[ตำหนักตงเฉิน | 冬晨宫]

[คัดลอกลิงก์]







冬晨宫

ตำหนักตงเฉิน

{ เขตราชฐานชั้นใน }









【 ตำหนักตงเฉิน 】


เขตตำหนักขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านตรงข้ามกับทิศของหมู่ตำหนักแห่งฟากฝังคิมหันต์ย่อมต้องเป็นตำหนักทิศเหมันต์ที่เปี่ยมไปด้วยพืชพันธุ์ยืนต้นและมวลผกาที่แสนทนทาน ตำหนักตงเฉินใช่ว่าเป็นที่คึกคักให้ผู้คนสัญจร หากคิดจะผ่านมาที่แถวบริเวณนี้ย่อมต้องเป็นความตั้งใจ ตัวเรือนล้วนถูกสร้างด้วยไม้ชั้นดีขัดจนขึ้นเงาสลับกับหินขาวราคาแพงช่วยเสริมให้ดูรื่นเริงไม่หมองเศร้าอีกทั้งในเขตตำหนักยังมีบึงน้ำพร้อมด้วยทางเดินลัดเลาะข้ามบึงให้บรรยากาศร่มเย็น ก่อนจะถัดมาพบเรือนรับรอง รวมไปถึงเรือนสันทนาการที่เชื่อมกับเรือนพักใหญ่ของเจ้าตำหนัก จนเรียกได้ว่าแบ่งพื้นที่กันอย่างลงตัว ส่วนที่เหลือนั้นก็ปล่อยไว้ให้เป็นทิวทัศน์ทะเลบุปผาหลายสายพันธุ์ที่ชูช่ออวดโฉมอยู่ใกล้กับเหล่าต้นไม้ภายในที่ส่วนมากมักเป็นต้นแปะก๊วยผสมปนเปไปกับต้นเหมยและตู้เจวียน



 
˚₊· ͟͟͞͞➳❥  ไม่มีผู้ใดทราบว่าเหตุใดฝ่าบาทจึงมอบตำหนักตงเฉินให้แก่ ' ลู่เจี๋ยยวี๋ ' คล้อยหลังจากเรื่องวุ่นวายที่ผ่านมาข่าวลือเรื่องความโปรดปรานที่โอรสสวรรค๋มีต่อเทพธิดาจำแลงก็ยังไม่เสื่อมลง แล้วเหตุใดถึงได้มอบตำหนักลับแลที่ผู้คนแทบจะหลงลืมไปแล้ว คำตอบของเรื่องนี้แม้จะไม่ถูกประกาศออกมาแต่ก็กระจ่างชัดนักเมื่อได้มาเยือนให้เห็นกับตา ' ตำหนักแรกอรุณแห่งเหมันต์ ' ที่ร่มรื่นและเต็มไปด้วยทิวทัศน์งดงามนับว่ามีอยู่เพื่อรองรับ ' เทพธิดาจำแลง ' ขนานแท้ ไม่ว่าจะความงามของสถานที่ หรือความพิลาสล้ำเกินมนุษย์ของผู้ถือครองเมื่อได้พบทั้งสองพร้อมหน้าก็ราวกับได้มาเยือนถึงแดนสวรรค์






【 พระสนมแห่งตำหนักตงเฉิน 】
เกล็ดขาวล้อมโปรย ลมโชยย้อมหยก



ชื่อสกุล —  ลู่ไป๋หรั่น | 璐白染
สมญานาม —  เทพธิดาจำแลง
ตำแหน่ง —  เจี๋ยยวี่

  { บันทึกจารึกแห่งหยก }





ชื่อสกุล —  หลิว หรูเยี่ยน
ตำแหน่ง —  หลิงหยวนกงจู่


  { บันทึกกงจู่น้อย }





ชื่อสกุล —  เว่ยปินกงกง
ตำแหน่ง —  หัวหน้าขันทีปะจำตำหนักตงเฉิน


  บันทึกข้อมูลขันที }












แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 19699 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-8-1 09:54

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
655
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-8-3 23:53:25 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-8-4 00:07




ตำหนักตงเฉินและผู้มาเยือน
วันที่ 31 เดือน 7 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
เวลายี่สิบนาฬิกาเป็นต้นไป


ตำหนักตงเฉินไร้นายมาหลายปีแต่ก็ไม่เคยมีประกาศให้ผ่อนการดูแลลง กระทั่งในวันนี้ในที่สุดตำหนักตงเฉินก็ได้กลับมาเฉิดฉายในฐานะตำหนักอันเป็นที่พำนักของหนึ่งในพระสนมที่น่าจับตามองในช่วงเวลาที่ผ่านมา .. ท่ามกลางทิวทัศน์ร่มรื่นชวนให้มองของตำหนักตงเฉินมีหนึ่งร่างเพรียวระหงส์ภายใต้อาภรณ์สีครามไล่ระดับจากอ่อนไปเข้มอยู่นางหนึ่ง สตรีผู้นั้นโน้มกายลงและยื่นมือออกไปเช็ดคราบเขม่าควันบนกลีบดอกไม้สีเหลืองฉูดฉาดเกิดเป็นภาพของสองสีตรงข้ามกันที่ขับเน้นให้ต่างฝ่ายต่างก็ดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

กว่าจะได้มาซึมซับกับบรรยากาศเงียบสงบที่แสนงามนี้นับว่านางผ่าน ‘ มรสุม ’ มามาก

ไป๋หรั่นสูดหายใจเข้ารับเอากลิ่นมวลบุปผาพร้อมทั้งกลิ่นอายชื้นฉ่ำจากบ่อน้ำเข้าสู่ร่างพลางเคลื่อนนัยน์ตาเข้มขลับราวมณีนิลมองสองฝั่งรอบกาย จริงอยู่ที่ตำหนักตงเฉินจะงามได้อย่างเต็มรูปแบบก็เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว แต่ทิวทัศน์ปัจจุบันที่เห็นได้ในฤดูอื่นก็ใช่ว่าจะเป็นรองตำหนักใด

นงคราญหยกยกมือขึ้นรับสิ่งมีชีวิตบอบบางตัวกระจ้อยอย่างผีเสื้อที่โน้มร่อนลงมาใกล้

คงเป็นเพราะตำหนักตงเฉินมีทั้งต้นไม้สูงและดอกไม้ต่ำทำให้บรรยากาศโดยรอบดูคล้ายอุทยานหรือไม่ก็พื้นที่ใจกลางป่าที่มีลำน้ำล่อเลี้ยงไปตลอดสายทำให้ภายในพื้นที่ประกอบไปด้วยสัตว์เล็กสัตว์น้อยมากมายชวนให้ปวดหัวปวดใจว่าสมควรจะจัดการนำพวกมันอย่างไร อันที่จริงหากมีแค่ผีเสื้อก็ไม่เท่าไหร่ .. แต่สองวันมานี้นางเจอนกเผลอบินมาติดซอกคานระเบียงทางเดินของตำหนักอยู่ไม่น้อยเลย

“ ไปเถอะ เลือกสักดอกที่เจ้าชอบ ” ลู่ไป๋หรั่นกระดิกนิ้วเล็กน้อยเป็นการไล่ให้ผีเสื้อปีกน้ำตาลตัวหนึ่งโผบินขึ้นจากมือขาวผุดผาด อย่างไรเสียในฐานะเจ้าบ้านผู้มีเมตตานางย่อมสามารถแบ่งดอกไม้กับสัตว์ที่หากินกับของประดับบ้านของนางได้โดยไม่ทุกข์ร้อนแต่อย่างใด

“ พระสนมระวังผึ้งด้วยนะเจ้าคะ ” ถัดออกไปด้านหลังยังมีนางกำนัลประจำตำหนักกลุ่มหนึ่งคอยสอดส่องดูแล แม้จะรู้ดีว่าเจี๋ยยวี่คนใหม่ที่ขึ้นมาเป็นนายของพวกตนนับว่าเป็นสตรีที่ดูแลง่ายผู้หนึ่ง

ลู่เจี๋ยยวี่ไม่ใช่คนแสนซน เจ้าอารมณ์ หรือมากปัญหา นางถามในสิ่งทึ่ควรรู้และสำรวจเท่าที่ทำได้ภายในขอบเขตที่ไม่ทำให้เหล่านางกำนัลต้องใจหายใจคว่ำจนนับว่าเป็นผู้ที่รักษากิริยามารยาทได้อย่างดียิ่งทั้งในสายตาคนหมู่มากและลับหลังสายตาเหล่านั้น อีกทั้งยังเป็นคนเก่งที่ดูแลตัวเองได้โดยไม่ต้องรอให้ใครมาประเคนสิ่งต่าง ๆ ทำให้เหล่านางกำนัลล้วนชื่นชมในความเสมอต้นเสมอปลายในทางที่ดีของนาง

“ ไม่ต้องห่วงข้า พวกเจ้าไปเตรียมชาเถอะ ”

ผู้ชำนาญการด้านชาเมื่อได้ย้ายมาอยู่ในตำหนักของตัวเองก็ดูจะใช้เวลาอยู่กับชามากขึ้นโดยที่นางเองก็ไม่ทันได้รู้ตัว อากาศช่วงกลางคืนที่ตำหนักตงเฉินค่อนข้างเย็นและอีกอย่างนางเองก็ไม่ค่อยชินกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปดังนั้นสิ่งเดียวที่ช่วยให้ผ่อนคลายรวมไปถึงคลายหนาวย่อมมีแค่ชาร้อน ๆ ของว่างอุ่น ๆ หรือไม่ก็หาอะไรทำให้ร่างกายเหนื่อยล้า

“ เข้าใจแล้วเจ้าค—- เฮือก

นางกำนัลที่เกาะกลุ่มกันอยู่แทบจะทรุดลงพื้นไปพร้อมกันถ้าไม่ใช่ว่ามีสายตาห้ามปรามจากฝั่งผู้มาเยือนที่ก้าวเข้ามาป่านนี้ทั่วทั้งทางเดินคงเต็มไปด้วยเสียงถวายพระพร ชายร่างปราดเปรียวในชุดมังกรสีนิลสื่อสารผ่านสายตาเพื่อไล่คนออกไปโดยที่ไม่ทำให้คนในที่ตนตั้งใจมาพบต้องรู้สึกตัว

เจ้าแผ่นดินผู้นี้ไม่ได้คิดที่จะอยู่นานเพราะเขาตั้งใจมาเพื่อตรวจสอบว่า ‘ นาง ’ ใช้ชีวิตปกติดี ไม่ได้ไปมีเรื่องมีราวที่ไหน เพราะเมื่อประมาณสองวันก่อนในตอนที่ราชโองการเลื่อนขั้นนางประกาศออกไป เขาพึ่งจะได้รับรายงานจากภายในที่รีบร้อนเข้ามาแจ้งให้ทราบว่าลู่เจี๋ยยวี่เกิดเรื่องกระทบกระทั่งกับผู้อื่นอีกแล้ว

นางเป็นตัวปัญหาน้อย ตัวปัญหาที่เขาไม่คิดว่าจะสร้างเรื่องสร้างราวได้บ่อยขนาดนี้

หลิวเช่อหรี่ตาลงมองแผ่นหลังในเครื่องแบบเจี๋ยยวี่ที่ให้ความรู้สึกแปลกตาไปจากเดิม มันต่างจากในตอนที่เคยเห็นนางสวมเครื่องแบบเหม่ยเหริน ในยามนั้นนางดูเหมือนเด็กสาวหัวอ่อนเจ้าน้ำตาที่เข้มแข็งเกินคาด ผิดกับในตอนนี้ที่ดูคล้ายบุปผาบานสะพรั่งภายใต้สีสันคมเข้มชวนให้สัมผัสได้ถึงเสน่ห์ลุ่มลึกทั้งที่ยังไม่ทันได้เห็นหน้า จนถึงกับทำให้เขาผู้ที่ไม่ใส่ใจในข่าวลือใดถึงกับกระจ่างคนถึงพากันเรียกนางว่า ‘ จิ้งจอก ’

ลมสายัณห์พัดเอากลิ่นดอกตู้เจวียนลอยเข้าสู่ตัวตำหนักพร้อมกับพัดกายบางให้หันกลับสู่ระเบียงทางเดินที่มีผู้มาเยือนนั้นยืนอยู่ ภายใต้แสงอาทิตย์สีส้มที่ถักทอริ้วทองลงบนผืนฟ้าที่เริ่มหม่นแสง สองร่างที่ยืนประชันกันอยู่นั้นช่างแตกต่าง ผู้หนึ่งคือโอรสสวรรค์ที่ยืนอยู่เหนือคนนับหมื่น ถือครองความสามารถและสติปัญญาองอาจเช่นมังกร ส่วนอีกรายคือสาวงามหยาดฟ้าปานเทพธิดาที่แฝงไว้ซึ่งความเย้ายวนตามธรรมชาติชวนให้เป็นที่รักใคร่เอ็นดู

หากมีใครสักคนเดินมาเห็นภาพนี้ก็คงได้แต่พากันตะลึงในความ ‘ โดดเด่นเป็นเอกเสมือนว่าหาใช่มนุษย์ ’ ของทั้งสองที่แม้จะแตกต่างกันไปคนละด้านแต่ก็สามารถผสมกลมกลืนกันจนเป็นเนื้อเดียวได้

“ … ”

“ … ”

โอรสสวรรค์หลุบตามองโฉมหน้าของผู้ครองตำหนักตงเฉินด้วยสายตาเรียบเย็น

ลู่เจี๋ยยวี่คล้ายกับสตรีมากมายที่เขาเคยพบนั้นคืองามถึงขนาดที่สามารถพรากใจคนได้เพียงแค่สบตา เสียก็แต่หญิงสาวเหล่านั้นคืองูพิษที่มาพร้อมกับภัยร้าย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายปีในชีวิตของเขานึกชิงชังสตรีงามมาโดยตลอด ทว่ากับลู่ไป๋หรั่นนั้นดูเหมือนจะแตกต่างออกไป.. อย่างไรเสียนางก็คือโฉมงามที่มากไปด้วยเสน่ห์อย่างที่สามารถทำให้คนเช่นเชานึกระแวงแต่ในขณะเดียวกันเมื่อนึกถึงบุคคลที่สามารถสนทนาด้วยได้แม้จะอยู่ในลำดับที่รั้งท้ายแต่อย่างน้อยก็ยังมีชื่อนางอยู่ในนั้น

คงเป็นเพราะเหตุนี้กระมังที่ทำให้เขาตัดสินใจมอบตงเฉินให้กับนาง เพราะที่แห่งนี้สงบ งดงาม เหมาะแก่การจิบชาและสนทนาเหมือนกันกับตัวตนของสตรีแซ่ลู่ที่มองดูแล้วก็คิดว่าคงไม่เป็นไรหากเขาจะเก็บนางไว้ใกล้ตัว

“ ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท ”

“ ลุกขึ้น ”

ไป๋หรั่นลุกขึ้นตามการอนุญาตของหวงตี้ นางก้มหน้าลงเพื่อเก็บสายตาประหลาดใจของตนเองพลางก้าวเข้าไปหาโอรสสวรรค์ด้วยท่าทีไม่รีบร้อน “ ตะวันคล้อยแล้ว ฝ่าบาทเสด็จมาเช่นนี้มิทราบว่าทรงได้เสวยพระกระยาหารหรือยังเพคะ อยากให้หม่อมฉันส่งคนไปแจ้งห้องเครื่องให้จัดสำรับมาที่นี่หรือไม่? ” นงคราญหยกกล่าวขึ้นตามความรู้สึกที่คิดว่าดีหากพูดออกไป อีกฝ่ายเป็นสวามีอย่างไรก็คงไม่ต่างจากคนในครอบครัวที่กลับบ้านหลังจากทำงานมาทั้งวัน..

ทว่าในสายตาหลิวเช่อการต้อนรับเช่นนี้กลับเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดชนิดหนึ่ง นี่ไม่คล้ายกับตอนของเจี๋ยยวี่เจ้าของตำหนักเถียนเซี่ยที่เคยถามว่าตนต้องการสิ่งใดก่อนเข้านอนหรือไม่ ยามนั้นเป็นความขบขันระคนใคร่รู้ที่ต้องการจะทดสอบผู้ที่มีท่าทีรับมือไม่ถูก แต่กับยามนี้.. เนตรมังกรตวัดขึ้นมองร่างบางด้วยแววตาคมกริบ โอรสสวรรค์มองดูใบหน้างุนงงของสนมข้างกาย

นางพูดอย่างลื่นไหลราวกับกำลังต้อนรับเขากลับบ้าน

ประเดี๋ยวก่อน ‘ กลับบ้าน? ’

ฮั่นอู่ตี้เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเค้นหัวเราะออกมาด้วยสีหน้าที่ดูรำคาญใจ “ สมควรจัดการเช่นไรก็จงทำเช่นนั้น ” พระเจ้าแผ่นดินสะบัดแขนเดินมุ่งเข้าไปในตำหนักราวกับรู้เส้นทางเป็นอย่างดีท่ามกลางความงงงวยของสนมที่ถามเขาอย่างใส่ใจ

เหตุใดถึงดูเหมือนนางทำผิดต่อเขา?

นงคราญหยกกะพริบตาปริบ ๆ พลางอ้าปากคล้ายจะพูดบางอย่างแต่สุดท้ายก็ปิดริมฝีปากกลับไปเช่นเดิม ในเมื่อตรงหน้าไม่มีคู่กรณีให้สอบถาม นางก็ได้แต่ถอนหายใจและเร่งคิดหาวิธีรับมือแบบด่วนจี๋ในระหว่างที่รีบย่ำเท้าตามหลังแขกผู้มาเยือน

“ ไปแจ้งห้องเครื่องให้ส่งสำรับมาที่ตำหนักตงเฉิน ” นี่คือประโยคแรกที่นางพูดกับนางกำนัลที่ยืนตัวสั่นงึก ๆ ด้วยความประหม่าเมื่อเห็นว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้านั้นคือใคร ไป๋หรั่นใช้มือตบลงบนบ่าเล็กเชิงว่าให้กำลังใจกับคนงานของตัวเองก่อนจะเป็นฝ่ายยื่นมือรับถาดน้ำชาและก้าวเข้าไปใกล้ชายภูษามังกรที่ยืนชมภาพเขียนซึ่งแขวนอยู่ด้านใน นางรินชาลงจอกช้า ๆ ก่อนจะวางจอกชาไว้บนถาดและยกขึ้นทูนถวายข้างกายหวงตี้ “ เพราะไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะเสด็จมาหม่อมฉันจึงไม่ทันได้เตรียมสิ่งใดไว้รับเสด็จ อย่างไรพระองค์ก็ทรงเสวยชาบุปผาก่อนเถิดเพคะ ”

ฝ่ายหลิวเช่อที่ไม่ได้คิดจะปฏิเสธน้ำใจให้นางต้องเสียหน้าผู้คนพยักหน้าเป็นการตอบรับหนึ่งครั้งจากนั้นค่อยยกมือขึ้นหยิบจอกชามาถือไว้ในมือทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากภาพวาดชิ้นงาม

“ หากฝ่าบาททรงชอบ.. ภาพวาดนี้ของยอดกวีหลี่ให้หม่อมฉันส่งไปที่ตำหนักเว่ยหยางดีหรือไม่เพคะ ”

ภาพวาดที่ฮั่นอู่ตี้พิจารณาอยู่นั้นเป็นหนึ่งในรายการสิ่งของที่ติดมากับหีบสินสอดฝ่ายสตรี ระดับคหบดีอันดับหนึ่งแห่งลั่วหยางส่งบุตรสาวเข้าวังทั้งทีไหนเลยจะยอมน้อยหน้า เขาใช้เวลาหนึ่งเดือนควานหาของล้ำค่ามามากมายราวกับต้องการให้นางเป็นองค์หญิงที่สามารถใช้ชีวิตอย่างเฟื่องฟูได้ตลอดทั้งชาติ ทว่าเรือนเมิ่งเหยาไม่สะดวกให้นำข้าวของมาจัดวาง รอจนกระทั่งนางได้รับตำหนักเป็นของตัวเอง บรรดาของตกแต่งและสะสมเหล่านี้จึงได้ออกจากหีบมาอวดโฉม

“ ไม่จำเป็น ” ตำหนักเว่ยหยางไม่ขาดของล้ำค่า และภาพวาดนี้เดิมทีก็ใช่ว่าจะเลิศล้ำจนอยากเก็บไว้กับตัว หลิวเช่อเพียงแค่รู้สึกว่าการที่มีภาพวาดที่ดูคล้ายจะเป็นรสนิยมของเหล่าบัณฑิตเช่นนี้แขวนอยู่ในตำหนักตงเฉินนับว่าเหมาะสมชวนให้มองอยู่ไม่น้อย

ฮั่นอู่ตี้ละสายตาจากภาพวาดชั้นดี เปลี่ยนมาเป็นการกวาดมองรอบด้านที่เปลี่ยนไปจากความทรงจำของเขา เมื่อก่อนตำหนักตงเฉินมักเป็นที่พำนักของสนมผู้เคร่งคัดในศาสนาและความมัธยัสถ์ทำให้ที่นี่งดงามโดยอาศัยสภาพแวดล้อมเป็นองค์ประกอบเดียว ทว่าเมื่อตำหนักชั้นดีเช่นนี้ตกมาอยู่ในมือคนที่รู้จักตกแต่งอย่างพอประมาณ.. ก็ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าดูดีขึ้นมาก หลิวเช่อเลื่อนสายตาผ่านเครื่องเรือนชิ้นแล้วชิ้นเล่า จวบจนสะดุดกับร่างอรชรที่นั่งอยู่บนเก้าอี้กลางห้องพร้อมถือสะดึงปักผ้าขนาดพกพาพลิกไปมาอยู่ในมือ

