x2
x2
x8
x4
x5
x20
x4
x796
x2
x10
x2
x18
x1
x12
x17
x10
x38
x2
x680
x228
x426
x45
x487
x19
x9
x1
x19
x171
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x9
x7
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x5
x7
1234
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้