[ร้านผ้าและเครื่องประดับซือโฉว]

[คัดลอกลิงก์]


ร้านผ้าและเครื่องประดับ

ซือโฉว






หากจะกล่าวถึงร้านค้าผ้าและเครื่องประดับที่ดีเป็นอันดับต้นๆ ในเมืองฉางอันนั้น

คงจะกล่าวถึงร้านซือโฉวคงไม่ได้ ด้วยการตกแต่งร้านที่เน้นความเรียบง่าย แต่ก็ดูหรูหรา

ทั้งการบริการที่ที่ใส่ใจ และเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม 

จึงไม่แปลกที่ร้านซือโฉวนี้จะได้รับความนิยมจากเหล่านายหญิงและคุณหนูตระกูลใหญ่ 

ไม่ใช่เพียงแต่ความหรูหราของตัวร้านหรือการบริการที่เข้าถึงคนทุกกลุ่ม

 แม้แต่คุณภาพของสินค้าภายในร้านก็ไม่ได้ยิ่งหยอน ผ้าทุกพับล้วนถักทออย่างปราณีต

 ผ่านกรรมวิธีมากมายจนได้มาเป็นผ้าม้วนที่ดีที่สุด 

เครื่องประดับทุกอย่างที่นำมาวางขายล้วนแล้วแต่เป็นของที่เลือกสรรมาอย่างพิถีพิถัน 

ช่างที่ตัดเย็บชุดล้วนได้รับการสั่งสอน ถ่ายทอดเคล็ดลับจากรุ่นสู่รุ่นจนนมมาซึ่งฝีเข็มที่แสนปราณีตงดงามไม่เป็นรองผู้ใดในแผ่นดิน ขนาดมีคำกล่าวที่ว่า

'ผ้าปักลายดอกไม้จากร้านซือโฉวนั้นงดงามมากเสียจนผีเสื้อน้อยยังดอมดมด้วยความสับสน'


รายการสินค้า

- ช่องสัมภาระที่คุณพกติดตัว คุณจะต้องโรลเพลย์จริง ๆ ว่าใช้กระเป๋าขนาดเท่านั้นเท่านี้ ดังนั้นในตัวคุณพกสัมภาระเท่าไหร่ ในโรลเพลย์จริง ๆ ก็ต้องโรลเพลย์พกสัมภาระเท่านั้นด้วย -


หากใครไม่โรลเพลย์ถึงห่อสัมภาระเหล่านี้นาน ๆ และไม่เห็นปรากฎในโรลเวลาหยิบไอเท็ม

สัมภาระบางช่องจะหายไป อาทิ ห่อผ้าที่บริเวณพาดลำตัวหรือคอช่องที่เพิ่มจะหายไป แสดงว่าคุณทำกระเป๋าหายทำให้สูญเสียช่องความจุตามจำนวน


[กระเป๋าเสริม]

ห่อผ้าสัมภาระ

โควต้าสามารถซื้อได้ 2 ใบ (คาดลำตัวและพาดคอ)

- มูลค่า: 8 ตำลึงทอง (ความจุ 10)


ทุกท่านสามารถมาโรลเพลย์ทำงานประจำวัน
ค่าจ้าง: 300 อีแปะ - 5 EXP (รายวัน)


+++++++++++++++++++
[เจ้าของร้าน: เหวิน ซือหรวน]

เหวิน ซือหรวน หรือ เถ้าแก่เนี๊ยะเหวิน เดิมเป็นหญิงชาวบ้านจากเหอเป่ย

ที่ถูกสามีหย่าร้างและขับไล่ออกจากบ้าน นางหอบสินเดิมที่เหลือเพียงเล็กน้อย

พาตนเองเร่ร่อนมาจนถึงเมืองฉางอันหวังเริ่มต้นชีวิตใหม่

 แต่ชีวิตก็ไม่ได้ง่ายดั่งใจคิด งานในเมืองหลวงฉางหายาก

ทั้งนางยังเป็นหญิงหม้ายที่สามีหย้าร้างจึงมิมีผู้ใดสนใจรับเข้าทำงาน

 เงินติดตัวที่มีก็ร่อยหรอ ต้องนำเอาผ้าเช็ดหน้าที่นางปักเองออกมาขาย

หาเงินซื้อข้าวกินประทังชีวิต คล้ายเทพเซียนเห็นใจในชีวิตอาภัพของสาวหม้าย 

ลวดลายผ้าเช็ดหน้าที่นางนำมาขายนั้นงดงามสะดุดตาหมิงฮูหยินที่ผ่านทางมา

 จึงถูกทาบท่ามให้เข้ามาเป็นช่างเย็บผ้าในร้านซือโฉว ซึ่งเป็นกิจการที่พึ่งเปิดใหม่

ของตระกูลหมิง ด้วยฝีมือเย็บปักที่ละเอียดงดงาม และนิสัยซื่อสัตย์ อดทน

 เหวิน ซือหรวนจึงได้รับความไว้วางใจจากผู้นำตระกูลหมิงให้รับหน้าที่เป็นเถ้าแก่เนี๊ยะดูแลความเรียบร้อยภายในร้านตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา








แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 10283 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-9-10 21:36

2

กระทู้

17

ตอบกลับ

583

เครดิต

คนสร้างตัว

พลังน้ำใจ
519
ตำลึงทอง
1
ตำลึงเงิน
89
เหรียญอู่จู
11170
STR
0+2
INT
0+0
LUK
0+7
POW
0+0
CHA
0+0
VIT
0+2
คุณธรรม
0
ความชั่ว
0
ความโหด
0
โพสต์ 2025-5-29 21:13:46 | ดูโพสต์ทั้งหมด

จัตุรัสกลาง

อาภรณ์ใหม่

หลันหรูมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านอาภรณ์ซือโฉว ของมากมายตระการระยิบระยิบมากมาย บางชิ้นดูดีกว่าของที่นางสวมในวันที่เกิดเหตุรถม้าโดนปล้นเสียอีก หลายสิ่งหลายอย่างชวนให้จ้องมองอยู่นานกระทั่งมีคนผู้หนึ่งเข้ามาประชิด

"เหมาะกันท่านจริงๆ!" หลันหรูตกใจจนตัวถอย หันไปมองสตรีผู้หนึ่งที่ยื่นถือผ้าฝ้ายสีชมพูกับดอกเถาฮวาในมือ ผ้าฝ้าย? ทำไมนางถึงรู้จักชนิดของผ้ากันนะ?

แต่ยังไม่ทันได้คลายความสงสัยในความคิดสตรีตรงหน้าก็นำผ้ามาทาบใกล้กายนาง

"แม่นางคนงาม หากท่านต้องการซื้ออาภรณ์ข้าขอให้ท่านลองผืนผ้าสีนี้เสียหน่อย ไม่เช่นนั้นข้าคงเสียดายแย่เลย" ได้ยินเช่นนั้นหลันหรูก็เดาได้ไม่ยากนี่คงจะเป็นเจ้าของร้านเป็นแน่ การแต่งกายที่ไม่เหมือนคนรับจ้าง ทั้งยังเข็มที่ปักอยู่บนนุ่นข้อมือ หลันหรูยิ้มเป็นมิตรเข้าไปทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างมีมารยาทและถ่อมตน

“ผ้าผืนนี้ช่างงดงามนักท่านหญิง แต่ตัวข้าเป็นเพียงข้ารับใช้ไหนหรือจะเหมาะกับผ้าราคาแพง ข้ามาหาอาภรณ์ที่พอออกมาข้างนอกได้บ้างคงตอบรับความคาดหวังของท่านหญิงได้ยาก”

"ท่านหญิงอะไรกัน แม่นางคนงามช่างปากหวาน เรียกข้าเถ้าแก่เนี๊ยะเถอะ อีกอย่างผ้าผืนนี้ไม่แพงเลย ล้วนย้อมมาจากต้นเถาฮวาใกล้ๆนี่เอง อาภรณ์ที่ข้าตัดเรียบร้อยก็มีมาเถอะๆแม่นาง ลองให้ข้าหน่อย" หลันหรูไม่ทันได้ปฏิเสธท่าทีกระตือรือรนของเถ้าแก่เนี๊ยะนั้นช่างเกินความคาดหมาย

หลันหรูโดนจับลองอาภรณ์มากมาย ทั้งสีชมพู สีคราม ไปจนสีเหลือง สุดท้ายนางก็ลงความเห็นว่าสีจากดอกเถาฮวาเหมาะกับนางจริงๆ สุดท้ายแล้วนางจึงตัดสินใจใส่อาภรณ์ชุดนั้นออกมาและซื้ออาภรณ์ที่พอใส่ได้อีกสองสามพับ ล้วนเป็นอาภรณ์ที่พอจะทำงานในจวนได้ ส่วนอาภรณ์ที่ใส่ออกข้างนอกมีเพียงสองก็เพียงพอแล้ว

"ไว้มาใหม่นะแม่นางคนงาม อันนี้ข้าให้เจ้า" ไม่วายนางโดนยัดปิ่นที่ทำจากไม้มาใส่ในห่อสัมภาระอย่างใจดี เมื่ออีกฝ่ายให้อย่างเป็นมิตรนางย่อมน้อมรับไว้

“ขอบคุณเถ้าแก่เนี๊ยะมากเลยนะเจ้าคะ” นางค่อมศรีษะทำความเคารพอีกครา

"ไม่ต้องคิดมา ขอแค่เจ้าใส่ชุดนี้แล้วเดินไปรอบๆจัตุรัสให้ข้าสักรอบก็เป็นผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่แล้ว" หลันหรูเอียงคอเข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่ายก่อนจะโค้งกล่าวลาอีกครั้ง

“ได้เลยเจ้าคะ ข้าจะเดินซื้อของอีกสักหน่อย”

"เดินระวังๆนะแม่นาง" นางโค้งตัวเล็กๆกล่าวลาก่อนจะเดินออกจากร้าน

หลันหรูเดินซื้อของอยู่พักใหญ่กว่าจะตัดสินใจทำอะไรบางอย่างและตรงปรี่กลับไปยังจวนเว่ย



เอฟเฟคพรสวรรค์ลาภลอย : มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

แสดงความคิดเห็น

หากได้เลขไบต์คู่ พบเจออันธพาลสู้ในระบบ และผลลัพธ์จะพบเจอเหตุการณ์บางอย่าง  โพสต์ 2025-5-29 21:20
(หากโรลหน้าได้เลขไบต์ 7 อีกครั้งจะพบเจอเว่ยชิงผ่านมาพอดี)  โพสต์ 2025-5-29 21:18
โพสต์ 9087 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2025-5-29 21:13
โพสต์ 9,087 ไบต์และได้รับ +1 ความกล้า +2 ความศรัทธา จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2025-5-29 21:13
โพสต์ 9,087 ไบต์และได้รับ +2 เกียรติยศ จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2025-5-29 21:13
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ขลุ่ย
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
ลาภลอย
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x4
x1
x33
x1
x42
โพสต์ 2025-6-5 22:17:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด



         หลังจากนั้นหลินหยาก็เดินออกมาจากโรงเตี๊ยมสุดแพง เธอกำลังคิดว่าจะทำอะไรดีนะ? หลังจากนั้นก็เดินเข้าเมืองมาเรื่อย ๆ แล้วเธอก็ชะงักเห็นว่ามีร้านผ้าและเครื่องประดับซือโฉว ภายในร้านซือโฉวเป็นห้องโถงกว้างพื้นไม้เงาเอี่ยม ผ้าม่านไหมแขวนเรียงเป็นชั้น ๆ สีอ่อนละมุนไล่ตั้งแต่ชมพูควันบุหรี่จนถึงขาวงาช้าง มีแสงลอดผ่านช่องไม้ด้านบนตกกระทบทำให้มันดูฟุ้งฝันช่างตัดเย็บด้านในยังนั่งพับผ้าอย่างเรียบร้อย ส่วนแผงเครื่องประดับจัดเรียงเรียบร้อยราวกับเตรียมขึ้นเวทีประกวด และนี่คือบรรยากาศที่หลินหยาผู้เพิ่งยกลังอาหารมาหมาด ๆ กำลังเหงื่อตกเพราะรู้สึกไม่ต่างอะไรกับการใส่รองเท้าฟางเดินบนพรมไหม

         "เอ่อ...ข้าขอโทษนะเจ้าคะ สวัสดีเจ้าค่ะ ที่นี่รับทำงานหรือเปล่าเจ้าคะ?" หลินหยาเอ่ยเสียงเบา

         เธอหน้าแดงนิด ๆ พลางพยายามจัดผมยุ่ง ๆ ให้เข้าที่ แม้จะรู้ดีว่ามันช่วยอะไรไม่ได้เลย หญิงสาวประจำร้านมองเธอแล้วกลั้นขำ “ที่ร้านเรารับอยู่นะ งานก็ไม่หนักมาก พับผ้า จัดของ แบกของ แต่งตู้ ทำความสะอาดพอไหวมั้ยล่ะ?” เมื่อเอ่ยขึ้นพนักงานก็มองสภาพของหลินหยาแล้วส่ายหัวนิดหน่อย ใบหน้าก็ไม่ได้แย่แต่ทำไมถึงทำตัวราวกับคนที่เป็นขอทานเช่นนี้ล่ะ?

