[หอว่านหงเหริน]

[คัดลอกลิงก์]

หอว่านหงเหริน
{ เมืองฉางอัน }









【หอว่านหงเหริน】

หอว่านหงเหริน หอฟ้อนรำอันลือชื่ออันตระการตาของอดีตนครหลวง
เป็นที่เลื่องลือถึงคุณภาพนางรำระดับหัวกะทิ ถูกยกย่องว่า
เป็นโรงมหรสพชั้นเลิศที่สุดในฉางอัน มานับแต่สมัยฮั่นจิ่งตี้
ครั้งหนึ่งที่นี่เคยมีนางรำอันดับหนึ่งลือกันว่า พันชั่งได้เพียงเข้าพบ
นางจะร่ายรำให้ชื่นชมรึไม่ก็อยู่ที่อารมณ์โฉมงาม
หยาปี้เหลียน เป็นผู้ร่ำรวยรสนิยมคบหา 'มิตรใจ' มากหน้าหลายตา
ทั้งพ่อค้า บัณฑิต ขุนนาง หรือแม้แต่ทหารยามนางก็สานไมตรี
ถ้าหากคนผู้นั้นมี 'กึ๋น' พอ แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าแม่นางหยา
ไม่รับนัดหมายใครง่ายหากนางไม่ได้เลือกเอง 

ในรัชสมัยฮั่นอู่ตี้ หอแห่งนี้ได้กลับมาทำการอีกครั้ง
พร้อมความไฉไลใหม่ ที่เปิดให้บริการทั้งบุรุษและสตรีมาเที่ยวเปล่าเหงาใจ
ที่แห่งนี้มีหญิงงามคัดสรรมากมาย รวมไปถึงบุรุษรูปงาม
ที่มาให้บริการลูกค้าทุกระดับไปจนถึงวีไอพีของหอ

ทุกท่านสามารถมาโรลเพลย์ทำงานพาร์ทไทม์
(ชายโลม และ นางโลม) ประจำคืนได้
ค่าจ้าง: 30 ตำลึงเงิน - 10 EXP (รายวัน)
ทุกท่านสามารถมาโรลเพลย์ทำงาน (ชายโลม และ นางโลม)
ขายทั้งศิลปะและขายเรือนร่าง ประจำคืนได้
ค่าจ้าง: 100 ตำลึงเงิน - 15 EXP (รายวัน)
หมายเหตุ: บางครั้งอาจจะมีทิปจากแขก




เถ้าแก่: หลิว ไค่
อุปนิสัย: ผู้นำความรุ่งโรจน์ของหอว่านหงเหริน
กลับมาอีกครั้ง ภายใต้การปฏิรูปใหม่
ชายผู้เปลี่ยนสีหน้าได้ร้อยพันคาดเดาอารมณ์ยาก
ความรู้กว้างขวางมีข่าวลือเกี่ยวกับเขาไม่น้อย
ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเขาเป็นใคร
ที่แน่ ๆ เขาช่ำชองงานบริการด้านระทึกใจ







แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 12024 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-7-20 10:53
โพสต์ 2025-6-8 22:23:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ แปด เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ปลายยามซวี ถึง ต้นยามไฮ่ เวลา 20.00 - 22.00 น.
ไปทำงานหอว่านหงเหริน (พบ ต้าซือคง เถียน เฟิง เขา สอดแนมความเป็นไปในยุทธจักรผ่านสายข่าวลับมารายงาน)


           ฟ้าราตรีคลี่ม่านเหนือมหานครฉางอัน แสงจันทร์สีเงินเย็นจับยอดของสถานที่อันไกลสุดลูกหูลูกตา แต่อีกมุมหนึ่งของเมืองหลวงแห่งนี้ที่ไม่เคยหลับใหลในยามกลางคืนกลับเปล่งประกายด้วยแสงสีทองส้มจากตะเกียงน้ำร้อยนับพันที่เรียงราวบนพื้นและตามชายคาของหลังคา หอว่านหงเหริน..มันปรากฎขึ้นตั้งตระหง่านท่ามกลางกลิ่นกำยานและเสียงดนตรีแว่วหวานงดงาม สถาปัตยกรรมที่เหมือนกับสถานที่แห่งนี้หลุดออกมาจากนิยาย เสาคู่ใหญ่สีชาดรับรองชายคาสีน้ำเงินเข้มที่เหมือนจะมีลวดลายสีทอง โคมกลมแขวนจากมังกรแกะสลักเหนือซุ้มประตูส่งแสงนวลเฉพาะที่ ตอนนี้เหมือนกับมันมีสถานที่แห่งการร่ายรำตามทำนองจากภายในอย่างน่ากลัว…ไม่สิ มันน่ากลัวเพราะจะโดนดูดไปต่างหาก

