[บันทึกการเดินทาง] เงาอัคคีใต้ผืนฟ้ากังวาน

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 4 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด |โหมดอ่าน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-10-25 01:21







焰影穹音




บันทึกการเดินทาง


[ เงาอัคคีใต้ผืนฟ้ากังวาน ]

ไม่อยู่ศาลสามเดือนเรื่องวุ่นวาย
โดนคนร้ายปองหมายถึงปลายฟ้า
ลำบากยากทุกวันเร้าอุรา
จะต้องหาหนทางมิจำนน

แต่ทว่าพบกลับตาลปัตร
อึ้งถนัดมิตรสหายนึกฉงน
ในภาพจำเรื่องราวเล่าจำนน
สหายตนพิศวาสคนคั่งแค้น

วันก่อนโน้นฟ้องร้องอย่างเดือดดาล
วันนี้หวานหยดเยิ้มมิซ่อนแฝง
ไปรักกันตอนไหนโปรดแจกแจง
ช่วยแถลงเหตุการณ์ให้ข้าที

เพราะรอบก่อนหวังฟ้องให้ถึงตาย
วันนี้หมายปั้นหยกเคียงราศี
เป็นยอดรักพิทักษ์ไร้ราคี
ถิงเว่ยนี้สุดคาดเดาไม่เข้าใจ
By. จางทัง ถิงเว่ย


ผู้บันทึก

หนาน หลินหยา

นักแสดงสมทบ

จางกงกง (จางห่าวหมิง)
จาง ทัง (ถิงเว่ย)

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 5632 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 4 วันที่แล้ว
โพสต์ เมื่อวาน 01:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด
อยากลองเอาไว้โรลเพลย์

บันทึกการเดินทาง เงาอัคคีใต้ผืนฟ้ากังวาน
วันที่ 21 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
เริ่มต้น ยามโฉ่ว เวลา 01.00 น. เป็นต้นไป โรงเตี๊ยมซิงหมิง นอกเมืองฉางอัน จักรวรรดิต้าฮั่น

ยามโฉ่ว…ลมหนาวพัดผ่านกระเบื้องหลังคาเสียงดังกรอบแกรบ เหมือนเสียงกระซิบของปีศาจที่กำลังไล่ตามวิญญาณหลงทาง พระจันทร์กลมโตลอยต่ำเหนือโรงเตี๊ยมซิงหมิง แสงสีเงินไหลผ่านกระจกกระดานเก่า สาดเข้ามาในห้องพักผีเสื้อสุริยันวสันต์ ซึ่งหลินหยาจองไว้เพียงคืนเดียว ข้างเตียงมีขลุ่ยประจำตัววางพาดอยู่บนหมอนกลีบท้อ กลิ่นดอกชากับกลิ่นกฤษณาเจือจางในอากาศ เสียงฝนตกพรำที่หลังคาทำให้บรรยากาศเหมือนโลกหยุดนิ่ง หญิงสาวใต้ผ้าห่มขาวยังคงหลับนิ่งแต่ลมหายใจของเธอกลับไม่สม่ำเสมออย่างคนหลับลึก ความจริงแล้วเธอไม่ได้หลับเลยตั้งแต่หัวค่ำ


เสียงบางอย่างดังเบาๆ จากหน้าต่าง เสียงเหล็กขูดไม้และเสียงผ้ากระทบเบาๆ ทำให้แมวที่นอนขดอยู่ข้างเตียงสะดุ้งเงยหน้าก่อนจะหลบใต้โต๊ะในทันที เงาดำแทรกผ่านบานหน้าต่างเข้ามาอย่างเงียบกริบ ร่างชายสวมชุดดำทั้งตัว หน้ากากปิดครึ่งใบ มีดสั้นเย็นเฉียบในมือสะท้อนแสงจันทร์วาววับ เขาเคลื่อนไหวอย่างผู้ชำนาญการลอบสังหารไม่มีแม้แต่เสียงฝีเท้า


มือข้างหนึ่งของนักฆ่าค่อยๆ ยกมีดขึ้นเหนือร่างหญิงสาวที่ดูเหมือนหลับสนิท แต่ก่อนที่คมมีดจะสัมผัสผิว เงาในเตียงกลับขยับราวกับวิญญาณรู้ล่วงหน้า หลินหยาคว้าหมอนขึ้นมารับคมมีดเต็มแรง เสียง “ฉับ!” ดังในความเงียบก่อนที่หมอนจะแตกขาด ขนในหมอนปลิวว่อนเหมือนหิมะโปรยในราตรี เธอพลิกตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ขลุ่ยไม้ในมือสะบัดฟาดเข้าเต็มขมับของชายชุดดำจนเกิดเสียงดังโป๊ก