         “เจ้าไปอาบน้ำก่อนเถอะ สภาพของเจ้าเหมือนลูกหมาตกน้ำแหนะ ที่ด้านหลังร้านมีห้องน้ำอยู่ล้างร่างกายเสีย ถูสบู่แล้วก็จะได้เหมือนคนปกติสักที เจ้าควรมีกลิ่นตามปกตินะ ไม่ใช่กลิ่นของยางไม้เก่า ๆ จากสถานที่อับชื้น เดี๋ยวผ้าของเราจะติดกลิ่นคงไม่ดีนัก” พนักงานเอ่ยบอกเสร็จหลินหยาก็พยักหน้าเพราะเธอก็เข้าใจนะ เพราะเธอก็โคตรจะไม่โอเคเลยแหละที่มันเป็นแบบนี้ หญิงสาวระบายยิ้มเล็กน้อย “เจ้าค่ะ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” หลังจากนั้นก็เดินเข้าหลังร้านไปอาบน้ำให้เรียบร้อย

         เมื่อหลินหยาเดินออกมาจากหลังร้าน เสื้อผ้าเปลี่ยนเป็นชุดผ้าฝ้ายสีขาวสะอาดเรียบง่ายที่พนักงานสาวเมื่อครู่บอกให้เธอสวมใส่ไว้ชั่วคราว ใบหน้าที่เมื่อครู่ยังเต็มไปด้วยคราบเหงื่อและฝุ่นจากโลกความเป็นจริง บัดนี้ดูสะอาดสะอ้านขึ้นราวกับหญิงชาวบ้านทั่วไปในเมืองที่มีความหวังจะใช้แรงงานแลกข้าว ลมหายใจของเธอหอบเบา ๆ เพราะเพิ่งเช็ดตัวเสร็จแต่ดวงตาเป็นประกายอยู่ไม่น้อย พนักงานสาวที่ยืนรออยู่หน้าชั้นวางผ้าไหมพับเรียบร้อยเงยหน้ามองอีกคนแล้วพยักหน้าช้า ๆ อย่างพอใจ แม้จะไม่ถึงขั้นสวยสะพรั่งแบบเจ้าสาวในงานแต่ง แต่ตอนนี้หลินหยาก็ไม่ใช่ ‘ลิงที่เพิ่งหล่นจากโอ่งสมุนไพร’ อย่างเมื่อครู่แล้ว

         “ดีเลย สะอาดแล้วนะ ทีนี้มาฟังงานหน่อย ค่าจ้าง 300 อีแปะ ถ้าทำครบสามชั่วโมง งานก็ไม่มีอะไรมาก ย้ายม้วนผ้าจากชั้นบนลงมาชั้นล่าง แล้วก็ช่วยปัดฝุ่น เช็ดตู้ จัดพวกเข็มกลัดกับปิ่นให้เรียบร้อย” ดวงตาของหลินหยาเบิกกว้างนิด ๆ เมื่อได้ยินคำบอกของคุณพี่สาวพนักงาน

         “300 อีแปะ...!” เสียงพึมพำของเธอเบาจนแทบไม่ได้ยินหลินหยารีบโค้งขอบคุณแล้วย่อตัวคว้าม้วนผ้าอย่างระมัดระวัง เธอเอียงตัวนิด ๆ เพราะมันหนักใช่ย่อย ความรู้สึกคล้ายกำลังแบกท่อนไม้หอมที่คลุกเคล้ากลิ่นไม้งามนามกฤษณากับปุยฝ้ายชั้นดี เธอเดินลากขาลงบันไดทีละขั้น ๆ อย่างระวัง กลัวสะดุดและกลิ้งลงไปแล้วผ้าหลายร้อยตำลึงที่เธอแบกจะกลายเป็นลูกกลิ้งทำลายร้านหรู ไม่ได้กลัวเจ็บหรอก กลัวโดนเก็บเงินค่าทำของเสียหาย

         เวลาผ่านไปอีก 2 ถึง 3 ชั่วโมง…

         หลินหยาทำงานไปเรื่อย ๆ แบบขยันขันแข็งสุด ๆ เลยล่ะ พอจัดเสร็จเธอก็ปัดฝุ่น เรียงปิ่นประดับเรียงตามสี ตั้งแต่ทองอมชมพูไปจนถึงเงินหม่น เสียงผ้าปัดฝุ่นเบา ๆ ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมออย่างขยันขันแข็ง พอเวลาผ่านไปพักใหญ่ ร้านก็เริ่มมีลูกค้าเข้ามาดูของ หลินหยาก็รีบหลบไปด้านหลัง ค่อย ๆ เช็ดโต๊ะ เช็ดกระจก แม้เหงื่อจะผุดซึมขึ้นที่ไรผม แต่เธอก็ทำงานทุกชิ้นด้วยความมุ่งมั่น ราวกับว่าม้วนผ้าเหล่านั้นคือหีบสมบัติทองคำ และปิ่นปักผมเหล่านั้นคือลูกกุญแจสู่อนาคตอันหรูหรา

         เมื่อทำทุกอย่างเสร็จหลินหยาก็เดินกลับไปรับเงิน เธอได้รับเงิน 300 อีแปะ!! เย่! พอไฟมาก็ขอลาพี่สาวพนักงงานร้านให้เรียบร้อย แล้วเดินต่อไปที่อื่น ๆ อีกครั้ง รอบนี้เธออยากทำงาน ยังมีเวลาอยู่เลยนี้นะ? งั้นทำงานสักหน่อยดีกว่า!!







พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

รางวัล: ค่าจ้าง 300 อีแปะ 5 EXP

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 5 EXP โพสต์ 2025-6-5 22:44
โพสต์ 11720 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2025-6-5 22:17
โพสต์ 11,720 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ลาภลอย  โพสต์ 2025-6-5 22:17

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญอู่จู +300 ย่อ เหตุผล
Watcher + 300

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-6-6 22:34:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-6-6 22:44


วันที่ หก เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเฉิน เวลา 07.30 - 09.00 น.


         แสงอาทิตย์กำลังอ่อนในช่วงเช้าของวันมันเบาราวกับโดนลูบไล้ชายฟ้าสีหม่นหน้าร้านผ้าและเครื่องประดับกลางเมืองหลวงอย่างฉางอัน เมืองใหญ่แห่งนี้ ร้านผ้าและเครื่องประดับชื่อ ซือโฉว ถนนหินกรวดยังเปียกชื้นจากน้ำที่ชาวบ้านราดไว้เพราะต้องรดน้ำต้นไม้ที่ขึ้นด้านหน้าร้านเพื่อความสวยงาม ขณะที่กลิ่นของใบชาเริ่มตลบอบอวลที่ร้านฝั่งตรงข้ามมันแตะจมูกอย่างเบา ๆ ราวกับกลายเป็นกลิ่นประจำช่วงเช้าที่เจ้าของร้านซือโฉวเคยชินจนเหมือนเสียงนาฬิกาทางจิตใจตนเอง..เถ้าแก่หญิงนางมีนามว่า เหวินซือหรวน นางมาเปิดร้านได้นานแล้วล่ะ และเมื่อวานนี้แม่นางน้อยคนนั้นบอกว่าจะมาที่นี่เป็นที่แรก น่าแปลกใจนักที่วันนี้หายไปไหนก็ไม่รู้ แต่เดี๋ยวก็คงจะมา?

        “แม่นางน้อยคนนั้นมาสายหรือ?...” เหมือนนางจะพึมพำขึ้น วันนี้ไร้เงาของสาวน้อยที่เมื่อวานกล่าวบอกว่าจะมาหาที่นี่วันนี้่วงเช้าปกติก็น่าจะมานะ? แต่ความจริงนางก็ไม่ได้บอกเวลาอย่างชัดเจนตั้งแต่แรกตอนนี้ก็ยังเช้าตรู่อยู่ ..เดี๋ยวนางก็คงเดินมาเหยียบชายธรณีของร้านกระมัง? ละมั้งนะ?

         เจ้าของร้านซือโถว เป็นสตรีวัยกลางคนที่เกล้าผมมวยสูงปล้วปล่อยชายด้านหลังครึ่งลง ใบหน้าอ่อนหวานดวงตาใจดีแต่แผงความเศร้าบางอย่างภายในดวงตาของนางแบบไม่รู้จบ เมื่อกำลังเงยหน้าขึค้นจากผ้าผืนใหม่ที่กำลังจัดโซนโชว์อย่างอารมณ์ดี ไม่แปลกใจหรือหงุดหงิดเพียงแต่ต้องถอนหายใจแล้วกำลังคิดว่าจะให้นางทำงานอะไรดี

         และในตอนนั้นเอง…

         เสียงฝีเท้าที่วิ่งมาจากทางศาลเจ้าสัจจเทพก็ดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงหอบเบา ๆ ที่แทรกมาด้วยตามสายลม “แฮ่ก ๆ …ขะ..ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจมาสายนะ…โอ้ยตายแล้ว…แฮ่ก! ขอโทษจริง ๆ เจ้าค่ะ” เสียงของหนาน หลินหยา เอ่ยขึ้น เธอพรวดพราดมาหน้าร้านเหมือนกับลูกพีชสุกเกินกว่าฤดูของมันที่กำลังกลิ้งตกจากตะกร้า ผมของเธอหลุดรุ่ยจากการวิ่งเหงื่อท้วมตัวตามกรอบหน้าแบบเด็กสาวแบบตุ๊กตาไม้งาม ดวงตาวาววับแบบคนที่ตื่นเต็มที่ ริมฝีปากของเธแดงระเรียงเพราะกำลังหอบหายใจแรงและลมหายใจยังคงไม่เข้าที่เต็มที่ดีนัก เสื้อผ้าคล้ายจะเคยเกลี้ยงเลามาก่อนตอนออกจากศาลเจ้า แต่ตอนนี้มีรอยฝุ่นติดชายกระโปรงจากการล้มกลิ้งละมั้ง? (แต่ความจริงก็ไม่น่าจะใช่หรอก)

         “หืม?..มาแล้วรือแม่นาง?” เจ้าของร้านสตรีเอ่ยถาม

         “เจ้าค่ะ มาแล้วเจ้าค่ะ ข้าเหนื่อยมากเลย เมื่อครู่ข้าเกือบโดนรถม้าที่ไหนมารู้มาชนน่ะเจ้าค่ะ แต่มีคนคว้าตัวข้าไว้ทัน ถึงข้าจะไม่รู้ว่าเป็นใครก็ตาม เห็นว่าเขามาไหว้เจ้าแม่ในศาลเจ้าค่ะ” ตอนนี้หลินหยาเอ่ยเล่ารัว ๆ เหมือนกับคนที่กำลังตื่นอยู่ แต่ไม่ใช่แบบที่คนเห็นแบบหาข้ออ้างแม้สักนิด แล้วเจ้าของร้านซือโฉวก็ยกมือเหมือนกับบอกให้นางหยุดหอบก่อนเสียจะดีกว่า เพราะว่าหลินหยาท่าทางจะเหนื่อยเกินไปแล้วและดูลนลาน

         “...” หลินหยาใช่เวลาเหนื่อยนิดหน่อยแล้วค่อยหายก่อนเริ่มเล่าต่อ “ก็..มีคนมาช่วยเจ้าค่ะ..ข้าตกใจมากเลย พอแตกกันข้าก็พึ่งรู้ว่าสายมาเลยรีบวิ่งมาเลยเจ้าค่ะ” เด็กสาวเอ่ยบอกกับเจ้าของร้าน แล้วเธอก็ระบายยิ้มหวานให้เพราะว่าเอาความจริงแล้วก็เขิน ๆ กับสิ่งที่ตัวเองนั้นทำเหมือนกันนั้นแหละ แฮ่ะ ๆ

         เถ้าแก่สตรีวัยกลางคนหัวเราะเบา ๆ “เอาเถอะ..ข้าไม่ว่าแม่นางหรอก เจ้าไม่ได้บอกด้วยว่าจะมาตอนไหน มาเถอะมาช่วยข้า แต่ก่อนหน้านั้นไปล้างคราบเหงื่อบนหน้าก่อนเถอะ เพราะถ้าเจ้าโดนรถม้าชนข้าคงลำบากเพราะเจ้าไม่มาทำงาน เดี๋ยวจะไม่มีคนช่วยหยิบผ้าไหมเนื้อดีจากแดนใต้ให้คุณหนูสกุลเฉียงน่ะสิ..เอาล่ะ ตอนนี้ก็ไปล้างหน้าเสีย เช็ดหน้าให้เรียบร้อยด้วยเล่า ถือว่าโชคดีที่เจ้ารอดมาได้นะ” นางเอ่ยอย่างเรียบง่าย

         หลินหยายิ้มแห้ง ๆ แล้วจากนั้นก็เดินไถตัวเองเข้าไปยังหลังร้านแล้วเดินไปหยิบขันน้ำมา เธอกวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าแล้วเหมือนกับพึมพำกับตัวเองเบา ๆ “เกือบได้เป็นวิญญาณเฝ้าศาลองค์เทพสัจจะเสียแล้วสิเรา…อืม..บุรุษผู้นั้นใครกันนะ?” ระหว่างที่เธอเปลี่ยนผ้าเช็ดหน้าเอามาซับคราบน้ำของตนเองก็เดินกลับไปที่ร้านด้านในจากนั้นก็เข้าสู่วังวนของการทำงาน