           ในยามปกติประตูไม้สลักจะปิดแน่น แต่ในค่ำคืนนี้ มันเปิดต้นรับผู้มีบุญวาสนาที่เรียกว่า เงินหนัก เข้าสู่โลกที่ไร้ข้อจำกัดแห่งชนชั้น เสียงพินดีดกู่เจิง ผีผา เสียงหยก เสียงระบำดังขึ้น เสียงหัวเราะมากมายคลอเคล้าราวกับบทบรรเลงเพลงซิมโฟนีแห่งราตรีงามที่มาเยือน

          “....มหาศาลจริง ๆ …นี้มันอะไรกันเนี้ย” หลินหยาแทบอึ้ง เธออยุ่ในชุดผ้าโปร่งสีชมพูและคราวเดินแทรกผ่านม่านควันเหล่านั้นหอมดอกไม้อยู่อ้อยอิ่ง บุรุธมากมายในอาภรณ์แพรไหมพราวระยับพากันทอดหายเอนหลังบนเบาะนุ่ม ฟังเพลง ชมการฟ้อนรำ หรืออาจจะมีการรำพัด บางมุมมีการขับขาดบทกวีงาม มีหมากล้อมตั้งรอ และบางมุมก็มีเพียงแสงเทียนและเงาให้ลูกค้าที่มาใช้บริการได้เงียบงันจิบสุราคิดถึงอะไรบางอย่างที่เป็นคนอื่นคนไกลหรือช่วงเวลาส่วนตัวที่แสนลึกลับ

           กลางเวลาที่นางรำกว่าสิบชีวิตที่กำลังเริงระบำร่าด้วยจังหวะที่กลมกลืนเหมือนสายลมต้องใบไผ่งาม แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยชื่อสุ่มเสี่ยงกับตัวท๊อปสุดของหอ ตอนนี้ลานหน้าเวทีแน่นขนาดด้วยลูกค้าหลากหลายระดับ ขุนนางบางคนนั่งหรี่ตาจิบสุราผสมน้ำผึ้งหวานป่า พ่อค้าใหญ่จากทางใต้ที่มีผู้ติดตามราวกับชีวิตที่แขวนอยู่ใต้เส้นด้าย ฟ้ารัตติกาลเปล่งประกายด้วยดาราจักรเบื้องบน แสงจันทร์ขาวขุ่นส่องลำแสงลงผ่านม่านควันกำยานที่ลอยเหนือหอว่านหงเหริน ราวกับฟ้าดินเองยังหยุดฟังเสียงพิณและคำหัวเราะเจือกลิ่นสุราผสมน้ำตาลอ้อยที่ล่องลอยอยู่ภายใน

           เงาของหญิงสาวร่างเล็กผู้หนึ่งในชุดเรียบไร้ลวดลายย่างกรายมาเรื่อย ๆ  เดินตรงเข้ามายังประตูไม้แดงของหอว่านหงเหริน ดวงตาใสกระจ่างสีน้ำตาลมะพร้าวอ่อนฉายแววจริงจังปนซุกซน มือทั้งสองกำชายเสื้อแน่นราวกับกลั้นคำตื่นเต้นไว้ในอก เด็กสาวผู้เดินทางมาจากกว่างโจว มือจับเหรียญอีแปะมานับพันครั้ง นับหมื่นถุง ยกถาด ยกถัง ยกใจให้เมืองหลวง และคืนนี้...เธอตัดสินใจยกตัวเองเข้าสู่ที่ที่งดงามที่สุดของฉางอัน

           
           
…..

          “เจ้าว่าอะไรนะ?” เสียงของสตรีวัยกลางคนเอ่ยขึ้นขณะพัดตัวเองขึ้น นางไม่ใช่เจ้าของแต่นางก็คงเป็นคนดูแลแหละ รอยยิ้มมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยใบหน้าที่ระคนแปลกใจเล็ก ๆ

          “ข้าอยากทำงานที่นี่เจ้าค่ะ เห็นเขาว่าได้เงินดี” หลินหยาเอ่ยบอกแบบตาใส หญิงสาวผู้ที่เป็นเหมือนกับคนดูแลก็เหลือบมองหลินหยาตั้งแต่หัวจระเท้า ดูไม่เหมือนหญิงสาวตระกูลใหญ่ ไม่เหมือนลูกสาวพ่อค้าใหญ่โต แต่มีประกายบางอย่างในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนมะพร้าว ประกายที่ไม่รู้แน่ว่าท่ารำคืออะไร

          “เจ้าทำอะไรได้”