เขาถอยหลังสองก้าวแต่ยังไม่ล้ม ทว่าหลินหยาไม่ปล่อยโอกาสนั้นให้สูญเปล่า ร่างของนางเคลื่อนไหวพลิ้วราวผีเสื้อแต่แรงปะทะกลับหนักเหมือนเหล็กนิล หมัดแรกอัดเข้าท้อง หมัดที่สองฟาดเข้าชายโครง เสียงกระดูกดังกรอบแกรบ ก่อนจะตามด้วยหมัดที่สามถึงสิบเก้าอย่างต่อเนื่องเร็วเกินตามสายตาคนทั่วไปได้ทัน จังหวะสุดท้ายหลินหยาเหวี่ยงเท้าหมุน 360 องศา เตะเข้ากรามอีกฝ่ายเต็มแรงจนร่างนักฆ่าหงายหลังฟาดพื้นดังสนั่น


ฝนด้านนอกยังไม่หยุดตก แต่ตอนนี้เสียงเดียวที่ได้ยินคือเสียงลมหายใจของหญิงสาว เธอหอบเบาๆ ผมหลุดรุ่ยเล็กน้อย ขลุ่ยไม้ในมือมีรอยแตกตรงปลาย เธอก้มลงดูร่างนักฆ่าที่หมดสติไปแล้วด้วยสีหน้าทั้งตกใจและหงุดหงิด


“เฮ้อ...หนักมือไปหน่อยสินะ” เธอพึมพำกับตัวเอง เสียงเบาจนแทบกลืนไปกับฝน “ใครกันแน่ที่ส่งเจ้ามา จะมาปล้นหรือมาฆ่า...” เธอกระตุกผ้าคลุมหน้าของชายชุดดำออกเผยให้เห็นใบหน้าขาวซีด มีรอยสักรูปประหลาดแต่คุ้นเคยตรงต้นคอ หลินหยาขมวดคิ้ว “...เฮ้อ งั้นก็พวกมันอีกสินะ” ที่บอกเช่นนั้นเพราะหลังจากที่นางเปิดความสัมพันธ์กับจางกงกง ก็มีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นกับนาง


นางเดินไปจุดตะเกียงไฟเพิ่มจนห้องสว่างขึ้นเล็กน้อย แสงสะท้อนบนมีดสั้นที่ตกอยู่บนพื้น เธอเก็บมันขึ้นมาพลิกดูกลิ่นโลหะเย็นเฉียบยังติดปลายคม


หลินหยาหันไปมองหน้าต่างที่เปิดอ้า ลมฝนสาดเข้ามาจนพื้นเปียก เธอเดินไปปิดช้าๆ ดวงตาเป็นประกายระวังระไว เธอรู้ดีว่าในโลกของผู้คนที่มีอำนาจ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญ โดยเฉพาะการถูกลอบสังหารกลางยามโฉ่วเช่นนี้ และที่สำคัญ…จางกงกงอยู่ที่ฉางอัน ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้เรื่องนี้แน่


ยามโฉ่วที่ลมหอบฝนยังเกาะชายคาห้องพัก  “ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูสองครั้งดังแน่นคมราวปลายเข็มกระทบไม้ ก่อนเงาเท้าคู่หนึ่งจะถอยหายไปจากระเบียงอย่างไร้ร่องรอย ซองจดหมายสีงาช้างถูกสอดใต้ธรณีบานประตูเรียบร้อยประหนึ่งมือที่ทำงานนี้ชำนาญกว่าพ่อครัวหั่นผัก หลินหยาเงยหน้าเล็กน้อยจากการตรวจบาดแผลเสี้ยนไม้ที่ปลายนิ้ว รับซองนั้นขึ้นมาโดยใช้ปลายนิ้วก้อยเสยขอบมัน เป็นนิสัยของคนที่ไม่ยอมทิ้งรอยนิ้วไว้ให้ใครอ่าน แม้จะอยู่เพียงในโรงเตี๊ยมนอกเมืองก็ต้องระวังเมื่อนางต้องคอยเคียงกายคนอันตราย 


นางปลดครั่งพลับพลึงเห็นเส้นหมึกสีดำสนิทและลายมือคมกริบที่รู้จัก น้ำหมึกหอมจาง ๆ ของกฤษณาชั้นดีลอยขึ้นแตะแก้ม จางกงกงเรียกชื่อเธอสั้นกระชับไม่เสียคำ จากนั้นมีเพียงคำสั่งปลายเปิดว่าให้ไปพบที่ศาลาจื่อเถิงฮวาอย่างเร่งด่วน ท้ายจดหมายแนบแผ่นหยกเย็นเยียบเมื่อแตะผิว ขอบถูกเกลาเนียน ประทับตราเข้าสู่ตำหนักจงฉางชื่อชัดเจน ไม่มีช่องให้ทักท้วงตามธรรมเนียมราชสำนักสำหรับคนข้างนอก


“ท่าทางจะเรื่องใหญ่…แต่ข้ารู้ว่าการเคียงท่านไม่ใช่เรื่องง่าย” คิ้วเรียวของหลินหยาขมวดน้อย ๆ ก่อนคลายลงพร้อมลมหายใจสั้น เธอรู้กติกาดี…คนอย่างนางเข้าเขตวังหลวงไม่ได้ด้วยคำพูด แต่แผ่นหยกชิ้นนี้คือกุญแจที่ทำให้ประตูซึ่งชอบปิดใส่หน้าโลกภายนอกยอมขยับ นั่นแปลว่าเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นจริงไม่ใช่เรื่องเล็กเสียด้วย 