         ไม่ถึงครึ่งชั่วยามการเปิดร้านเธอก็ทำของหล่นนิดหน่อยเพราะเผลอสะบัดมือขณะที่เจ้าของร้านเล่าเรื่องแมวชอบวิ่งชนประตูบ้านให้ลูกค้าฟังบ่อย ๆ หรือเรื่องเม้ามอยอื่น ๆ ตามประสาสตรีที่อยู่ใกล้ตลาด ที่ข่าวลือมักจะแพร่สะพัดในหมู่คนค้าขายมากมาย บางครั้งก็รับแขกที่มาร้านเป้นคุณหนูจากชนชั้นสูงบางคนที่มาซื้อผ้าชมพูดอกโบตั๋นกลับหัวเราะเสียยกใหญ่แล้วบอกว่า “ข้าชอบเจ้าเด็กคนนี้จัง ซื้อสองผืนเลยละกัน” ทำเอาเจ้าของร้านได้แต่กลอกตาใส่แต่ก็ยิ้มมุมปากอย่างพอใจ

         พอถึงช่วงทำความสะอาดระหว่างที่ทำงานหลินหยาก็นั่งพึมพำกับตัวเองไปเรื่อย “เขาสูงมากเลยนะ… แล้วมือเขา…อุ๊ย…ตุ้บเดียวอะ! แล้วมือเขา…เขา…แบบแข็งมาก อ๊ะ! ไม่ใช่สิๆ! ข้าไม่ได้คิดอะไรเลยนะ!” พึมพำ ๆ …จนเจ้าของร้านต้องกัดริมฝีปากตัวเองสลับกับการยิ้มแห้งแบบเหม่อไปมาราวกับกำลังมองคนที่มีเรื่องให้หัวใจกระเพื่อมเงียบ ๆ แบบไม่รู้ตัว ทั้งที่ไม่รู้จักชื่อ ไม่รู้จักเสียง ไม่ทันสบตา...แต่กลับรู้สึกว่าอยาก ‘เจออีกครั้ง’

         พอทำงานเสร็จให้เรียบร้อยเจ้าของร้านสาวก็เดินเอาถุงผ้ามาให้เหมือนเคย “เอานี้ค่าจ้าง 300 อีแปะ..รอบหน้าไม่ต้องกังวนหรือรีบมาแล้วนะ เดี๋ยวจะเป็นอันตราย” นางเอ่ยบอกกับทางหลินหยาแบบนั้นจนเด็กสาวต้องรับเงินมาแล้วพยักหน้าเหมือนกับจะฟังอีกคนแต่ไม่รู้ว่าจะฟังได้เหมือนหรือขนาดไหน เพราะอย่างไรเสียหลินหยาก็ดูเหมือนจะไร้สติพอสมควรในบางเรื่องบางราวจนน่าเป็นห่วนชนิดว่าหากนางหายไปคงใจหายเป็นแน่แท้



@Admin



พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

รางวัล: 300 อีแปะ - 5 EXP


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 5 EXP โพสต์ 2025-6-7 14:40
โพสต์ 15399 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2025-6-6 22:34
โพสต์ 15,399 ไบต์และได้รับ +3 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ลาภลอย  โพสต์ 2025-6-6 22:34

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญอู่จู +300 ย่อ เหตุผล
Watcher + 300

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-6-8 21:31:10 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ แปด เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเฉิน เวลา 07.00 - 09.00 น.
ไปทำงานร้านผ้าและเครื่องประดับซือโฉ


         วันนี้เป็นครั้งแรกที่หลินหยามาทำงานด้วยความเงียบ..เวลานี้คือยามเฉินเวลาแห่งการที่ดวงอาทิตย์ขึ้นมาที่แสงขอบฟ้า เวลาแห่งแสงอรุณรุ่งแผ่ไออุ่นละมุนละไมลงมาที่พื้นหินเรียบของมหานครฉางอัน กลิ่นชื้นจากหมอกยามเช้าผสานเข้ากับกลิ่นไม้หอมที่เหมือนค้างคาคั่งค้างราวกับทั้งเมืองกำลังเริ่มหายใจอย่างช้า ๆ ในตอนเช้า ในห้วงความสงบหลังฟ้าสางอันยาวนานที่ท้องฟ้ามืดมัวเป็นสีดำ วันนี้หลินหยายังไม่ได้นอน เธอเดินเข้ามาที่ร้านผ้าและเครื่องประดีบซือโฉวในชุดผ้าฝ้ายสีขาวชมพูต่างกับทุกวันที่จะชอบใส่ชุดมอม ๆ ผ้าสีซีด ๆ จากการไม่ได้ดูแล ลมหอบเบา ๆ ในยามเช้าปลุกชายผ้าให้พริ้วเป็นทางงาม กลีบดอกไม้ที่ร่วงลงมาจากต้นไม้นั้นล่องลอยมายังหน้าร้านเมื่อวานถูกกวาดจนหมดให้เรียบร้อย แต่บางอย่างยังคงลอยมาตามลมใหม่เหลือเกิน ดูเหมือนว่าเจ้ากลีบพวกนี้นั้นจะไม่ยอมให้ทางเดินว่างเปล่าแม้สักครู่เลยสินะ

         “กริ๊ง…กริ๊ง”

         เสียงกระดิ่งของหน้าร้านดังกริ๊ง ๆ เบา ๆ เมื่อนางดันประตูเข้าไปภายในร้าน ห้องโถงภายในร้านยังคงอบอุ่นด้วยจากแสงยามเช้าที่ส่องลอดออกมาจากช่องระแนงไม้ฉลุงามอย่างเรียบง่ายแต่งามตาอย่างปฎิเสธไม่ได้ ดวงอาทิตย์เริ่มแตะกระเบื้องมุงหลังคาที่อยู่ด้านบนแผ่นแรกสะท้อนแสงเหลืองทองละอองนวลลงบนผ้าหลากหลายผืนที่แขวนเรียงรายตามฝาผนังงามนั้น ตู้ไม้แกะสลักเก็บปิ่นปักผมและเครื่องประดับยังคงสงบนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างที่เป็นคนแก่มองกาลเวลา

         “สวัสดีเจ้าค่ะท่านเถ้าแก่” นางเอ่ยทักทาย วันนี้หลินหยาสวมชุดที่ดูสวยงามจนเหมือนบุตรสาวของคุณหนูที่ไหนเลยล่ะ เถ้าแก่มองแบบแปลก ๆ “เจ้าไปเอาชุดพวกนี้มาจากไหน” นางเอ่ยถามแบบสงสัยแต่แบบนี้มันดูเหมาะกับหลินหยามาก ๆ เลยล่ะ ตอนนี้จากลิงทะโมนหรือว่าคนที่มาทำงานสายเมื่อวันที่แล้วหลายเป็นเด็กสาววัยแรกรุ่นอย่างเหมาะสมอย่างเงียบงัน สภาพดูเรียบร้อยมากกว่าที่สมควรจะเป็นเสียอีก ตอนนี้เธอเหมือนกับลูกสาวที่ดูดีมาชาติตระกูล และจากที่ดูชุดที่ส่งมาแปลว่าสถานะทางการเงินของบ้านของแม่นางน้อยก็ไม่ได้ด้อยไปเลย คงเป็นบุตรสาวของใครสักคนอาจจะพ่อค้าใหญ่ หรือราชการที่ดีหน่อยมีตำแหน่งแน่ ๆ

         “ท่านพ่อท่านแม่ส่งมาให้จากกว่างโจวเจ้าค่ะเถ้าแก่”

         “อ้อ…เช่นนั้นเอง เอาเถอะ ข้าว่าแบบนี้เหมาะกับเจ้าดีนะ ควรแต่งตัวเสียบ้างหน้าตาเจ้าก็ไม่ได้แย่ หัดดูแลตัวเองเสียบ้างเถิด เจ้าเป็นสตรีที่เติบใหญ่พร้อมออกเรือนแล้วนะ” เจ้าของร้านเอ่ยบอกแล้วระบายยิ้มเล็ก ๆ ส่วนหลินหยาก็ยิ้มรับอีกครั้งเหมือนเธอจะเขินนิดหน่อยที่โดนชมแบบนี้แหละ อีกอย่างเจ้าของร้านก็ดูเป็นห่วงภาพลักษณ์ของเธอด้วย คงเพราะนางเป็นสตรีที่เข้าใจในเรื่องความสวยความงามกระมัง? ก็เลยบอกเช่นนั้น แน่นอนนางเป็นเถ้าแก่ร้านเสื้อผ้าและเครื่องประดับนี้หน่า? มันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้วสิของแบบนี้เดาได้ไม่ยากเกินไปหรอกนะ

         “ขอบคุณเจ้าค่ะ…จะว่าไปเถ้าแก่ทำอะไรหรือเจ้าคะ?” นางเอ่ยถามต่อเพราะว่าตอนนี้เหมือนเถ้าแก่จะเก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ นะเนี้ย “อ้อ..วันนี้เจ้าเฝ้าร้านแทบข้าทีนะ ข้าต้องออกไปส่งของให้ลูกค้าประจำสักหน่อย คุณหนูตระกูลในเมืองแหละ คงกลับมาอีกทีตอนที่เจ้าออกจากร้านพอดี สภาพเจ้าเหมือนไม่ได้นอน ถ้าไม่มีใครมาร้านก็ลองงีบหลับสักหน่อยนะ อย่าให้หน้างาม ๆ นั้นมีรอยคล้ำนักเลย”

         หลินหยาพยักหน้าแล้วเดินไปทางอุปกรณ์ทำความสะอาดเธอยิ้มแฉ่งจนแก้มป่องเพราะว่าเจ้าของร้านเหมือนจะโยนห่อผ้าอีกห่อให้เหมือนกันนะ เหมือนว่าเอาไปนอน ก่อนที่เถ้าแก่หญิงจะเดินไปหยิบจับกล่องเครื่องประดับลงกล่องไม้แล้วก็มมีห่อผ้าด้วย หลินหยาก็รู้ทันทีว่าอาจจะไปหาแขกพิเศษของร้าน หลังจากนั้นหลินหยาก็ระบายยิ้มแล้วเมื่อไม่กี่อึดใจหลังจากเจ้าของร้านเดินออกไปเธอก็เดินไปหยิบของอย่างแข็งขันกว่าทุกวัน ไม้กวาดในเมือของเธอพัดผ่านพื้นไม้เสียงเบา ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ ถูกถูบนพื้นไม้ โต๊ะ ตู้ กระจก แล้วก็ทุกอย่างโดนจัดเรียงใหม่เพื่อความสงบงามเล็กน้อย งดงามให้มุมแสงแดดจาดหน้าต่างที่ตกกระทบบนผ้าไหมได้เต็มแผ่น เธอจักเก็บต่างหูใหม่ แล้วก็จับเครื่องประทินโฉมขึ้น แล้วหยิบแขวนปิ่นเงินงามระยับไว้บนแผงที่แกะสลักเป็นรูปเมฆหมอกงาม

         หลังจากที่ขยับมือจนเสื้อเปื้อนฝุ่นนิด ๆ หญิงสาวก็ยืนเท้าสะเอวตรงกลางร้าน พนักงานคนอื่น ๆ ก็มาแล้วให้เธอได้พักผ่อนสักกะที หลินหยาได้นอนเพราะว่ายังเหลือเวลาอีกตั้งหนึ่งยาม ไม่รอช้าเลยเธอให้พนักงานคนอื่นทำงานต่อเพราะเธอเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราว แล้วเดินแอบไปหลังร้านตรงเก้าอี้ยาว ๆ ไม้ไผ่ที่โดนสายไว้ใต้มุมของหน้าต่างที่นั้นแดดส่องถึงมาพอดีอุ่น ๆ ลมพัดผ่านไม่แรงเกินไปแถมผนังไม้ด้านข้างก็มีเสียงนกร้องคอยขับขานให้เธอด้วยเหมือนกัน เสื้อคลุมผืนบางนั้นโดนห่มขึ้นมาเหนืออกของเธอ หลินหยาเอนหลังลงบนผนังจากนั้นก็นั่งลงแล้วค่อย ๆ พยายามหลับตานอนเงียบ ๆ

         แสงแดดส่องผ่านหน้าต่างที่มีผ้าม่านไม้ไผ่เป็นริ้วงามบนแก้มของเธอลมหายที่เหนื่อยจากการที่ไม่ได้นอนมาตลอดคืนทำให้เธอค่อย ๆ ผ่อนคลายเปลือกตาหนักลงทีละน้อย ดวงหน้าขาวซีดยามง่วงนั้นกลับกลายเป็นสีชมพูระเรื่ออย่างสุขสงบงาม เสียงระฆังจากหอสูงของนครฉางอันยังดังแว่ว ๆ ผสานกับเสียงของชีวิตในเมืองใหญ่ สำหรับหลินหยาแล้ว โลกตอนนี้เหมือนกับนิทานเรื่องใหญ่ที่โอบกอดเธอไว้แม้เพียงลำพังแต่กลับงดงามอย่างไม่คาดฝันสักครา





@Admin


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
รางวัล: 300 อีแปะ - 5 EXP


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 5 EXP โพสต์ 2025-6-8 22:56
โพสต์ 15123 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-8 21:31
โพสต์ 15,123 ไบต์และได้รับ +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2025-6-8 21:31
โพสต์ 15,123 ไบต์และได้รับ +3 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ลาภลอย  โพสต์ 2025-6-8 21:31

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญอู่จู +300 ย่อ เหตุผล
Watcher + 300

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-6-13 16:22:57 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-6-13 16:24


วันที่ สิบสาม เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามโหย่ว เวลา 17.00 - 18.00 น.