           “ข้าเล่นดนตรีได้เจ้าค่ะ ขลุ่ยไม้ไผ่หรือกระทั่งซุนข้าเลยได้จะถนัดเป็นพิเศษ ใช้งานได้ เริ่มจากการเป็นสาวใช้ก็ได้เจ้าค่ะ” นางเอ่ยขึ้นบอกแบบนั้น เพราะทำได้อย่างที่ว่าจริง ๆ เมื่อได้ยินแบบนั้นนางก็เหมือนกับหัวเราะ สำหรับคนดูแลน่ะนะ “หอว่านหงเหรินไม่รับคนเข้าเร็ว หากไม่ได้คัดมาเองกับมือ” สตรีวัยกลางคนเอ่ย ดวงตาของหลินหยาเหมือนกับตกใจนิดหน่อย เธอจะโดนปฎิเสธอย่างงั้นหรือ

           “ไปเป็นสาวใช้แล้วก็ฝึกดนตรีเสียด้วยล่ะ ไปเปลี่ยนชุด เจ้าจะมาซอมซ่อที่นี่ไม่ได้”

           หญิงคนนั้นบอกแล้วจับหลินหยาเปลี่ยนชุดเป็นสาวใช้จากนั้นก็ใช้งานหนักสมชื่อ เธอเดินวนไปมาตามหอ ไม่รู้ว่าจะได้พักที่ไหนแต่แล้วสิ่งที่ทำให้นางต้องแทบหยุดหายใจคือต้องไปเสิร์ฟอาหารให้กับแขกห้องชั้นบนที่เขาสั่งของไว้ ภายในห้องรับรองแยกซึ่งตั้งอยู่ลึกเข้าไปด้านในของหอว่านหงเหริน ที่ซึ่งแม้จะห่างจากเวทีหลักของหอ แต่กลับงามวิจิตรและสงบนิ่งกว่าหลายเท่า เสียงเครื่องดนตรีถูกกลั่นจนแผ่วราวกับอ้อยอิ่งในอากาศ ราวกับสรรพเสียงทั้งหลายเกรงกลัวอะไรบางอย่างและยอมสงบลงโดยไม่ต้องเอ่ยปากสั่ง กลางห้องที่ประดับด้วยม่านแพรสีดำหม่น ปักลายเมฆทองและดอกเหมยสีเลือด นั่งอยู่เพียงผู้เดียวคือชายหนุ่มในชุดขุนนางแพรดำขลิบทอง เถียน เฟิง  มหาเสนาบดีผู้ดูแลกิจการพลเรือนแห่งราชสำนักฮั่น ผู้นำแห่งหมากกระดานที่ซ่อนดาบในน้ำชาและอสรพิษไว้ใต้รอยยิ้ม

           หลินหยาในชุดสาวใช้ประจำหอ ถือถาดไม้ไผ่ที่มีสุราดอกเหมยเจือหวานและผลไม้สดคัดพิเศษอย่างประณีต เดินช้า ๆ ด้วยท่วงท่าตามแบบที่ฝึกมาใหม่สด ๆ ร้อน ๆ แม้จะไม่เคยหวั่นต่อชายใดนัก แต่ยามก้าวเท้าเข้าใกล้ประตูบานไม้ที่ถูกเปิดไว้ครึ่งหนึ่ง…หัวใจของหลินหยากลับเต้นแรงผิดจังหวะ

           หาใช่จากรูปลักษณ์ ….หาใช่จากการที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
           แต่เป็นเพราะ แววตา…

           บุรุษผู้นั้นไม่ได้หันมามองทันที เขายังคงก้มลงดูน้ำชาในถ้วยเล็กในมือ คล้ายครุ่นคิดถึงเรื่องที่ไร้ใครอาจหยั่งถึงจนเมื่อเสียงฝีเท้าเบา ๆ หยุดลงตรงหน้า โต๊ะน้ำชาหินทรายตรงกลางห้อง เขาจึงเงยหน้าขึ้นช้า ๆ และสบตาเธอพอดี ความไม่คุ้นหน้าทำให้เขารู้ได้ทันทีว่านางไม่ใช่คนเก่า ๆ …หรืออาจจะไม่ใช่คนของหอแห่งนี้เลยด้วยซ้ำ

           “…เจ้าคือสาวใช้คนใหม่?” น้ำเสียงของเขาเรียบ และเบา แต่กลับทำให้มือหลินหยาที่ถือถาดแทบสะดุด