โอรสสวรรค์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ซึ่งอยู่คนละฟากกับตัวที่นางนั่งอยู่ ลู่ไป๋หรั่นเงยขึ้นหน้ามองสวามีข้างกายเล็กน้อย หลิวเช่อเห็นว่าริมฝีปากของนางเหยียดออกเป็นรอยยิ้มเบาบาง ส่วนหลังจากนั้นไม่นานนางก็ก้มลงกลับไปง่วนอยู่กับการปักผ้าเช็ดหน้าเช่นเดิม ส่วนตัวเขาเองที่ไร้ซึ่งคำพูดใดก็เพียงแค่ยกชาขึ้นจิบซึมซับไปกับรสหวานที่แผ่กระจายทั่วโพรงปากสลับไปกับทิวทัศน์อันงดงามของตำหนักตงเฉินท่ามกลางสายลมโชยเอื่อยและท้องฟ้าที่เริ่มมืดลงไปทีละน้อย

หลังจากผ่านไปได้ครึ่งก้านธูป เหล่านางกำนัลจากห้องเครื่องก็ยกสำรับมาจนถึงตำหนักตงเฉิน

ฮั่นอู่ตี้ยังคงปล่อยให้นางได้ร่วมทานอาหารไปพร้อมกับเขา ครั้งนี้ต่างไปจากครั้งก่อนเล็กน้อยแม้ตอนต้นจะยังเป็นสนมแซ่ลู่ที่ตั้งน้ำแกงใส่ถ้วยและนำมาวางตรงหน้าเขาจนนับได้ว่าเป็นหนึ่งในการปรนนิบัติส่วนหนึ่งเหมือนอย่างเคย แต่ตอนนี้อย่างน้อยนางก็ยอมถือตะเกียบไว้ในมือคล้ายว่ารอให้ถึงเวลาแล้วค่อยลงมือทาน หลิวเช่อไม่นึกใส่ใจในส่วนนี้ เขาไม่ถือสาหากนางจะทานพร้อมกัน แต่หากนางต้องการทานทีหลังนักก็ให้มันเป็นเช่นนั้น ทว่าในจังหวะที่เขาเหลือบตาขึ้นก็กลับพบว่ามีสายตาอ่อนโยนหนึ่งคู่กำลังมองมาอย่างสงบเงียบ

“ หม่อมฉันกำลังสังเกตว่าแท้จริงแล้วฝ่าบาททรงโปรดจานใดหรืออาหารรสชาติแบบไหนเป็นพิเศษหรือไม่เพคะ ” ลู่เจี๋ยยวี่ตอบพร้อมอมยิ้มในทันทีที่เห็นกระแสความสงสัยกึ่ง ๆ หวาดระแวดระวังมาจากผู้เป็นสวามี หลังจากตอบให้อีกฝ่ายฟังแล้วนางก็หันไปรินชาและเลื่อนให้อีกฝ่ายได้ดื่มเพื่อล้างปาก

“ แล้วได้คำตอบหรือไม่ ”

“ น่าเสียดายนัก .. เหมือนว่าจะไม่ได้เลยเพคะ ”

ครู่หนึ่งในแววตาของโอรสสวรรค์ดูจะมีความขบขันในความซื่อตรงของนางอยู่บ้าง หลิวเช่อหวนระลึกถึงเหตุผลที่ทำให้เขานึกระแวงไปก่อนหน้านี้ เพราะชีวิตในฐานะเชื้อพระวงศ์ทำให้เขาต้องระมัดระวังตัวอยู่เสมอไม่เว้นแม้แต่เรื่องการทานอาหาร ที่หากแสดงออกว่าโปรดสิ่งใดชอบประเภทไหนแค่เพียงนิดก็อาจกลายมาเป็นภัยร้ายถึงชีวิต ดังนั้นตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาเขาจึงจำเป็นต้องควบคุมกิริยาอย่างเข้มงวดในทุก ๆ เรื่องเพื่อไม่ให้มีจุดอ่อนใดเกิดขึ้น

“ ถ้าอย่างนั้นก็เลิกทำอะไรไร้สาระแล้วทานเสีย ”

เจี๋ยยวี่แซ่ลู่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นี่นับว่าเป็นการตอบรับในเชิงที่ดีหรือเปล่าล่ะเนี่ย.. ?

“ ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันไม่เกรงใจแล้วนะเพคะ ” สาวงามเช่นหยกวาดยิ้มเผยเขี้ยวเล็ก ๆ ชวนให้รู้สึกสดใสแสนซน หลิวเช่อที่เพียงแค่ชำเลืองตามองภาพนั้นค่อย ๆ เบือนสายตาออกไปอีกทางก่อนจะก้มลงคีบอาหารเข้าปาก ท่ามกลางความยินดีของนางกำนัลห้องเครื่องที่ลอบปลาบปลื้มอยู่ในใจว่าในที่สุดระหว่างฮั่นอู่ตี้และลู่เจี๋ยยวี่ก็ได้มีประสบการณ์ร่วมโต๊ะแบบปกติกับคนอื่นเขาเสียที !

หลังจากทานมื้อค่ำร่วมกันจนครบกระบวนแล้ว ลู่เจี๋ยยวี่ขอปลีกตัวออกไปเอาบางสิ่งมาถวายแก่ฝ่าบาท ซึ่งหลิวเช่อเองก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด กระทั่งเมื่อผ่านไปได้ราว ๆ หนึ่งเค่อ ในที่สุดตัวคนก็กลับมา

“ ฝ่าบาท ทรงเสวยซิ่งเหรินโต้วฟูสักหน่อยสิเพคะ ”

น้ำเสียงใสละมุนดังขึ้นเรียกให้ผู้ที่นั่งกึ่งเอนอยู่บนตั่งต้องละสายตาออกจากคัมภีร์บัญญัติลัทธิเต๋าที่เขาพึ่งจะหยิบออกมาจากชั้นหนังสือภายในเรือน แน่นอนว่าเจ้าของเสียงที่เรียก ‘ ฝ่าบาท ’ นั้นย่อมไม่ใช่ใครอื่น สายตาของโอรสสวรรค์นั้นจรดลงอยู่กับเงาร่างอรชรอ่อนช้อยสีครามเข้มที่กำลังวางซิ่งเหรินโต้วฟูสองจานลงกับโต๊ะที่อยู่ไม่ไกล “ …? ” เมื่ออยู่กับนางเขาไม่จำเป็นต้องถามด้วยคำพูด ในตอนที่เนตรมังกรอันแสนแยบยลสบกับเนตรหงส์คู่งามนั้นก็คล้ายกับว่านางสามารถรับรู้ได้ถึงความคิดของเขา

“ เป็นซิ่งเหรินโต้วฟูนี้แหละเพคะที่หม่อมฉันบอกว่าจะนำมาถวายด้วยตนเอง เห็นว่าห้องเครื่องหลวงส่งมาให้เป็นการพิเศษ ”

ลู่เจี๋ยยวี่ช่วยไขความสงสัยให้เขาด้วยน้ำเสียงเรียบรื่นน่าฟังเป็นอย่างยิ่ง ทว่าในสายตาหลิวเช่อท่าทางเช่นนี้ไม่ต่างอะไรไปจากเด็กน้อย โอรสสวรรค์เค้นหัวเราะในลำคอเป็นเสียงสั้น ๆ หนึ่งเสียงพร้อมหลุบตาลงอ่านเนื้อหาในคัมภีร์ต่อ พลางเอ่ยปากถามไปอีกสักหนึ่งประโยค “ ทำราวกับไม่เคยเห็นไปได้ ”

“ เพคะ หม่อมฉันไม่เคยเห็นซิ่งเหรินโต้วฟูมาก่อน ”

คำตอบที่รวดเร็วปานฟ้าผ่าของนางทำให้หลิวเช่อชะงักในทันที พระเจ้าแผ่นดินช้อนตาขึ้นพบแผ่นหลังที่โน้มลงจดจ้องอยู่กับของว่างที่เขาเห็นจนเบื่อ “ เพราะโต้วฟูสำหรับคนภายนอกนับว่าหายากยิ่ง หากได้มาก็นิยมนำไปทำสิ่งสำคัญเช่นอาหารที่ทานอย่างจริงจังมากกว่าจะนำมาทำของว่าง .. ทว่าสำหรับครอบครัวหม่อมฉัน โต้วฟูนับเป็นของซื้อของขายที่สามารถนำไปทำกำไรได้จึงน้อยนักที่จะมีโอกาสทาน ” สาวงามผุดผาดหยิบช้อนกดลงกับเนื้อโต้วฟูพลางตักบางส่วนขึ้นมาดมราวกับสัตว์พันธุ์เล็กที่สำรวจของกินก่อนจะรับประทานลงไป

กลิ่นหวานผสานไอเย็นทำให้นางตื่นตาตื่นใจ ไป๋หรั่นยืดกายขึ้นหมายจะหันกลับไปถามสิ่งที่ตนสงสัยกับชายที่ดูจะสามารถไขทุกข้อสงสัยในใต้หล้านี้ได้ ทว่าสิ่งที่นางพบกลับเป็นภูษานิลปักลายมังกรในระยะที่ห่างไปจากนางไม่ถึงครึ่งแขน

“ ฝ่าบาท.. ”

โอรสสวรรค์โน้มกายและเหยียดแขนอ้อมเฉียดกายนงคราญหยกลงไปหยิบจานซิ่งเหรินโต้วฟูอีกจานที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนจะก้มลงพิจารณาของว่างจานนั้น “ ข้างนอกมีใครอยู่หรือไม่ ”

“ เพคะฝ่าบาท ” นางกำนัลผู้หนึ่งรีบก้าวเข้ามาด้านในด้วยท่าทีนอบน้อม ทว่านอบน้อมได้ไม่ทันไรก็ต้องงุนงงเมื่อซิ่งเหรินโต้วฟูจานนั้นถูกส่งไปยังมือนางกำนัลที่รออยู่

“ นำไปอุ่น ”

ฮั่นอู่ตี้ออกคำสั่งคำเดียวก่อนจะหันกลับไปนั่งบนตั่งตามเคย ปล่อยให้สตรีสองชีวิตงงเป็นไก่ตาแตก “ แล้ว.. จานนี้ฝ่าบาท ”

“ ไม่เคยกินก็กินไป ”

เป็นอันจบครบทุกข้อสงสัย



ตอนนี้ก็เริ่มดึกแล้ว ล่าสุดที่มีคนเข้ามาแจ้งเวลาก็บอกว่าเป็นกลางยามซวี ทว่าฮั่นอู่ตี้กลับไม่มีท่าทางที่จะเสด็จกลับเสียที พอมาถึงตรงนี้ลู่เจี๋ยยวี่ถึงจะเริ่มร้อนใจขึ้นบ้างแล้วจริง ๆ นางร้อนใจถึงขนาดชงชาไปแล้วสามกา ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นการนั่งคัดอักษรอยู่กับโต๊ะเตี้ยที่พื้น โดยมีหลิวเช่อเอนกายอ่านคัมภีร์ลัทธิเต๋าที่นางก็ไม่ยักรู้ว่ามีอยู่ในเรือนตัวเองบนตั่งด้านหลังที่สูงเหนือขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ

หลิวเช่อทราบดีอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายใช้อักษรข่ายซูอันแสนวิจิตรเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน แม้ว่าปัจจุบันทางราชการจะยังใช้อักษรเสี่ยวจ้วน แต่ด้วยความรู้ที่กว้างไกลของฮั่นอู่ตี้ย่อมต้องอ่านเขียนภาษาฮั่นได้อย่างแตกฉานในทุกตัวอักษร ไม่เว้นแม้แต่ประโยคที่นางกำลังคัดซ้ำไปซ้ำมาว่า 但愿人长久,千里共婵娟 ( ต้านเยวี่ยนเหรินฉางจิ่ว เชียนหลี่ก้งฉานเจวียน ) ที่แปลว่า ‘ ขอเพียงให้เรามีชีวิตยืนยาว ได้ร่วมชมดวงจันทร์แม้อยู่ห่างกันพันลี้ ’

สายพระเนตรของโอรสสวรรค์มองข้ามลำคอขาวผ่องที่โผล่พ้นช่วงคอเสื้อและจรดสายตาอยู่แค่ที่ตัวอักษรเหล่านั้น

นางกำลังคิดไล่เขากลับทางอ้อม ?

อาศัยกระแสความคิดนี้เพียงอย่างเดียว ฮั่นอู่ตี้ที่เคยคิดจะรามือในตอนท้ายก็หักกระบวนเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว “ เจี๋ยยวี่ ” หลิวเช่อเรียกนางเบา ๆ ส่งผลให้เจี๋ยยวี่ผู้นั้นจำเป็นต้องหันกลับมาพร้อมการตอบรับอย่างช่วยไม่ได้

“ ส่งคนไปแจ้งจางกงกงว่าเจิ้นจะค้างแรมที่ตำหนักตงเฉิน ”

“ เพคะ ? ”

อะไรไปดลใจชายผู้ชี้เป็นชี้ตายคนนับหมื่นให้ตัดสินใจค้างตำหนักนางมิทราบ ??

ลู่เจี๋ยยวี่เหม่อลอยไปหนึ่งจังหวะหายใจ ก่อนจะรีบดึงสติกลับมาและเริ่มถามทวนความต้องการของพระสวามีอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว “ พระองค์.. ประสงค์อย่างค้างแรมที่ตำหนักตงเฉิน? ”

“ อืม ”

โอ้ ซือมิ่งเจ้าคะ นี่มันเป็นการเล่นตลกชนิดใดกัน !

แม้จะอยากกรีดร้องใจแทบขาดแต่สุดท้ายนางก็ไม่พ้นได้แต่เก็บคอเก็บปากสงวนกิริยาและท่าทีเพื่อยันตัวลุกขึ้นเดินไปแจ้งแก่นางกำนัลด้านนอกให้ส่งข่าวไปถึงจางกงกง.. พนันเลยสิบตำลึงทองว่าทันทีที่จงฉางซื่อผู้นั้นรู้ข่าว เขาจะต้องรีบปรี่มาที่นี่ด้วยความไวราวควบม้าเร็วมาอย่างแน่นอน

ซึ่งมันก็เป็นไปตามที่นางคาดอย่างพอดิบพอดี

“ ข้าน้อยขอแสดงความยินดีกับพระสนมที่ได้รับเสด็จฝ่าบาท ทั้งยังทำให้ฝ่าบาทสามารถตัดสินใจค้างแรมด้วยตัวพระองค์เอง ” จางกงกงที่ยิ้มจนปากแทบฉีกกำลังประสานมือโค้งลงแสดงความยินดีกับลู่เจี๋ยยวี่ที่จำเป็นต้องออกมารับเขาด้วยตนเองเพื่อแจ้งความต้องการบางส่วน “ หากพระสนมมีความประสงค์ใดอยากให้ข้าน้อยช่วย เชิ— ”

“ ฉลองพระองค์ของฝ่าบาทเล่า ? ”

เรียบง่าย ซื่อตรง ม้วนเดียวจบไม่จำเป็นต้องยึกยักถามมากให้เสียเวลา คำถามนี้ที่ออกจากปากสาวงามผุดผาดคล้ายจะปลุกใจชายหนุ่มให้เต้นโครมครามอย่างเขินอายได้ไม่ยาก “ ถึงข้าน้อยจะสนับสนุนพระสนมด้วยความตั้งใจแต่เกรงว่าเรื่องนี้.. ” วังหลวงในช่วงยุคของเขาไร้ซึ่งนายฝั่งสตรี รูปแบบจำพวกอยู่เฝ้าฟังสัมพันธ์สวาทของผู้เป็นนายเกรงว่าเขาจะไม่เคยฟังมาก่อนฉะนั้นการเห็นสาวงามดั่งหยกเปลี่ยนมาร้อนแรงซื่อตรงเช่นนี้ได้นับว่—‐

“ ฝ่าบาทจำเป็นต้องสรงน้ำก่อนเข้าบรรทม ได้นำฉลองพระองค์มาหรือไม่? อ้อ เจ้าตรงนั้นไปเตรียมน้ำอาบด้วย ให้ฝ่าบาทสรงน้ำที่ด้านในเรือนใหญ่ ประเดี๋ยวข้าจะไปอาบที่เรือนรับรองเอง ” เมื่อได้เห็นลู่เจี๋ยยวี่กำชับงานด้วยหน้านิ่ง ๆ เช่นนั้น ภาพฝันของจางกงกงก็พลันมลาย หัวหน้าขันทีหนุ่มคล้ายจะหน้ามุ่ยขึ้นทันตาเมื่อถูกดับฝันหวานที่สมควรใกล้จะเป็นจริงได้แล้ว

“ เอามาขอรับ ”

“ งั้นก็ดีแล้ว.. จะได้ไม่ลำบากท่านต้องไปมาหลายรอบ พรุ่งนี้ฝากส่งคนส่งฉลองพระองค์ของฝ่าบาทมาที่ตำหนักตงเฉินด้วย ยามเช้าจะให้ฝ่าบาทพลาดเวลาราชกิจเพียงเพราะมาค้างแรมที่ตำหนักข้าไม่ได้ ” ไป๋หรั่นไม่ต้องการข่าวลือจำพวกที่ฝ่าบาทลุ่มหลงในสตรีหรือแบบที่เจาะจงหน่อยก็คือลุ่มหลงในนางจนไปว่าราชการสาย เพราะหากเป็นเช่นนั้นขึ้นมาจริง ๆ ชีวิตนางได้ยุ่งเหยิงยับเยินแน่ นงคราญหยกเอื้อมไปรับถาดภูษาจากมือจางกงกงก่อนจะเดินกลับเข้ามาด้านในที่ยังมีฮั่นอู่ตี้นั่งจิบชารออยู่

“ ฝ่าบาท จางกงกงนำฉลองพระองค์มาส่งแล้วเพคะ มิทราบว่าทรงอยากสรงน้ำก่อนบรรทมเลยหรือไม่ ”

ผู้กล่าวยอบกายลงเล็กน้อย ดูเกรงอกเกรงใจทั้งยังไว้ตัวเป็นอย่างยิ่ง แน่นอนว่าระดับฮั่นอู่ตี้แล้วเขาย่อมทำเพียงแค่ชำเลืองตามองเพียงครั้งเดียว ก่อนจะส่งเสียงอืมเป็นคำตอบ เจี๋ยยวี่แซ่ลู่สูดหายใจเข้า นางเดินถือถาดฉลองพระองค์สำหรับค้างคืนวางไว้ที่บริเวณหนึ่งหลังฉากกั้นห้องอาบน้ำ ก่อนจะเปิดประตูหลังห้องเพื่อปล่อยให้คนงานหาบน้ำอุ่นเข้ามาเทใส่อ่างโดยที่ตัวนางก็ทำได้เพียงเดินกลับไปหาหวงตี้ที่บัดนี้ลุกขึ้นจากตั่งแล้ว

“ หากมีพระประสงค์ต้องการสิ่งใดสามารถเรียกพวกบ่าวได้ทุกเมื่อเพคะ ” เหล่านางกำนัลจากไปพร้อมการทิ้งท้ายไว้อย่างนอบน้อม น้ำในอ่างถูกเติมจนเต็มพอให้คนที่เดินผ่านรับรู้ได้ถึงไออุ่นของน้ำที่ได้รับการต้มมาเป็นอย่างดี ด้วยความรู้สึกประดักประเดิดที่ไม่เคยทำอะไรเช่นนี้มาก่อน ดรุณีหยกก้าวย่างไปหลังฉากกั้นอย่างประหม่าพลางยื่นปลายนิ้วสัมผัสผิวน้ำเบา ๆ

“ น้ำกำลังอุ่นได้ที่เลยเพคะ ฝ่าบาท.. ”

“ มาช่วยเจิ้น ”

หลิวเช่อเดินตามหลังเข้ามาดั่งที่คาด โอรสสวรรค์หาได้ชายตามองนาง เขาทำเพียงแค่กางแขนออกคล้ายบอกผ่านการกระทำเพิ่มอีกทบเพื่อให้นางทราบว่า ‘ ช่วย ’ นี้หมายถึงสิ่งใด ในฐานะสนมการปรนนิบัติสามีเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ไป๋หรั่นสูดหายใจเข้าช้า ๆ นางก้าวเข้าไปยืนใกล้กับผู้ครองแผ่นดินทว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้นางต่างจากสตรีอื่นนั้นกลับยังหลงเหลือเอาไว้ สนมแซ่ลู่หาได้ยืนประชันหน้าเข้าหาฝ่าบาทไม่ นางกลับเลือกมายืนที่ด้านหลังเพื่อที่จะปิดบังท่าทางที่อาจไม่น่าชมของตัวเองซึ่งหลิวเช่อก็หาได้ขัดข้อง

แต่ก็ไม่รู้ว่าเหตุใดนวลแก้มของนงคราญจึงขึ้นสีระเรื่อเปล่งปลั่งเยี่ยงกลีบเหม่ยกุ้ยฮวาลามไปจนถึงใบหู ยากนักที่จะตัดสินว่าเป็นเพราะบรรยากาศกรุ่นร้อนนี้หรือเป็นเพราะความเขินอายที่ต้องมาลงมือทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าต้องทำ