นางเก็บจดหมายและแผ่นหยกเสียบซองผ้าด้านอก ใส่ผ่านอกซ้ายให้แนบหัวใจให้จำที่อยู่ จากนั้นคุกเข่าข้างเตียง ดึงหีบไม้เตี้ย ๆ ออกมาเปิดเพียงครึ่งฝา หยิบชุดสีน้ำแข็งสะอาดที่ตัดบางเบาแต่ซ้อนชั้นพอดี ใส่รวดเดียวแล้วรูดเชือกคาดเอวไหมให้แน่นพอจะวิ่งและต่อสู้ได้โดยไม่สะดุด ชายแขนเสื้อถูกพับครึ่งฝ่ามือเพื่อไม่ให้เปียกฝน ผมสีดำถูกรวบขึ้นด้วยปิ่นเงินเรียบ ติดดอกปั้นเซรามิกเล็กสีฟ้าจางคู่เดียวพอให้แสงจันทร์สะท้อน เลือกสร้อยคอเส้นบางห้อยหยกรูปหยดน้ำที่เบามือ แล้วหยิบขลุ่ยไม้กลิ่นหอมประจำตัวสอดแนบหลังเอวในมุมที่ชักไวที่สุด


นางกวาดตาไปรอบห้องอย่างรวดเร็ว ตรวจหน้าต่างที่ถูกงัดทิ้งไว้เมื่อครู่ ปิดกลอนและเสียบลิ่มไม้ใหม่อีกชั้นเพื่อไม่ให้ใครย้อนมาเช็คผลงาน กล่องยาน้ำมันรักษาแผลถูกโยนเข้าถุงผ้าข้างเอว ขณะที่ปลายรองเท้าหนังอ่อนแตะแผ่นพื้นครั้งสุดท้ายก่อนก้าวออกสู่โรงเตี๊ยม ลมหายใจกลางคืนเย็นจัดแตะปลายจมูกให้ตื่นเต็มตา


“เยวี่ยเหยียนเรามีเรื่องแล้ว ขอโทษที่ต้องปลุกนะ” เสียงของหลินหยาเอ่ยเมื่อนางลงมาถึงที่พักม้าของโรงเตี๊ยม ใต้ชายคาของที่พักม้าเยวี่ยเหยียน ปีศาจม้าดำทมิฬกำลังยืนเงียบราวส่วนหนึ่งของความมืด ดวงตากลมลึกของมันมีประกายสว่างบาง ๆ คล้ายถ่านไฟที่กำลังจะคุ นางแตะสันคอมันเบา ๆ "ไปทำงานกันเจ้าม้าหนุ่ม" คำพูดของหลินหยาเอ่ย เยวี่ยเหยียนย่อขาหน้าให้เจ้าของขึ้นคร่อมโดยไม่ต้องใช้บังเหียน หลินหยาประสานเข่ารับสันหลังม้า ก้มตัวให้ต่ำยามลมฝนพัดเฉียง แล้วกดส้นเท้าแตะซี่โครงสองครั้งเป็นสัญญาณออกตัว


พื้นลูกรังหน้าลานโรงเตี๊ยมเปียกลื่นแต่เกือกเหล็กของเยวี่ยเหยียนกัดพื้นอย่างมั่นคง ทำนองเกือกเท้ากระแทกถนนกลายเป็นจังหวะเร่งเร้า ตึก ตึก ตึก พาร่างทั้งคู่พุ่งออกจากแผงเรือนมุงฟางสู่เส้นทางหลักมุ่งฉางอัน ไอฝนบาง ๆ ตีใบหน้าเหมือนผ้าแพรเย็น หลินหยากดตัวตามแรงลมเพื่อหลบสาดน้ำจากล้อเกี้ยวของคนเดินทางยามวิกาลที่หลงเหลือ สองข้างทางเป็นทิวต้นหญ้าปากทางทุ่งที่โน้มศีรษะรับฝนจนหนักไหล่ เหนือศีรษะเมฆแตกบางจุดเผยดวงจันทร์สีเงินซีดเหมือนเสี้ยวมีดที่ลับมาดี


เมื่อเข้าใกล้ตัวเมืองเธอก็มุ่งหน้าสู่วังหลวง ไฟคบเพลิงแนวกำแพงเริ่มเรียงเป็นสว่างวับวาวตามซอกประตูและป้อมเวร สายน้ำฝนไหลจากปูนปั้นสู่ร่องหินเป็นทาง เสียงสังข์เวรยามไกล ๆ ลอยมาเป็นระยะคล้ายคนกระซิบชี้ทิศ หลินหยาเอื้อมแตะแผ่นหยกที่อกแนบเสื้ออีกครั้ง ให้ความเย็นของมันเตือนสติว่าคืนนี้เธอไม่ได้ขี่ม้าเข้าไปด้วยชื่อของตน แต่ด้วยน้ำหนักของตราที่เปิดประตูทั้งหลายให้คลายกลอน