           “เจ้าค่ะ..ข้าพึ่งเคยมาที่นี่วันแรก มาส่งสุราและของหวานเจ้าค่ะ” นางเอ่ยบอกแล้วก้มหน้าลงอย่างระมัดระวังแล้ววางถาดลงตรงหน้าอย่างสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วรีบพยายามขยับออก ในตอนนี้เถียนเฟิงไม่ได้พูดอะไรต่อทันที ท่าทีของเขาสุภาพมาก ชายหนุ่มเพียงขยับปลายนิ้วเคาะเบา ๆ ที่ขอบถ้วยราวกับกำลังครุ่นคิด "ชื่อเจ้าล่ะ?" เขาถามในที่สุด

           “หนานเจ้าค่ะ..หนาน หลินหยา” เธอพูดเสียงเบา และเมื่อชายหนุ่มได้ยินเขาก็ไม่ได้อะไรออกมาจากภายนอก พูดเพียงแค่คำว่า “ชื่อดี” แล้วให้เธอออกไปจากห้องแห่งนี้ หลินหยารีบโค้งศีรษะแล้วหมุนตัวกลับแทบจะทันที รู้สึกเหมือนลมหายใจที่กลั้นไว้ตลอดได้คืนกลับมาอีกครั้ง เธอก้าวออกจากห้องเงียบ ๆ ประตูปิดลงอย่างนุ่มนวล เบื้องหลังรอยยิ้มที่ซีดขาวของเธอ

           ทว่า…

           เขาให้นึกสงสัย หนาน หนานจากกว่างโจว? ..สกุลหนานเป็นสกุลของเจ้าเมืองที่นั้น แล้วเหตุใด บุตรสาวคนสุดท้องที่ยังมีชีวิตอยู่ของ หนาน จิ่งหยาง ถึงมาทำงานในสถานที่แห่งนี้กัน? นางเป็สายลับหรอ?.. เขาครุ่นคิดมากขึ้น..แต่แล้วก็ยังคงไม่ทำอะไร เพราะตอนนี้ หลินหยาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะสำหรับมหาเสนาบดีตรวจการ เจ้าเมืองเป็นตำแหน่งเล็กน้อย แต่เขาไม่เคยปล่อยอะไรให้หลุดรอดสายตาของตนเอง..





พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


รางวัล: 30 ตำลึงเงิน - 10 EXP
+5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-08] เถียน เฟิง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


แสดงความคิดเห็น

ในขณะคุณกำลังเดินไปโถงการแสดงรวมเพื่อทำการแสดงต่อ ก็มีชายคหบดีคนหนึ่งเข้ามา เรียกคุณ เฮ้ อีหนูไปเปิดห้องกับข้า ข้าจะให้ทิปเจ้า 20 ตำลึงทอง ก่อนเขาควักเงินออกมาโชว์  โพสต์ 2025-6-8 23:00
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-08] เถียน เฟิง เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-6-8 22:59
คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2025-6-8 22:59
โพสต์ 20556 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-8 22:23
โพสต์ 20,556 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2025-6-8 22:23

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงเงิน +30 ย่อ เหตุผล
Watcher + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-6-8 23:48:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ แปด เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ปลายยามซวี ถึง ต้นยามไฮ่ เวลา 20.00 - 22.00 น.
ไปทำงานหอว่านหงเหริน (ลาภลอย)


          หลังจากที่หลินหยาเดินไปเสิร์ฟเหล้าเรียบร้อยเธอก็เดินทางออกมาจากห้องตรงนั้น ค่ำคืนนี้โถงการแสดงของหอว่านหงเหรินเต็มไปด้วยกลิ่นไอกำยานชั้นดี สีสันจากผืนแพรที่สะท้อนแสงของตะเกียงราคาแพงงามงดที่อาจจะนำเข้าหรือสั่งทำพิเศษ คลอไปกับเสียงผีผาและกู่เจิง ที่คลอเคล้าด้วยเสียงหัวเราะจากแขกเหรื่อหรือชนชั้นสูงมากหยน้าหลายตา หลินหยาที่พึ่งเดินออกมายังคงอยู่ในชุดสาวใช้ที่ใส่สำหรับฝึกซ้อมธรรมดาเพราะว่าทำงานที่นี่เป็นที่แรก เดินตรงไปยังห้องโถงฝึกการแสดงด้วยท่าทีของความตั้งใจ แม้ชุดจะเรียบ แม้รองเท้าจะเป็นคนใช้ แต่แววตาของเธอนั้นเปี่ยมไปด้วยจุดหมายปลายทาง