ลู่เจี๋ยยวี่เริ่มต้นด้วยการปลดสายคาดเอวบุรุษออก แม้จะต้องมีการยื่นมือโอบกายหนาบ้างเล็กน้อยเพื่อประคองสายรัดเอวแสนประณีตไม่ให้ตกลงจนเกิดความเสียหายแต่ก็นับว่าหลีกเลี่ยงการโอบที่จะทำให้หน้าอิงกับอกเขา เปลี่ยนมาเป็นการที่แก้มนุ่มนาบลงกับแผ่นหลังชวนให้รู้สึกจั๊กจี้เล็ก ๆ ต่อจากสายคาดเอวย่อมต้องเป็นการปลดเสื้อคลุมยาวชั้นต่าง ๆ ของเขา ไป๋หรั่นรีบจัดการขั้นตอนเหล่านั้นให้เรียบร้อย ก่อนจะเร่งหันหลังพับภูษาเดิมของฝ่าบาทในระหว่างที่สองหูยังคงได้ยินเสียงคนก้าวลงในอ่างน้ำ

“ หม่อมฉันพาดฉลองพระองค์ใหม่ไว้บนราวแล้วนะเพคะ ฉะนั้น .. ”

“ มีอะไรที่ต้องจัดการก็ไปจัดการเสีย ”

คำพูดรวบรัดของเขาทำเอาใบหน้านางร้อนผ่าว เจี๋ยยวี่แซ่ลู่กระแอมกับตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะรับคำว่าเพคะ แล้วเร่งเดินออกไปด้านนอกทิ้งให้อีกฝ่ายใช้เวลาสรงน้ำต่อไปเพียงลำพัง หลังจากนั้นราว ๆ หนึ่งก้านธูป สิ่งที่ต้องจัดการก็เสร็จไปจนครบแล้ว ลู่เจี๋ยยวี่ผู้เป็นเจ้าของตำหนักสูดหายใจเข้าปอดอยู่หน้าประตูโดยมีจางกงกงและนางกำนัลน้อยใหญ่อีกหลายคนส่งสายตาเป็นกำลังใจ

นางคิดว่าคงไม่มีอะไรที่น่ากลัว…

นงคราญหยกผลักประตูเข้าไปด้านใน ก่อนจะหันกลับมาปิดประตูให้แน่นสนิท นางคิดว่าตัวเองทำเวลาได้ค่อนข้างดี กลับมาครั้งนี้อย่างไรก็คงได้ถึงเตียงก่อนเขา บางทีแสร้งทำเป็นหลับไปเลยก็ไม่แ— “ … ” ที่อยู่ตรงหน้านางคือเงาร่างของโอรสสวรรค์ยืนทอดมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างด้วยท่าทางสงบนิ่ง ยามนี้อีกฝ่ายฉลองพระองค์ด้วยชุดเข้าบรรทมดูเป็นธรรมชาติและเข้าถึงง่ายยิ่งกว่าที่เคย

เมื่อเห็นเช่นนั้นนางก็ได้แต่ทำเป็นใจดีสู้เสือ สาวงามรีบเยื้องย่างไปอยู่ข้างกายเขาอย่างเงียบเฉียบทว่ารวดเร็ว

“ ฝ่าบาทยังประสงค์สิ่งใดอยู่อีกหรือไม่.. ”

“ ไม่แล้ว ” ฮั่นอู่ตี้เมื่อกล่าวจบก็ผินกายเดินผ่านโต๊ะที่มีจานอันว่างเปล่าของซิ่งเหรินโต้วฟูสองจานวางเคียงข้างกัน ทั้งหมดเป็นฝีมือการทานของเขาและนางที่ต่างก็ได้ลิ้มลองทั้งซิ่งเหรินโต้วฟูแบบร้อนและแบบเย็นไปพร้อม ๆ กัน นับว่าเป็นประสบการณ์การทานของว่างที่ไม่ชวนให้โดดเดี่ยวจนเกินไป ฉะนั้นแล้วในคืนนี้เองก็คงเป็นเช่นนั้น

ตามปกติแล้วภรรยาต้องนอนด้านใน ส่วนสามีนอนด้านนอก .. สองชีวิตยืนเคียงกันอยู่ข้างเตียงนอน คนหนึ่งสีหน้าสงบ ส่วนอีกคนก็สงบไม่แพ้กัน แต่กระนั้นแววตาก็ยังสั่นระริกด้วยความกังวล หลิวเช่อยังไม่ขึ้นเตียงเพราะตามหลักแล้วจำเป็นต้องให้นางขึ้นไปก่อนจะได้ไม่มีอะไรรบกวนเขาให้วุ่นวาย ทว่าหากให้นางขึ้นไปก่อน ยามดับเทียนนางก็ต้องข้ามตัวเขาไปมาด้วยเช่นกัน ฉะนั้นแล้วยกให้เป็นการตัดสินใจของนางเสียก็สิ้นเรื่องว่าต้องการทำแบบใด อย่างไรเสียเขาเองก็อยากจะรู้ ว่าสนมของตนผู้นี้จะมีความสามารถสักแค่ไหน

“ คืนนี้อากาศดีนัก หม่อมฉันเล่นดนตรีกล่อมพระองค์ดีหรือไม่เพคะ ? ”

อากาศดีเกี่ยวอะไรกับเล่นดนตรีไม่รู้ แต่อย่างไรนางก็ต้องเอาตัวรอดให้ได้ ! ไป๋หรั่นหาได้กลัวการถวายตัว กลัวก็แต่หากถวายไปโดยไร้หลักค้ำยันแล้วจะกลายเป็นนางที่สูญเสียทุกอย่างไปจนไม่สามารถกู้กลับมาได้ ฉะนั้นแล้วจนกว่าจะมั่นใจว่าการมีชีวิตอยู่ในวังหลวงเป็นหนทางที่มั่นคงและคุ้มค่าพอนางก็ยังจำเป็นต้องสงวนท่าทีคุมเชิงเอาไว้ให้มั่น

ฮั่นอู่ตี้ที่รอดูว่านางจะรับมืออย่างไรเมื่อได้ฟังการตัดสินใจนั้นแล้วก็เลิกคิ้วขึ้นเบา ๆ เดิมทีเขาก็หาได้คิดจะเอารัดเอาเปรียบนาง แต่ในเมื่อนางเป็นผู้เสนอมาด้วยตนเอง ถ้าเช่นนั้นเขาก็ไม่ปฏิเสธ “ ดับไฟ ” หลิวเช่อตอบพลางก้าวขึ้นไปบนเตียง และเอนกายลงราวกับนี่เป็นตั่งของตนเอง

แน่นอนว่าไป๋หรั่นที่โพล่งออกไปแล้วก็ได้แต่รับคำ นางลุกขึ้นดับไฟบางส่วนจนเหลือเพียงเทียนปลายเตียงที่ช่วยให้แสงสลัว พลางหยิบผีผาขึ้นมาเกลาสายก่อนที่จะเริ่มบรรเลงบทเพลงขับกล่อมมังกรให้คล้อยหลับในราตรีที่เนิ่นนาน..

.

.

.

หลับแล้ว.. ?

ลมหายใจของโอรสสวรรค์สงบนิ่งเป็นจังหวะบ่งบอกให้ทราบว่าสติสัมปชัญญะของเขาคงเลือนหายไปกับการพักผ่อนแล้ว แน่นอนว่านี่เป็นถึงโอกาสทองที่นางจะได้พักกับเขาบ้างเสียที เจี๋ยยวี่แซ่ลู่วางผีผาลงข้างเตียงอย่างแผ่วเบาและดับเทียนที่ปลายเตียง ก่อนจะมองซ้ายมองขวาในความมืดพลางปีนขึ้นไปบนเตียงผ่านบริเวณที่มีไม้กั้นอย่างเสียกิริยาเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองต้องไปลำบากข้ามร่างของโอรสสวรรค์ให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว

โดยหาได้รู้เลยว่าบุคคลบนเตียงที่นางนึกว่าหลับไปแล้วยามนี้กำลังค่อย ๆ ยกมุมปากขึ้นทีละน้อย

‘ ..นับเป็นวิธีการโง่งมที่ชวนให้ประหลาดใจเสียจริง ๆ ’



[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้
+5 ความสัมพันธ์โรลสนทนาประจำวัน
+20 ความสัมพันธ์โบนัสหัวดี
+20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง และ +5 จับคู่ชาอะไรก็ได้
+5 โบนัสเพิ่มจากชาประเภท ชงชา
+5 โบนัสเพิ่มจากของว่างประเภท อาหารปรุง

[NPC-11] จางกงกง
+5 ความสัมพันธ์โรลสนทนาประจำวัน
+20 ความสัมพันธ์โบนัสหัวดี

ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ +15 บารมี
ปรนนิบัติหวงตี้ยามค่ำคืน +20 บารมี
ปรนนิบัติทุกค่ำคืน + 1 ปรนนิบัติ
( มีโบนัสจากอีเว้นท์หรือไม่ ยังไง ฮึ ทั้งค่าปรนนิบัติและความสัมพันธ์เลย )






แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 75 โพสต์ 2024-8-4 00:47
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-11] จางกงกง เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 2024-8-4 00:47
โพสต์ 71865 ไบต์และได้รับ 42 EXP!  โพสต์ 2024-8-3 23:53
โพสต์ 71,865 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2024-8-3 23:53
โพสต์ 71,865 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ชุดฉิงโหรว(เจียยวี่)  โพสต์ 2024-8-3 23:53

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +1 พลังปราณ +55 ย่อ เหตุผล
Watcher + 1 + 55

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
655
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-8-4 16:27:12 | ดูโพสต์ทั้งหมด



ฉลองพระองค์
วันที่ 1 เดือน 8 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
เวลาสามนาฬิกาเป็นต้นไป


ต่อให้จะดูเหมือนหลับฝันหวานสักแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ยังเป็นนางที่นอนไม่หลับ ไป๋หรั่นนอนหงายอยู่นิ่ง ๆ เป็นระยะเวลาหลายชั่วยามติดต่อกันโดยพยายามควบคุมลมหายใจให้นิ่งที่สุด สงบที่สุด จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าที่เกาะกลุ่มกันเข้ามารวมไปถึงหางตาที่เหลือบเห็นเงาไฟนอกประตูเรือนหลังจากอดทนมาตลอดหลายชั่วยามในที่สุดก็ถึงเวลาที่นางรอคอย

ช่วงต้นยามหยินไร้ซึ่งวี่แววของแสงอาทิตย์ แถมดวงจันทร์เองก็คล้อยไปอยู่อีกทางทำให้ยากนักที่จะมองเห็นภายในตำหนักที่จมอยู่ใต้สีสันดำทมิฬของรัตติกาล ไป๋หรั่นดันแผ่นหลังขึ้นช้า ๆ นางใช้วิธีเดียวกันกับรอบที่ปีนเข้ามานั่นคือการถือวิสาสะข้ามแผงกั้นไม้ที่ปลายเตียงและลงไปยืนกับพื้นเย็นเฉียบด้วยสองเท้าที่เปลือยเปล่า

เป็นเพราะความมืดที่ทำให้การเคลื่อนไหวของนางช้ายิ่งกว่าหอยทาก นอกจากต้องระวังไม่ให้ชนข้าวของแล้วยังต้องระวังไม่ให้เกิดเสียงดังไปรบกวนผู้ที่กำลังพักผ่อนอีกต่างหาก จังหวะนี้ต่อให้นางจะอยากถอนหายใจอย่างไรสุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาไม่ได้ ลู่เจี๋ยยวี่ผู้โด่งดังยามนี้ได้แต่ย่อกายลง ใช้มือคลำพื้นตามหารองเท้าที่ตัวเองถอดวางไว้ก่อนจะรีบนำมันขึ้นมาสวม (ในแบบเบา ๆ)

หากมีใครมาเห็นท่วงท่าระมัดระวังในยามนี้ของลู่ไป๋หรั่นคงจัดได้ว่าเป็นภาพที่ประหลาดนัก แม้คนงามจะยังงามอยู่แม้ในยามที่พึ่งลุกจากเตียงนอน กิริยาท่าทางเชื่องช้าเสมือนคนตาบอดก็ชวนให้นึกสงสารอยู่บ้าง แต่ที่น่าเอ็นดูที่สุดคงไม่พ้นการหันกลับไปมองหนึ่งชีวิตบนเตียงทุก ๆ สองก้าวนั่นมากกว่า

กว่าจะออกมาจากเงามืดได้นับว่ากินเวลาไม่น้อยลู่ไป๋หรั่นเปิดและปิดประตูอย่างเบามือท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมา “ ไม่ต้องมาพิธี จะทำอะไรก็เบาหน่อย ฝ่าบาทยังคงบรรทมอยู่ด้านใน ” เจ้าของตำหนักตงเฉินกล่าวกำชับเสียงเบา พร้อมหันไปรับการโค้งคำนับจากจางกงกงที่ยืนอยู่ไม่ไกล

“ กระหม่อมนำฉลองพระองค์มามอบดังที่ลู่เจี๋ยยวี่สั่งไว้ขอรับ ”

“ เตรียมทุกอย่างให้พร้อม จางกงกงปกติแล้วฝ่าบาททรง.. ”

“ ใกล้แล้วขอรับ อีกสักราว ๆ หนึ่งเค่อก็คงตื่นแล้ว ”

ให้มันได้แบบนี้สิ



นับว่าเป็นการร่วมเตียงที่สงบเสงี่ยมจนเกินคาด หลิวเช่อรู้สึกตัวมาตลอดทั้งคืนย่อมรู้ได้ว่าผู้ร่วมเรียงเคียงหมอนอีกด้านนั้นไม่ขยับตัวแม้แต่น้อยจนถึงยามที่เขาใกล้จะตื่น กระทั่งตอนนี้ที่สมควรจะตื่นแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่านางจะปีนกลับมา —- ถึงจะยังเช้าแต่หลิวเช่อก็มิอยากเป็นผู้ทำลายความพยายามของสนมตน ฉะนั้นแล้วเขาจึงรออีกสักพักจนกระทั่งรับรู้ถึงการยวบลงของฟูกนอนบริเวณข้างเตียงที่เจือมากับกลิ่นหอมอ่อนของบุปผาบางชนิดที่คงลอยโชยมาจากร่างผุดผาดอรชรร่างนั้น

โอรสสวรรค์ยันกายขึ้นจากเตียงทีละนิดเกิดเป็นเสียงสวบสาบของเสื้อผ้าที่เสียดสีกับผ้าห่มทำให้คนที่ตื่นอยู่แล้วก็รู้สึกตัวตามไปด้วย ไป๋หรั่นที่นั่งที่ขอบข้างเตียงหันกลับมองเล็กน้อย ทีแรกนางยกมือขึ้นคล้ายจะเข้าช่วยประคองแต่เมื่ออยู่ในระยะที่ใกล้ต่อการสัมผัสก็หยุดลง

ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะยังไม่เคย.. สัมผัสตัวกันมาก่อน

ที่ช่วยปลดอาภรณ์นั่นไม่นับว่าเป็นการ ‘ สัมผัส ’ ในระหว่างที่นางมัวแต่คิด ฝ่าบาทก็ลุกขึ้นนั่งได้ด้วยตัวเองแล้ว สองร่างที่โอบล้อมไปด้วยความมืดคล้ายจะรู้สึกถึงการสบตาของกันและกัน แต่ก็หาได้มีสิ่งใดมายืนยันว่านั่นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เพราะเมื่อรู้ตัวอีกทีฝ่ายที่ขยับตัวออกจากภวังค์ความคิดก่อนก็เป็นเจี๋ยยวี่แซ่ลู่ที่หันไปจุดเทียนเพิ่มแสงสว่างให้กับภายในตำหนัก

แสงส้มทองสลัวกระทบเรือนกายผุดผาดเกิดเป็นสีอ่อนนวลตาน่ามอง อีกหนึ่งชีวิตที่อยู่ร่วมด้านในตำหนักหากมิใช่ว่ารู้จักแต่แรกคงเผลอนึกว่าเป็นนางเซียนลงมาปรนนิบัติพัดวีหลังจากที่ตนใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมานาน เจี๋ยยวี่หยกเช้านี้อาศัยแพรขาวสลับเหลือบเงินเป็นอาภรณ์ป้องกายดูคล้ายม่านหมอกบังตาที่ช่วยปกปิดเรือนร่างทว่าคงไว้ซึ่งเงาที่เปิดเผยทรวดทรงองเอวที่ชดช้อยงามนัก แต่ทั้งหมดนั้นก็ไม่อาจมองได้ถนัดตา เนื่องจากว่าเส้นเกศายาวสยายที่ปล่อยลงมาเช่นน้ำตกสีหยดหมึกสามารถพรางวิสัยทัศน์ไปได้หลายส่วน

“ ฝ่าบาททรงอยากเสวยสิ่งใดก่อนหรือไม่เพคะ? ”

“ … ”

“ เจิ้นจะล้างหน้า ”

เมื่ออีกฝ่ายบอกความต้องการของตนเอง ไป๋หรั่นที่มีหน้าที่ปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัดก็ระบายยิ้มบางพลางลุกขึ้นไม่ให้เป็นการขวางทางของโอรสสวรรค์ที่หย่อนสองขาลงจากเตียงก่อนจะลุกขึ้นมุ่งหน้าไปยังอ่างทองคำขนาดกลางที่รองน้ำอุ่นพอเหมาะไว้สำหรับล้างพระพักตร์และพระหัตถ์ในยามเช้า “ ห้องทรงพระภูษาในตำหนักเว่ยหยางนั้นอยู่ไกล คงไม่ดีหากพระองค์จะต้องเสด็จไปเสด็จมาหลายที่เพื่อดำเนินตามกำหนดการ วันนี้หม่อมฉันเลยวานให้จางกงกงช่วยส่งฉลองพระองค์ของฝ่าบาทมาที่ตำหนักตงเฉินแล้วเพคะ ” นับว่าเป็นหนึ่งในการรายงานที่ปกติแล้วไม่จำเป็นต้องกล่าวก็ได้แต่เพื่อช่วยไม่ให้เขาต้องเร่งรีบไปกับกำหนดการชีวิตที่อัดแน่นในยามเช้า

“ อืม ”

กว่าจะผ่านพิธีล้างหน้าสรงน้ำ ไป๋หรั่นก็รู้สึกเหมือนตัวเองจะหลับอีกรอบอีกรอมร่อ ในที่สุดหลิวเช่อก็ออกมาจากอ่างน้ำด้วยร่างกายที่เปียกชื้นเขาซับตัวด้วยผ้าไหมและสวมชุดตัวในด้วยตนเองก่อนจะหันกลับมายืนแข็งทื่อเป็นหุ่นมีชีวิตให้ผู้อื่นได้ปรนนิบัติสวมเสื้อผ้า และผู้อื่นที่ว่าย่อมไม่ใช่ใครที่ไหนไกลยังคงเป็นสาวงามคนเดิมที่เคยปรนนิบัติถอดเสื้อผ้าเมื่อคืน ครั้งนี้เมื่อต้องกลับมาเป็นการช่วยสวมใส่อันที่จริงไม่นับว่ายากแต่ก็ใช่ว่าง่าย ไป๋หรั่นลอบทบทวนส่วนที่ปลดออกในใจก่อนจะนำภาพจำในหัวนั้นมาพลิกสลับเป็นขั้นตอนที่ต้องช่วยลงมือ แม้จะไม่ได้ราบรื่นหรือคล่องแคล่วอย่างคนอื่นแต่ก็เรียกได้ว่าไม่ยุ่งเหยิงหรือเละเทะจนเกินไป

โอรสสวรรค์ที่ปล่อยให้สนมช่วยจัดแจงเสื้อผ้ายามนี้หันกลับมาตรวจสอบความเรียบร้อย เมื่อเห็นว่าไม่มีส่วนใดที่ต้องตำหนิหรือแก้ไขก็เงยหน้าขึ้นหมายจะสั่งให้นางเกล้าผมให้ตน ทว่าเนตรมังกรคมกริบคู่นี้กลับพบว่าเจ้าของตำหนักตงเฉินกำลังยืนถือถาดไม้สลักลายบุปผาถาดหนึ่งที่รองรับรองเท้าหนึ่งคู่เอาไว้ด้วยสีหน้านิ่งสงบทั้งที่แววตาแฝงความลังเลเอาไว้

“ นั่นอะไร ”

“ หม่อมฉันได้คำแนะนำจากไท่โฮ่วว่าสมควรแสดงความขอบคุณที่พระองค์ช่วยล้างมลทินให้กับหม่อมฉัน ด้วยเหตุนี้พระนางจึงช่วยชี้แนะให้หม่อมฉันทำรองเท้าคู่นี้ขึ้นมาเพคะ ” เมื่อถูกถามท่าทีลังเลที่ซ่อนไว้ก็เลือนหายเหลือเพียงนงคราญหยกที่ตอบรับด้วยความมั่นใจ “ รองเท้าคู่นี้นับเป็นหนึ่งน้ำใจที่หม่อมฉันอยากมอบให้แก่ฝ่าบาท ”

“ แม้จะเป็นการละลาบละล้วงหรือล่วงเกินไปบ้าง แต่กระนั้นหม่อมฉันก็ยังหวังว่าพระองค์จะรับไว้ ”

ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าเจี๋ยยวี่ผู้นี้คือนักพูดและนักเจรจาที่ฉะฉาน

หากใช้นางในงานด้านการทูตที่ต้องเน้นเรื่องสมัครสมานปรองดองการส่งนางไปย่อมให้ผลดีมากกว่าร้าย แต่หากต้องเป็นงานเจรจาที่ใช้อำนาจ .. ดูท่าคงต้องฝึกฝนอีกเยอะ “ เจ้าพบเสด็จแม่? ” หลิวเช่อกล่าวถามในระหว่างที่ขยับไปนั่งหน้าคันฉ่อง

“ นอกจากถวายพระพรยามเช้า เมื่อใดมีโอกาสหม่อมฉันมักแวะไปเยี่ยมพระนางเสมอเพคะ ”

โชคดีที่ลู่เจี๋ยยวี่เป็นคนรู้ความ นางวางถาดรองเท้าไว้อีกด้านและก้าวไปล้างมือที่อ่างน้ำทองคำก่อนจะเดินกลับมาหาฝ่าบาทที่นั่งคอยการปรนนิบัติพร้อมใช้ผ้าไหมซับน้ำออกจากมือ ‘ เสด็จแม่ก็ดูจะโปรดนาง อีกอย่างคนเช่นนี้อยู่ข้างเสด็จแม่ เชื่อว่าพระองค์คงไม่หมองเศร้าจนเกินไป ’ โอรสสวรรค์คิดระหว่างที่มือนุ่มกำลังง่วนอยู่กับการสางและเกล้าผมของเขาขึ้น

“ เจิ้นจะรับไว้ ”

“ เจ้าก็คอยดูแลเสด็จแม่ด้วย ”

ทำอย่างกับว่านี่เป็นการแลกเปลี่ยนการค้าเสียอย่างนั้น .. ไป๋หรั่นตอบรับเสียงเบาด้วยความขบขันพลางสวมกวานหยกให้แก่เขา จากนั้นที่ดำเนินผ่านช่วงเวลาก็เป็นเพียงการร่วมทานของว่างอย่างบัวลอยและชาบุปผาในยามเช้า ก่อนที่นางจะต้องยืนส่งอีกฝ่ายขึ้นเกี้ยวจนเคลื่อนหายลับสายตาไป



[NPC-11] จางกงกง
+5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
+20 ความสัมพันธ์โบนัสหัวดี

[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้
+5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
+20 ความสัมพันธ์โบนัสหัวดี
+15 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดม่วง และ +5 ชาอะไรก็ได้
+5 ความสัมพันธ์ของว่างประเภท อาหารปรุง
+5 ความสัมพันธ์ชาประเภท ชงชา
+25 โบนัสความสัมพันธ์มอบรองเท้าหยุนเวย

ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ +15 บารมี
ทุกครั้งที่ความสัมพันธ์หัวใจหวงตี้หรือไท่โฮ่วเพิ่มขึ้น 1 ดวง +50 บารมี
( ได้ 100 ร้อย เพราะรับของดวงที่สาม และหลังบวกความสัมพันธ์โรลนี้จะได้ดวงที่สี่)
ปรนนิบัติ (เวลา 03.30 - 04.30 น.) เพื่อช่วยฉลองพระองค์ + 1 ปรนนิบัติ






แสดงความคิดเห็น

หวงตี้จะทรงใส่รองเท้าคู่นี้ตลอดนับแต่บัดนี้  โพสต์ 2024-8-4 17:09
ความสัมพันธ์กับจางกงกงและหวงตี้ถึงลิมิต 2 และ 4 ดวงแล้ว สามารถดำเนินการโรลเพลย์เพื่อขออีเว้นท์ปลดได้  โพสต์ 2024-8-4 17:09
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 70 โพสต์ 2024-8-4 17:08
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-11] จางกงกง เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 2024-8-4 17:08
โพสต์ 23972 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-8-4 16:27

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +1 พลังปราณ +115 ย่อ เหตุผล
Watcher + 1 + 115

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
655
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-8-5 00:51:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-8-5 00:52




ภาระที่มาโดยไม่รู้ตัว
วันที่ 4 เดือน 8 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
เวลาสิบนาฬิกาจนถึงสิบสองนาฬิกา


ดูเหมือนการพบกันในยามเช้าจะส่งผลให้ฮั่นอู่ตี้ตัดสินใจได้ว่าควรพาใครไปเป็นเพื่อนร่วทางในกำหนดการที่กำลังจะมาถึง นับว่าเป็นการเสด็จมาอย่างกะทันหัน ‘ อีกครั้ง ’ หลังจากการมาค้างแรมที่ตำหนักตงเฉิน เมื่ออยู่ ๆ ก็มีขันทีวิ่งกระหืดกระหอบมาแจ้งให้ผู้ครองตำหนักได้ทราบว่า ‘ ฝ่าบาทกำลังเสด็จมา ลู่เจี๋ยยวี่โปรดเตรียมรับเสด็จด้วย ’ ทั้งตำหนักตงเฉินล้วนแตกตื่น แม้ทีแรกจะอยากหอบเอาร่างพระสนมคนงามไปขัดสีฉวีวรรณ แต่เมื่อคำนึงถึงเรื่องเวลาก็ได้แต่พากันถอนหายใจเฮือก พลางปล่อยให้เรือนกายขาวผุดผาดเยื้องย่างไปรอที่หน้าตำหนักโดยไม่มีผู้ใดกล้าขวาง

“ ฝ่าบาทเสด็จมาถึงแล้ว !! ”

จางกงกงที่กลั้วคอรอประกาศมานานในที่สุดก็ได้ร้องแจ้งให้คนในตำหนักทราบการมาถึง

เกี้ยวประจำพระองค์จอดลงที่หน้าตำหนักตงเฉิน เพื่อต้อนรับการมาถึงของฝ่าบาท แม้ไป๋หรั่นจะไม่เสนอหน้าไปยืนถึงหน้าประตูรั้วแต่ก็ยืนอยู่นอกตัวอาคารพร้อมย่อลงรับการก้าวเข้ามาภายในอาณาเขตตำหนักตงเฉินเป็นอย่างดี

“ ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท ”

“ ลุกขึ้น ”

ท่าทางการตอบรับว่า ‘ ลุกขึ้น ’ จะกลายมาเป็นคำติดปากสำหรับใช้เพื่อกล่าวกับผู้ที่หลิวเช่อสนิทใจไปแล้ว โอรสสวรรค์หลุบตาลงมองร่างบางที่กำลังเก็บท่าทางคารวะกลับมาเป็นการยืนอย่างสงบด้วยแววพิจารณา “ จางกงกง ”

“ พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ”

จงฉางซื่อคนดีคนเดิมก้าวออกมาด้านหน้าเล็กน้อยเพื่อที่จะได้เรียนต้นสายปลายเหตุของการมาครั้งนี้ให้เจ้าของตำหนักได้ทราบ “ เรียนลู่เจี๋ยยวี่ ในท้องพระโรงวันนี้มีการหารือที่ได้บทสรุปเป็นกำหนดการสำคัญเนื่องจากฝ่าบาทต้องการจัดตั้งขบวนออกประพาสล่าสัตว์ในอุทยานเม่าหลินร่วมกับขุนนางระดับจิ่วชิงขึ้นไปเป็นเวลาสามวันสองคืนโดยเริ่มต้นเดินทางจากช่วงบ่ายวันนี้ ” เนื้อหาบางส่วนถูกกล่าวผ่านเสียงที่ฟังดูไม่คล้ายทั้งชายและหญิงอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของจางกงกงที่มีมานาน

ก็นับว่าฟังเพลินอยู่บ้างถ้าไม่ติดอยู่ที่ปัญหาเดียว .. คือมาทำไม?

“ อุทยานเม่าหลินอุดมสมบูรณ์พร้อมทั้งสรรพยากร ทรงเสด็จออกประพาสครั้งนี้ ย่อมต้องได้ผลลัพธ์อันดีกลับมาอย่างแน่นอนเพคะ ” ในเมื่อจางกงกงเงียบไปคล้ายเว้นช่องในนางได้อวยยศนายเหนือหัว ถ้าเช่นในนั้นฐานะลูกหาบคนหนึ่งที่อีกฝ่ายเก็บขึ้นมาปั้นเป็นก้อนแล้วจับวางในตำแหน่งพระสนมอย่างนางจะให้มองข้ามก็คงไม่ได้ ลู่เจี๋ยยวี่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการเป็นนักพูดที่น่าฟังตอบกลับเสียงนุ่มพลางประสานมือโค้งลงคล้ายอวยพร

“ อีกทั้งฝ่าบาทยังทรงอนุญาตให้วันที่ 5 จนถึง 9 ของเดือน 8 นี้เป็นวันหยุดพิเศษที่ประกาศออกให้ทราบทั่วทั้งแผ่นดินมีผลให้แรงงานรวมไปถึงประชาชนทั้งหมดได้หยุดงานตลอด 5 วันเพื่อให้ทุกคนได้ร่วมเฉลิมฉลองไปกับวันคล้ายวันประสูติของเซียวจื่อไท่โฮ่วซึ่งเป็นวันที่ 10 เดือน 8 ที่จะถึงนี้ ” สิ้นประโยคนี้คล้ายจะสร้างความยินดีปรีดาให้แก่คนงานภายในเรือนตงเฉินอยู่ไม่น้อย ซึ่งไป๋หรั่นที่ได้ฟังก็ลอบดีใจไปกับทุกคนถึงขนาดที่มุมปากพลันยกขึ้นจนกลายเป็นรอยยิ้มเบาบางที่เพียงสะกิดก็เลือนหายแต่กลับตราตรึงไว้ในใจผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง

“ ฝ่าบาททรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น หม่อมฉันในฐานะ.. นายหญิงแห่งตำหนักตงเฉินขอแสดงความขอบคุณแทนนางกำนัลและคนงานทั้งหมด ” เมื่อพูดจบลู่ไป๋หรั่นก็ย่อกายลง ด้านคนงานภายในตำหนักต่างก็คุกเข่ากราบขอบพระคุณฝ่าบาทอย่างรู้งานจนนับว่าเป็นภาพที่.. ชวนให้แปลกตาอยู่บ้าง

“ อืม ”

ฮั่นอู่ตี้ตอบรับด้วยเสียงในลำคอพร้อมกดสายตาลงมองท่าทีงุนงงซึ่งแฝงไว้ในการขยับเนื้อขยับตัวของเจี๋ยยวี่ที่อยู่ตรงหน้า หลิวเช่อสัมผัสได้ว่านางกำลังร้อนใจ ส่วนสาเหตุของการร้อนใจย่อมไม่พ้นการตั้งคำถามว่าเหตุใดเขาถึงได้เสด็จมาจนถึงตำหนักตงเฉินด้วยตนเอง ทั้งที่มีกำหนดการรัดตัวอยู่ก่อนแล้ว แม้การรับส่งบทระหว่างจางกงกงและเจี๋ยยวี่ที่ตอบกลับได้อย่างน่าฟังในครั้งนี้จะดูเป็นการละเล่นที่น่าขบขันในสายตาโอรสสวรรค์ ทว่าเมื่อได้เห็นความฉงนสงสัยในแววตานาน ๆ เข้าเขาก็รู้สึกรำคาญใจขึ้นมาอย่างประหลาด

“ เก็บของ ”

“ เพคะ ? ”

“ เจิ้นมารับเจ้า ขบวนจำเป็นต้องมีผู้ดูแลเรื่องเล็กน้อย ห่าวหมิงทำได้แต่อย่างไรก็เป็นบุรุษ ไม่อาจละเอียดละออเท่าสตรี ”

หากเป็นสตรีอื่นคงมีท่าทีดีใจหรือไม่ก็แสดงตนอย่างให้การช่วยเหลือมากกว่านี้ แต่เมื่อลู่ไป๋หรั่นได้ยินได้ฟังความต้องการโดยตรงที่เจาะจงว่าเป็นนาง บุตรสาวคหบดีที่เปลี่ยนสถานะมาเป็นสนมในวังก็มีสีหน้าครุ่นคิดขึ้นมาทันที แน่นอนว่าหลิวเช่อเฝ้ามองอากัปกิริยานี้ด้วยแววตาสงบนิ่ง ทั้งยังหวนนึกไปถึงสาเหตุที่ตนเลือกนางมาเป็นผู้ร่วมทาง

ทีแรกตนแค่ปรึกษาหารือกับเหล่าสหายว่าการพาขุนนางออกไปร่วมล่าสัตว์นั้นเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะขุนนางในราชสำนักปัจจุบันล้วนแต่เป็นผู้ดีตีนแดงที่ไม่เคยใช้ชีวิตลำบาก ดังนั้นตลอดทั้งขบวนจึงต้องเสริมเติมสิ่งสร้างความสำราญรวมไปถึงความสุขสบายให้แก่พวกเขาในบางส่วน แต่หากเป็นเช่นนั้น— เหล่าคนเฒ่าคนแก่ก็จะมองว่าเขายังไร้ซึ่งคนข้างกาย และอาจถือวิสาสะหาวิธีส่งคนของตัวเองเข้ามายุ่งเกี่ยวกับตนมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นฮั่นอู่ตี้จึงได้ออกปากไปด้วยตนเองว่านอกจากเสด็จประพาสเพื่อล่ากวางถวายแก่เสด็จแม่แล้ว ตนยังต้องการพาสนมออกไปเปิดหูเปิดตา

จากนั้นการเริ่มต้นเฟ้นหาไม้กันหมาชั้นดีก็เริ่มต้นขึ้น

เป็นนางสนองพระโอษฐ์คนปัจจุบันก็ไม่ได้ เจ้าซีเหยียนผู้นั้นค้านหัวชนฝา เป็นบุตรสาวเจ้ากรมโยธาก็ไม่ดี เพราะนางพึ่งถูกสั่งให้รับหน้าที่ตระเตรียมงาน ฉะนั้นแล้วเมื่อตัวเลือกในด้านผลประโยชน์ไม่อาจใช้ได้สักราย ก็ต้องหันกลับมาที่ตัวเลือกด้านความสะดวกสบาย ซึ่งชื่อแรกที่นึกขึ้นมาย่อมเป็น ‘ เจี๋ยยวี่ก้อนขาว ’ ที่รู้ธรรมเนียม ไม่น่ารำคาญและสวยพอจะตบตาคนได้ ส่วนคนเดียวที่จะคัดค้านอย่างลู่ชางหรงยามนี้ก็ออกไปสืบราชการที่นอกวังจึงไม่สามารถมีโอกาสกลับมาแย้งการตกลงในครั้งนี้

เดิมทีหลิวเช่อคิดว่าเป็นนางไม่แย่ นางไม่สำคัญตัวเองมากจนน่าปวดหัว ไม่คาดหวังความสนใจจากเขาแถมยังเก็บอาการได้ดีเหมาะมากที่จะใช้ในการตบตาคน ทว่าเมื่อได้มาพบกับท่าทางที่ ‘ ไม่คาดหวัง ’ เลยสักนิดเข้าจริง ๆ ก็รู้สึก… หงุดหงิดพอประมาณ

“ หากฝ่าบาทมีพระประสงค์เช่นนั้น หม่อมฉันก็น้อมรับเพคะ ” ไป๋หรั่นลอบระบายลมหายใจออกผ่านริมฝีปากอย่างช้า ๆ จนเรียกได้ว่าเป็นการทอดถอนใจที่เงียบงันที่สุด นางย่อกายลงรับคำสั่งโดยไร้คำโต้แย้ง แม้แต่สีหน้าฉงนหรือประหลาดใจยังถูกเก็บไว้ใต้ความเรียบเย็นเป็นกันเองที่แสดงออกมาจนหมดสิ้น

วังหลังมีสตรีที่เข้าท่ามากมาย ผู้ใกล้ชิดกับฝ่าบาทมากกว่านางอย่างเว่ยเจียเสียนอี๋ หรือซ่างกวนเหม่ยเหรินที่เป็นนางสนองพระโอษฐ์ก็ยังมี แล้วเหตุใดเขาถึงหันมาเลือกธิดาคหบดีที่นอกจากหน้าตาและชื่อเสียงสารพัดก็ไม่ได้มีดีเด่อะไร เอาเถอะ.. เหตุผลของผู้พัฒนาแผ่นดินไหนเลยจะเข้าใจง่ายถึงปานนั้น “ หม่อมฉันมีสัมภาระที่ต้องเก็บ เช่นนั้นเชิญฝ่าบาทพักที่ด้านในก่อน ” นางเชิญผู้เป็นสวามีให้ก้าวเข้ามาภายในตำหนักก่อนจะหันไปสั่งให้นางกำนัลเตรียมชามารับรองแขก ส่วนตัวเองก็ยอบกายขอปลีกตัวไปจัดสัมภาระเพื่อให้สมควรแก่การเดินทางไปนอกวัง



“ ทำให้พระองค์ต้องรอนาน หม่อมฉันต้องขออภัยด้วยเพคะ ”

สตรีที่เดินมาอยู่หน้าสายพระเนตรของหลิวเช่อนั้นยังคงเป็นเจี๋ยยวี่คนเดิม เปลี่ยนก็เพียงแต่อาภรณ์ที่หาใช่ชุดของเจี๋ยยวี่ที่พริ้วไหวงดงามแต่เป็นชุดไปรเวทเช่นนักเดินทางหญิงที่เข้ารูปขับเน้นทรวดทรงทั้งยังอาศัยเนื้อผ้าอาภรณ์สีขาวสลับเขียวช่วยขับเน้นเรือนกายที่แม้จะชดช้อยอ่อนหวานแต่ก็ให้บรรยากาศปราดเปรียวคล้ายชาวยุทธ์ขึ้นมาในทันตา

“ หากต้องเจอปัญหาวุ่นวายเพียงเพราะหม่อมฉันแต่งกายที่มุ่งเน้นแค่เฉพาะความงามเกรงว่านั่นคงเป็นหม่อมฉันทำหน้าที่สนมของตนเองได้ไม่ดีจนสร้างเรื่องเดือดร้อน ” เจี๋ยยวี่แซ่ลู่ที่แปลกตาไปจากเดิมยังคงเป็นผู้งามสะกดสายตาโดยเฉพาะการที่นางรวบผมขึ้นเป็นหางม้าครึ่งศีรษะ ส่วนที่เหลือปล่อยสยายแผ่ลงเช่นม่านหมอกสีนิลในยามราตรี ดูแล้วเพลินตาไม่น้อย

“ จางกงกง ”

หลิวเช่อตรัสเพียงคำเดียว จางกงกงที่ติดตามมานานแม้หลายครั้งจะน่ารำคาญแต่ก็ยังรู้ความ จงฉางซื่อคนปัจจุบันรีบไปตรวจสอบสัมภาระที่ลู่เจี๋ยยวี่จัดเตรียมไว้ว่าเหมาะสมหรือไม่ ก่อนจะเดินกลับมารายงานเงียบ “ สัมภาระของลู่เจี๋ยยวี่มีหนึ่งหีบ ส่วนมากเป็นอุปกรณ์ชงชา วัตถุดิบประกอบอาหาร และเครื่องดนตรี นอกนั้นหาได้มีสิ่งอื่นพ่ะย่ะค่ะ ”

หนึ่งหีบ?

นับว่าเป็นการจัดสรรพื้นที่อย่างคุ้มค่าและไม่ฟุ่มเฟือยที่มีประโยชน์ต่อเขาเป็นอย่างมาก หากนางมีภาพลักษณ์ที่ดี นั่นก็หมายความว่าผู้ที่จะเข้าตาโอรสสวรรค์ต้องมีมาตราฐานที่สูงขึ้นไปตาม ๆ กัน “ ถ้าเช่นนั้นก็ออกเดินทางได้ ”

“ เอ่อ ประเดี๋ยวก่อนเพคะ ”

ก่อนจะได้ลุกขึ้นกลับมีเสียงร้องขัดขึ้นมา สายตาทั้งหลายล้วนหันไปจับจ้องไปทางทิศเดียว ที่เข้ามาขัดบรรยากาศนี้คือนางกำนัลน้อยผู้หนึ่งที่โอบกล่องทรงยาวกล่องหนึ่งเข้ามา พร้อมด้วยขันทีน้อยหน้าตาเกลี้ยงเกลาดูสุภาพใจดีเดินยิ้มเข้ามาในขณะที่มือหนึ่งถือจดหมายอีกมือหนึ่งถือตลับไม้ขนาดไม่เกินฝ่ามือบุรุษ

“ ลู่เจี๋ยยวี่ มีจดหมายจากคหบดีลู่ส่งมาถึงท่านขอรับ ”

“ ท่านพ่อ ? ”

เพียงได้ยินคำว่า ‘ คหบดีลู่ ’ ท่าทีของนงคราญหยกก็เปลี่ยนได้ในชั่วพริบตา จากสาวงามมากมารยาทที่ไม่เคยยิ้มกว้างเกินพอดี หรือเคลื่อนที่เร็วจนไม่งามคล้ายหยกขาวบริสุทธิ์ผุดผาดที่สมบูรณ์แบบไปเสียทุกด้าน กลายมาเป็นบุปผาแย้มบานอวดสีสันที่เพียงแค่ขยับก็โปรยรอยยิ้มพร่างพราวใจใส่ผู้คนที่อยู่รอบตัว ความเปลี่ยนแปลงกระทันหันนี้สร้างความตื่นตะลึงให้กับหลายชีวิตโดยรอบเมื่อทั้งหมดล้วนคิดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘ แม้แต่ผู้ที่งามอยู่แล้วยังสามารถงามมากยิ่งขึ้นไปอีก ขอเพียงแค่แย้มยิ้ม ’


ถึงเสี่ยวหรั่น

ปีนี้พ่อได้ยอดใบชาชั้นดีอย่างไป๋หาวอิ๋นเจิน จึงแบ่งบางส่วนมาให้เจ้า อยู่ในวังทั้งที่โปรดชาถึงเพียงนั้นไม่รู้ว่าจะได้มีเวลาทำสิ่งที่ชอบบ้างหรือไม่ หากชาที่พ่อส่งไปช่วยให้เจ้าคลายเหงาได้ นั่นย่อมนับว่าคนแก่คนนี้บรรลุจุดประสงค์แล้ว

หอชุนหลันฉียังคอยการกลับมา
ของหยกงามตัวน้อยอยู่เสมอ
ลู่


ใบชาไป๋หาวอิ๋นเจิ้น?