         ยามเย็นของฤดูร้อน แสงแดดที่เคยอ่อนรินนดยอดไม้และชายคาเมืองหลวงฉางอันนั้นหายไปเหลือเพียงสายลมและความมืดมิดยามสนธยา เสียงระฆังจากหอเวนดังแผ่วไกลเมื่อหลินหยาในชุดผ้าฝ้ายเรียบง่ายปักปิ่นไม้ที่เส้นผมเดินออกมาจากช่องทางของถนนตรงร้านน้ำชามุมถนน พลางเดินมาเรื่อย ๆ ตามแนวถนนกินที่ทอดยาว ผ่านพ่อค้าแม่ค้าที่ขายเครื่องหอม แล้วเธอก็เดินไปที่ร้านซือโฉว ร้านผ้าและเครื่องประดับซือโฉวตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนพอดี อักษรป้ายไม้สลักลายมังกรคลื่นทองสะท้อนแสงเงาวาววับ เห็นได้แต่ไกล

         ม่านลูกปัดไม้ไผ่กรุ๊งกริ้งเบา ๆ ตอนที่หญิงสาวร่างระวงนั้นเดินเข้าร้าน ใบหน้าเรียวมีแก้มแบบตุ๊กตากระเบื้องเคลือบของนางซีดนิดหน่อยแต่ริมฝีปากแต่งสีอ่อนดูไม่สดใสเล็ก ๆ ที่เอวห้อยขลุ่ยไม้ประจำกายที่เธอรักมามายไว้ ชุดเรียบง่ายตามฐานะของตนเองแต่บุคลิกเรียบร้อยเอาการเอางานของหลินหยาทำให้เถ้าแก่หญิงเจ้าของร้านซือโฮวที่กำลังจัดผ้าอยู่ถึงกับละมือแล้วเงยหน้ามาทักทายเธอ

         “อ้าว..แม่นางน้อยหลินหยา ข้านึกว่าเจ้าเป็นอะไรไปแล้วเสียอีก หายไปตั้งหลายวันเลย เจ้าไปไหนมาน่ะ?” นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเหมือนจะตึง ๆ นิดหน่อยปนความเป็นห่วงแบบไม่ปิดบังสิ่งใด หลินหยาที่เธอเห็นเช่นนั้นก็หน้าแดงนิดหน่อยแล้วยิ้มแหย ๆ ก่อนที่จะก้มหัวนิดหน่อยแบบคนรู้มารยาท “ขอโทษเจ้าค่ะเถ้าแก่ ข้าป่วยกินเต้าหู้โดยไม่ระวังตัวเพราะข้าแพ้มันน่ะเจ้าค่ะ” นางเอ่ยบอกพลางยิ้มแห้ง

         “ห๊า?...เต้าหู้หรือ ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าเจ้าน่ะมันแพ้หนัก ตอนนั้นเจ้าก็บอกว่ากินไม่ได้แล้วทำไมรอบนี้ถึงกินมันเข้าไปเสียงั้นล่ะ โถ่เอ้ย เด็กโง่” เถ้าแก่สาวถอนหายใจเฮือกใหญ่เอามือหยิบพัดขึ้นมาปัด ๆ ไปมาอย่างหงุดหงิดแต่ก็แฝงไปด้วยความเมตตานั้นเอง

         ส่วนหลินหยาก็ยิ้มเขิน ๆ ขยับเดินไปที่ชั้นผ้าเนื้อบาง พยายามเบนความสนใจออกจากหัวข้อที่ทำให้ถูกบ่น ในขณะที่กำลังลูบเนื้อผ้าสีชมพูพีชบางเบาอยู่นั้นเองเสียงฝีเท้าหนักแน่นแต่ไม่รีบร้อยก็ดังขึ้นหน้าร้าน พนักงานสาวรีบก้าวออกไปเปิดม่านไม้ไผ่ให้ทันที

         “เชิญเจ้าค่ะท่านชาย” เสียงนั้นเรียกไปด้วยแผ่วต่ำแต่เปี่ยมไปด้วยอะไรบางอย่าง ทำให้หลินหยาหันเงยหน้าไปมองทันที แม้ว่าพนักงานจะลดเสียงลงอย่างเกรงใจ แต่ภายในร้านกลับเงียบสงัดพอที่เธอจะได้ยิน..

         ชายหนุ่มที่ก้าวเข้ามานั้นรูปร่างสูงโคร่ง เขาส่วมชุดแพรปักลายพฤษาสีเข้มดำเจตือทอง ผ้าคาดเอวลายประหลาดช่วยขับบุคลิกให้ดูทรงอำนาจแต่สุภาพเรียบหรู ดวงตาเรียวลึกใต้คิ้วเข้มทอดมองทั่สร้านเพียงแววเดียวก่อนที่จะหยุดสายตาไว้ที่ชั้นผ้าไหมพับหนึ่งแล้วนั้นเองที่เขาเหลือบมองอีกฝั่งของร้าน ตรงชั้นผ้าเนื้อบางที่มีเงาของเด็กสาวคนหนึ่งยืนอยู่ หลินหยาก็มองเขาเช่นเดียวกัน..

         สายตาของเถียนเผิงทอดมองมานิ่ง ๆ ไม่แสดงอารมณ์ ดวงตานั้นไร้รอยยิ้มแต่ไม่เย็นชาแฝงแรงดึงดูดแปลกประหลาดดั่งมีเงาควันบาง ๆ เคลือบไว้เสียอีก หลินหยาที่ขมวดคิ้วเหมือนนางเคยได้เห็นใบหน้านี้ที่ไหนกัน? “อ่ะ…ท่านชาย..” เสียงของเธอเบาเกินกว่าจะดังให้ใครได้ยิน แต่เขากลับเิลกคิ้วน้อย ๆ เหมือนจำอะไรบางอย่างได้เช่นเดียวกัน ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงความแปลกใจนัก ทว่าเมื่อเขาเดินไปยืนใกล้ ๆ กลับโน้มตัวลงมาเล็กน้อย พร้อมเสียงทุ้มต่ำที่กล่าวเบา ๆ พอแค่คนเดียวจะได้ยิน

         “สวัสดี แม่นางหลินหยา”

         หลินหยาถึงกับเบิกตากว้างน้อย ๆ ก่อนที่จะถอยมาหนึ่งก้าวก่อนที่จะก้มลงคำนับอีกคนด้วยความอับอายและตกใจเล็กน้อย เธอจะได้ทันที ชายคนนี้คือบุรุษที่เธอเคยพบอยู่ที่หอว่านหงเหรินครั้งนั้น เขานั่งอยู่ในห้องส่วนตัวชั้นบนสุดตอนที่เธอเอาเหล้าหวานไปเสิร์ฟ และเขาก็ถามชื่อเธอเพราะไม่เคยเห็นหน้า.. “ท่าน..ท่านชาย..คือ” เธอกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิดนะเนี้ย

         “ข้าเพียงแวะมาเยี่ยมร้านผ้า ไม่ต่างจากแม่นางหรอก” เสียงเขาราบเรียบ แฝงรอยหยอกล้อเจือจางเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก ก่อนที่จะขยับห่างเล็กน้อยอย่างให้เกียรติ แต่เพียงพริบตานั้นเองดวงตาของมหาเสนาบดีผู้เฉียบขาดก็ฉายแววประกายเจ้าเล่ห์ขึ้นนิด ๆ อย่างน่าขันในใจ ใครจะรู้ว่าคำตอบแสนเรียบเหล่านี้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์เล็ก ๆ เพื่อเก็บหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ผู้ไม่รู้จักฐานะของเขาไว้ในเงาสายตาอีกครั้งหนึ่ง

         ในขณะที่หลินหยายังคงทำหน้าเหวอ ๆ แก้มของเธอร้อนแดงผ่าวโดยไม่แน่ใจว่าเขาพูดอะไร เถียนเผิงก็หันไปเลือกผ้าอย่างไม่เรียบร้อย ทิ้งกลิ่นอายบางอย่างไว้ในบรรยากาศตอนนี้ หลินหยารู้สึกอยากหลบสายตาเขาอย่างเขิน และไม่รู้เลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นไหม แต่คงไม่เพราะเธอก็แค่สาวใช้ธรรมดา

         แม้จะรู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างที่แผ่วซึมออกมาจากบุรุษในชุดสีหมึกดำนั้นแต่หลินหยาก็ไม่ได้พยายามตั้งสติไว้ให้มั่นเท่าไร หญิงสาวพยายามผ่อนลมหายใจแล้วแผ่วขึ้นขณะหมุนตัวกลับไปยังชั้นผ้าด้านในที่จัดวางของมีค่าที่สุดไว้บนนั้น ไหมแก้วแสงจันทร์ ผ้าฝ้ายพระจันทร์สว่างใสวสีและความวาวสวยโอ่อ่า รูปแบบที่งดงามและผ้าที่ละเอียดอ่อน นิมยมนำมาทำอาภรณ์สวมใส่ชนชั้นสูง ผ้าทอที่ได้ชื่อว่านุ่มดั่งแสงระยิบจากดวงแขขนใครที่ได้สัมผัสย่อมรู้ได้ทันทีว่านี่มิใช่สิ่งของราคาถูก

         เธอยื่นปลายนิ้วไปสัมผัสแล้วลูบเบา ๆ อย่างแผ่วที่สุด ความเนียนลื่นเย็นระเรื่อราวกับน้ำโอบขนนกที่ทำให้หลินหยาหลับตาลงเล็กน้อย พอจิตนาการออกว่าหากตัดเป็นชุดผืนยบาวหรืออะไรสักอย่างคงจะส่องแสงได้งดงามเสียเลย.. “ข้าขอซื้อไหมแก้วแสงจันทร์สองผืนเจ้าค่ะ” หญิงสาวกล่าวเบา ๆ กับเถ้าแก่หญิงที่ยืนอยู่ข้างหลังอย่างเคารพ รอยยิ้มของอีกฝ่ายจาง ๆ แต่พยักหน้าด้วยท่าทีชื่นชม ก่อนจะหยิบผ้าทั้งสองผืนที่ถูกม้วนไว้เป็นทรงกลมใส่ห่อผ้าไหมเรียบแล้วส่งให้หลินหยา

         "สองผืน...ยี่สิบตำลึงทอง" น้ำเสียงของเถ้าแก่สงบแต่มากด้วยความหมาย ไม่ได้พูดว่า 'แน่ใจหรือ' อย่างเปิดเผย เพราะรู้ดีว่าแม้นางผู้นี้จะเป็นสาวใช้ แต่ก็ไม่ใช่หญิงสาวธรรมดา ผู้ใดกันจะกล้าควักตำลึงทองออกมาเช่นนั้นหากไม่รู้ว่ามันคุ้มค่าทุกเศษเสี้ยว

         หลินหยาหยิบถุงผ้าที่พกติดตัวอยู่เปิดปากห่อแล้วหยิบเหรียญตำลึงทองออกมาวางบนถาดอย่างระวัง ไม่ใช่เพราะกลัวเงินหล่น แต่เธอไม่อยากให้เกิดเสียงโลหะที่กระทบกันดังจนขัดจังหวะที่เงียบงันของร้านในตอนนี้ เธอนับจนครบ 20 เหรียญก่อนที่จะยื่นส่งถาดคือนให้กับเถ้าแก่แล้วยิ้มบาง

         “ขอบคุณเจ้าค่ะ ขอให้กิจการรุ่งเรืองนะเจ้าคะ ถ้าข้าหายดีแล้วจะมาทำงานตามเดิมค่ะ” หลินหยาบอกเช่นนั้น ขณะที่กำลังหมุนตัวและก้าวออกไปนั้นเอง สัมผัสทางสายตาที่ทอดตามมายาวนานจากฝั่งอีกฝั่งของร้าน ชายหนุ่มยังยืนอยู่ที่นั้นอย่างสงบนิ่งเหมือนเงาใต้ต้นไม้ใหญ่ในวังหลวง ไม่มีท่าทีจะกล่าวลาไม่มีรอยยิ้มให้เห็นหรือแม้แต่คำพูดว่าการพบกันเมื่อครู่มีความหมาย

         มันทำให้หัวใจของหลินหยานิ่งลงราวกับถูกลากลงอ่างน้ำเย็น เธอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนที่จะยกมือคำนับอีกฝ่ายโค้งกายอย่างอ่อนช้อนพอเหมาะ “ขอบคุณท่านชายอีกครั้ง สำหรับความกรุณาในวันนั้น” นางไม่เอ่ยชื่อ ไม่เจาะจงสิ่งใด ไม่กล่าวชัดเจนว่าพบกันเมื่อใดที่ไหนในโลก ใช้เพียงถ้อยคำกลาง ๆ ที่สามารถหมายถึงอะไรได้ เป็นเพียงการแสดงความนอบน้อมอย่างสมฐานจะของสาวใช้คนหนึ่งที่เคยได้สายตาบางอย่างจากผู้มีฐานะสูงกว่า

         เขาไม่ได้ตอบในทันที แต่เถียนเฟิงหันมามองนางอย่างตรง ๆ ดวงตาคมลึกใต้เงาขนตานั้นนิ่งเฉยเหมือนพินิจผืนกระดาษเปล่า สายตาของทั้งคู่สบกันอีกวูบ ก่อนหลินหยาจะเบนหน้าเล็กน้อยแล้วก้าวถอยหลัง กลับไปยืนตรงประตูร้าน ...นางไม่แน่ใจว่าจะมีโอกาสได้เห็นใบหน้าของเขาอีกหรือไม่ แต่นั่นไม่สำคัญนัก เพราะสำหรับนาง...ชายผู้นั้นเป็นเหมือนภาพฝันไกลเกินเอื้อม ในขณะที่นางยังต้องใช้สองมือเก็บผ้า ใช้สองเท้าเดินทำงานในหอที่มีเสียงหัวเราะปนครวญครางเป็นเสียงพื้นหลังเสมอมา

         และภาะเงาของหญิงสาวที่เดินห่างอกอไปทีละก้าวนั้นเองก็อยู่ในสายตาห่้าง ๆ ของเถียนเฟิงอยู่นาน ไม่ใช่เพราะนางงามหรือมีคุณค่าพ่อให้เขาจดจำในฐานะใด แต่เพราะความนิ่งไม่อวดดี ไม่รีบเร่งไต่เต้า กลับทำให้นางแตกต่างจากนางใดที่เขาพบในหอว่านหงเหริน และในโลกของเขา ที่ทุกคนต่างแสร้งเป็นผู้อ่อนน้อมเพื่อเอาชีวิตรอด คนที่รู้ว่าควรนิ่งจึงจะอยู่รอดได้นั้น...ย่อมควรค่าแก่การเฝ้าดู




@Admin


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

รางวัล:  +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-08] เถียน เฟิง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

อื่น ๆ: ซื้อ ไหมแก้วแสงจันทร์ 10 ตำลึงทอง
จำนวน 2 ผืน ราคา 20 ตำลึงทอง (โอนแล้ว)


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-08] เถียน เฟิง เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-6-13 19:23
โพสต์ 23230 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-13 16:22
โพสต์ 23,230 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม จาก ทักษะนักดนตรีข้างถนน  โพสต์ 2025-6-13 16:22
โพสต์ 23,230 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2025-6-13 16:22
โพสต์ 23,230 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ลาภลอย  โพสต์ 2025-6-13 16:22
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-6-14 00:24:43 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ สิบสี่ เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเฉิน เวลา 07.00 - 09.00 น.