“หยุดก่อน” เมื่อถึงเชิงประตูวังหลวงชั้นนอก นางดึงเยวี่ยเหยียนชะลอเป็นจังหวะก้าวพอดีให้สายตายามเวรจับโครงร่าง เธอไม่เอ่ยคำ พลิกฝ่ามือยกแผ่นหยกให้แสงคบไฟเล่นเงาตราอย่างชัดเจน ท่าทางนิ่ง เรียบ และไม่ขอความกรุณา แค่นั้นก็พอสำหรับคนที่อ่านภาษาแห่งอำนาจออก ยามเฝ้าประตูแลกเปลี่ยนสายตากันวูบเดียวก่อนขยับหอกหลีกทาง โซ่เหล็กประตูยกขึ้นช้า ๆ เสียงครืดคราดดังก้องเข้าไปถึงช่องอก


เยวี่ยเหยียนก้าวผ่านธรณีหินที่ชื้นด้วยฝน หลินหยาไม่หันซ้ายขวาเกินจำเป็น สายตาชี้ไปตามถนนหลวงที่ทอดยาวสู่เงากำแพงชั้นใน สายน้ำฝนเริ่มเบาบางจนเหลือเพียงละอองเยือก เธอกดตัวต่ำลงอีกครั้ง เสียงกระซิบเบาเท่าใจคิดลอดไรฟัน "ไป" แล้วปีศาจม้าดำก็พุ่งต่อไปในจังหวะที่มั่นคง เร็วพอจะไปให้ถึงประตูวังหลวงโดยไม่เสียเวลา แม่นยำพอให้ทุกลมหายใจระหว่างทางเป็นดั่งหัวลูกศรตรงสู่เป้าหมายเดียว


ฝนบางเบาที่โปรยอยู่เหนือฉางอันเริ่มซาลงเมื่อหลินหยาขี่เยวี่ยเหยียนมาถึงหน้าประตูวังหลวง เสาไฟเรียงรายส่องแสงเหลืองสลัวคล้ายตาเฝ้ายามนับสิบจ้องมองผู้มาเยือนอย่างระแวดระวัง นางชะลอม้าให้หยุดตรงหน้าทหารเวร แล้วกระโดดลงอย่างเบา มือหนึ่งลูบแผงคอปีศาจม้าดำทมิฬเบา ๆ ก่อนฝากมันไว้กับคนเลี้ยงม้าประจำประตูพร้อมเหรียญเงินปิดปาก พอลมหายใจเย็นเฉียบปะทะปลายจมูก หลินหยาก็รวบชายแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อย เดินตรงไปยังนายทหารเวรที่ยืนถือหอกยามอยู่ใกล้ซุ้มทางเข้า


“หยุดก่อนแม่นาง” เสียงเข้มดังขึ้นทันทีที่เธอก้าวพ้นระยะสองก้าว “ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่สตรีธรรมดาจะเข้ามาได้ ยามวิกาลเช่นนี้ยิ่งไม่มีข้อยกเว้น” หลินหยาหยุดนิ่ง ตีหน้าซื่อขึ้นทันควัน ดวงตากลมโตของนางฉายประกายเหมือนเด็กสาวที่หลงเข้ามาในที่ไม่ควร 


“ข้ามาพบท่านจงฉางชื่อเจ้าค่ะ” นางก้มศีรษะคำนับอย่างนอบน้อม “ได้ยินว่ามีการสอบคัดเลือกนางกำนัลรุ่นใหม่ด่วนให้รีบมาลงทะเขียน จึงเดินทางมาเพื่อเข้าทดสอบ” น้ำเสียงของนางอ่อนโยนไม่เร่งเร้า แต่แฝงจังหวะที่คนฟังไม่อาจปฏิเสธได้ง่าย ๆ


นายทหารเลิกคิ้วอย่างสงสัยแต่ก่อนจะพูดอะไรต่อ หลินหยาก็ยื่นสิ่งของในมือขึ้นมา แผ่นป้ายหยกของจงฉางชื่อที่มีตราประทับเข้าวังอย่างเป็นทางการ ดวงตาของเขาเบิกเล็กน้อย ก่อนยกมือรับด้วยความระมัดระวัง พลิกดูด้านหลังแล้วรีบโค้งศีรษะ “อ้อ...ที่แท้เป็นคนของท่านจงฉางชื่อเอง ข้าขออภัยที่เสียมารยาท เชิญด้านในได้เลย—ไม่สิ ขออภัย ข้าน้อยหมายถึง...แม่นางน้อย” เสียงฝีเท้าขันทีคู่หนึ่งดังขึ้นจากด้านใน นายทหารผายมือเรียกพวกนั้นไว้ “นำแม่นางผู้นี้ไปส่งยังตำหนักจงฉางชื่อ” เขาหันกลับมามองหลินหยาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพแบบงงงวย


ขันทีวัยกลางคนยกพัดไม้ไผ่ขึ้นคำนับ หลินหยาพยักหน้ารับบาง ๆ ก่อนเดินตามเขาเข้าไปอย่างสงบ ท่ามกลางความเงียบของยามราตรีที่มีเพียงเสียงรองเท้ากระทบพื้นหิน ทางเดินเข้าสู่ตำหนักด้านในทอดยาว มีสระบัวข้างทางสะท้อนแสงคบเพลิงบนผิวน้ำ นางมองเงาตัวเองสะท้อนพลางกลั้นยิ้มบาง นางกำนัลใหม่งั้นหรือ... คำโกหกนี้ออกจากปากได้อย่างราบรื่นเกินคาด แต่ถ้าไม่โกหก นางก็ไม่มีทางได้เข้าไปในวังหลวงอีก


ตั้งแต่วันที่นาง เผลอ ต่อยหน้าจางกงกงจนเลือดซิบ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็กลายเป็นสิ่งที่ใครแตะไม่ได้ เหมือนสายพิณที่ขึงแน่นจนพร้อมขาด ทว่ายิ่งนานไป ความโกรธในวันนั้นกลับกลายเป็นบางสิ่งที่นางไม่กล้าเรียกชื่อเต็มเสียง มันไม่ใช่เพียงความแค้น หากแต่เป็นบาดแผลที่เมื่อแตะเมื่อไรก็ยังอุ่นเหมือนเปลวไฟ…และหอมหวานเกินจะต้านทาน


หลินหยาเดินผ่านประตูชั้นในไปโดยไม่แสดงพิรุธ มือที่ถือป้ายหยกยังนิ่งสนิท สายตาหลุบต่ำในท่าทางของนางกำนัลที่ถูกฝึกมาอย่างดี ทั้งที่ความจริงแล้วนางเคยเป็นนางกำนัลเพียง 20 ชั่วโมง เท่านั้น 20 ชั่วโมงที่ทำให้นางได้เห็นความโหดร้าย ความลับ และความอ่อนแอในหัวใจของคนที่ทั้งรักและเกลียดในคราวเดียวกัน


ขันทีนำทางเหลียวกลับมาเห็นนางเงียบผิดปกติ จึงเอ่ยเตือนเบา ๆ “แม่นาง โปรดระวังพื้นเปียก”


หลินหยายกชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อย ยิ้มบางตอบ “ขอบคุณเจ้าค่ะ” เพราะนี่คือทางเดิมที่นางเคยเดิน ทางที่เริ่มจากความแค้น และกำลังจะพาเธอกลับไปหาผู้ชายคนเดียวกันอีกครั้ง...ในฐานะที่ต่างออกไป เป็นผู้ถูกเรียกตัวแทนที่จะเป็นผู้หนีหนีเช่นดังเคย


ค่ำคืนสงบจนแม้แต่เสียงแมลงก็เหมือนกลืนหายไปในลมหายใจของวังหลวง เมื่อหลินหยาเดินตามขันทีที่ถือโคมเข้ามาในเขตตำหนักจงฉางชื่อ ความเงียบรอบตัวช่างหนักราวกับหมื่นสายตากำลังจับจ้องอยู่หลังม่าน ทุกย่างเท้าที่ก้าวไปบนพื้นหินเย็นชื้นเต็มไปด้วยกลิ่นกฤษณาเจือจางและความระแวดระวัง ศาลาจื่อเถิงฮวาเล็ก ๆ ตั้งอยู่ริมสระน้ำ ด้านหลังเป็นแนวไม้พุดขาวที่ปลูกเรียงอย่างประณีต ดอกที่ร่วงเกลื่อนพื้นกลายเป็นภาพเงาของหิมะในรัตติกาล ขันทีผู้นำทางหยุดยืนแล้วก้มศีรษะ “ถึงแล้วขอรับ” เขาถอยไปเงียบ ๆ ราวเงาเลือน หลินหยามองขึ้นไปเห็นเงาร่างหนึ่งในชุดสีแดงเข้มยืนอยู่ใต้แสงโคมกระดาษ ร่างสูงโปร่งของจางกงกงดวงตาคมกริบสะท้อนเงาจันทร์ มือข้างหนึ่งถือพัดขาวอีกข้างวางแนบหลัง ดวงหน้าเรียบนิ่งราวรูปแกะสลักแต่แฝงความกดดันที่จับต้องได้


นางก้าวขึ้นบันไดศาลาช้า ๆ ก้มคำนับพลางระบายยิ้มบาง “คำนับท่านจางกงกงเจ้าค่ะ” เสียงหลินหยานั้นนุ่มแต่มั่นคง เป็นจังหวะที่รอยยิ้มมุมปากของเขาขยับน้อยนิด “เสี่ยวหยา เข้ามาง่ายหรือไม่ หรือมีอะไรให้ลำบาก?” น้ำเสียงเหมือนถามเล่น แต่แววตากลับสอดแทรกการสำรวจละเอียดลึกยิ่งกว่าคำพูด