มือขาวคู่งามหยิบตลับเก็บใบชาชั้นดีขึ้นมาพลิกไปมาอยู่ในมือ ในฐานะคนชงชานางย่อมรู้จักไป๋หาวอิ๋นเจิ้น หนึ่งในชาขาวชั้นดีคุณภาพระดับพระกาฬที่ช่วยบรรเทาอากาศป่วยไข้บางส่วนลงได้ นึกไม่ถึงว่าหากย้อนไปก่อนเข้าวังที่อีกฝ่ายกล่าวว่าจะควานหาใบชาใหม่มาขาย สุดท้ายจะกลายเป็นหามาได้จริง ๆ สายตาที่มองตลับชาในมือนั้นอ่อนโยนยิ่ง แทนที่จะบอกให้คนเก็บมันเข้าหีบ นางกลับใส่มันไว้ในสาบเสื้อประหนึ่งของรักของหวง

“ หม่อมฉันยังกังวลอยู่เลยว่าหากเสด็จประพาสป่าแล้วจะปรนนิบัติฝ่าบาทอย่างไรหากไร้ชาชั้นยอด ดูท่าปัญหานี้ในที่สุดก็คลี่คลายลงแล้ว ” ลู่ไป๋หรั่นเก่งในเรื่องพลิกขาวเป็นดำ พลิกดำเป็นขาว พริบตาเดียวนางสามารถทำให้คนรอบข้างเชื่อได้ว่าที่นางตื่นเต้นขนาดนี้เป็นเพราะมีใจอยากปรนนิบัติฝ่าบาท ทว่าในสายตาของเหล่าผู้มีปัญญาย่อมจดจำได้ว่านางดูชอบใจตั้งแต่ก่อนที่จะรู้แล้วว่าตลับในมือขันทีนั้นคือสิ่งใด

“ … หึ ”

นับว่าเขาเลือกไม่ผิดคนจริง ๆ



รับรางวัลของขวัญจากทางบ้าน






แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 31643 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-8-5 00:51
โพสต์ 31,643 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2024-8-5 00:51
โพสต์ 31,643 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ชุดฉิงโหรว(เจียยวี่)  โพสต์ 2024-8-5 00:51
โพสต์ 31,643 ไบต์และได้รับ +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-8-5 00:51
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
655
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-8-13 19:56:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-8-13 21:56




หวนคืนสู่ตงเฉิน
วันที่ 6 เดือน 8 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
เวลาสิบเจ็ดนาฬิกาเป็นต้นไป


ทุกครั้งที่เลือกออกมาเที่ยวเล่นหลิวเช่อมักปลอมตัวด้วยฐานะอันไร้ที่มาเพื่อให้ง่ายต่อการสลัดทิ้งหากเกิดเหตุร้าย ทว่าครั้งนี้.. พวกเขาออกจากเขตอุทยานหลวงมุ่งไปตามเส้นทางนอกเมืองโดยไร้การปลอมแปลง สาวงามผู้ร่วมนั่งบนหลังม้ายังคงเรียกเขาว่าฟูจวินอย่างสุภาพ เช่นเดียวกับเขาที่เรียกนางว่าฟูเหรินโดยไม่ติดขัดไปตลอดทั้งเส้นทางอันราบรื่น แม้จะไม่มีบทสนทนาหวานซึ้งแต่ก็ยังมีบรรยากาศที่ทำให้สงบใจได้ทั้งที่ไร้คำพูด

“ ใกล้วันเกิดเสด็จแม่แล้ว เจ้าเตรียมของขวัญได้หรือยัง ”

ยังไงซะการออกมาตะล่อนครั้งนี้ก็มีเหตุมาจากการต้องเฟ้นหาเนื้อชั้นดีสำหรับจัดเลี้ยงและถวายแก่มารดา หลิวเช่อที่นึกขึ้นได้ว่าพาสนมออกมาตกเที่ยวเล่นอย่างนี้อาจเป็นการรบกวนเวลาจัดทำหรือเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงที่ใกล้จะมาถึง

“ หม่อมฉันทำของขวัญไว้หนึ่งชิ้นแล้วเพคะ เสียก็แต่อยากมอบของมงคลให้พระนางสักชิ้น ไม่แน่ว่าควรทำแบบใดถวายดี ” หากเป็นผู้ใหญ่คนอื่นแค่ของขวัญตามมารยาทสักชิ้นก็ไม่ถือว่าเสียหน้าแล้ว แต่ในเมื่อเจ้าของงานเป็นถึงเซียวจื่อไท่โฮ่วที่เคยให้ความเมตตาอบรมสอนสั่ง ไป๋หรั่นหลุบตาลงมองมือที่จับอยู่กับอานม้า “ พระนางโปรดตำราศาสนา ชื่นชอบการไหว้ศาลบรรพชน เลยคิดว่าถ้ามอบเครื่องรางให้นางได้สักชิ้นก็คงดี .. ฟูจวินคิดอย่างไร? ”

“ เสด็จแม่เลื่อมใสในธรรม ให้เครื่องรางหรือของมงคลนับว่ามีประโยชน์ต่อนาง ” โอรสสวรรค์ ไม่สิ ฟูจวินของหญิงแซ่ลู่ประคองร่างภรรยาคนงามให้เอนพิงเข้ากับลำตัวเขา “ ไม่จำเป็นต้องหรูหรา ของพื้นบ้านหากใส่ใจก็สามารถกลายมาเป็นสิ่งล้ำค่าได้เช่นกัน ”

นี่คงจะเป็นคำแนะนำหนึ่งจากเขา.. ในระหว่างที่นางอ้าปากคล้ายจะขอบคุณในการชี้แนะ เสียงร้องไห้จ้าของเด็กคนหนึ่งก็ดังขึ้นกระทบโสตประสาทจนดวงตาคมทั้งสองคู่ตวัดมองไปทางต้นเสียงทันควัน เป็นหนูน้อยในชุดชาวบ้านหยาบ ๆ หนึ่งชุดที่ในแขนกอดลูกแมวตัวหนึ่งไว้ ส่วนสาเหตุที่ปล่อยโฮออกมาเสียงดังอย่างนี้ย่อมไม่พ้นไปจากการที่ทั้งตัวติดอยู่บนกิ่งไม้สูงยากที่จะลงพื้นได้อย่างปลอดภัย

“ ฝ— .. ฟูจวิน ”

แค่เรียกเบา ๆ หลิวเช่อก็เดาได้แล้วว่านางต้องการอะไร ชายหนุ่มภูษานิลบังคับม้าให้มุ่งหน้าไปใกล้ต้นไม้นั้นพลางปล่อยกายบางของภรรยาให้กลับไปยืนบนพื้นตามที่นางต้องการ “ เด็กน้อย เด็กน้อย? ” นางฟ้าจำแลงผู้หนึ่งกำลังเรียกเด็กที่เมาขี้หูขี้ตาเสียงหวาน ฉะนั้นเมื่อเจ้าตัวน้อยปรือตามาดูว่าเบื้องล่างคือใครที่กำลังเรียกขานก็พลันตื่นตะลึงจนหลุดปากออกมาเป็นคำว่า.. ‘ พี่สาวนางฟ้า ’

“ ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวพี่สาวรับเจ้าเอง ดีหรือไม่? ค่อย ๆ ลงมานะ ”

ด้วยสภาพความคิดที่ไร้การยั้งตัวของสิ่งมีชีวิตอายุยังน้อย แทนที่จะค่อย ๆ ลงมาอย่างที่อีกฝ่ายพูด เจ้าหนูนี้กลับร้องไห้เสียงดังลั่นพร้อมผลักตัวเองกระโดดลงมาพร้อมวิฬาร์ขาวขนฟูที่อกสั่นขวัญผวาถึงขนาดดิ้นหลุดออกจากอ้อมกอดเล็กและทะยานกายไปเกาะเกี่ยวชายภูษาสีเข้มของคนบนหลังม้าพลางตะเกียดตะกายปีนขึ้นไปหมายจะครอบครองพื้นที่ว่างบนตักแกร่ง

ทว่าภาพฝันนั้นกลับต้องมลายเมื่อชายผู้นั้นอยู่ ๆ ก็ตวัดขาทิ้งร่างลงจากหลังม้าแล้วมุ่งเข้าไปคว้าร่างบางที่กำลังจะล้มลงกับพื้นเพราะการรับร่างของเด็กสาวผู้หนึ่งที่พึ่งจะตกลงมา ไป๋หรั่นหลับตากอดเด็กสาวแปลกหน้าไว้แน่น เดิมทีนางหมายจะพลิกตัวให้ร่างนี้เป็นฝ่ายกระแทกลงกับพื้น แต่คิดไม่ถึงเลยว่ารู้ตัวอีกทีตลอดทั้งแนวเว้าโค้งของเอวคอดจะถูกรวบเข้าหาโดยชายที่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับเหตุการณ์ในครั้งนี้เลยแม้แต่นิดเดียว

“ บ้าบิ่นนัก ด้านหลังมีก้อนหิน เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรืออย่างไร ” หลิวเช่อกล่าวเสียงดุพร้อมย่นหว่างคิ้วอย่างไม่พึงพอใจ ผิดกับสาวงามในอ้อมแขนเขาที่เบี่ยงใบหน้าหนีสายตาคมกริบนั้นพลางตอบกลับเสียงเบา

“ หม่อมฉันใช้ชีวิตมานานกว่านาง นับว่าคุ้มค่าอยู่บ้าง แต่หนึ่งชีวิตเล็ก ๆ นี้ยังไร้ประสบการณ์ หากปล่อยให้บอบช้ำเป็นเรื่องยุ่งยาก รักษาผู้โตแล้วยังง่ายกว่า แต่สำหรับชาวบ้านการมีเด็กบาดเจ็บเรียกว่าลำบากยิ่ง ” เมื่อพูดจนจบนงคราญหยกก็คล้ายอ้อมแขนที่โอบประคองร่างเล็กของเด็กสาววัยไม่กี่หนาวผู้หนึ่ง หลิวเช่อช่วยประคองให้นางกลับมายืนตรงได้ดังเดิม ทว่ากายอรชรนี้กลับโน้มลงกล่าวกับเด็กตัวน้อยพลางใช้ฝ่ามือขาวลูบศีรษะกลมเบา ๆ

“ เด็กน้อย คราวหลังสถานการณ์คับขันจะผลีผลามตัดสินใจไม่ได้ ยิ่งอันตรายยิ่งต้องมองรอบข้างให้ดี เมื่อครู่นี้เจ้าสามารถเกาะลำต้นแล้วลดระดับลงมาก่อนจะให้พี่สาวรับตัวเจ้า ทว่าเจ้ากลับตัดสินใจกระโดดลงมาอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง ครั้งนี้ไม่มีเรื่องร้ายแรงต้องขอบคุณเพราะพี่ชายที่มากับข้า แต่ครั้งจะทำเช่นนี้อีกไม่ได้แล้วนะ ” เสียงของลู่ไป๋หรั่นคือน้ำเย็นชะโลมจิตโดยท่องแท้ ไม่ว่าจะถ้อยคำหรือจังหวะจะโคนล้วนอ่อนโยนน่าฟัง สมแล้วที่เป็นนางเซียนจำแลงแห่งลั่วหยาง เมืองใหญ่ขนาดนั้นยังได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับหนึ่ง หากไม่สูงส่งมากความสามารถก็คงเป็นเรื่องประหลาดแล้ว

“ แต่ว่า.. ”

เด็กน้อยสมองใสชำเลืองตาขึ้นมองพี่ชายหน้าดุที่จนถึงตอนนี้ก็ยังประคองร่างพี่สาวนางฟ้าไว้ไม่ห่าง ‘ ก็พี่ชายคนนี้มองเหมือนจะไม่ปล่อยให้พี่สาวบาดเจ็บแม้แต่น้อยนี่นา? ’ แม้จะมีความคิดนี้อยู่ในใจ แต่ทันทีที่ได้เห็นความห่างเหินเย็นชาในเนตรดอกท้อทรงเสน่ห์นั้นก็รีบกลืนคำเปลี่ยนเป็นการพยักหน้าหงึกหงักว่าเข้าใจ

โดยปล่อยให้หลิวเช่อได้แต่ครุ่นคิดถึงสิ่งที่เขาเคยพูดไว้

‘ นางเป็นภรรยาที่ดี ’

‘ อีกทั้งยังดูเหมือนจะสามารถเป็นแม่ที่ดีได้ด้วย ’



จากนอกเมืองกลับมาสู่ราชฐานหลวง และจบลงที่ส่วนในหน้าตำหนักตงเฉิน หลังจากเหตุช่วยชีวิตคน ทั้งนางและหลิวเช่อก็พาเจ้าตัวน้อยกลับไปส่งจนถึงมือผู้ปกครองก่อนจะปล่อยให้ยอดอาชาเดินทอดน่องไปตลอดถนนหลวงเพื่อกลับสู่ ‘ บ้าน ’ ของพวกเขา

“ วันพรุ่งเจิ้นจะให้คนมาตกรางวัล ” นี่คือคำพูดของโอรสสวรค์ที่กลับมาใช้คำราชาศัพท์อีกครั้งหลังอยู่ท่ามกลางสายตาผู้คน เช่นเดียวกับลู่ไป๋หรั่นที่กลับมาสวมบท ‘ เจี๋ยยวี่ ’ ผู้หนึ่ง ทุกคนรอบข้างเป็นอันเข้าใจตรงกันว่าเพราะตลอดสามวันที่ผ่านมาฝ่าบาททรงพาสนมไปร่วมขบวนล่าสัตว์ ระหว่างนั้นนางอาจดูแลทั้งตัวพระองค์รวมไปถึงเหล่าขุนนางได้ดี จึงสมควรตกรางวัล

ด้านนงคราญหยกที่ยอบกายรับพระราชดำรัสอันเปรียบเสมือนการแจ้งไว้ล่วงหน้าว่าในวันถัดไปนางคงต้องได้รับแขกที่มาพร้อมรางวัลก็คิดเช่นนั้น “ นับเป็นหน้าที่ของหม่อมฉันที่ต้องปรนนิบัติดูแลเพื่อแบ่งเบาภาระของฝ่าบาท ” ไม่มีใครได้ทันสังเกตแววตาลุ่มลึกของฮั่นอู่ตี้ที่ทอประกายขบขันไว้เจือจาง โอรสสวรรค์พยักหน้าอีกครั้งก่อนจะปล่อยให้สายตาจับจ้องอยู่กับร่างที่ยืนยอบอยู่ต่ำกว่าระดับสายตาเขาอีกพักหนึ่งก่อนจะเลื่อนสายตามองผ่านไหล่บางไปยังทิวทัศน์รำไรของตำหนักตงเฉินอันร่มรื่น

“ หากมีโอกาสเจิ้นจะมาฟังความเห็นของเจ้าที่มีต่อรางวัล ”

เขากล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างนั้น ก่อนจะสะบัดแขนปล่อยให้ชายภูษาปลิวพริ้วพลางหมุนกายเดินจากไปโดยไม่หันกลับมา



[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้
+20 ความสัมพันธ์โบนัสหัวดี

ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ +15 บารมี
ทุกครั้งที่ความสัมพันธ์หัวใจหวงตี้หรือไท่โฮ่วเพิ่มขึ้น 1 ดวง +50 บารมี

ปลดเงื่อนไขการเลื่อนขึ้นตำแหน่งฉือผิน






แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 20 โพสต์ 2024-8-13 20:06
โพสต์ 20556 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-8-13 19:56
โพสต์ 20,556 ไบต์และได้รับ +8 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พัดชิงหลิ่ว  โพสต์ 2024-8-13 19:56
โพสต์ 20,556 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2024-8-13 19:56
โพสต์ 20,556 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ชุดฉิงโหรว(เจียยวี่)  โพสต์ 2024-8-13 19:56

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังปราณ +65 ย่อ เหตุผล
Watcher + 65

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1

1

กระทู้

14

ตอบกลับ

202

เครดิต

คนสร้างตัว

พลังน้ำใจ
92
ตำลึงทอง
49
ตำลึงเงิน
54
เหรียญอู่จู
4648
STR
5+3
INT
1+0
LUK
0+0
POW
2+0
CHA
0+0
VIT
2+2
คุณธรรม
0
ความชั่ว
0
ความโหด
0
โพสต์ 2024-8-15 23:38:21 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เวลาในโรล : วันที่ 07 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10 | เวลา : 11:30



ตนเดินเข้ามาถึงภายในตัวตำหนักที่ตกแต่งอย่างปราณีต บ่งบอกถึงความโปรดปรานที่เจ้าชีวิตมีให้กับสนมคนโปรด แต่ในตำหนักกลับเงียบสงบนางกำนัลประจำตำหนักเดินเข้ามากระซิบตนว่าพระสนมกำลังมาขอท่านโปรดรอซักครู่  เขาพยักหน้าเข้าใจก่อนจะยืนรออย่างสงบ รอไม่นานก็มีสตรีแต่งกายเต็มยศบ่งบอกถึงตำแหน่งของตนเดินออกมา ตนได้แต่ตกตะลึงในความงามของหญิงสาวตรงหน้าจนนางกำนัลข้างๆกระทุ้งศอกมาที่ตนเบาๆเพื่อเป็นการเรียกสติ
“แฮ่…ม ลู่เจียยวี่ รับราชโองการ!!!”