          ทว่ากว่าจะได้ก้าวไปที่โถงทางเดินเพื่อเดินทางไปยังโถงฝึกการแสดง ก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง “เฮ่..อีหนู” เสียงหนึ่งดังมาจากข้างเสาไม้ใหญ่ เสียงที่ฉีกบรรยากาศแสนงามราวขลุ่ยปลิวแหล่งเหมือนกับเส้นผมของคนที่พูดที่แหว่งไปครึ่งหัว…ทรงอะไรน่ะ? หลินหยาหยุดกึก แล้วหันไปมองตามเสียง สิ่งที่เธอเห็น แทบอยากจะเอาน้ำเกลือล้างหน้า ไม่ใช่คุอ้วนเหม็นเปรี้ยว แต่เขาคือชายร่างท้วมสูงผู้หนึ่งที่อยู่ชุดผ้าแพรลายเมฆที่ดูมีราคา นัยต์ตาตีบยื่นหน้าออกมาจากเงาโคม พร้อมกับการปรากฎตัวแบบกร้าวใจร้าย ๆ ถือพัดที่มีกลิ่นเหล้าจาง ๆ ที่ให้รู้ว่าตอนนี้เขากำลังกรึ่มได้ที่ ในมือหนึ่งของเขาถือถุงผ้าเล็ก ๆ แล้วโชว์ต่อหน้าเธอ เสียงทองกระทบกันดังกริ๊ง ๆ ทำให้เธอรู้ว่าไอ้หมอนี้ต้องมาไม่ดีแน่เลย

          “ไปเปิดห้องกับข้าสักหน่อยไหม ทิปสัก 20 ตำลึงทองเป็นไงง แหม่ อย่างเจ้าคงอยากได้จนตัวสั่นล่ะสิ” เสียงหัวเราะของเขาเต็มไปด้วยความคึกคะนองและความมั่นใจของคนที่เคยได้ทุกอย่างตามที่ตนเองต้องการด้วยเงินตราอันมากมาย หลินหยาไม่ได้มองหน้าหรือเหรียญทองด้วยซ้ำ เธอมอง…หัวที่ล้านแล้วก็มีบางส่วนที่พยายามรักษาขนให้ยาว..แต่มัน..อืม..นึกถึงหน้าคนหัวล้านจากกลางกระหม่อมนะ โคตรเสียสายตา

          นางไม่ตอบ ไม่ขยับไปเพียงชั่ววินาทีราวกับคำพูดของชายคนนั้นไม่คู่ควรแก่การได้ยิน เอาแบบได้ยินเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเลยด้วยซ้ำ ก่อนที่จะค่อย ๆ ก้มหน้าลงอย่างนอบน้อมพยายามหาหนทางด้วยถ้อยคำเลี่ยงหลีกเขาอย่างละมุนละไม “ข้าต้องขออภัยท่านชาย…ข้า…” ยังไม่ทันจะได้พูดข้ออ้างให้จบ เสียงฝีเท้างามของใครบางคนกับดังแว่วขึ้นข้างหู

          “แหม่…ท่านเจ้าขาา” เสียงหวานเจือความเย้ายวนประดุจนางหงษ์ที่เป็นดั่งสายลมเย็นในฤดูร้อนแห่งนี้ดังขึ้นพร้อมกับกลิ่นของดอกเหมยผสมหอมหมื่นลี้และผลไม้หวานบางอย่างลอยตามตัวนางมา เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับหญิงสาวหน้าตสะสวยงดงามผู้หนึ่งเดินมาพร้อมกับชุดผ้าแพรไหมราคาแพงตั้งแต่หัวจรดเท้า นางคือนางโลมอันดับต้น ๆ ของหอแห่งนี้ ชุดกายรัดรึงสีแดงเข้มผ้าชายสูงจนเห็นเรียวขางามเย้าชวน ผิวขาวผ่องสะท้อนแสงโคมไฟ ผมสีดำขลับมัดขึ้นอย่างมีความงามของงานศิลป์ ดวงตาหวานที่เจือความคมงามเหมือนรินสุราเข้ากลางหัวใจคน ใบหน้ายิ้มอย่างรู่ทันทุกอย่างตั้งแต่วินาทีแรก

          “นางเป็นพวกเด็กรับใช้ใหม่เจข้าค่ะท่านชาย แหม่..เหตุใด ไม่เรียกข้าละคะ ข้าเหงาน่าา ท่านดูข้าไม่ออกหรือ หืมมม” นางพูดพลางเหลือบมองหลินหยาแล้วเบนสายตากลับมาอ้อนชายร่างท้วยมพลางระบายยิ้มน้อย ๆ “ยังไม่ได้ซ้อม ยังไม่ได้แสดง ไม่มีค่าคู่ควรกับท่านชายหรอกเจ้าค่ะ ดูชุดของนางสิ ช่างไร้รสชาติไร้กลิ่นอายเสียนี้กระไร” ถ้อยคำดูถูกแต่น้ำเสียงกลับนุ่มหวานเกินกว่าจะเป็นการโกรธ ฟังแล้วเหมือนน้ำผึ้งงามที่รดใบหู ก่อนที่หลินหยาจะได้ตอบอะไร ร่างอรชรงามอ้อนช้อนของพี่สาวคนนั้นก็เดินไปยืรข้างชายคหกดีกลิ่นเหล้า มือเรียวเอื้อมไปแตะเบา ๆ ที่ต้นแขนเขา แล้วแนบแขนของนางเข้ากับกายเขาอย่างแผ่วเบาเนียน ๆ เหมือนแมวน้อยที่จะอ้อนเอาอะไรสักอย่าง