หลินหยาตอบด้วยแววตาขบขัน “ข้าบอกพวกทหารว่าจะมาสอบเป็นนางกำนัลน่ะเจ้าค่ะ เขาก็ให้ผ่านง่ายเสียจนข้าเองยังแปลกใจ” จางกงกงหัวเราะในลำคอ เสียงต่ำละมุนแต่ชวนให้ขนลุกตั้งชัน “ฮึ ตอนนั้นข้านำพาให้เป็นจริง ๆ ก็ไม่ยอมเป็น”


หลินหยาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แววตาเธอเต็มไปด้วยประกายเจ้าเล่ห์ดังเช่นแม่แมวป่าที่ไม่เคยอยู่นิ่งให้จับตัว “หากข้าเป็นนางกำนัล คงได้เคียงกายองค์ชาย... แต่หากข้าไม่เป็น ข้าได้เคียงกายท่านไม่ดีกว่าหรือ?”


เขาชะงักไปชั่ววินาที ก่อนมุมปากจะยกขึ้น “เสี่ยวหยาเจ้าร้ายนัก” คำว่าร้ายของเขาไม่ใช่ตำหนิ หากแต่แฝงความเอ็นดูและยอมจำนนในเวลาเดียวกัน ทว่ารอยยิ้มนั้นค่อย ๆ จางหายกลายเป็นเงาหนักบนใบหน้าขาวซีด ดวงตาเรียวยาวของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที “เจ้าถูกลอบทำร้าย...กี่ครั้งแล้ว ตั้งแต่วันเกิดนั่น” หลินหยาหรี่ตาลงกับคำถาม คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน “สองครั้งเจ้าค่ะ คืนนี้เป็นครั้งที่สอง”


จางกงกงพยักช้า ๆ แล้วเดินไปยังโต๊ะหินกลางศาลา วางพัดลงก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงต่ำ “ข้าเดาว่าเป็นฝีมือพวกเดียวกันกับคนที่ขโมยเอกสารของข้าไป”


คำพูดนั้นทำให้หลินหยานิ่งไปทันที “เอกสาร?”


จางกงกงพยักหน้าเบา ๆ “เอกสารลับเกี่ยวกับงานของข้า เป็นบันทึกข้อมูลการเคลื่อนไหวของขุนนางกังฉินทั้งในและนอกวัง รวมถึงรายชื่อคนที่มีเอี่ยวกับศัตรูของฝ่าบาท… เอกสารนั้นคือกุญแจสำคัญที่ฮ่องเต้ทรงใช้ควบคุมสมดุลในราชสำนัก” เสียงเขาแผ่วลงแต่มั่นคงทุกถ้อยคำ “ข้ากำลังนึกสงสัยว่าใครกันที่ได้ไป ที่ข้าคิดมีหลายคนนัักและในนั้น...มีชื่อของจางทังด้วย” ชื่อที่หลุดออกมาทำให้หลินหยาชะงักทันที ความทรงจำอันเลือนรางแล่นกลับมา รอยยิ้มของจางทังวันที่เขาหายไปแ และคำถามที่นางมักจะถามจางกงกงแต่กลับไม่เคยได้รับคำตอบ มีเพียงความสงสัย ความขัดแย้ง ความเจ็บปวดที่ไม่เคยได้รับคำตอบ เธอขมวดคิ้ว “ท่านจางทังหรือเจ้าคะ?...เกี่ยวข้องด้วยอย่างไร ท่านเคยบอกว่าไม่ชอบเขา ไม่ใช่หรือ?”


“ข้าไม่เคยชอบเขา” จางกงกงตอบเรียบแต่กลับแฝงบางสิ่งเอาไว้ในคำ “แต่ข้าไม่เคยต้องการให้เขาตาย...ถ้าจะทรมารสักนิดก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร” เขาเหลือบมองออกไปนอกศาลา แสงจันทร์สะท้อนผ่านม่านฝนที่ยังโปรยบาง ๆ “วันนั้น...ที่เขาหายตัว ข้าต้องปกปิดเรื่องไว้เพราะข้าไม่อยากให้เจ้ามายุ่ง ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เคยเชื่อคำข้า”


หลินหยายืนนิ่งมือแนบข้างลำตัวแน่น “ก็ท่านมันไม่น่าไว้ใจนี้เจ้าคะ…ท่านพูดเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ฝีมือของท่าน”


“มันไม่ใช่” เขาหันกลับมามองเธอตรง ๆ น้ำเสียงเยือกเย็นแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น “ตอนนั้นข้าปิดความไว้เพราะมันเกี่ยวพันกับขุนนางกลุ่มหนึ่งที่ต้องการโค่นฝ่าบาท และตอนนี้พวกมันกลับมาอีกครั้ง...พร้อมเอกสารนั้น” สายลมยามค่ำพัดเข้ามาในศาลา เสียงผ้าคลุมของเขาไหวเบา ๆ หลินหยามองแววตาเขาแล้วรู้ทันทีว่าครั้งนี้เขาพูดจริง


“หากเอกสารนั้นรั่วไหล...” เขาเอ่ยต่อ น้ำเสียงต่ำลงจนแทบเป็นกระซิบ “มันจะไม่เพียงแต่ทำลายข้าหรือฝ่าบาท...แต่มันจะลากเจ้าลงไปด้วย”


“ข้า?” หลินหยาเบิกตาเล็กน้อย “เกี่ยวข้องกับข้าได้อย่างไรเจ้าคะ?”