@LuBairan



ตนเห็นว่าทุกอย่างพร้อมแล้วก็ประกาศราชโองการออกไปด้วยเสียงแหลมอันเป็นเอกลักษณ์ของขันที
“ด้วยโองการฟ้า ฝ่าบาทมีพระบัญชา ลู่เจี๋ยยวี่ ทุ่มเทอุสาหะปรนนิบัติฝ่าบาทด้วยนํ้าใสใจจริง ทั้งยังถือครองรูปโฉมงดงามเลิศในใต้หล้า เปี่ยมด้วยคุณธรรม กตัญญูรู้คุณ เมตตาบริสุทธิ์พุดพ่อง ด้วยเหตุนี้ฝ่าบาททรงเห็นถึงความทุ่มเท และมุมานะของลู่เจี๋ยยวี่ จึงมีพระกรุณาโปรดเกล้า เลื่อนขั้นลู่เจี๋ยยวี่ ขึ้นสู่ฐานะ ลู่เจาอี๋ พระสนมผู้งดงาม และพระราชทานอาภรณ์ตำแหน่งเจาอี๋ พร้อมด้วยนางกำนัลคนสนิท หลี่ผู่เยว่ จบราชโองการ” เมื่ออ่านจบตนก็ยื่นราชโองการให้อีกฝ่าย ก่อนจะยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดด้วยความยินดี
“ยินดีกับพระสนม ที่ได้เป็นคนโปรดพวกเราเหล่าข้ารับใช้รอวันที่พระสนมจะให้กำเนิดโอรสมังกรให้แก่ฝ่าบาทอยู่ทุกวี่วัน อีกทั้ง…” ตนหยุดพูดไปแล้วปลายสายตาไปทางเหล่านางกำนัลและขันทีรอบข้างเหมือนมีสิ่งใดจะพูดแต่ไม่กล้าเพราะผู้คนมากเกินไป

@LuBairan

เมื่อตนเห็นว่าทางสะดวกแล้วก็คลี่ยิ้มออกมาบางๆ “ทูลพระสนมข้าน้อยเสี่ยวเว่ยจื่อเป็นเพียงขันทีชั้นผู้น้อยเท่านั้น ที่จางกงกงมิได้มาเพราะมีธุระสำคัญแต่ก็ยังกำชับข้าน้อยไว้ว่า จางกงกงยินดีกับพระสนมที่ก้าวหน้า หวังว่าพระสนมจะไม่ลืมจางกงกงผู้นี้ หากพระสนมมีสิ่งใดจะฝากบอกจางกงกงโปรดแจ้งข้าน้อยได้เลยเจ้ามะคะหรือหากไม่มีอะไรแล้วข้าน้อยขอตัวก่อน” เมื่อพูดจบตนก็ยืนรออย่างเรียบร้อยรออีกฝ่ายอนุญาตให้ตนไปได้



@LuBairan



ตนรับมี่จือชาเชามาจากมือนางกำนัลก่อนจะส่งต่อให้ขันทีข้างๆถือไว้ก่อน
“ขอบพระทัยพระสนม วันนั้นหากพระสนมมีเรื่องอะไรจะรับสั่งโปรดส่งคนมาแจ้งแก่ข้าน้อยได้เสมอ วันนี้ก็สายมากแล้วขอสนมรักษาสุขภาพด้วย ข้าน้อยทูลลา” ตนหันกลับไปรับมี่จือเฉาของตนคืนแล้วจึงเดินออกไปจากตำหนักเงียบๆ














แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 7406 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-8-15 23:38
โพสต์ 7,406 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-8-15 23:38
โพสต์ 7,406 ไบต์และได้รับ +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก คนแข็งแรง  โพสต์ 2024-8-15 23:38
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หมวกไผ่ผ้าคลุม
คนแข็งแรง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x18

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
655
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-8-15 23:52:51 | ดูโพสต์ทั้งหมด



ราชโองการฉบับที่สอง
วันที่ 07 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
เวลาสิบเอ็ดนาฬิกาสามสิบนาทีเป็นต้นไป


ในที่สุดก็ไม่จำเป็นต้องตื่นแต่เช้าเพื่อช่วยสวมฉลองพระองค์ให้กับชายที่ยืนอยู่เหนือคนนับหมื่น

ตอนนี้เป็นยามซื่อแล้วหากอยู่ในช่วงที่ตามเสด็จนางคงกำลังง่วนอยู่กับการชงชาหรือไม่ก็คัดแยกของเตรียมสำหรับปรุงอาหารเพื่อรับรองเหล่าขุนนาง ทว่าตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว แม้จะเปลี่ยนมาสวมชุดตำแหน่งเรียบร้อยพร้อมสรรพ แต่ความเหนื่อยล้าที่สะสมไว้ยังไม่จางหาย ฉะนั้นแล้วแทนที่จะใช้เวลาว่างไปกับการอ่านตำราหรือคัดอักษร ลู่เจี๋ยยวี่คนดังกลับนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเก้าอี้ไม้แถวชานเรือน

ด้านนางกำนัลหรือคนงานของตำหนักตงเฉินเมื่อเห็นว่านายหญิงกำลังพักผ่อน ต่างก็พากันลดระดับเสียงของการเคลื่อนไหวลง จนไม่ว่าใครที่ก้าวเข้ามาในเขตตงเฉินกลับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเงียบงันราวกับไร้ผู้คน แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นย่อมคือขันทีใหม่ที่ก้าวมาพร้อมผู้ติดตามอีกราว ๆ สามสี่คนและแจ้งว่ามีราชโองการที่ต้องให้เจ้าตำหนักมารับด้วยตนเอง

อ่านได้ที่โรลเพลย์ของ @WeiBin

เมื่อมาถึงลู่เจี๋ยยวี่ก็ระบายยิ้มเบาบาง นางเป็นสาวงามหยาดฟ้าในรอบสี่พันปีที่ไม่เคยถือตัว นงคราญหยกยอบกายลงคราแรกเป็นการให้ความเคารพแก่ขันทีแปลกหน้าก่อนจะลดกายลงคุกเข่ากับพื้นพร้อมวาดสองมือประสานออกโค้งรับแต่ก็มิพ้นช้อนตาขึ้นสังเกตรอบด้านรวมไปถึงท่าทางของเหล่าผู้มาเยือน

อ่านได้ที่โรลเพลย์ของ @WeiBin



คำที่เข้าใกล้กับสภาพอารมณ์ในตอนนี้คือคำว่าตกตะลึง แม้จะทราบดีอยู่แล้วว่านางจะได้รับรางวัลบางอย่าง แต่ก็ไม่นึกเลยว่ารางวัลจากปากของฝ่าบาทนั้นจะเป็นถึงราชโองการอวยยศที่มีความยาวเหยียดถึงข้อดีของสตรีผู้หนึ่ง สาวงามราวเทพธิดาเปลี่ยนท่วงท้าอ่อนล้าให้กลายเป็นความงามบริสุทธิ์น่าทะนุถนอมได้ไม่ยาก นางแค่เงยหน้าขึ้นช้า ๆ ด้วยความตกใจเพียงเท่านี้ผู้คนก็นึกไปในทางเดียวกันแล้วว่าพระสนมลู่ที่พึ่งได้รับการเลื่อนขั้นเป็นเจาอี๋หมาด ๆ คงกำลังดีใจอย่างสุดซึ้งก่อนที่ทั้งร่างจะลุกขึ้น ไป๋หรั่นก้มศีรษะลงอีกครั้งพลางยกสองแขนขึ้นรับม้วนโองการฟ้าที่ถูกส่งมาพร้อมกล่าวตามขั้นตอนอย่างฉะฉาน “ หม่อมฉันน้อมรับราชโองการ ขอฝ่าบาททรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ”

และเมื่อนางลุกขึ้น ชั่วขณะหนึ่งเนตรหงส์ได้ปรายมองขันทีน้อยช้า ๆ แววตาแฝงความรู้สึกที่อธิบายยากเอาไว้ในระหว่างที่ฟังคำเยินยอ แต่แล้วพริบตาต่อมาริมฝีปากฉ่ำวาวสีชาดก็หยักเป็นรอยยิ้มเบา ๆ

“ ตำหนักตงเฉินไกลกว่าตำหนักอื่นนัก พวกท่านเดินมานานคงเหนื่อยไม่น้อย ทั้งยังต้องรอข้าเตรียมตัว ไหน ๆ แล้วก็พักดื่มชาสักจอก ”

นางที่ได้เป็นถึงพระสนมเอกในยามนี้แทนที่จะแทนตนอย่างถือดีว่าเปิ่นกง ลู่เจาอี๋กลับใช้คำว่าข้าธรรมดาสามัญในแบบที่ไม่ยกยอตนให้สูงขึ้น ทั้งยังใส่ใจเตรียมข้าวของคลายเหนื่อยไว้ให้ผู้มาเยือนโดยไม่มีใครทันได้ทราบเลยว่ายามนี้นางกำลังกันคนบางส่วนออกไป “ ไม่เคยพบเจ้ามาก่อน จางกงกงฝากฝังราชโองการมาอย่างนี้คงไว้ใจน่าดู ” ทำไมนางจะจำไม่ได้ว่าในคราวที่เว่ยเจียเจี๋ยยวี่เลื่อนขึ้นเป็นเสียนอี๋ จางกงกงก็เป็นผู้มอบราชโองการด้วยตนเอง ทว่าทั้งที่เขาบอกว่าสนับสนุนนาง แต่ในยามนี้กลับส่งเด็กน้อยหน่วยก้านดีผู้หนึ่งมา

“ พูดเถิด พวกเขาถอยไปแล้วล่ะ ”

อ่านได้ที่โรลเพลย์ของ @WeiBin

“ เสี่ยวเว่ยจื่อ.. ” พระสนมเอกพึมพัมทวนนามของขันทีน้อยวนไปมาเบา ๆ อยู่ประมาณครั้งสองครั้งก่อนจะเฝ้าฟังวาจาที่ถูกฝากมา เมื่อฟังจบแล้วแทนที่จะมีอาการดีใจหรือขอบคุณ ลู่เจาอี๋เพียงแค่หัวเราะเบา ๆ “ จางกงกงประเมินข้าสูงเกินไปแล้ว เอาเถอะ.. ส่งข่าวครั้งนี้คงลำบากเจ้าไม่น้อย ตำหนักตงเฉินพึ่งผ่านเวลาอาหารมา เจ้ารับมี่จือชาเฉาสักชามกลับไปด้วยเถิด ”

เพราะไม่มีอะไรแล้วถึงได้เหลือไมตรีเอาไว้ให้ อีกฝ่ายอายุยังน้อย นางเองก็อายุยังน้อย ต่างฝ่ายต่างต้องเติบโตในรั้ววังกันอีกมาก ฉะนั้นแล้วสร้างความสัมพันธ์ไว้สักหน่อยก็คงไม่เสียหาย

ลู่ไป๋หรั่นเรียกให้นางกำนัลบางส่วนเดินกลับมาพร้อมมี่จือชาเฉาหนึ่งชามก่อนจะยื่นมันมอบให้เป็นรางวัลและค่าแรงตลอดการเดินทางครั้งนี้ของเสี่ยวเว่ยจื่อ “ ไม่มีอะไรแล้ว เจ้ากลับไปรายงานเขาว่าทำงานสำเร็จลุล่วงก็พอ จากนี้หากลำบากขาดเหลือสิ่งใด จงจำไว้ว่าตงเฉินอาจพอช่วยเหลือเจ้าได้ ”

อ่านได้ที่โรลเพลย์ของ @WeiBin

“ ลู่เจาอี๋ ”

คล้อยหลังการจากไปของขันทีน้อย หลี่ผู่เยว่ที่ช่วยส่งแขกเกริ่นขึ้นเสียงเบาอย่างระมัดระวังเมื่อเห็นว่าสองตาของพระสนมเอกยังคงทอดมองไปทางแผ่นหลังที่กำลังเดินจากไป “ เจ้าคิดว่าเขาเป็นคนอย่างไร ” น้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของลู่เจาอี๋ดังขึ้นเป็นคำถามที่เลื่อนลอยแต่ก็ใช่ว่าจะไร้ความหมายเสียทีเดียว

ผู่เยว่ลอบเก็บความตระหนกจากคำถามที่ไม่ทันได้ตั้งตัวและตอบกลับเสียงราบเรียบ “ หม่อมฉันมิมีโอกาสได้ศึกษาในตัวเขานานนัก ทว่าหน่วยก้านดูดีใช้ได้เลยเพคะ ”

“ ใช้ได้? แค่ใช้ได้หรือ ” แม้ว่าไป๋หรั่นจะหาใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านแวดวงสังคมในรั้ววัง ทว่าด้วยชะตาชีวิตที่ทำให้มีประสบการณ์การมองคนมีหรือที่นางจะไม่รู้ว่าคนอย่างนี้เรียกว่าอย่างไร? เป็นลักษณ์ขันทีไม่ผิดแน่ ไม่ว่าจะเรือนกายขาวซีดตัดกับสีเครื่องแบบหรือดวงหน้าที่ให้บรรยากาศซับซ้อนเกินใคร ส่วนหนึ่งชวนให้รู้สึกถึงจงฉางซื่อผู้นั้น ต่างก็เพียงแค่ยังขาดความบ้าคลั่งในส่วนลึกที่อาจจะเป็นส่วนดีแล้วในชีวิตของการเป็นขันที

นางหันกลับมาเผชิญหน้ากับสายตาสงบเสงี่ยมของหลี่กู่กูที่กำลังเปลี่ยนเป็นตกตะลึงขึ้นทีละน้อย “ เขาผู้นั้นไม่เคยสนับสนุนใครเพียงแค่คิดว่าพอใช้ได้ ” จะเสี่ยวเว่ยจื่อผู้นั้นก็ดี หรือจะใครก็ตาม ไม่เว้นแม้แต่ตัวนางเอง.. เทพธิดาจำแลงแย้มยิ้มแค่เพียงพอดี ก่อนจะกดใบหน้าพลางก้าวเท้ากลับเข้าไปด้านในปล่อยให้ผู้มาใหม่นิ่งอึ้งกับคำพูดสุดท้าย

“ ต่อให้แค่พอใช้ได้จริง แต่เกรงว่าคำนี้คงไม่สามารถอยู่ได้ตลอดไป ”







แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 17199 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-8-15 23:52
โพสต์ 17,199 ไบต์และได้รับ +8 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พัดชิงหลิ่ว  โพสต์ 2024-8-15 23:52
โพสต์ 17,199 ไบต์และได้รับ +2 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2024-8-15 23:52
โพสต์ 17,199 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ชุดฉิงโหรว(เจียยวี่)  โพสต์ 2024-8-15 23:52
โพสต์ 17,199 ไบต์และได้รับ +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-8-15 23:52
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
655
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-8-16 00:20:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-8-16 01:39




มีเรื่องหนักใจ
วันที่ 07 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
เวลายี่สิบนาฬิกาเป็นต้นไป


มีแต่ฟ้าเท่านั้นที่รู้จริง ๆ ว่าชีวิตนางจะเป็นอย่างไรต่อไป

รางวัลที่ได้รับมาใหญ่เกินกว่าที่คาดไว้ ยามนี้นางไม่ใช่แค่สนมชั้นสูงแต่เป็นถึง ‘ สนมเอก ’ ที่ขอเพียงไต่เต้าขึ้นไปอีกขั้นก็จะได้กลายเป็นพระชายาหลวงแล้ว ลู่ไป๋หรั่นไม่คุ้นชินเอาเสียเลย.. รอบข้างไม่มีใครเรียกนางว่านายหญิงที่ชวนให้รู้สึกเหมือนอยู่เรือนชาวบ้าน ทั้งหมดเปลี่ยนมาเป็น ‘ พระสนม ’ ภายในชั่วพริบตาราวกับว่าทุกคนคาดไว้อยู่แล้วว่าคงต้องเป็นเช่นนี้ในสักวัน

“ พระสนม นี่ก็ยามปลายยามซวีแล้ว ทรงรับประทานของว่างเลยดีหรือไม่เพคะ? ” ผู้ที่กำลังกล่าวเสียงเบาอย่างรู้ความข้างกายนางในตอนนี้ไม่ใช่แค่นางกำนัลขั้นต่ำหรือกลางแต่เป็นถึงนางกำนัลชั้นสูงที่ได้รับพระราชทานมา ไป๋หรั่นหลุบเนตรหงส์ลงด้วยความสั่นไหว ที่แท้เพียงแค่เปลี่ยนสรรพนามก็ราวกับชีวิตทั้งชีวิตได้เปลี่ยนไป

“ ยังเหลืออยู่อีกหรือ ”

โฉมสะคราญเจ้าของยศเจาอี๋ถามกลับด้วยเสียงเลื่อนลอย ส่งผลให้หลี่ผู่เยว่ที่รับหน้าที่ติดตามดูแลอีกฝ่ายนับจากนี้นึกกังวลอยู่ในใจลึก ๆ ‘ คนงามแม้แต่ในยามที่โศกเศร้ายังเฉิดฉายราวกับจะให้มีคนมาไขว่ขว้าหลักพาไป.. ได้รับราชโองการเลื่อนยศยังถึงกับนั่งกังวลไร้เสี้ยวความดีใจ คงอย่างที่ห่าวหมิงว่าไว้พระสนมของนางมีแววดีน่าสนับสนุนแต่คงจะอันตรายเกินไปหากปล่อยให้ฝ่าฟันอุปสรรคในวังหลวงโดยลำพัง ’ นางกำนัลวัยยี่สิบเก้าหนาวเม้มริมฝีปากเข้าหากันก่อนจะโน้มลงตอบ

“ บ่าวได้ยินว่าพระสนมโปรดซิ่งเหรินโต้ฟูแบบเย็น จึงไ—- ”

“ ฮั่นอู่ตี้เสด็จ !!! ”

อย่าว่าแต่บ่าวที่เงียบไป แม้แต่คนเป็นนายยังตะลึงจนเสียกิริยาลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง

เสียงที่ประกาศการมาถึงของฮั่นอู่ตี้ย่อมเป็นเสียงของจางกงกงที่คอยอยู่เคียงข้าง และแน่นอนว่าหลี่ผู่เยว่ไม่มีทางที่จะลืมเสียงของสหายที่ร่วมร่วมฝ่าฝันกันมา นางกำนัลชั้นสูงแม้จะไม่เคยเจอการมาถึงของแขกสูงศักดิ์ในแบบที่ไม่บอกไม่กล่าวแต่ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมา ผู่เยว่ปรายตามองนางกำนัลชั้นผู้น้อยด้านหลังเป็นการสั่งกลาย ๆ ให้ถอยไปเตรียมการรับรอง ก่อนจะอาศัยเข้าประคองลู่เจาอี๋ออกไปรับเสด็จอย่างรู้ความ

การมีคนเป็นงานช่วยให้นางตั้งตัวได้ไวมากขึ้น ลู่เจี๋— ไม่สิ ลู่เจาอี๋ก้าวจากภายในเรือนผ่านประตูหลายชั้นมาจนถึงส่วนรับรองแขกที่ปรากฏร่างของโอรสสวรรค์ยืนชมภาพเขียนชิ้นเดิมโดยมีจางกงกงถือถาดภูษาค่อนอยู่ทางด้านหลังราวกับต้องการประกาศให้รู้ว่า ‘ ฝ่าบาทมีความประสงค์ค้างแรมที่ตำหนักตงเฉิน ’

“ ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท ” เสียงหวานหูของลู่เจาอี๋เรียกให้สวามีหันกลับมา ทันทีที่สายพระเนตรทอดลงกับร่างนงคราญก็คล้ายว่าจะตะลึงไปหลายอึดใจ ยังคงเป็นโฉมงามคุ้นหน้าผู้เดิมต่างออกไปที่อาภรณ์และเครื่องหัว

หลิวเช่อเคยเห็นนางใส่ชุดสีขาว เคยเห็นนางใส่ชุดสีคราม แต่ที่เป็นรูปแบบสีแดงเหลือบม่วงยากนักที่จะได้เห็น อย่างไรเสียสีม่วงก็นับว่าเป็นสีที่หาได้ยากที่สุด ดังนั้นหลังจากเห็นแบบและสีของอาภรณ์ก็นับว่าเป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่เขาใคร่รู้ว่าหากคนงามเช่นนี้สวมใส่มันขึ้นมาแล้วจะเป็นอย่างไร และตอนนี้เขาก็ได้รับคำตอบแล้ว.. ใบหน้าบอบบาง เรือนกายผุดผาด ยิ่งสวมอาภรณ์สีอ่อนเข้าขั้นหายากก็ยิ่งดูเหมือนเทพธิดาชั้นฟ้าลงมาเผยโฉม ทุกย่างก้าวของนางพราวแสงระยิบเช่นเดียวกับปิ่นเงินระย้าที่สั่นไหวไปมาเป็นเสียงกุ๊งกิ๊ง

“ เจาอี๋ ” เสียงของโอรสสวรรค์อ่อนลงเสมอในยามที่กล่าวกับคนของเขา หลิวเช่อหลุบตาลงมองเสื้อผ้าที่แปลกตานั้นอีกครั้งก่อนจะเบนสายตาเบี่ยงไปอีกทาง เปิดช่องให้จางกงกงได้ระบายยิ้มกล่าวแทนด้วยความใจเย็น

“ กำหนดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน หวังว่าพระสนมคงไม่ถือสาที่คนของกระหม่อมไม่ทันได้มาแจ้งล่วงหน้า ” ชายร่างสูงในชุดขันทีค่อมหลังลงพร้อมพูดเสียงดังฟังชัดเพื่อให้คนโดยรอบได้ยินโดยทั่วกัน รอจนได้เห็นการพยักหน้าน้อย ๆ เป็นการบอกให้คลายกิริยาเบื้องต้นจากเจ้าตำหนักตงเฉินถึงค่อยกลับมายืนตามปกติ “ ช่วงนี้สถานการณ์ในท้องพระโรงค่อนข้างวุ่นวายหวังว่าพระสนมจะช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าของฝ่าบาทลงได้ ”

ห่างกันไปไม่ถึงหนึ่งวัน ไม่รู้ซือมิ่งคิดอย่างไรถึงได้ส่งเขากลับมาเจอนางอีกครั้ง

“ เป็นผู้ใดกันที่ทำให้พระองค์ทรงหนักใจ ” ลู่เจาอี๋กล่าวเย้าเสียงเบาพร้อมด้วยรอยยิ้มขบขันเจือจางที่ชวนให้รู้สึกว่าคนงามผู้นี้หูตาไวกว่าที่คิดไว้มาก แต่นอกจากปากที่ขยับสองเท้าเองก็ก้าวเดินพาร่างสะคราญไปยืนอยู่หน้าสวามี “ ทรงเสวยพระกระยาหารค่ำมาแล้วใช่หรือไม่เพคะ? ”

“ อืม ”

หลิวเช่อพยักหน้าเป็นคำตอบ ด้านลู่เจาอี๋ที่เห็นอย่างนั้นก็พลันพยักหน้ารับตามไปด้วย นงคราญหยกหันกลับไปมองที่ด้านหลังเล็กน้อยและกดสายตาลงเชิงบอกให้หลี่ผู่เยว่เข้ามาช่วยจัดการบางส่วน ก่อนจะหันกลับมาเบี่ยงกายเชื้อเชิญจักรพรรดิเข้าสู่ด้านในตัวเรือน “ ทรงเสด็จเข้ามาพักที่ด้านในก่อนเถิดเพคะ ”

เงาร่างของผู้เป็นนายเดินหายเข้าไปด้านในทิ้งจางกงกงและหลี่กู่กูรวมถึงบริวารบางส่วนไว้ที่ด้านนอก “ จางกงกง ” ผู่เยว่เป็นฝ่ายที่ยอบกายลงพร้อมยื่นมือไปรับถาดภูษาของโอรสสวรรค์อย่างสงบนิ่ง ด้านจางห่าวหมิงที่ไม่ได้พบหน้ารุ่นพี่นางกำนัลคนนี้มานานก็กดศีรษะลงรับการทักทายพร้อมระบายยิ้มอย่างพึงพอใจ

“ ได้เห็นหลี่กู่กูเช่นนี้นับว่าแปลกตาทว่าเหมาะสมนัก ”