         ยามเฉินกลับมาอีกครั้งในวันใหม่ของเมืองหลวงอย่างฉางอันอันสงบสุข มันคลี่คลายม่านหมอกในฤดูร้อนให้จางหายไปอย่างเชื่องช้า แสงแดดอ่อนเบาทาบผ่านแนวหลังคาของร้านรวงสองฟากถนน ปลุกเร้าเสียงกวักมือของพ่อค้าแม่ขายให้เริ่มขยับตัวอีกครั้ง หนึ่งในนั้นคือร้านผ้าและเครื่องประดับ ซือโฉว ที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมของถนนสายหลัก ร้านขนาดกลางที่ตกแต่งด้วยไม้ฉลุลายงดงามสลับกับกระจดใสเบาแสง มู่ลี่ไหมบางโปร่งสีเขียวมรกตพลิ้วตามแรงลม กลิ่นของบุปผาแห้งและน้ำมันหอมนั้นคละคลุ้งไปทั่งห้องของห้องเสื้อแห่งนี้

         หลินหยาเดินก้าวเท้าเข้าสู่ประตูด้านข้างของร้านด้วยจังหวะที่เงียบเชียบ ชุดทำงานผ้าฝ้ายสีเทาอ่อนกับสายคาดเอวลายเมฆเลื้่อยถูกจัดวางอย่างเรียบง่าย เส้นผมนั้นโดนรวบสูงขึ้นอย่างทะมัดทะแมงจนเห็นต้นคอขาวของนาง เสียงผ้ากระทบกันดังพึบพับ ๆ อย่างกับทหารเดินพาเรด กับปลายแขนเสื้อและปลายชายของกระโปรงนวลนั้นสะอาดพลิ้วไหวเมื่อเธอขยับกายเข้ามา

         กลิ่นไม้หอมจาง ๆ ของภายในร้านชโลมความเงียบสงบของนางเข้ามาทันทีจากความลำบากใจเมื่อคืนวาน เธอเริ่มจากการเปิดหน้าต่าง กวาดพื้น ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดชั้นวางผ้าไหมที่มีลวดลายของชนชั้นสูงอย่างทะนุถนอมทุกการเคลื่อนไหวของเธอเต็มไปด้วยสมาธิ จนเมื่อแสงแดดสาดเข้ามาเป็นเส้นตรงสู่ชั้นในของร้าน หญิงวัยกลางคนที่เป็นเจ้าของร้านจึงเดินเข้ามาในชุดผ้าแพรลายบางตาของดอกกลีบบัวพร้อมถ้วยชาในมือของนาง ขณะเดินปลายตาของหญิงสาวผอมบางที่ก้มปัดฝุ่นเช็ดโต๊ะถูกระจกเสียอย่างงั้น..

         “แม่นางน้อยหลินหยา..เจ้าเพิ่งหายป่วยนะ อย่าเพิ่งฝืนมากนักเลย วันนี้ไม่ต้องจัดผ้าหรอก” นางมีเสียงอันอบอุ่นแต่ก็แทรกมาด้วยความรู้สึกบางอย่าง “ช่วยข้าไปดูสวนหน้าร้านแทนเถิด ดูว่ามีต้นไหนเฉาต้นรถน้ำจัดแต่งใหม่บ้างไหม”

         “อ๊า..อรุณสวัสดิ์ดีเจ้าค่ะเถ้าแก่..ได้เลยเจ้าค่ะ” หลินหยาที่ชะงักเพราะโดนทักยิ้มบางอย่างมีมารยาทแล้วเธอก็พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนที่จะวางผ้าชุบบนขอบถังไม้แล้วก็ผุดลุกขึ้นอย่างคล่องแคล่ว แม้ร่างกายจะยังผอมบางนักหลังจากโรคภัยแต่ท่วงท่าของเธอก็ไม่ได้บอกว่ากำลังอ่อนแอเลยสักครา กลับคล้ายผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนขอบเหวทุกวัน แต่ยังสามารถยิ้มให้กับอาทิตย์อ่อนแสงได้ไม่รู้จบ

         เธอก้าวออกสู่หน้าร่านผ่านม่านลูกปัด เสียงกรุ๊งกริ๊ง ๆ เบา ๆ ดังไปมาเป็นจังหวะขณะที่หลินหยานั้นแตะดอกไม้ ราวกับจะเอ่ยทักมัน แล้วดอกไม้ที่หุบกลีบหลบแดดก็ยังคงอยู่ ริมทางหน้าร้านถูกขนามด้วยกระถางเคลือบลวดลายงามสีน้ำเงิน ผีเสื้อชมพูบางจัดวางอย่างสวยงามสื่อถึงฝีมือของเจ้าของร้านที่พิถีพิถันในทุกตารางนิ้ว กลีบของดอกไม้เส้นสีขาวและชมพูอ่อนพลิ้วตามลม ขณะที่เธอค่อย ๆ โน้มกายลงเพื่อตรวจสอบสภาพดินและรากไม้ ช้อนมือแตะเบา ๆ บริเวณที่ชื้นเกินไป แล้วถอนหญ้าทิ้งเพื่อทำให้สิ่งแปลกปลอมนั้นอออกไประหว่างรอยดินที่มีอยู่

         เงาของเหล่าเด็ก ๆ ที่ก้มหน้าทำงานและวิ่งเล่นท่ามกลางนครฉางอัน กลมกลืนกับแสงแดดยามเช้าไม่มีผิด เสียจนคล้ายภาพวาดบนผนังถ้ำบนผืนผ้าไหม เสียงนกร้องจากหลังคาใกล้เคียงกับเสียงปีกแมลงที่หุบสั่นริมกระถาง ล้วนแปรเปลี่ยนเช้านี้ให้มีชีวิตชีวาเสียเหลือเกิน ทั้งที่เมื่อไม่กี่วันก่อน หลินหยายังนอนเป็นผักอยู่บนเตียงไม้ไผ่ในจวนของคุณชายอันเล่ออยู่เลย

         เสียงของลูกปัดและกระดิ่งหน้าร้านดังเบา ๆ เมื่อสายลมนั้นพัดผ่าน ลำแสงเริ่มอ่อนและแก่สลับกันไป แสงเฉียงลงมาสลับเถาเงาของกุหลาบที่โดนปลูกไว้ ดอกไม้หลากสีเริ่มบานไหวตามแรงลมแผ่ว ขณะที่หลินหยานั่งคุกเข่าข้างกระถางหินอ่อน จับแปรงไม้ในมือเบา ๆ กวางรอบโค้นต้นไม้สีชมพูที่ใบเริ่มเหี่ยวเล็กน้อย คิ้วเรียวขมวดน้อย ๆ ด้วยความกังวนว่าหากละเลงน้ำลงไปบนพื้นดินตอนนี้แล้วแตกรากไม้เบา ๆ พลางพึมพำกับตัวเองอย่างห่วงใยราวกับเจ้าต้นไม้นี้คือสิ่งมีชีวิตที่แปราะบางและรู้จักกันมาเนิ่นนาน

         แต่แล้ว..กลิ่นคุ้นจมูกบางอย่างกลับชัดเจนขึ้นมาจากทิศทางเบื้องหลัง กลิ่นที่แม้แผ่วเบาแต่ก็คล้ายแทรกผ่านกาลเวลาเข้ามาทิ่มแทงสัญชาตญาณของร่างกายให้หนีห่าง มันคือ กลิ่นถั่วเหลืองที่เธอไม่อาจลืมเลย กลิ่นเดียวกับสิ่งที่เธอพลาดกินเข้าไปแล้วเกือบไม่ได้ตื่นมาอีกครั้งเลยด้วยซ้ำ

         หลินหยาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ พลางหันหลังกลับ ดวงตากลมโตของเธอที่ฉายแววแปลกใจเล็กน้อยไล่ขึ้นจากปลายรองเท้าหนังสีเข้ม ไปจนถึงชายเสื้อคลุมยาวสีหม่น ลวงดลายปักงดงามและไม่โอ้อวด และสุดท้ายก็ไปหยุดที่ใบหน้าคมคายขรึมเงียบของชายผู้มาเยือน คุณชายอันเล่อ ผู้ซึ่งเธอเคยเห็นว่าเขาเป็นพ่อค้าเต้าหู้ในสายตาของเธอ แต่ตอนนี้..กลายเป็นใครบางคนที่ปรากฎตัวในความคิดของเธอมากกว่าที่ควรจะเป็นเสียอีก..

         “คุณชายอันเล่อ?” นางเอ่ยเสียงแผ่วเบาแต่ชัดเจนในน้ำเสียง แล้วก้มทักทายอีกฝ่าย “วันนี้ช่างน่าแปลกนัก ปกติเราจะได้พบท่านในยามเหม่า ตอนเช้าใช่ไหมเจ้าคะ? ข้าเกือบไม่ทันจำกลิ่นท่านได้” นางเอ่ยพลางยิ้มบาง แววตาเต็มไปด้วยความจริงใจที่ไม่แปรเปลี่ยน ปากแต่เป็นความเคยชินที่เธอมีต่อคุณชายน้ำแข็งเหมันต์คนนี้ ความเคยชินที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นทีละเล็กละน้อยที่เกิดขึ้น

         หลิวอันยืนมองเธออยู่เพียงชั่วครู่ท่ามกลางกลิ่นหอมบางอย่างและดอกไม้ และน้ำรดต้นไม้ที่เพิ่งรินลงไป เสื้อชายของเขาพลิ้วไหวบาง ๆ ตามแรงลม และในแววตาที่นิ่งสงบของเขานั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากทุกคราวนัก ยกเว้นเพียงความรู้สึกในน้ำเสียงที่เอ่ยออกมา ยังคงเยือกเย็นเช่นเคยไม่เปลี่ยนแปลงไปสักนิด

         “ช่วงนี้ข้ายุ่งมากนัก” เขาตอบเรียบง่าย ไม่เคยคิดอธิบายไปมากกว่านั้นเลย สายตาเพียงแค่กวาดมองปลายเท้าของเธอไปจนถึงจรดหัว ตรวจดูว่าเธอยังคงซีดเผือกอยู่อีกหรือไม่ เหนือ่ยหรือเปล่า ผอมลงไปอีกหรือไม่ และไม่พูดอะไรออกมาแม้สักนิด

         หลินหยาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขำเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวอย่างไม่เป็นพิธีนัก แต่ก็ไม่ถึงกับเสียมารยาทเลยด้วยซ้ะ “ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ..ท่านเป็นพ่อค้า หรือจะเรียกว่าผู้จัดการใหญ่ก็คงได้ ข้าจะไม่ถามไถ่ให้ท่านเสียเวลาหรอกเจ้าค่ะ ท่านแวะมาเดินเล่นหรือเจ้าคะ?” นางเอ่ยถาม

         “เปล่า” เขาตอบ และดวงตาก็นิ่งราวกับหินกรวดใต้ลำธาร แต่ไม่กระด้างเกินไป “ผ่านมาเห็นเจ้าที่กำลังก้มอยู่หน้าร้าน ก็เลยหยุดเท่านั้น”

         หลินหยาที่ได้ยินเช่นรนั้นก็นิ่งคล้ายประหลาดใจ “แค่หยุดหรือเจ้าคะ? ท่านเดินผ่านบ่อยนักหรือเจ้าคะ?” นางเอ่ยถามเช่นนั้น