“เพราะเจ้าคือคนเดียวที่พวกมันรู้ว่าเป็นจุดอ่อนของข้าอย่างไม่มีข้อสงสัย” จางกงกงเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ “และนั่นคือเหตุผลที่มันจะไล่ล่าเจ้า ก่อนที่ข้าจะมีโอกาสปกป้อง” เขาก้าวเข้ามาใกล้หลินหยาหนึ่งก้าว ห่างเพียงระยะลมหายใจ ปลายนิ้วเรียวของจางกงกงแตะหลังมือเธอแผ่วเบา “เสี่ยวหยา ข้าต้องการให้เจ้าช่วย” เธอมองเขาอย่างระแวดระวังแต่ก็แฝงความเป็นห่วงอย่างสุดซึ้ง “ช่วย...อย่างไรเจ้าคะ”


“ช่วยข้าตามล่าเอกสารนั้นกลับมา” เสียงของเขาสงบนิ่งแต่หนักแน่นราวคำสาบาน “เจ้ามีอิสระมากกว่าข้าเสี่ยวหยา การที่ข้าขยับตัวในตอนนี้อาจทำให้จางทังเป็นอันตราย ข้าจำเป็นต้องเชื่อใจใครบางคน และข้าเลือกเจ้า”


แววตาหลินหยาสั่นระริกชั่วขณะ นางรู้ดีว่าคำว่าเชื่อใจจากปากจางกงกงไม่ได้พูดง่าย ๆ เขาเป็นคนที่ไม่ไว้ใจแม้แต่เงาตัวเอง แต่กลับยอมพูดคำนี้กับนาง เธอสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนเอ่ยเบา ๆ “ข้าจะช่วย...แต่ขอให้ท่านสัญญาอะไรบางอย่างได้หรือไม่เจ้าคะ”


เขาเลิกคิ้ว “สัญญา?”

“ว่านี่จะไม่ใช่แผนอีกอันที่ข้าไม่รู้” เธอมองเขาตรง “และว่าท่านจะไม่ปิดบังข้าอีก”


รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนมุมปากซีดของจางกงกง ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความอ่อนล้าแต่แฝงความอบอุ่นอันน่าหวั่น “ข้าสัญญา...ในแบบของข้า” หลินหยาสบตาเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอื้อมมือไปแตะข้อมือเขาเบา ๆ “งั้นก็บอกมาเถิดเจ้าค่ะ จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้อยู่ที่ไหนกันแน่”


แสงโคมสั่นไหวบนผิวพรรณซีดจัดของจางกงกงจนดูคล้ายเคลือบด้วยน้ำค้าง เขาพยักหน้าช้า ดวงตาคมกริบเหมือนคมมีดที่เพิ่งลับใหม่ “ข้าจะส่งคนของข้าไปประกบ เจ้าเริ่มจากหอจิวหลิ่งอิน ระวังให้ดี ในนั้นอาจมีไส้ศึกซ่อนอยู่ ปล่อยให้ข้าจัดการส่วนที่ต้องเปื้อนมือ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้…อย่าได้กังวลไป” น้ำเสียงนุ่ม แต่ในนวลนั้นตึงแน่นด้วยอำนาจที่คุมสนามให้เงียบลงทั้งศาลา


หลินหยาพยักหน้ารับ แววตาโค้งเป็นรอยยิ้มวาววับ “ข้าจะไปเมื่อฟ้าสางเจ้าค่ะ ท่านไม่ต้องห่วง ข้าดูแลตัวเองได้ ท่านเองก็เหมือนกันอย่าทำให้ข้าต้องกลับมาปรามท่านนะเจ้าคะ” นางขยับเข้าใกล้แค่ระยะลมหายใจ แตะปลายนิ้วกับขอบพัดในมือเขาราวกับสะกิดเส้นประสาทให้ตื่น “หากที่นี่ไม่ใช่ตำหนักในวัง ข้ากอดท่านไปแล้ว…ข้าคิดถึงท่านนะเจ้าคะ”