“ .. จางกงกงยกยอเกินไปแล้ว พวกเราเข้าไปด้านในกันเถิด ฝ่าบาทกับพระสนมคงรออยู่ ” หลี่กู่กูค้อมศีรษะลงขอตัวตามมารยาทก่อนจะเป็นฝ่ายหมุนกายเดินเข้าไปด้านในปล่อยให้สหายรุ่นเยาว์หัวเราะขบขันอยู่เพียงลำพังจากนั้นจึงเดินตามเข้าไป

ที่ด้านในเรือนรับรองสองร่างของต่างผู้มียศกำลังนั่งประชันหน้ากันโดยมีโต๊ะหมากคั่นกลางข้างกายลู่เจาอี๋มีชาหนึ่งกา ส่วนข้างกายฮั่นอู่ตี้เองก็มีชาหอมหนึ่งจอก “ หลี่กู่กู ยังมีของว่างอยู่ไม่ใช่หรือ.. ไปนำมาสิ ผู้งามเลิศยิ่งผินหน้ากลับมามองนางกำนัลคนสนิทที่เดินเข้ามาหลังจากนำถาดภูษาไปเก็บจนเรียบร้อยโดยที่ไม่นึกเลยว่ารู้จักกันมาแค่ไม่ถึงวันหลี่ผู่เยว่จะสามารถคาดการณ์ความคิดของนางถึงขนาดเตรียมให้นางกำนัลน้อยขั้นต่ำกว่าไปหยิบของว่างมารอแล้ว

“ ซิ่งเหรินโต้วฟูอีกแล้ว เจ้าชอบขนาดนั้นเชียว ” เพียงได้กลิ่นหวานอ่อนของซิ่งเหรินและไอเย็นที่โชยมาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเงยหน้าขึ้นดูชนิดของว่างแล้ว โอรสสวรรค์คลี่ม้วนกวีไผ่ให้เปิดกว้างขึ้นในระหว่างที่ได้ยินเสียงหัวเราะผะแผ่วมาจากผู้ที่นั่งตรงข้ามกัน

“ ก็โต้วฟูเหล่านี้หาได้เพียงในวัง หากไม่ทานให้มากเสียแต่ตอนนี้ก็ไม่รู้จะมีวันเวลาได้ทานไปอีกนานแค่ไหนแล้วเพคะ ” คำตอบนี้ของนางทำให้บรรยากาศรอบข้างหนักอึ้งได้ในชั่วพริบตา หลี่กู่กูที่อยู่อีกด้านหน้าเสียพร้อมกับหันมองพระสนมผู้เป็นนายของตน ส่วนหลิวเช่อที่ได้ยินเสียงนี้ในระยะประชิดก็เงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย

“ คิดมากเกินไป ”

“ เกรงว่าจะดีกว่าไม่คิดเลย ”

เสียงเค้นหัวเราะในลำคอสั้น ๆ หนึ่งเสียงมาจากฝ่ายของโอรสสวรรค์ที่ทราบอยู่แล้วว่าสนมเอกของตนเป็นคนอย่างไร “ การเลื่อนขึ้นเป็นเจาอี๋ดูแล้วคงทำให้เจ้ากลายเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยมากขึ้น ” ฮั่นอู่ตี้ประคองจอกชาขึ้นจรดริมฝีปากพลางเปิดรับรสของชาขาวบางเบาที่ชวนให้กระปี้กระเป่า

“ อันที่จริงหม่อมฉันชอบนามเจาเยวี่ยนมากกว่าเพคะ ”

คล้ายจะได้ยินเสียงคนสำลักจนกระแอมในลำคออยู่สองสามทีลู่เจาอี๋ที่เห็นอย่างนั้นก้มหน้าปล่อยหัวเราะเสียงแผ่ว “ ทว่าที่ฝ่าบาทประทานมาให้หม่อมฉันก็ชอบมากเช่นกัน ” ว่าจบเซียนหนี่ว์ร่างน้อยก็ตักซิ่งเหรินโต้วฟูคำเล็กเข้าปาก ปล่อยให้สวามีที่ฟังคำหวานขมวดคิ้วพลางเงยหน้าขึ้นช้า ๆ

“ เดี๋ยวหัดประจบกันซึ่ง ๆ หน้าแล้ว? ” แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองได้เต็มสายตา สิ่งที่อยู่ตรงหน้ากลับเป็นคนงามที่ดันจานซิ่งเหรินโต้วฟูซึ่งถูกตัดแบ่งเป็นขนาดพอดีคำมาอยู่ตรงหน้า

“ ใช่ประจบจริงหรือไม่ ฝ่าบาททรงรู้ดีที่สุด ”

ถูกอย่างที่นางว่า เนตรมังกรช้อนขึ้นสบเนตรหงส์หวานฉ่ำตามความเคยชิน เจาอี๋หยกเป็นสตรีปากหวานช่างเจรจาหาใช่เพียงแค่คนประจบประแจงเอาตัวรอด นับจากการที่ทั้งสองเคยมีบทสนทนาลึกซึ้งถึงแง่คิดหลายครั้ง หลิวเช่อค่อนข้างวางนางไว้เป็นสตรีที่.. น่าเฝ้ามอง

“ แล้วนี่อะไร ”

“ แก้มือเพคะ รสชาติซิ่งเหรินโต้วฟูวันนี้ไม่หวานจัด ครั้งนี้คงจะถูกพระทัยฝ่าบาทขึ้นบ้าง ” นางดูจริงจังไม่น้อย โอรสสวรรค์หลุบตาลงมองช้อนคันเล็กนั้นสลับกับช้อนสายตาขึ้นมองหน้าของสนมเอก

เอาเถิด.. ครั้งนี้ตามใจนางสักหน่อยก็แล้วกัน



“ จำต้องเคร่งเครียดเพียงนั้นเชียว ”

เป็นเวลาสองก้านธูปได้แล้วที่บนตั่งนอนมีเพียงเขาที่ได้ครอบครอง โอรสสวรรค์ที่เอนกายเอกเขนกบนฟูกนอนชำเลืองตาไปมองลู่เจาอี๋ที่สวมเพียงชุดในตัวบางสีขาวดูเผิน ๆ แล้วคล้ายหนึ่งร่างเปลือยเปล่าที่มีม่านหมอกมาบดบัง ยามนี้สนมเอกผู้งามเลิศกำลังหันหลังให้กับเขา ท่าทางกำหนดการวันเฉลิมพระชนมพรรษาของเสด็จแม่จะเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยในหัวเล็ก ๆ ที่ไม่รู้ว่าหนึ่งวันครุ่นคิดกับอะไรไปแล้วบ้าง

“ ไท่โฮ่วทรงพระชนมพรรษาสี่สิบเก้าปี นับเป็นครั้งสุดท้ายที่เลขนำหน้าจะเป็นเลขคู่มงคล ” นงคราญหยกวางพู่กันลงกับโต๊ะพลางยกกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นพิจารณาก่อนจะทำสีหน้าหน่ายเหนื่อยเมื่อพบว่ายังมีส่วนที่ผิดพลาด หนึ่งในสิบฉือผินถอนหายใจพลางพับกระดาษนั้นเก็บลงที่กล่องไม้ “ หม่อมฉันทำให้พระองค์ไม่สามารถนอนได้หรือเพคะ ”

คนงามลุกขึ้นเดินมานั่งที่ข้างเตียงพลางโน้มกายลงเล็กน้อยให้เกศาที่ปล่อยสยายได้คล้อยลงผ่านไหล่เสมือนม่านน้ำตกที่ช่วยบังแสงส้มนวลสลัวจากเปลวเทียนไม่กี่เล่มที่ยังลุกโชน “ ทรงสรงน้ำได้ไม่เท่าไหร่พระเสโทก็ผุดขึ้นอีกแล้ว.. ” ผู้งามดั่งเทพธิดาทราบดีว่าควรทำอย่างไรให้ตนเองนั้นงามยิ่งขึ้น ลู่ไป๋หรั่นเคลื่อนมือใช้ชายเสื้อซับกับเหงื่อที่พรมประดับตามกรอบหน้าของสามีก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นการหยิบพัดพับออกมาคลี่โบกเบา ๆ

“ บรรทมก่อนเถิดเพคะ หม่อมฉันยังนอนไม่หลั—- ”

“ เจ้าต่างหากที่ต้องนอน หากคิดไม่ออกแล้วเหตุใดจึงเร่งเร้านัก ฝืนลืมตาคิดต่อไปก็ไม่ช่วยให้เจ้าคิดออก ” ครั้งนี้หลิวเช่อสวมบทผู้เตือนให้นางได้คิดในมุมมองที่ต่างออกไป คนอายุมากกว่าออกคำสั่งกลาย ๆ ให้นางล้มเลิกสิ่งที่ทำอยู่ เดิมทีไป๋หรั่นคิดจะโต้แย้งสักประโยค แต่โอรสสวรรค์กลับใช้สายตาคมกริบมาทำให้นางปิดปากฉับ

“ เพคะ.. ” นงคราญหยกตอบรับเสียงอ่อนพลางปีนขึ้นไปนอนข้างกายเขาอยู่เงียบ ๆ

เงียบเสียจนกาลเวลาผ่านพ้นไปหลายชั่วยาม ก้าวเข้าสู่ต้นยามห้าที่ต้องเริ่มตื่นมาใช้ชีวิตตามกำหนดการ “ หากง่วงนักก็นอนต่อเสีย ” รับสั่งของโอรสสวรรค์ดังขึ้นเมื่อคนงามในอาภรณ์ขาวยกนิ้วคลึงเปลือกตาที่ทำท่าเหมือนจะตกลงตลอดเวลาในยามที่นางกำลังช่วยเขาสวมใส่เสื้อคลุมชั้นนอก หลิวเช่อสังเกตมาพักใหญ่แล้วว่าเจาอี๋ผู้นี้ดูมีแววอ่อนล้า

“ หน้าที่ปรนนิบัติพระองค์ละเลยไม่ได้เพคะ ”

แล้วในคราวนั้นที่นางกระอักกระอ่วนใจจนเขาต้องใส่เอง?

เสียงถอนหายใจพลอยลอดออกจากริมฝีปากหนา โอรสสวรรค์วางปลายนิ้วลงกับหน้าผากมนพร้อมดันศีรษะเล็กนั้นเบา ๆ “ หากเรียบร้อยแล้วก็ไปพักเสีย ไม่จำเป็นต้องอยู่ส่งสามี(ฟูจวิน) ” สรรพนามเปลี่ยนไปทำให้สะคราญโฉมผู้นี้ล้ำเลิศช้อนตาขึ้นมองดวงตาคู่คมของชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง มือของนางรั้งวางอยู่บนสาบเสื้อหนาพักหนึ่งก่อนจะผละออก หลังจากนั้นก็ใช้เวลาอยู่ไม่นาน.. ไป๋หรั่นชินแล้วกับการช่วยสวมฉลองพระองค์ลงกับพระวรกายของฝ่าบาททำให้ขั้นตอนที่เคยวุ่นวายสับสนก็ไม่ต่างอะไรไปจากการแต่งกายให้ตัวเอง

“ ฝ่าบาท หม่อมฉัน.. ”

แต่ไหนแต่ไรมาลู่ไป๋หรั่นทำมาตราฐานของตัวเองไว้สูงลิบ นางไม่ยินดีลดระดับของตนลง ซึ่งหลิวเช่อก็ไม่สามารถคัดค้านอันใดได้ ทั้งสองเดินเคียงกันออกจากตำหนักตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง โดยด้านนอกมีเกี้ยวมังกรมาคอยรอรับจนถึงหน้าประตู

“ พอใจแล้วใช่หรือไม่ ”

โอรสสวรรค์ถามไถ่โดยไม่หันกลับมา ผิดกับสาวงามในรอบสี่พันปีที่คลี่ยิ้มเบาบางพลางตอบรับเมื่อครั้งที่เกี้ยวถูกยกขึ้นเป็นเสียงแผ่วที่ปลิดปลิวไปพร้อมกับสายลมด้วยคำว่า … “ พอใจแล้วเพคะ ”



[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้
+5 ความสัมพันธ์โรลสนทนาประจำวัน
+20 ความสัมพันธ์โบนัสหัวดี
+20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง และ +10 จับคู่ชาเกรดทอง
+5 โบนัสเพิ่มจากชาประเภท ชงชา
+5 โบนัสเพิ่มจากของว่างประเภท อาหารปรุง

ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ +15 บารมี
ปรนนิบัติหวงตี้ยามค่ำคืน +20 บารมี
ปรนนิบัติทุกค่ำคืน + 1 ปรนนิบัติ
ปรนนิบัติสวมฉลองพระองค์ช่วงยามห้า + 1 ปรนนิบัติ






แสดงความคิดเห็น

ในเช้าวันที่ 8 เดือน 8 ก่อนออกจากตำหนักไปหาเสด็จแม่ร่วมกับลู่เจาอี๋ บนเกี้ยวตรัสเจาอี้คืนนี้ตนจะไปทานเมนูใหม่ เนื้อกวาง หวังว่าเจาอี๋จะทำได้นะ วัตถุดิบไปเบิกห้องเครื่อง   โพสต์ 2024-8-16 00:27
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 65 โพสต์ 2024-8-16 00:25
โพสต์ 34863 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-8-16 00:20
โพสต์ 34,863 ไบต์และได้รับ +8 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ชุดจื่อซีอี๋นั่ว(เจาอี๋)  โพสต์ 2024-8-16 00:20
โพสต์ 34,863 ไบต์และได้รับ +8 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พัดชิงหลิ่ว  โพสต์ 2024-8-16 00:20

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +2 พลังปราณ +35 ย่อ เหตุผล
Watcher + 2 + 35

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
655
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-8-17 20:17:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-8-17 20:28




ร่ำสุราชมจันทร์
วันที่ 08 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
ยี่สิบนาฬิกาเป็นต้นไป


ตลอดสองชั่วยามถัดจากนั้น นางมีหน้าที่เป็นรูปสลักประดับห้องทรงอักษรที่เพียงแค่ยิ้มก็ทำให้บรรยากาศของการหารือนั้นคลายลงจากความตึงเครียด และในที่สุด.. ก็ได้กลับไปพักที่ตำหนักตงเฉินเมื่อตะวันลาจากขอบฟ้าเป็นที่เรียบร้อย

โอรสสวรรค์ก้าวกลับเข้ามาในเขตตำหนักแรกอรุณแห่งเหมันต์โดยมีเจ้าของตำหนักเป็นผู้ประคองไปตลอดทางดูคล้ายคู่รักที่แนบชิดอิงแอบอย่างไม่ขัดเขิน “ จากนี้คณะทูตยังมีใต้เท้าจางคอยดูแล เชื่อว่าฝ่าบาทคงวางพระทัยได้บ้าง ” ลู่เจาอี๋กล่าวขึ้นทำลายความสงบระหว่างพวกเขา โชคดีที่ในตำหนักมีหลี่กู่กูคอยอยู่ก่อนแล้วดังนั้นสภาพแวดล้อมและอาการภายในจึงไม่ได้ร้อนอบอ้าวจนทำให้คนที่ตรากตรำทำงานต้องรู้สึกเหนื่อยล้ายิ่งกว่าเดิม

“ อืม ”

โชคดีที่ทูตโหรวหร่านครั้งนี้ไม่ใช่พวกแต้มจัดที่คิดสูบเลือดสูบเนื้อ อย่างว่าฝ่ายนั้นเข้าตาจนแล้วถึงได้เริ่มติดต่อขอสวามิภักดิ์เพราะนอกจากปีศาจที่ต้องรับมือ เผิน ๆ ยังมีภัยเงียบอย่างซ่งหนูที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายคาดเดายากกลุ่มนั้นอีก

“ ทำได้ดีมาก ”

แม้เขาจะสั่งนางกะทันหันเกินไปแต่ก็ยังทำออกมาได้ดี หลิวเช่อลอบพลิกมือขึ้นกุมเรียวนิ้วบางที่คล้ายว่าเริ่มหันมาสัมผัสถูกตัวกันมากขึ้นเงียบ ๆ ภาระรับมือเหล่าทูตไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในวันนี้เขาคิดถึงนางเป็นคนแรกในยามที่ต้องการกำลังมาเสริมทัพเท่ากับว่าลึก ๆ ในใจตนคงยอมรับในความสามารถของนางมาพักใหญ่แล้ว

“ ส่งทหารออกไปก็จะทำให้กำลังหลักน้อยลง เรื่องนี้ฝ่าบาทมีวิธีแก้ไขหรือยังเพคะ? ” นงคราญถามไถ่เสียงหวานพลางปลดเสื้อคลุมหนารุ่มร่ามออกจากกายสวามี ช่วยให้เขาสบายเนื้อสบายตัวขึ้นในขณะที่นั่งลงกับตั่งนั่งโดยจับมือนางไว้คล้ายบังคับให้อยู่ใกล้ หรือไม่ก็หันหน้ามองเพียงแค่เขา

“ ค่ายพยัคฆ์ใกล้ถึงรอบประกาศหาผู้สมัครใจแล้ว ปัญหาที่เจ้าคิดย่อมไม่เลวร้ายปานนั้น ” ทั้งหมดอยู่ในการคาดคะเนของหลิวเช่อ ต่อให้สถานการณ์พลิกผันไปกี่ครั้งตนก็ยังมีวิธีการรับมือ ทว่าส่วนมากแล้วผู้คนที่ทราบกระจ่างในตัวตนเขาล้วนไม่เคยถามด้วยท่าทางห่วงใยอย่างนี้

โอรสสวรรค์หาได้มองว่ามันคือการก้าวก่าย คงเป็นเพราะลู่เจาอี๋ที่เขาเฝ้าสังเกตไม่ใช่พวกวุ่นวายเรื่องผู้อื่น นางแค่ใส่ใจใกล้ชิดกับคนที่สนิท.. และบางทีในวังหลวงแห่งนี้นอกจากสหายร่วมยศสนมของนางก็คงมีแต่เขาที่พอมองได้ว่าสนิทสนมอยู่บ้าง

“ พระองค์ทรงเหนื่อยมากแล้ว ” มือข้างหนึ่งของนางประสานอยู่กับเขา ส่วนมืออีกข้างเคลื่อนขึ้นดึงปลายเชือกรัดคางของหมวกม่านมุกประจำพระองค์ให้หลุดออก ราวกับอุ้งมือเล็กกระจ้อยนี้ช่วยปลดเปลื้องหน้าที่ยิ่งใหญ่ซึ่งกดทับบนบ่าให้เลือนหายได้ในเสี้ยววินาที “ เรื่องงานเมื่อมาถึงบ้านแล้วก็ควรยกออกจากความคิดไปบ้าง ”

นางถึงกับใช้คำว่าบ้านมาพูดกับเขา..