         “ไม่บ่อย แต่หรงเล่อบอกว่าที่นี่เจ้าทำงานอยู่” เขาตอบอย่างไม่หลีกเลี่ยงและไม่ปิดบัง น้ำเสียงไม่ได้หมายความว่าเขาสอดรู้สอดเห็น แต่เป็นเหมือนเพียงเรื่องที่เข้าหูและเขาก็ดันเป็นพวกความจำดีเกินไปเท่านั้นเอง หลินหยาเงียบไปครู่หนึ่งเพราะหรงเล่อไปบอกหรอเนี้ย ก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างละมุนละไม “ข้ายินดีที่ท่านยังจำได้นะเจ้าคะ ข้าคิดว่าท่านอาจจะลืมกระทั่งใบหน้าข้าไปเสียแล้ว” เอ่ยแซวอีกคนและไม่ได้หวังว่าจะให้อีกคนตอบ

         “เจ้ามีใบหน้าที่ยากจะลืม” หลิวอันกล่าวราวกับบอกข้อเท็จจริงที่เป็น ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นคำหวานหยอกย้อน เธอไม่แน่ใจว่าควรจะขอบคุณเขาดีหรือเปล่า ทำได้แต่เพียงระบายยิ้มพลางพยักหน้าเบา ๆ “เช่นนั้นข้าควรรู้สึกดีหรือกลัวดีนะเจ้าคะ” นางเอ่ยแหย่อีกคราวนี้ ขณะที่มือยังคงขยับตัวย่อถอนหญ้าและวัชพีชออกไปจากพื้นดิน

         “อยู่ที่ตัวเจ้า” ชายหนุ่มเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนที่จะก้าวเท้าเข้าไปใกล้กับประตูร้านผ้าที่โปร่งสบาย หยุดลงตรงน้ำแหน่งที่กลิ่นของถั่วเหลืองจาง ๆ ยังคลุ้งอยู่เพราะห่อเต้าหู้เล็ก ๆ ที่เขามี




@Admin


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


รางวัล: 300 อีแปะ - 5 EXP
+5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-04] หลิว อัน
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

อื่น ๆ: จะนำโรลไปปลดดาวจ้าาา


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 5 EXP โพสต์ 2025-6-14 01:26
โพสต์ 21560 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-14 00:24
โพสต์ 21,560 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม จาก ทักษะนักดนตรีข้างถนน  โพสต์ 2025-6-14 00:24
โพสต์ 21,560 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2025-6-14 00:24
โพสต์ 21,560 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ลาภลอย  โพสต์ 2025-6-14 00:24

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญอู่จู +300 ย่อ เหตุผล
Watcher + 300

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-6-15 17:49:11 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ สิบห้า เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเฉิน เวลา 07.00 - 09.00 น. ไปทำงานร้านผ้าและเครื่องประดับซือโฉว
(พบ หลิวอัน/คุณชายอันเล่อ)


          แดด ส่องฟ้า เป็นสัญญา วันใหม่ พวกเรา แจ่มใส เหมือนนกที่ออก จากรัง!!

          เช้าวันใหม่มาถึงแล้วในยามเฉินที่แสงแดดทอดตัวผ่านม่านฟ้าอ่อนของฤดูร้อนแห่งนี้ ตะกระทบไปยังตรอกเล็ก ๆ ซึ่งเรียงรายด้วยร้านค้าทั้งก่าใหม่ในย่านการค้าของฉางอันเหมือนอย่างเคย สายน้ำในส่องระบายน้ำทางทางนั้นสะท้อนแสงระยิบระยับราวกับพึ่งออกจากผลไม้ที่ผลิบานที่เพิ่งออกดอก แต่อันนี้ไม่ใช่ฤดูใบไม้ผลิไง มันเป็นฤดูร้อนกำลังเขียวชะอุ่มเลยง่ะ สายลมนั้นเบาเฉื่อยไปเรื่อย ๆ ลอดผ่านไปตามทางเดินหินที่ทอดยาวราวกับไม่มีจุดสิ้นสุดของเมือง

          เสียงเปิดบานประตูไม้ของร้านผ้าและเครื่องประดับซือโฉวดังขึ้นในยามเช้าตรู่ราวกับเป็นสัญญาชวันมห่ เงาของหญิงสาวผู้หนึ่งทอดตัวเข้ามาภายในร้านก่อนที่แสงแดดจะลอดกรอกบประตุเข้ามาตามหลังเสียอีก หลินหยานั้นเอง เธอมาพร้อมกับกลิ่นหอมของดอกไม้เล็ก ๆ กับใบไม้ในยามเช้า ปรากฎในชุดประโปรงยาวสีงาช้างอ่อน ทอด้วยเส้นไหมสีเงินละเอียดรัดช่วงเอวด้วยผ้าคาดสีน้ำเงินอมเท้า ปลายแขนเสื้อกว้างพริ้วระบายด้วยผ้าโปร่งเนื้อบางที่ทำให้เธอดูราวกับสาวที่เหนือกว่าสาวใช้นิดหน่อย ใบหน้าจิ้มลิ้มแบบตุ๊กตากระเบื้องเคลือบหรือตุ๊กตากระบอกยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน เส้นผมของเธอโดนรวบขึ้นไว้เหมือนจะหลวมแต่ความจริงแล้วมันรวบแน่นด้วยปิ่นปักผมไม้ลายเถาองุ่น น้ำเสียงของรองเท้าผ้าบางกระทบพื้นไม้ดังเบา ๆ ทุกการเดินของเธอก็คือการเริ่มต้นชีวิตวันใหม่

          “อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะเถ้าแก่” เสียงของหลินหยาเอ่ยทักทายเจ้าของร้านด้วยน้ำเสียงแจ่มใสผิดปกติจนทำเอาสตรีเจ้าของร้านที่กำลังรินน้ำชาอยู่หน้าโต๊ะนั้นต้องเหลือบมองด้วยดวงตาแปลกใจ พอหายป่วยก็ซ่าเลยหรอเนี้ย?

          หลินหยามองดูร้านค้าด้วยสายตาที่เบิกกว้างอย่างรื่นรมย์เหมือนเด็กที่เพิ่งได้รับของขวัญวันเกิดชิ้นโปรดที่รอคอยมานาน เธอเริ่มต้นวันด้วยการทำงานจัดเรียงผ้าหลากหลายสีในชั้นวางให้เรียบร้อยเป็นระเบียบ จัดผ้าพับทอไหมแล้วก็ม้วน ๆ ให้แน่นชิดกันเสมออย่างปราณีตงดงาม จากนั้นเธอก็หอมไม้กวาดไปออกไล่กวาดฝุ่นที่ลอยมาติดตามร่องตู้โชว์เครื่องประดับเล็ก ๆ ที่ตั้งเรียงอยู่ใกล้ประตู

          แต่สิ่งที่แปลกในเช้านี้ไม่ใช่แค่เพียงท่าทีแจ่มใสหรือการมาทำงานตรงเวลาโดนไม่มีอาการป่วยเหมือนรอบก่อน ๆ แต่เป็นแววตาของหลินหยาเองที่ตอนนี้แม้จะมักฉายแววซุกซนขี้เล่น และคล้ายไม่จริงจังกับสิ่งใดนัก แต่กลับมีประกายความตั้งใจบางอย่างแฝงอยู่ในเช้านี้ คล้ายกับว่าหลินหยาเองก็กำลังเตรียมพร้อมอะไรบางอย่างเอาไว้แล้ว

          เธอเดินออกไปนอกร้านในยามแสงแดดแุ่นกำลังดีที่พาดหน้ากระจกสีใส มือเล็ก ๆ จับที่มีดทำสวนมด้วยใช้สำหรับทำสวนมาแล้วเธอก็โน้มตัวตัดแต่งพุ่มดอกไม้ที่แตกกอและสะพรั่งกันเกินไปแล้วหน้าทางเดินของร้าน สีสันสดใสของดอกไม้ขาว ดอกไม้ชมพูและใบที่ออกมาโผล่พ้นขึ้นเพียงกับส่งกลิ่นหอมละมุนลิ้น ชวนให้ทั้งร้านดูมีชีวิตชีวาสุด ๆ

          “วันนี้อาหารดีจังเลยยย” เธอพึมพำเบา ๆ กับตัวเองอย่างอารมณ์ดีสุด ๆ พร้อมกับหมุนมีดในมือเล่นไปมาราวกับมันเป็นของเล่นประจำมือมากกว่าจะใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการทำงาน เจ้าของร้านที่มองจากด้านในทำเพียงแค่ยกถ้วยชาขึ้นจิบพูดกับตนเองเบา ๆ เหมือนกับว่าแม่นางน้อยของเขาจะดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ไม่รู้เลยว่านางไปหอบเอาลมอะไรพัดเข้าตัวเองมาเสียจริง และบางทีลมนั้นอาจจะเป็นลมที่พัดมาจากทิศเดียวกับที่รถม้ารับส่งผู้คนผ่านตรอกนี้ในยามเช้าเสมอก็ได้นะ..

          เหมือนกับคุณชายร้านเต้าหู้ผู้ไม่เคยเผยชื่อจริงแก่ใครแม้แต่ครั้งเดียว ทว่ากลับมาพบกันเกือบทุกวัน แม้จะพูดกันได้ไม่กี่คำก็เถอะ หลินหยาไม่ได้รอคอยเขาหรอก แต่ก็คงไม่ใช่ว่าไม่คาดหวังจะได้พบเหมือนกัน มือของเธอหยิบกลีบดอกไม้ที่ร่วงหล่นออกจากกระถางขึ้นมาทิ้ง แล้วหันกลับไปยังประตูร้าน ดวงตากลมโตนั้นมีแววของความสดใส เธอยืดตัวตรงเล็กน้อยขยับชายผ้ากระโปรงให้เรียบร้อย แผนที่อยู่ในใจของหลินหยาเริ่มก่อตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อวานในหอว่านหงเริน

          ใต้แสงแดดอ่อนในยามสายของยามเฉิน แสงทองสาดผ่านกลีบเหมยปลายฤดูที่ยังเกาะอยู่ปลายกิ่งไม้ให้ไหวตามแรงลมเบา ถนนการค้าในฉางอันยังคงคึกคักตามวิถีของเมืองหลวงที่ไม่มีวันหลับใหล พ่อค้าแม่ขายต่างขนสินค้าริมตรอก ตะโกนเชิญชวนอย่างขยันขันแข็ง ทั้งเสียงล้อรถม้า เสียงกลองที่ตีจากร้านขายของเล่นไม้ใกล้ซอย และเสียงเด็กน้อยร้องไห้ตามผู้เป็นแม่ล้วนกลายเป็นทำนองธรรมดาของชีวิตที่ไหลผ่าน

          หญิงสาวร่างเล็กในชุดทำงานสีอ่อนผ้าฝ้ายขยับไปพอให้อากาศร้อนระอุลงน้อยหนน่อยกำลังก้มหน้าก้มตาขยับลังไม้ใบเบื่องที่เต็มไปด้วยผ้าม้วนและหีบเล็กหีบน้องของเครื่องประดับ ข้อมือเรียวแอบมีรอยแดงจากการเสียดสีเล็กน้อยและแน่นอนว่าหลินหยาก็ไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด หลินหยาเม้มปากนิด ๆ เพราะต้องใช้แรงขณะเอียงตัวและใช้ไหล่ดันลังให้พ้นขอบประตูหน้าร้าน เหงื่อเกาะที่ขมับแต่นางกลับมีสีหน้าแจ่มใสราวกับนี่คือกิจกรรมออกกำลังที่เธอสมัครใจ ได้เงินก็สมัครใจหมดแหละ

          เธอที่กำลังหอบลังพอดีขณะนั้นก็เงยหน้าขึ้นด้วยสัญชาตญาตก็สบตาเข้ากับบุรุษผู้หนึ่งที่เดินตัดผ่านมุมของถนนเข้ามา น่าจะมาเดินเล่นหรือว่ากำลังจะไปร้านของตัวเองละมั้ง ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดผ้าเนื้อดีดูเรียบหรุแต่ไม่โอ้อวดอะไร มีเส้นผมยาวที่ถูกรวบไว้หลวม ๆ ด้านหลังแล้วก้าวเดินด้วยจังหวะที่ทั้งมั่นคงและสง่างามแบบที่ไม่ต้องพยายามอะไรเลย

          คุณชายอันเล่อ…เจ้าของร้านเต้าหู้ผู้ลึกลับซึ่งบังเอิญมีบุคลิกมีบารมีมากกว่าที่คิดแววตาของเขายังคงดูสงบเงือกเย็นไม่ต่างจากน้ำแข็งหรือน้ำลึกที่ไร้คลื่นน้ำ แต่หลินหยากลับรู้สึกว่าบางครั้งหากตั้งใจพบกันเขาอาจจะกำลังสังเกตเธออยู่เสมอก็ได้ ไม่สิจากที่ดูน่าจะสังเกตคนรอบตัวมากกว่า

          หลินหยาขยับมือยกปาดเหงื่อที่ข้างแก้มก่อนที่จะยิ้มแย้มอย่างสดใสทั้งที่ตัวเองยังยืนดอกลังสินค้าท่ามกลางกลิ่นผ้าใหม่อยู่เลยนะเนี้ย “อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ คุณชายอันเล่อ” เธอทักทายเขาด้วยน้ำเสียงแจ่มใส “เมื่อวานนี้ขอบคุณมาก ๆ เลยนะเจ้าคะ ที่เชิญข้าไปชมธรรมชาติถึงเทือกเขาฉินหลิง” น้ำเสียงของเธอไม่ได้แค่สุภาพ แต่มันเจือรอยไออุ่นที่จริงใจที่แม้คนใจด้านชาที่สุดอาจจะยังพอรู้สึกได้ “มันทำให้ข้ารู้สึกดีมากเลยเจ้าค่ะ” เธอกล่าวต่อ ทั้งที่ยังมีลังไม้มาพาดเสื้ออยู่พอดี แววตาของเธอยังคงแนาวแน่ ยิ้มละมุนจนแทบกลบอาหารหอบเหนื่อยจากการขนของไปเสียสนิท “ขอให้วันนี้เป็นวันที่สดใสสำหรับท่านด้วยนะเจ้าคะ” เธอเอ่ยเสร็จพร้อมโน้มตัวลงนยิดหน่อยไม่รอให้เขาตอบกลับเท่าไร..พลางหันหลังกลับเข้าร้านต่ออย่างเงียบ ๆ ไม่ยืดยาด ไม่อ้อน ไม่จงใจเหมือนเป็นการทักทายประจำวัน