รอยยิ้มของจางกงกงกระตุกขึ้นทีละเสี้ยว ดวงตายาวเรียวทอประกายอันตรายปนอบอุ่น มือเขาเลื่อนจากสันพัดลงมาเหมือนจะประคองกรอบหน้าของนางขึ้นจูบอย่างไม่สนหน้าอินหน้าพรม ท่วงท่าอ่อนช้อยแต่แฝงแรงครอบครองที่คมชัดกว่ามีดพิธี หน้าผากเขาโน้มลงเพียงคืบ ไหล่ผ้าสีแดงปักดิ้นทองไหววาบสะท้อนแสงโคมเหมือนไฟจะติด ทว่าหลินหยาหลับยกมือแตะอกเขาเบา ๆ ดันไว้พอดีองศา “ห้ามทำเจ้าค่ะ” นางเชิดคางน้อย ๆ แววตากึ่งล้อกึ่งเตือน “ไว้รอบหน้า ถ้าท่านทำตัวดีข้าจะให้ทำ” ปลายเสียงหวานจัดจนกัดลิ้น แล้วนางก็ถอยฉากอย่างแมวที่ชำนาญหลังคา ทิ้งระยะให้เขาคิดถึงโดยเจตนา


จางกงกงหัวเราะในลำคอแผ่วต่ำ “กล้าต่อรองกับข้าเช่นนี้ มีเพียงเจ้า เสี่ยวหยา” พัดในมือเขาหุบแนบข้างลำตัว ดวงตายังไม่ยอมปล่อยร่างนางจากกรอบสายตา “ตอนเช้าจะมีคนตามเจ้าไว้ เจ้าไม่ต้องกังวนเมื่อเจ้าเห็นแล้วจะรู้เอง” เขาเอียงหน้าเล็กน้อย เสียงทุ้มหยุดที่คำสุดท้ายเหมือนตราประทับ “และหลินหยา อย่าลืมว่าเจ้าคือของข้า”


หลินหยายิ้มแสนหวานจนความหวานนั้นกลายเป็นหนามยอกใจจงฉางชื่อ “ของตัวเองก่อนเถิดท่าน แล้วค่อยอ้างสิทธิ์คนอื่น” นางค้อมศีรษะพองาม รับคำสั่งโดยไม่แสดงท่าทีว่าจะยอมให้ใครคุมมากกว่าที่ควร “พบกันคราวหน้าเจ้าค่ะ ท่านจงฉางชื่อ” นางหมุนกาย ผ้าสีน้ำแข็งเคลื่อนไหวเหมือนคลื่นในชามหยก ก้าวลงบันไดศาลาด้วยฝีเท้านิ่งและเร็วพอดี ลมกลางคืนพัดพาเอากลิ่นกฤษณาจาง ๆ ของนางให้ย้อนกลับไปหาคนที่ยืนมองอยู่ จางกงกงยืนนิ่ง ปลายนิ้วของเขาที่ถูกปฏิเสธเมื่อครู่ยังคงอุ่นด้วยความปรารถนาที่ถูกหยุดครึ่งทาง ดวงตาคมกริบยิ้มไม่หมดแต่ขอบมุมปากตั้งใจแน่วแน่กว่าเดิม


ก่อนพ้นแนวเสา จางกงกงนั้นแล้วเฝ้ามองแผ่นหลังบางเฉียบลับเข้าเงาทางเดิน ราตรียังคงนิ่ง แต่ลมหายใจของศาลาจื่อเถิงฮวากลับอุ่นขึ้นหนึ่งจังหวะ พอให้รู้ว่าศึกใหญ่เริ่มนับเวลา และคนสองคนที่รักกันอย่างดื้อรั้นต่างเก็บความคิดถึงไว้อย่างมีระบบ เพื่อเอาแรงไปแทงกลางหัวใจศัตรูในยามเช้าที่กำลังจะมาถึง


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

แสดงความคิดเห็น

(พาร์ทเสริม: เจ้าสัวโอวหยางเสนอ นำเอกสารที่คุณกำลังตามหาให้จงฉางชื่อมาให้เขา แล้วเขาจะมอบเงินให้ 800 ตำลึงทอง +3 หัวใจกับโอวหยาง แต่จะสูญเสียหัวใจจางทังและจางกงกง -20 ดวง โพสต์ เมื่อวาน 09:30
หลังแยกกับจางกงกงไม่ทันออกจากฉางอัน ระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปตะวันออกคุณพบเจอเกี้ยวหรูหรามาดักรอ ก่อนเจ้าสัวโอวหยางลงมาจากเกี้ยว  โพสต์ เมื่อวาน 09:29
โพสต์ 91,535 ไบต์และได้รับ +15 EXP +1 Point [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +40 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ เมื่อวาน 01:20
โพสต์ 91,535 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ เมื่อวาน 01:20
โพสต์ 91,535 ไบต์และได้รับ +35 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +35 ความโหด จาก เกราะทองเทวะ  โพสต์ เมื่อวาน 01:20
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ตำราขนมหวานสูตรลับ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x30
x4
x10
x12
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x5
x8
x2
x2
x4
x21
x8
x20
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x5
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x17
x6
x93
x51
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x197
x55
x68
x68
x4
x105
x5
x9
x4
x3
x8
x4
x2
x15
x69
x1
x1
x7
x52
x36
x47
x16
x140
x7
x10
x10
x26
x10
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x135
x55
x28
x70
x54
x49
x3
x3
x117
x11
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x24
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x10
x14
x48
x3
x1
x3
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้