หลิวเช่อหัวเราะเพียงลำพังพร้อมรั้งกายบางให้เข้าใกล้จนสามารถนั่งกับตักเขาได้ขอเพียงนงคราญเลือกหย่อนกายลง “ ทานข้าวเถิดเพคะ สิ่งที่ฝ่าบาทประสงค์อยากทาน หม่อมฉันเตรียมไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ” หลิวเช่อลุกขึ้นปล่อยให้นางจับจูงเขาออกไปยังสะพานข้ามบ่อน้ำที่โอบล้อมตงเฉิน มุ่งหน้าไปสู่ศาลาชมทะเลบุปผาเคียงบึงน้ำโดยสายตาจรดอยู่แค่เพียงแผ่นหลังเล็ก ๆ นั้น

ที่รออยู่ในศาลาคือต้วนลู่เจี้ยนจิงเย่าฉายถ้วยนั้นที่นางลำบากทำแต่เช้า พร้อมด้วยนารีแดงเลิศรสที่เป็นของล้ำค่าสมควรนำมาเพื่อทานแกล้ม มีโอกาสได้ทานอาหารฝีมือภรรยา ร่วมร่ำสุราชมจันทร์หลังราชกิจ เกรงว่าคงไม่มีความทรงจำใดสำราญได้เท่านี้อีกต่อไปแล้ว

คล้อยหลังผ่านไปได้ราว ๆ ครึ่งชั่วยาม อาหารโอชะหมดไปแล้ว เหลือก็แต่ไหสุราและสองชีวิตที่นั่งคนละฟากแต่ก็ยังรวมมองเดือนดาราดวงเดียวกัน .. เสียงผีผาดีดประโคมเคล้ากลิ่นหอมหวานเย้ายวนใจของสุราชั้นยอด หนึ่งบุรุษนั่งอิงเสาศาลาพร้อมปรายตามองจันทร์สลับนาง หนึ่งสตรีระบายยิ้มฉานฉายคล้ายเทพธิดาฉางเอ๋อห์พลางจรดนิ้วกรีดกรายบรรเลงเพลงพรรณนา

สมแล้วที่เขามาเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ มิใช่หาเรื่องใส่ตัว

จวบจนขั้นตอนสรงน้ำหรือเข้านอนก็ไม่พ้นมีนางคอยช่วยเหลือดูแล ความสะดวกสบายผนวกกับความเพลินตานี้เริ่มเกาะกินตัวตนของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ

ถ้าเป็นนางที่ยืนอยู่เคียงข้างเขาก็คงไม่แย่.. ไม่แย่เลย

“ ใกล้วันคล้ายวันประสูติของไท่โฮ่วแล้ว ฝ่าบาทสมควรใช้เวลาอยู่กับท่านให้มากหน่อย.. เช้านี้หม่อมฉันคงมิอาจร่วมทางไปถวายพระพรด้วยได้ หวังว่าฝ่าบาทจะไม่ถือสา ”

หลิวเช่อหน่ายใจอยู่พอสมควร เขาเป็นฝ่ายลดความห่างเหินลงด้วยการเปลี่ยนสรรพนามในบางครั้ง ทว่านงคราญที่ช่วยสวมฉลองพระองค์นี้กลับไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่นิด มีแค่หนที่ร่วมเดินทางนอกเมืองด้วยกันหนเดียวเท่านั้นที่นางให้ความร่วมมือ

“ อืม เมื่อคืนดื่มสุราไปมากหากร่างกายยังไม่ฟื้นตื่นเต็มที่ก็พักผ่อนอีกหน่อย เสด็จแม่เอ็นดูเจ้าไม่น้อย ล่าช้าหนแรก นางไม่ตำหนิเจ้าแน่ ” ฮั่นอู่ตี้กล่าวพลางขยับกวานบนมวยผมให้เข้าที่พร้อมทั้งหลุบตาลงมองสตรีที่กำลังจัดสาบเสื้อของเขา ก่อนจะผละตัวถอยเว้นระยะห่างออกไปอีกราว ๆ สองก้าว

“ คารวะดูแลครอบครัวสามีเป็นเรื่องที่บ่งบอกถึงความกตัญญู หากมิได้ป่วยไข้จนทรุดโทรมถึงขนาดลุกไม่ขึ้น หม่อมฉันจะไม่ละเลยธรรมเนียมนั้น ” อีกนัยหนึ่งคือนางชอบอาศัยอยู่กับคนเฒ่าคนแก่ ผู้อาวุโสล้วนแต่มีมุมมองที่ลึกล้ำกว่ามาก การได้อยู่กับพวกเขานับเป็นการเรียนรู้โลกกว้างที่นางไม่เคยได้สัมผัสด้วยตนเองในอีกแบบหนึ่ง

“ …ตามใจเจ้า ”

ประโยคสุดท้ายของเขาสั้นกระชับ แต่ก็น่าฟังเป็นอย่างมาก

“ มีฝ่าบาทตามใจอย่างนี้ นับเป็นเกียรติของหม่อมฉันนัก ”



[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้
+20 โบนัสความสัมพันธ์หัวดี
+30 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดแดง และสุราเกรดแดง +15 ( รึเปล่า )
+5 โบนัสอาหารประเภทอาหารปรุง

ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ +15 บารมี
ปรนนิบัติหวงตี้ยามค่ำคืน +20 บารมี
คิดค้นเมนูอาหารใหม่ ๆ พร้อมโรลถวายหวงตี้ +50 บารมี
ปรนนิบัติทุกค่ำคืน + 1 ปรนนิบัติ
ปรนนิบัติสวมฉลองพระองค์ + 1 ปรนนิบัติ






แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 90 โพสต์ 2024-8-17 21:19
+30 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดแดง + (+5) ชาหรือสุราก็ได้ หรือ ชาเกรดแดง (+20)  โพสต์ 2024-8-17 21:19
โพสต์ 17134 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-8-17 20:17
โพสต์ 17,134 ไบต์และได้รับ +2 EXP +7 คุณธรรม +7 ความโหด จาก ชุดจื่อซีอี๋นั่ว(เจาอี๋)  โพสต์ 2024-8-17 20:17
โพสต์ 17,134 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2024-8-17 20:17

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +2 พลังปราณ +85 ย่อ เหตุผล
Watcher + 2 + 85

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
655
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-8-18 18:17:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด



ไอปราณพลังหยาง
วันที่ 09 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
ยี่สิบนาฬิกาเป็นต้นไป


คล้อยค่ำอากาศอบอ้าวเคล้ากลิ่นธูปสงบจิต ที่กลางส่วนรับรองของเรือนใหญ่มีม่านสี่ทิศทิ้งตัวลงมาบดบังเงาร่างผู้ครองตำหนักเสริมความลึกลับน่าค้นหา ราวกับว่าผู้ที่อาศัยอยู่คือเทพเซียนหรือไม่ก็มารปีศาจหาใช่มนุษย์สามัญ เรือนกายเพรียวบางของลู่ไป๋หรั่นนั่งขัดสมาธิอยู่ใจกลางม่านสี่ทิศ สองมือขาวล้วนแต่วางหงายขึ้นอยู่กับช่วงเข่าพลางปรับลมหายใจให้สม่ำเสมอตามคำสอนของพี่ชายที่ไม่ได้พบหน้ากันนาน

ชางหรงเคยบอกว่าจิตปราณสร้างได้ด้วยการทำสมาธิ ดังนั้นหากหมั่นฝึกฝนบางทีนางอาจเอื้อมถึงเศษเสี้ยวชีวิตที่ผู้อื่นไม่สามารถไปได้ ฉะนั้นไป๋หรั่นถึงจะไม่เชื่อมั่นในศาสนาแต่ก็ถูกสอนสั่งให้ขวยขวายหาวิธีป้องกันตัวเอง ในวังหลวงวิชายุทธ์อาจไม่จำเป็น แต่มีอะไรที่ยืนยันว่านางจะได้อยู่ที่นี่ตลอดไป?

“ พระสนม ธูปที่สี่ใกล้มอดเต็มทีแล้วเพคะ ทรง.. ”

“ รบกวนหลี่กู่กูด้วย ”

หลี่ผู่เยว่ที่ยืนคอยเปลี่ยนธูปมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาลอบถอนหายใจเล็กน้อย นายหญิงของนางคือผู้มีห้วงสมาธิมั่นคงอย่างที่ยากจะหาผู้ใดเปรียบ ทว่าการเป็นอย่างนี้ทั้งที่มียศถึงสนมเอกเกรงว่าจะอันตรายเกินไป ไม่แปลกใจจริง ๆ ว่าเหตุใดห่าวหมิงถึงได้ชิงตัวนางมาอย่างไวเพื่อส่งให้เป็นนางกำนัลคนสนิท .. ลู่เจาอี๋ไม่ใช่สัตว์กินพืช ส่วนนี้นางทราบมาตั้งแต่วินาทีแรกที่ผู้เป็นนายเอ่ยปากกล่าวกับตน

เขี้ยวเล็บของสัตว์กินเนื้อจำพวกนี้มักออกมาเพียงแค่ในยามป้องกันตัวหรือไม่ก็ในยามที่กำลังเฝ้าระแวดระวังภัย ลู่เจาอี๋อาจไม่ใช่คนที่กระทำเรื่องร้ายแรงก่อน แต่ก็ไม่พลาดโอกาสที่จะเป็นผู้หว่านเมล็ดรอวันเก็บเกี่ยว คนอย่างนี้หากนำคนที่ชรากว่ามา ด้วยความสงบและดูเหมือนคล้อยตามโดยง่ายของนางจะทำให้คนเฒ่าคนแก่นึกเอ็นดูจนไม่ทันระวัง แต่หากส่งคนอายุน้อยกว่านี้มาก็จะขาดประสบการณ์ ดังนั้นเพื่อรับมือกับลูกไม้แพรวพราวผสานกับช่วยลับเล็บของสาวงามให้คมพอรับมือคนอื่นได้ จึงจำเป็นต้องมีคนอย่างนางที่คอยส่งเสริม

เจ้าห่าวหมิงนี่คิดการไกลเสียจริง ๆ ระหว่างที่คิดไปมือก็พลันพบว่าธูปสงบจิตที่แบ่งส่วนเตรียมไว้ได้หมดลงแล้ว หลี่กู่กูได้แต่ระบายยิ้มอ่อนใจ ก่อนจะถือกล่องธูปเดินออกไปเพื่อนำไปเติมทว่าเมื่อก้าวผ่านธรณีประตูไปกลับพบเงาร่างคุ้นตาทั้งสองที่ผู้หนึ่งยืนชมทิวทัศน์ ส่วนอีกคนหันกลับมามองนางพร้อมยกนิ้วชี้ทาบกับริมฝีปาก

กลิ่นธูปควันหอมลอยตลบอบอวล เชิญชวนให้ผู้ที่ไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสความรู้สึกเช่นนี้ได้ก้าวเท้าเดินไปตามเส้นทางระยะสั้น ๆ ที่จะนำตนไปยังใจกลางของตำหนัก ที่นั่นเขาได้พบเงาร่างหนึ่งมั่นคงสงบนิ่ง น่าขันไม่น้อย เดิมทีเขาเคยคิดว่านางเหมาะกับตำหนักตงเฉินแค่เพียงประมาณหนึ่ง ไม่นึกเลยว่าจะยังสามารถทำตัวเหมาะสมคล้ายเจ้าของคนอื่น ๆ ที่เคยมีมาได้ด้วย

“ พระสนม บ่าวขอถามถึงสาเหตุที่ฝึกสมาธิได้หรือไม่เพคะ ” เป็นเสียงของหลี่กู่กูที่ถามขึ้นตามคำสั่งทางสายตาของหวงตี้ผู้มาเยือน(แบบไม่บอกกล่าว) นางกำนัลขั้นสูงเริ่มที่จะเหงื่อตกบ้างแล้ว เมื่อคิดขึ้นได้ว่าหลังจากนี้คงต้องมีข่าวลือแพร่สะพัดเกี่ยวกับความโปรดปรานอีกแน่ ๆ

“ พี่ชายเปิ่นกงเคยบอกไว้ว่าหากอยากสำเร็จในปราณจำเป็นต้องฝึกสมาธิให้ดี ”

“ มิยักรู้ว่าเจ้าอยากเป็นชาวยุทธ์ ”

ครั้งนี้ไม่ใช่เสียงหลี่กู่กูอีกต่อไปแล้ว ลู่เจาอี๋เปิดเปลือกตาขึ้นช้า ๆ เพื่อให้ได้พบหับเจ้าของเสียงทุ้มกังวานที่แหวกม่านเดินเข้ามา ไป๋หรั่นตั้งใจจะก้มลงคารวะตามพิธีการทว่าการเคลื่อนไหวกลับหยุดชะงัก เมื่อมือหนาขยับเข้าเชยปลายคางนางให้เชิดขึ้นมองเขา

ฮั่นอู่ตี้ยืนเต็มความสูงของเขาส่วนนางก็นั่งขัดสมาธิอยู่กับพื้น มุมมองที่ต่างฝ่ายต่างก็รู้สึกแปลกตานี้เหมือนจะปลุกความกระอักกระอ่วนให้เด่นชัดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“ เจ้ายังไม่มีเสี้ยวปราณในร่าง ฝึกสมาธิก็ใช่ว่าจะได้ผล ”

“ แม้ไม่คืบหน้าเรื่องปราณภายใน แต่ฝึกสมาธิไหนเลยจะหาใช่เรื่องดี ” ทั้งสองสบตาอย่างไม่มีใครละออกไปก่อน หลิวเช่อรับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่นของนางเช่นเดียวกับที่นางรับรู้ได้ถึงความอ่อนใจของเขา “ วิธีดีกว่านี้ก็มี เหตุใดจึงไม่รู้จักใช้ ”

“ วิธีดีกว่านี้? ”

“ หากกายเจ้ารับไอปราณได้ ฝึกร่วมกับผู้ที่ครองปราณอยู่แล้วย่อมเป็นวิธีดีที่สุด ”

สาวงามราวหยกขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย โอรสสวรรค์กล่าวเสมือนว่าผู้ครองปราณมีทั่วใต้หล้าสามารถหาได้เพียงกระดิกนิ้ว ตลกแล้ว.. เหล่าชาวยุทธ์มีปราณล้วนลี้ลับจับตัวยาก ต่อให้หาตัวได้ก็ใช่ว่าจะยอมให้คำแนะนำหรือร่วมฝึกฝน “ หม่อมฉันมิเข้าใจ วิธีการนี้ดีอย่างไร ”

“ … หากเปรียบแล้วมันก็คล้ายคำว่าคู่บำเพ็ญของเหล่าเซียนเทพ ”

ครั้งนี้คนงามน้อยขมวดคิ้วยิ่งขึ้น มีหรือที่ผู้คนจะไม่ทราบว่าหน้าที่คู่บำเพ็ญชวนเพ้อฝันนี้หากไล่จากระดับน้อยสุดไปมากสุดจะประกอบไปด้วยวิธีการใดบ้าง “ ฝ่าบาท เกรงว่าคงมิเหมาะสม อย่างไรหม่อมฉันก็เป็นสนมเอกแล้—- ”

“ เจ้าลืมหรืออย่างไรว่าสามีของตนเองนั้นคือผู้ใด ”

ที่แท้ตั้งแต่ต้นจนจบ ในห้วงความคิดของนางไม่มีชื่อเขาเลยแม้แต่นิดเดียว โอรสสวรรค์เค้นเสียงหัวเราะเหยียบเย็นพลางสะบัดแขนทิ้งกายลงนั่งในระดับเดียวกันกับนาง ด้านหลี่กู่กูที่เห็นอย่างนั้นก็รีบโค้งกายเก็บสายตาเดินออกไปปล่อยให้ภายในตำหนักเหลือเพียงสองสามีภรรยาที่คนหนึ่งไม่พอใจ ส่วนอีกคนก็ยังสับสนในสิ่งที่ได้ยิน “ ฝ่าบาทจะทรงเป็น.. ผู้ฝึกฝนร่วมให้หม่อมฉันหรือเพคะ? ” ใบหน้าของนงคราญฉายชัดซึ่งความประหลาดใจ โอรสสวรรค์มีภาระหน้าที่มากมายไหนเลยจะแบ่งเวลามาฝึกฝนในคนที่เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถรับปราณได้

“ ขึ้นอยู่กับร่างกายของเจ้าแล้วว่าปรับตัวกับไอปราณได้มากน้อยเพียงใด ”

สองมือประสานแนบชิดตามการชักนำของเขา แม้จะไร้ประสบการณ์แต่หลิวเช่อก็ชำนาญพอที่จะค่อย ๆ แผ่ปราณหยางบริสุทธ์ออกมาทีละน้อยเพื่อช่วยให้นางเคยชินกับสภาพแวดล้อมที่มีปราณเป็นส่วนประกอบ หากเป็นปุถุชนคนทั่วไปย่อมยากนักที่จะสัมผัสได้ถึงกระแสไหลเวียนลึกลับสายนี้ ทว่าลู่ไป๋หรั่นมิเข้าข่ายคำว่าคนทั่วไป

ร่างกายของนางร้อนผ่าวรับกับสองพวงแก้มที่ซับสีเลือดชัดขึ้นมาก หลิวเช่อที่พึ่งจะเคยเห็นผู้ตอบสนองต่อปราณได้ไวถึงเพียงนี้ลอบเลิกคิ้วพลางเก็บไอคุกกรุ่นโดยปล่อยให้สาวงามประคองร่างนั่งต่อไปด้วยตัวเอง “ ร่างกายเจ้าตอบสนองต่อปราณอยู่บ้าง.. ”

ทีจริงก็ตอบสนองได้ดีทีเดียว หากฝึกจนชำนาญคงสามารถรับรู้ได้ถึงปราณหลายรูปแบบแน่

“ เรื่องนี้รีบร้อนไม่ได้ สมควรเริ่มจากดูดซับปราณนอกสักชนิดให้ร่างกายปรับสมดุลได้เสียก่อน ” เพราะหากผลีผลามฝึกแล้วเผลอไปรับปราณทมิฬเข้า นางคงได้กลายเป็นนางมารแทนผู้ฝึกยุทธ์ “ หากมีข่าวคราวของปราณนอกที่เข้าท่า ไว้เจิ้นจะนำมาบอกเจ้า ”

หลิวเช่อดึงแขนนางให้ลุกขึ้นเสมือนหิ้วปีกสัตว์ขนาดเล็กตัวหนึ่งให้เคลื่อนตามเขา จากกึ่งกลางของตำหนักเปลี่ยนมาเป็นส่วนในซึ่งมีไว้สำหรับพักผ่อนโดยเฉพาะ เนื่องจากแม้แต่สำรับอาหารก็ยังถูกจัดเตรียมเอาไว้พร้อมสรรพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โอรสสวรรค์เป็นคนไม่ค่อยพูด ส่วนนางก็พูดแค่เฉพาะที่รู้สึกว่าจำเป็น บทสนทนาบนโต๊ะอาหารจึงเรียกได้ว่าเงียบงันจนแทบไม่มี

แม้แต่ในยามที่หลิวเช่อหลุบตาลงมองบัวลอยพร้อมชาบุปผาก็ยังไม่มีเสียงลอดออกมาต่อให้เขาจะแปลกใจก็ตาม

รอจนมื้ออาหารจบลง หลังหวงตี้ใช้ผ้าซับมุมปากถึงได้เริ่มถามถึงเรื่องสำคัญ “ ของขวัญ เตรียมหรือยัง ” เนตรมังกรตวัดเข้าสบมองสาวงามผุดผาดที่นั่งนิ่งอย่างสงบ เห็นนางขยับสองมือประสานบนตักพลางระบายยิ้มอ่อน ๆ ก็พอรู้ว่าคงเตรียมไว้แล้ว

“ คืนนี้พักให้ไว เจิ้นต้องออกไปถวายพระพรแต่รุ่งสาง เจ้า.. ”

“ หม่อมฉันไปพร้อมน้องสาวท่านอื่น ๆ ได้เพคะฝ่าบาท ”

ยามนี้ไป๋หรั่นมียศสูงทัดเทียมกับเว่ยเจียเสียนอี๋แล้ว ผู้ที่สูงกว่าพอให้นางขานเรียกว่าพี่สาวย่อมไม่มี คนงามหยาดเยิ้มสูดหายใจเข้าพลางกำชับทิ้งท้ายเป็นหนสุดท้ายก่อนที่ทั้งสองจะเข้านอนว่า “ ฝ่ายในยามนี้สมัครสมานกันดี ฝ่าบาททรงสนใจราชกิจและการใช้เวลาร่วมกับองค์ไท่โฮ่วเถิดเพคะ วันมงคลสำคัญอย่างนี้ต้องรออีกนานนัก กว่าจะได้วนกลับมาอีกหน ”



รุ่งสางในวันมหามงคลอันเป็นวันคล้ายวันประสูติของเซียวจื่อไท่โฮ่ว ฉลองพระองค์ที่ถูกส่งมายังตำหนักตงเฉินจึงมีความอลังการเป็นพิเศษ.. เช้านี้ลู่เจาอี๋ใช้เวลามากกว่าปกติในการช่วยแต่งพระวรกายให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะชุดพิธีการ หรือความมากในเครื่องประดับล้วนทำให้ทั้งผู้สวมและผู้ช่วยสวมต่างก็รำคาญใจกันทั้งนั้น

“ จะออกไปร่วมเทศกาลนอกวังหรือไม่ ”

เพราะอย่างไรวังในของรัชสมัยเขาก็ไม่เคยห้ามมิให้คนในเข้าออก แม้จะเสี่ยงอันตรายว่าอาจลักลอบนำภัยเข้ามาแต่ก็ดีกว่ากักขังเหล่าบุปผาไว้ให้ต้องเฉาโดยไร้โอกาสฟื้นคืน ถึงแม้หลิวเช่อจะไม่แน่ใจนักว่าหญิงสาวเช่นนางจะซุกซนถึงขนาดออกไปเองหรือไม่ แต่ดูจากที่มีอุปกรณ์เตรียมตัวพร้อมก็เกรงว่าคงจะเคยมีประสบการณ์อยู่ก่อนแล้ว

“ ครั้งนี้คงไม่เพคะ หม่อมฉันมีงานภายในให้ไปร่วมฉะไหนจะต้องไปเบียดเสียดกับผู้คนที่ด้านนอก ” ลู่เจาอี๋กล่าวระหว่างปล่อยหยกห้อยเอวของหวงตี้ออกจากมือ พลางเงยขึ้นจัดสาบเสื้อเขาอีกครั้ง “ องค์ไท่โฮ่วเองก็อยู่ที่ตำหนักเซวียนเต๋อ หม่อมฉันไปถวายการปรนนิบัติดูแลคลายเหงาที่นั้นเสียยังดีกว่า ”

ก็นับว่านางพูดจามีเหตุผล .. ความต้องการของนาง ปล่อยให้มันเป็นเช่นนั้นต่อไปเสียแล้วกัน



[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้
+5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
+20 โบนัสความสัมพันธ์หัวดี
+15 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดม่วง และ +5 ชาอะไรก็ได้
+5 ความสัมพันธ์จากของว่างประเภทอาหารปรุง
+5 ความสัมพันธ์จากชาประเภทชงชา

ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ +15 บารมี
ปรนนิบัติหวงตี้ยามค่ำคืน +20 บารมี
ปรนนิบัติทุกค่ำคืน + 1 ปรนนิบัติ
ปรนนิบัติสวมฉลองพระองค์ + 1 ปรนนิบัติ

ผมแอบทำอะไรใหม่ ๆ ฮะ จะได้ค่าไรพิเศษไหม






แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2024-8-18 21:21
+10 โบนัสความโปรดปรานพิเศษจากหวงตี้  โพสต์ 2024-8-18 21:21
โพสต์ 27512 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-8-18 18:17
โพสต์ 27,512 ไบต์และได้รับ +8 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ชุดจื่อซีอี๋นั่ว(เจาอี๋)  โพสต์ 2024-8-18 18:17
โพสต์ 27,512 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2024-8-18 18:17

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตบะฝึกฝน +20 ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +2 พลังปราณ +35 ย่อ เหตุผล
Watcher + 20 + 2 + 35

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้