          “มาสิเจ้าท่าน..ข้าจะปรนนิบัติท่านแทนเอง อย่าทำดวงตาท่านมัวหมองด้วยเรื่องไร้สาระพันนี้เลยเจ้าค่ะ” นางเอ่ยกระซิบตัวหวานล้ำ ชายคหบดีที่เมื่อครู่ยังเสียงงดั่งข่มขู่โวยวายเหมือนราชสีย์ ตอนนี้กลายเป็นหมาเชื่อง ๆ ให้กับสตรีงามเสียแล้ว ร่างเขาแทบละลายอยู่ตรงนั้น ใบหน้ากลายเป็นยิ้มแย้มละไมอย่างคนที่โดนตีด้วยกลีบดอกกุหลาบงาม

          “อืมมม ดี ๆ ดีมาก ๆ งั้นไปกันเถอะจ๊ะ แม่นางคนงามของข้า” เขาเก็บถุงเงินอย่างลวก ๆ โดยแทบไม่มองหลินหยาอีกเลย แล้วเดินไปกับสตรีงามเมื่อครู่ แต่เหมือนนางบอกว่านางจะไปเอาของให้เลยขอตัวออกมา ให้รอสักครู่เดียว.. หลินหยาเห็นอย่างงั้นก็ยืนอยู่กับที่ เธอนิ่งงันเพราะรู้ว่าตัวเองที่รอดจากบางสิ่งบางอย่างที่บางกว่าเส้นผมบนศีรษะของชายคนเมื่อครู่เสียอีก เธอก้มตัวให้กับสตรีคนนั้น พลางกำลังจะกล่าวคำขอบคุณ

          “ท่าน..ข้าขอ..”

          “ชู่ววว แม่นางน้อย อย่าเสียเวลาพูดมากไปนั้น” นางโลมสาวคนนั้นพูดยิ้ม ๆ พลางแตะนิ้วงามลงหน้าผากหลินหยาหนึ่งทีเบา ๆ เหมือนกับพี่สาวเจ้าเสน่ห์ที่บริหารเสน่ห์ของตัวเองอยู่ร่ำไป “จำไว้เด็กน้อย ในหอว่านหงเหรินแห่งนี้ ไม่มีใครรอดได้เพราะโชคหรอก เจ้าต้องมีหัวใจ เจ้าต้องฉลาด และงดงามพอที่จะอยู่รอดจากที่นี่ เข้าใจไหม” นางเอ่ยบอก แล้วหลิยหยาก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วถอนหลังกลับออกไป เสียงฝีเท้าของนางแผ่วเบา แต่หัวใจก็เต้นแรงยังไม่หาย ไม่รู้มาจากเหตุการณ์เฉียดเสียพรหมจรรย์ หรือการที่โดนสตรีแสนสวยจิ้มหน้าผากกันแน่..

          และนางโลมคนนั้นก็เข้าห้องของคหบดีไป..

          นั้นสินะ การมาทำงานที่นี่ ก็เรื่องปกติอยู่แล้วที่จะต้องเจออะไรแบบนี้ แต่ที่นี่ขายศิลปะ ศิลปะทุกอย่างที่งดงาม




@Admin


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 15381 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-8 23:48
โพสต์ 15,381 ไบต์และได้รับ +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2025-6-8 23:48
โพสต์ 15,381 ไบต์และได้รับ +3 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ลาภลอย  โพสต์ 2025-6-8 23:48
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-6-13 19:02:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ สิบสาม เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามซวีถึงยาวไฮ่ เวลา 19.00 - 23.00 น.