          เพราะในสายตาของหลินหยาแล้วเธอรู้ดีว่าชายตรงหน้าเป็นคนเงียบ ๆ สิ่งที่สื่อจากแววตาน้ำเสียงการกระทำของเขาและท่วงท่าที่ไม่เคยโกหก เธอสัมผัสได้ถึงความหนักแน่นที่ล้ำลึกที่ไม่เหมือนใครและนั้นคือสิ่งที่หลินหยาจะไม่ทำตัวให้ดูเหมือนเธอกับเขา ใกล้ กันเกินที่ควร หากจะเป็นความผูกพันก็ขอให้มันเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติที่เหมือนดอกไม้ที่เธอเคยปลูก เหมือนชาที่เคยรินให้ เหมือนสายลมเบา ๆ ที่พัดผ่านทุกยามเช้าโดยไม่เรียกร้องอะไรเลย

          คุณชายอันเล่อยังยืนอยู่ตรงนั้น แววตาของเขาไม่มีเปลี่ยนแต่ยิ่งลึกเข้าไปมากกว่าเดิม เขามองแผ่นหลังเล็ก ๆ ที่กำลังพยายามจัดวางลังไม้ให้่เข้าที่ ไม่ใช่เพราะอยากช่วยเพราะเขาไม่ใช่คนที่ยื่นมือให้ใครง่าย ๆ

          “อรุณสวัสดิ์”

          เสียงเรียบราบเย็นชาดังขึ้นไล่หลัง..นั้นคือเสียงของคุณชายอันเล่อ หรือหวยหนานหว่างเย่




@Admin


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

รางวัล: 300 อีแปะ - 5 EXP
+5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-04] หลิว อัน
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม
โบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 5 EXP โพสต์ 2025-6-15 20:36
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-04] หลิว อัน เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2025-6-15 20:36
โพสต์ 21496 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-15 17:49
โพสต์ 21,496 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ผู้มีบุญ  โพสต์ 2025-6-15 17:49
โพสต์ 21,496 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม จาก ทักษะนักดนตรีข้างถนน  โพสต์ 2025-6-15 17:49

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1เหรียญอู่จู +300 ย่อ เหตุผล
Watcher + 300

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-9-3 18:29:46 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 29 ชีเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 
ยามซื่อ (เวลา 09.00 - 11.00 น.)


แสงอรุณรุ่งสาดส่องกระทบผืนแผ่นดินเมืองฉางอันอันกว้างใหญ่ ควันจาง ๆ ลอยกรุ่นออกจากปล่องไฟของบ้านเรือนน้อยใหญ่ กลิ่นหอมของซาลาเปานึ่งลอยตามสายลมพัดเบา ๆ พาน้ำย่อยในท้องของเหล่าผู้คนที่เริ่มสัญจรไปมาทำงานแต่เช้าตรู่ให้ร้องโครกคราก ซูเหยเดินลัดเลาะไปตามทาง ก่อนจะหยุดยืนเบื้องหน้าร้านผ้าและเครื่องประดับซือโฉวอันเลื่องชื่อของย่านนี้ นางกำผ้าคลุมไหล่ลายดอกโบตั๋นอันล้ำค่าขององค์ไท่โฮ่วไว้ในมืออย่างทะนุถนอม สองเท้าก้าวเข้าไปในร้านช้า ๆ

ในร้านมีแต่ผ้าแพรผ้าไหมชั้นสูงวางเรียงรายระยิบระยับล่อตาล่อใจผู้คน ผ้าไหมสีแดงเข้มที่เคยประดับกายของเหล่าขุนนางชั้นสูงแขวนอยู่ถัดจากผ้าแพรเนื้อดีสำหรับสตรีสูงศักดิ์ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเครื่องหอมชั้นดีที่ใช้ในการถนอมผ้าลอยอบอวลไปทั่วทั้งร้าน ท่ามกลางความเงียบสงบมีเพียงเสียงเสียดสีของเนื้อผ้าที่ถูกพลิกไปมาเบา ๆ ของคนงานในร้าน ซูเหยาเดินไปที่เคาน์เตอร์ด้านหน้าพร้อมกับคลี่ผ้าคลุมไหล่ออกอย่างระมัดระวัง แม้ว่านางจะเป็นเพียงหมอชาวบ้าน แต่ความงดงามของเนื้อผ้าและเส้นไหมที่ส่องประกายเรืองรองราวกับเส้นผมของเทพธิดาก็ทำให้นางตะลึงงันได้ไม่ยาก

เจ้าของร้านซือโฉวเป็นสตรีที่ผู้คนมักเรียกว่าเถ้าแก่เนี้ยเหวิน เมื่อนางเห็นผ้าคลุมไหล่ในมือของซูเหยาก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจและรีบเดินมาหานางอย่างรวดเร็ว 

"ผ้าคลุมไหล่ในมือของแม่นางช่างงามตานัก ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ข้ารับใช้หรือไม่?"

เสียงกังวานใสของเถ้าแก่เนี้ยเหวินไม่ได้ทำให้ซูเหยาคลายความกังวลลงได้เลย นางคลี่ผ้าคลุมไหล่ออกทั้งหมดอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นลวดลายดอกโบตั๋นอันละเอียดอ่อนที่ทอขึ้นจากเส้นไหมหลากสีสัน เมื่อมองดูดี ๆ จะเห็นว่ามีบางกลีบดอกที่สีดูหม่นหมองกว่าปกติราวกับความงามที่โรยราไปตามกาลเวลา

“เถ้าแก่เนี้ยเหวินเจ้าคะ ข้าอยากจะขอรบกวนท่านช่วยพิจารณาไหมที่ปักอยู่บนผ้าผืนนี้หน่อยได้หรือไม่? ” ซูเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่แฝงไว้ด้วยความหนักใจ “ไหมบางจุดสีซีดจางลงไปมาก ข้าอยากทราบว่ามันเป็นไหมชนิดใด หรือมีเหตุผลใดที่ทำให้เป็นเช่นนี้ ข้าเพียงอยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับไหมที่ใช้ปักผ้าคลุมไหล่ผืนนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เจ้าค่ะ”

เถ้าแก่เนี้ยเหวินพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะใช้สองมือประคองผ้าคลุมไหล่ผืนงามราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า ดวงตาของนางเปี่ยมไปด้วยความเคารพยำเกรงต่องานฝีมือที่อยู่เบื้องหน้า ริมฝีปากเม้มเข้าหากันอย่างพิจารณา ก่อนจะเริ่มตรวจดูเส้นไหมอย่างละเอียดลออ นางพลิกผ้าไปมาเบา ๆ เพื่อให้แสงจากหน้าต่างสาดส่องลงกระทบกับเส้นไหมที่สลับซับซ้อนกันอยู่บนผืนผ้า นิ้วเรียวยาวค่อย ๆ สัมผัสลงบนลวดลายอย่างแผ่วเบาเพื่อรับรู้ถึงสัมผัสและความนุ่มลื่นของเนื้อผ้า

เถ้าแก่เนี้ยเหวินใช้เวลาพิจารณาอยู่นานราวกับจะจารึกทุกรายละเอียดของเส้นไหมลงในความทรงจำ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา 

“จากประสบการณ์ของข้าไหมที่ใช้ปักบนผ้าคลุมไหล่ผืนนี้คือไหมชั้นดีจากเมืองซูโจวไม่ผิดแน่ เส้นไหมมีความละเอียดอ่อนมากจนเกือบจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า สีสันที่เคยสดใสก็ถูกสร้างขึ้นจากเม็ดสีธรรมชาติอันบริสุทธิ์”

จากข้อมูลที่ได้มาทำให้ซูเหยาเข้าใจในทันทีว่าทำไมผ้าคลุมไหล่ผืนนี้จึงมีค่าควรแก่การเป็นสมบัติขององค์ไท่โฮ่ว

“สำหรับเรื่องที่สีซีดจางลงไปนั้น…ข้าเองก็ไม่แน่ใจนักเจ้าค่ะ” เถ้าแก่เนี้ยเหวินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ลดลงเล็กน้อย นางค่อย ๆ บรรจงพับผ้าคลุมไหล่กลับคืนอย่างเดิม “หากเป็นไหมจากซูโจวตามปกติแล้ว สีสันจะติดทนนานราวกับงานหินสลัก ไม่ว่าจะผ่านไปกี่สิบปีก็แทบจะไม่ซีดจางลงเลย เว้นเสียแต่ว่า… สีนั้นไม่ได้มาจากเม็ดสีโดยตรง แต่มาจากพืชพรรณและสมุนไพรบางชนิด”

เสียงของนางเงียบลงราวกับคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบม้วนผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มผืนหนึ่งขึ้นมาคลี่ออกช้า ๆ เนื้อผ้ามีผิวสัมผัสที่แตกต่างจากผ้าที่ใช้กันทั่วไป มีความหยาบเล็กน้อยแต่ก็ยังคงความนุ่มลื่น 

“ลองดูผ้าผืนนี้สิเจ้าคะ มันถูกย้อมด้วยสีครามจากต้นหญ้าครามที่ปลูกเฉพาะทางตอนใต้ของแคว้น หากใช้เพียงแค่วิธีการย้อมแบบปกติแล้ว สีจะซีดจางไปในไม่กี่เดือน แต่หากต้องการให้คงทน ผู้ย้อมจะต้องใช้ส่วนผสมจากน้ำมันยางไม้หรือส่วนประกอบลับอื่น ๆ เพื่อตรึงสีให้อยู่กับที่ได้นานที่สุด”

เถ้าแก่เนี้ยเหวินมองซูเหยาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย 

“ดังนั้นเป็นไปได้ว่าสีที่ใช้ย้อมไหมสำหรับผ้าคลุมไหล่ผืนนี้อาจจะถูกผสมกับสมุนไพรบางอย่างเพื่อสร้างเฉดสีที่แตกต่างออกไป หากเป็นเช่นนั้นจริงก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สีจะซีดจางลงไปตามกาลเวลา เพราะโดยธรรมชาติแล้วสมุนไพรย่อมมีวันเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาอยู่แล้ว”

ประโยคสุดท้ายของเถ้าแก่เนี้ยเหวินเป็นเหมือนแสงสว่างที่สาดส่องลงมายังความคิดของซูเหยาจนนางนึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ สมุนไพร! นางเคยเห็นตำราว่าด้วยการย้อมผ้าด้วยพืชสมุนไพรของสกุลแพทย์ตระกูลหนึ่ง ซึ่งระบุรายละเอียดของสมุนไพรที่ใช้ย้อมสีผ้าแต่ละชนิดไว้อย่างละเอียด สมุนไพรบางชนิดใช้ในการรักษาก็สามารถใช้ในการย้อมสีได้ด้วยเช่นกัน หากสีที่ซีดจางลงบนผ้าคลุมไหล่เป็นผลมาจากสมุนไพรที่ใช้ย้อมก็เป็นไปได้ว่าสมุนไพรเหล่านั้นอาจจะมีฤทธิ์บางอย่างซึ่งส่งผลต่อองค์ไท่โฮ่ว ซูเหยามองไปยังผ้าคลุมไหล่ในมือด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นอีกครั้ง

นางค่อย ๆ พับผ้าคลุมไหล่ผืนนั้นอย่างระมัดระวัง แล้วเก็บไว้ในห่อผ้าอีกชั้นเพื่อป้องกันความเสียหาย ก่อนจะหันไปโค้งคำนับเถ้าแก่เนี้ยเหวินอย่างนอบน้อม 

“เถ้าแก่เนี้ยเหวินเจ้าคะ ข้าขอขอบพระคุณท่านเป็นอย่างสูงที่ให้ความช่วยเหลือในวันนี้ ข้อมูลของท่านมีค่าสำหรับข้าเป็นอย่างมาก” ซูเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ แม้จะรู้ว่าเถ้าแก่เนี้ยเหวินคงจะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่นางกำลังจะทำในตอนนี้

เถ้าแก่เนี้ยเหวินโบกมืออย่างรวดเร็ว 

“โอ้ ไม่ได้ช่วยอะไรท่านได้มากนักเลยเจ้าค่ะ” นางกล่าวอย่างถ่อมตัว “ข้าเพียงแค่ให้ข้อมูลตามที่พอจะทราบเท่านั้นเอง”

ซูเหยาไม่ได้ตอบอะไรไป เพียงแต่คลี่ยิ้มบาง ๆ อย่างสุขุม นางรู้ดีว่าข้อมูลที่เถ้าแก่เนี้ยเหวินให้มานั้นมีความสำคัญเพียงใด และมันจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะไขปริศนาที่ซับซ้อนนี้ได้อย่างแน่นอน นางก้าวเท้าออกจากร้านซือโฉวอันโอ่อ่าโอฬาร ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้าที่เริ่มคึกคักมากขึ้นเรื่อย ๆ แสงแดดที่อบอุ่นสาดส่องลงมากระทบแผ่นหลัง ทำให้ความหนาวเย็นที่เคยเกาะกุมอยู่ในใจของซูเหยาคลายลงไปได้บ้าง นางมุ่งหน้ากลับไปยังโรงหมอเจิ้งเทียนด้วยก้าวเดินที่มั่นคงและเปี่ยมไปด้วยความหวังที่จะช่วยไขปริศนาให้องค์ไท่โฮ่วได้ในที่สุด




เควสปลดหัวใจ : ปริศนาลายปักแห่งตำหนักฉือหนิง (2)
เลือกตัวเลือก: พูดคุยอย่างสุภาพ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 19344 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-3 18:29
โพสต์ 19,344 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ปิ่นปักผมดอกท้อ  โพสต์ 2025-9-3 18:29
โพสต์ 19,344 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +8 ความโหด จาก พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ  โพสต์ 2025-9-3 18:29
โพสต์ 19,344 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +4 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D)  โพสต์ 2025-9-3 18:29
โพสต์ 19,344 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม +6 ความโหด จาก หมอป่า  โพสต์ 2025-9-3 18:29
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
หมอพเนจร
หมวกถังเจียน
ศาสตร์การบำเพ็ญ
ตำราสมุนไพรหายาก
แหวนดาราจรัส(D)
จี้หยกรูปปลา
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x73
x200
x1
x1
x1
x6
x46
x4
x21
x16
x1
x27
x53
x50
x210
x180
x1
x2
x2
x10
x36
x66
x54
x30
x1
x20
x3
x100
x2
x2
x452
x1
x34
x2
x2
x1
x30
x50
x50
x20
x10
x10
x6
x23
x44
x20
x4
x2
x30
x15
x6
x9
x10
x4
โพสต์ 2025-9-14 21:18:12 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 13 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามซวี เวลา 19.00 - 21.00 น.
╰┈➤ พบเจอเถียนเฟิง

เถียนเฟิงกลับไม่ปล่อยให้วันนั้นจบเพียงเท่านั้น เขาหันไปมองเสวี่ยซีที่ยังคงมีแววตาเป็นประกายราวกับเด็กที่ได้เปิดโลกใหม่ รอยยิ้มของเขายังคงอบอุ่นแต่มีกลิ่นอายของความเด็ดขาด

“ไปเถิด ข้ายังมีสถานที่หนึ่งอยากพาเจ้าไป”

“ที่ใดหรือ” เสวี่ยซีเอียงคอถาม ดวงตาสีอำพันสะท้อนความสงสัย

เถียนเฟิงไม่ตอบทันที เพียงเดินนำไปในตรอกที่ทอดยาวสู่ถนนสายใหญ่ของเมืองฉางอัน รถม้าสีเข้มที่มีตราประจำตระกูลเถียนคงหยุดรออยู่หน้าทาง เขาเปิดม่านแล้วเชื้อเชิญเสวี่ยซีขึ้นมาด้วยท่าทีสุภาพผิดจากบุคลิกเย็นชาในยามเผชิญหน้าผู้คน

รถม้าลื่นไถลไปบนถนนที่ปูด้วยหิน เสียงล้อไม้กระทบพื้นดังเป็นจังหวะ เสวี่ยซีมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นแสงโคมไฟเริ่มถูกจุดขึ้นทีละดวง จนท้องถนนทั้งสายสว่างไสวราวท้องฟ้ายามดารากระจ่าง เถียนเฟิงเอ่ยเพียงสั้น ๆ

“ร้านซือโฉว ร้านผ้าและเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงที่สุดในฉางอัน”

ชื่อที่เอ่ยออกมาทำให้เสวี่ยซีเบิกตากว้างเล็กน้อย เขาเคยได้ยินกิตติศัพท์ของร้านนี้มาบ้าง ทั้งเมืองต่างกล่าวขานว่าซือโฉวเป็นสถานที่ที่เหล่าคุณชายคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์และแม้แต่พระสนมยังนิยมมาสั่งตัดชุด เพราะทุกผืนผ้า ทุกเส้นด้าย ล้วนถูกคัดเลือกและประดิษฐ์อย่างพิถีพิถัน

ไม่นานรถม้าก็มาหยุดลงหน้าประตูร้าน ตัวร้านตั้งตระหง่านด้วยป้ายไม้ประดับอักษรทองคำ “ซือโฉว” อร่ามตา โคมแดงคู่ใหญ่ห้อยลงรับแขกผู้มาเยือน เถียนเฟิงก้าวลงก่อน พลางยื่นมือให้เสวี่ยซีจับเพื่อก้าวลงมา

เมื่อเท้าของเสวี่ยซีแตะพื้นหินหน้าร้าน พนักงานของร้านก็รีบรุดออกมาต้อนรับทันที “ขอคารวะท่านต้าซือคง” เสียงสุภาพดังขึ้นพร้อมกับการคำนับอย่างนอบน้อม ก่อนสายตาทุกคู่จะเหลือบไปยังเสวี่ยซีซึ่งยืนอยู่เคียงข้าง

แววตาของพวกเขาแสดงทั้งความประหลาดใจและความอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดสิ่งใดออกมา เมื่อเห็นแววตาของเถียนเฟิงที่เย็นเฉียบ พนักงานจึงรีบก้าวนำเข้าไปในร้าน

ภายในร้านซือโฉวหรูหราสมชื่อ ผ้าแพรพรรณหลากสีสันแขวนเรียงรายตั้งแต่พื้นจรดเพดาน เนื้อผ้าลื่นไหลเป็นประกายราวกับเกล็ดน้ำแข็งยามแสงไฟส่องต้อง เครื่องประดับหยก ทอง และมุกถูกจัดวางไว้ในตู้กระจกใส กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของไม้จันทร์ลอยคลุ้ง ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกเสมือนก้าวเข้าสู่โลกอีกใบ

“นำผ้าที่ดีที่สุดมา” เถียนเฟิงสั่งเสียงเรียบ พนักงานรีบคลี่ผ้าหลากผืนออกมาให้ดู มีทั้งผ้าแพรสีเข้มขรึมที่ปักด้วยดิ้นทอง ผ้าไหมบางเบาที่พลิ้วราวหมอก และผ้าแพรสีอ่อนที่ทอด้วยลายดอกไม้ละเอียด

เสวี่ยซีมองผ้าเหล่านั้นพลางนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ใบหน้าของเขาสะท้อนแสงไฟนวลจนดูราวกับภาพวาด เถียนเฟิงก้าวเข้ามาใกล้ เอ่ยเสียงหนัก “เจ้าชอบแบบใด ข้าจะให้เขาตัดชุดให้เจ้า”

แต่แทนที่เสวี่ยซีจะรับฟังและเลือกตามสิ่งที่เถียนเฟิงชี้ เขากลับก้าวไปยังอีกมุมของร้าน ตรงที่ผ้าแพรสีฟ้าอมเทาอ่อนถูกแขวนไว้ มันไม่โดดเด่นเท่าผ้าสีทองหรือสีแดง แต่กลับมีเสน่ห์ที่อ่อนโยนและสงบ

มือเรียวยาวของเสวี่ยซีเอื้อมสัมผัสผืนผ้า ลูบไล้เนื้อละเอียดที่เย็นวาบราวกับน้ำค้าง เขาเอ่ยเสียงเบาแต่หนักแน่น “ข้าชอบผืนนี้”

เถียนเฟิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “มันเรียบเกินไปหรือไม่ เจ้าใส่แล้วอาจไม่สะดุดตาเท่าผืนอื่น ๆ”

เสวี่ยซีหันมาสบตาเขา ดวงตาสีอำพันวาววับอย่างมุ่งมั่น “ข้าไม่ได้ต้องการให้สะดุดตาเพราะสีสันหรือความหรูหรา ข้าอยากให้ชุดที่ข้าใส่สะท้อนถึงตัวตนของข้าเรียบง่ายแต่ไม่ไร้ค่า”

คำพูดนั้นทำให้เถียนเฟิงเงียบไป เขามองใบหน้าของเสวี่ยซีที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่ และในดวงตานั้นไม่มีแววลังเลแม้แต่น้อย

“เจ้าจะไม่เลือกชุดที่ข้าเห็นว่าเหมาะกับเจ้าอย่างนั้นหรือ” เสียงของเถียนเฟิงเย็นแต่แฝงด้วยความท้าทาย

เสวี่ยซีเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มจาง “หากเป็นเมื่อก่อน ข้าอาจเลือกสิ่งที่ผู้อื่นชี้ว่าเหมาะสม แต่วันนี้ ข้าขอเลือกสิ่งที่หัวใจของข้าต้องการ”

บรรยากาศระหว่างทั้งสองหนักแน่นขึ้นทันที พนักงานของร้านที่ยืนอยู่รอบ ๆ ถึงกับกลั้นหายใจ พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว เถียนเฟิงยืนนิ่งอยู่นาน ก่อนที่รอยยิ้มบางเฉียบจะปรากฏขึ้นตรงมุมปาก

“เจ้าช่างดื้อรั้นนัก แต่ก็ดี” เขาหันไปสั่งพนักงาน “นำผืนนี้ไปตัดเย็บให้ดีที่สุด ใช้ช่างฝีมือเอกของร้าน หากต้องใช้เวลานานเท่าไร ข้าจะรอ”

พนักงานรีบรับคำเสียงสั่น “เจ้าค่ะ”

เสวี่ยซีหัวเราะเบา ๆ อย่างโล่งอก ความภาคภูมิใจแผ่วอุ่นแผ่ซ่านในอก เขาไม่ใช่เพียงของที่ถูกเลือก แต่เป็นคนที่ได้เลือกด้วยตนเอง

เถียนเฟิงก้าวเข้ามาใกล้ เอื้อมมือขึ้นเชยคางเสวี่ยซีอย่างแผ่วเบา ดวงตาสีเข้มสบลึกจนเสวี่ยซีเผลอกลั้นหายใจ “จำไว้นะเสวี่ยซี ไม่ว่าเจ้าจะเลือกสิ่งใดตราบที่มันเป็นสิ่งที่เจ้าต้องการ ข้าจะทำให้มันงดงามที่สุด”

คำพูดนั้นไม่ใช่เพียงการอนุญาต แต่เป็นคำยืนยันที่หนักแน่นว่าตั้งแต่นี้ไป เสวี่ยซีมีสิทธิ์เลือกเส้นทางของตนเอง

แสงโคมไฟภายในร้านส่องต้องผืนผ้าที่เสวี่ยซีเลือกจนระยิบระยับราวสายน้ำต้องแสงจันทร์ เสียงกรรไกรของช่างเริ่มดังขึ้นเบื้องหลัง กลิ่นหอมของไม้จันทร์ยังคงอบอวล

เสียงซุบซิบดังขึ้นจากแขกผู้มาเยือนร้าน “นั่นใช่หรือไม่เสวี่ยซีจากหอว่านหงเหริน”

“ข้าเคยได้ยินว่าประมูลไปถึงพันห้าร้อยตำลึงทอง ใครจะคิดว่าจะอยู่ข้างต้าซือคงเช่นนี้”

“โฉมงามเช่นนี้ หากอยู่ในหอคงทำให้ชายครึ่งฉางอันคลั่งไคล้”

ถ้อยคำเหล่านั้นแว่วชัดเจนถึงหูเสวี่ยซี เขากำมือแน่นเล็กน้อย หัวใจสั่นไหว แต่แล้วก็สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น ดวงตาอำพันฉายประกายดื้อรั้น

เขาก้าวตรงไปยืนเคียงข้างเถียนเฟิง ไม่ก้าวถอยหลังแม้แต่ครึ่งก้าว น้ำเสียงราบเรียบแต่แน่วแน่ “ท่านเถียนเฟิงข้าไม่อยากหลบซ่อนอีกต่อไป หากพวกเขาจะมอง ก็ให้มอง ข้าเพียงอยากให้ท่านแสดงออกว่าข้ามิใช่ผู้ด้อยค่า”

เถียนเฟิงเลิกคิ้วเล็กน้อย สายตาคมลึกวาบขึ้นด้วยแววภาคภูมิ ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบา ๆ เขายกมือขึ้นเช็ดเส้นผมที่ปรกแก้มเสวี่ยซี แล้วเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ในสายตาข้า เจ้าคือผู้สูงค่าที่สุด มิว่าใครจะกล่าวสิ่งใด ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าก้มศีรษะต่อผู้ใดทั้งนั้น”

“บางทีท่านก็ชมข้าเยอะเกินไป”

ร่างบอบบางของชายหนุ่มเปลี่ยนมายืนหันหลัง ซ่อนพวงแก้มที่แดงระรื่น พยายามทำตัวเป็นปกติและหันกลับมาคุยต่อ


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 20084 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-14 21:18
โพสต์ 20,084 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-14 21:18
โพสต์ 20,084 ไบต์และได้รับ +8 EXP +9 ความชั่ว +9 ความโหด จาก ตำราอักษรภาพพื้นฐาน  โพสต์ 2025-9-14 21:18
โพสต์ 20,084 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 คุณธรรม จาก พู่กันคัดอักษร  โพสต์ 2025-9-14 21:18
โพสต์ 20,084 ไบต์และได้รับ +15 คุณธรรม +10 ความโหด จาก กระบี่คู่สลักจันทรา  โพสต์ 2025-9-14 21:18
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้