          ยามค่ำคืนผ่านมา ตอนนี้ไร้แสงแดดอ่อนแรงที่ต้องทอดตัวผ่านสันแนวงหลังคาอิฐเผาสีแดงเข้มของตึกใหญ่แห่งหอว่านหงเหริน หน้าต่างสูงผ่านช่องหน้าต่างกลมสูงจนเป็นลำ ส่องให้เห็นฝุ่นผงลอยล่องอยู่ในอากาศอย่างเงียบงัน ซุ้มประตูไม้แกะลายดอกเหมยที่ถูกขัดจนเงาวับเปิดอ้าออกด้วยแรงของมือเล็ก ๆ คู่หนึ่งก่อนร่างของหลินหยาจะปรากฎที่ประตูด้านข้างสำหรับพนักงาน ของเรือยหลังใหญ่ที่เปรียวดั่งดวงจันทร์ในยามราตรีของเมืองฉางอัน สง่างาม งามหยาดเยิ้ม แต่เย็นเยียบราวกับไม่มีดวงใจ

          หลินหยาก้าวเท้าอย่างช้า ๆ กลับเข้าสู่สถานที่ที่เธอห่างหายไปเพียงไม่กี่วัน แต่กลัยรู้สึกว่าระยะเวลานั้นยาวนานจนเหมือนมีอะไรเปลี่ยนในใจไปนิดหนึ่ง เสียงฝีเท้าของเธอสะท้อนเบา ๆ ไปตามพื้นไม้ ม่านลูกปัดขยับยามที่เธอผลักเข้าไปด้านในแล้วมองเห็นลานฝึกขนาดเล็กบริเวณปีกหลังของเรือนซึ่งมีผู้ดูแลการฝึกฝนเด็กสาวฝึกหัดยืนอยู่ใต้ร่มพัดไม้ไผ่ เห็นแล้วหลินหยาก็ยกมือคำนับเขาอย่างไม่ลังเล..

       “ขออภัยเจ้าค่ะท่าน ข้าหลินหยามารายงานตัว ข้าป่วยกะทันหันเลยไม่ได้มาเจ้าค่ะ ขออภัยจริง ๆ เจ้าค่ะท่าน” นางเอ่ยบอก แล้วสตรีวัยกลางคืนเจ้าของท่าทีแข็งกร้าวในชุดคลุมสีเข้มแต่สดเข็มปัดดิ้นหม่นปรายสายตาลงมา มุมปากยกนิดอย่างดูแคลนก่อนจะเก่อนเสียงกดต่ำแต่แผดหู น้ำเสียงของเขาไม่ใช่คำตำหนิธรรมดา แต่หากเป็นแส้เงียบที่ตวัดลงบนศักดิ์ศรีของผู้ฟัง

          "ป่วย? สี่วันเต็มน่ะหรือ? แล้วไม่คิดว่าควรส่งข่าวหรือบอกใครบ้างหรือ? คิดว่าเข้าเป็นใครกันนังหนู? เป็นนางโลมชั้นสูง? หรือดาราของสำนักหรืออย่างไรกันถึงหายตัวไปตามอำเภอใจได้?”

          หลินหยาก้มหน้าเงียบ มือข้างหนึ่งจิกเข้าหากันเบา ๆ ใต้แขนเสื้อ รู้ดีว่าแม้ตนเองจะไม่ได้ผิดนัก แต่ในที่เช่นนี้ความจริงไม่ได้สำคัญเท่ากับความพอใจของผู้ถือแส้แห่งอำนาจแม้สนักนิด “เจ้ายังไม่ทันจะได้ขึ้นนั่งหน้าเครื่องสายก็อวดดีเสียแล้วหรอ? นึกว่ามีคนมองบ้างแล้วจะยกตนเทียบแม่นางเซียนไปได้เชียวหรอ?” เสียงหัวเราะเยอะบางเบาจากบรรดาสาวฝึกหัดคนอื่นที่ได้ยินสะท้อนตามมาอย่างเงียบงัน หลินหยายังไม่เงยหน้า ไม่ปริปากของตนเองโต้ตอบแม้สักคำ ท่านผู้ดูแลเหลือบมองอย่างรำคาญปนสมเพช ก่อนที่จะสะบัดแขนเสื้อ

          “ไม่ต้องแสดงหรอกคืนนี้ เจ้าไม่ไหวหรอก แต่ไม่ใช่ว่าจะได้พักหรอคะ อย่าขี้เกียจสันหลังยาว ไปฝึกเครื่องเป่าให้ครบตามบท 12 เพลงในห้องฝึก ถ้าครบแล้วค่อยไปช่วยห้องรับรองพิเศษรับแขก ดูแลน้ำชา สุรา ขนม ทุกอย่าง ขืนทำหกอะไร คราวหน้าก็ไม่ต้องโผล่หน้ามาที่นี่อีก” คำสั่งฟังเรียบง่ายเหมือนแจกงานตามปกต แต่ในหอเช่นนี้ไม่มีสิ่งใดเรียบง่ายจริงเลยสักนิด ห้องรับรองพิเศษ หมายถึงพื้นที่สำหรับแขกผู้มีเกียรติระดับสูง หน้าที่นั้นแม้จะไม่ใช่บทบาทบนเวที แต่ก็เป็นหน้าที่ที่เสี่ยงต่อสายตา เสี่ยงต่อคำวิจารณ์ และเสียงที่สุดหากสะดุดตาใครสักคนหรือทำผิดพลาดเพียงครั้งเดียว

          หลินหยาก้มศีรษะรับคำโดยที่ไม่ได้ต่อโต้แย้งสิ่งใด เสียงเงียบของเธอไม่ได้หมายความว่าไม่รู้สึก แต่มันคือเกราะบาง ๆ ที่ต้องใช้ต้านลมร้านที่พัดใส่โดยไร้เหตุผล เธอเดินออกจากล้านฝึกไปยังห้องเล็กด้านหลัง เสียงขลุ่ยจากห้องข้าง ๆ ดังแผ่วมาเป็นระยะ บ้างฟังขาดตอน บ้างลากเสียงยาวเกินควร มันไม่ไพเพราะนัก แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นราวกับแม้ในที่เย็นเหยียบเช่นนี้ยังมีดนตรีที่ไม่ยอมเงียบหายไปไหน

          หลินหยาเปิดประตูห้องฝึกน้อย ๆ แล้วก้าวเข้าไป หยิบขลุ่ยไม้ที่คล้องข้างเอวถูกถอดขึ้นมาถือในมืออย่างคุ้นเคย ปลายนิ้วของเธอวางบนช่องลมพอดิบพอดี เสียงลมหายใจของเธออผ่วก่อนเสียงแรกจะเปล่งออกมา คราวนี้ไม่ใช่เสียงที่ใช้ซ้อม แต่เป็นเสียงที่เธอใช้เพื่อกั้ินเสียงหัวใจของคนเองไม่ให้สั่นไหว เธอรู้ดีว่าราตรีนี้ยังอีกยาวไกล และบนเส้นทางของดนตรีนี้ไม่มีใครปูเสี่ยรองรับไว้ให้ใครหน้าไหนที่ไม่มีชื่อเสียงใด ๆ ติดตัวมาเลย เพียงแต่ว่า แม้จะมีแค่เสียงเพียงขลุ่ยไม้หนึ่งเลา กับผ้าไม่กี่ผืนที่เป็นเสื้อผ้า หลินหยาก็ยังจะเล่น ยังจะฝึกฝน จะยืนหยัดในแบบของเธอเอง เพราะในโลกที่วังวนแห่งอำนาจอาบเคลียบด้วยกลิ่นเครื่องหอมนี้ และเสียงหัวเราะที่หลอกลวบงเช่นนี้ การมีตัวตนให้พอมองเห็น มันก็เป็นอันตรายแล้ว

          ห้องฝึกดนตรีของหอว่านหงเหรินตั้งอยู่ลึกเข้าไปในห้องเรือนฝั่งสุด ใต้ชายคาที่แสงอาทิตย์ไม่อาจส่องถึงแต่ความจริงก็ไม่ถึงหรอก เพราะนี้มันตอนกลางคืน มันเป็นห้องเล็ก ๆ ผนังไม้กรุผ้าฝ้ายซ้อนเพื่อกันเสียงลอดออกด้านในว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่โต๊ะเก้าอี้ มีเพียงเบาะนั่งกับเครื่องดนตรีที่เรียงกันไว้บนผืนผ้าสีเข้ม หลินหยานั่งอยู่ตรงนั้นนั่งเบาขลุ่นไม้เรียบเงาที่ประจำตัวถูกรั้งขึ้นจรดริมฝีปผาก มือเรียววางปลายนิ้วบนรูอย่างช้ำชอง

          ท่วงทำนองแรกดังขึ้นช้า ๆ งดงามและเปราะบางเหมือนสายหมอกที่เลื้อยล้อไหล่เขาในยามเช้า แต่ทุกเสียงที่ก่อขึ้นในห้องนี้ไม่ได้มีผู้ใดฟัง ไม่ได้มีเสียงปรบมือ ไม่มีแม้กระทั่งความเงียบสงบให้ยคดเหนียว เพราะแม้ประตุจะปิดสนิทแต่เสียงของโลกด้านนอกหลับยังคงเล็ดลอดเข้ามาไม่ขาดสาย

          บางคราวเป็นเสียงหัวเราะแหลมเล็กของนางโลมระดับสูงที่เดินผ่านหน้าเรือน บางคราวเป็นเสียงลากส้นไม้ของสาวใช้ที่วิ่งขวักไขว่นอกห้อง หรือกระทั่งเสียงครวญครางแผ่วลึกเป็นจังหวะเหมือนใบไม้ต้องลม ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกิดจากอะไร หลินหยาขบฟันแน่น ยามที่นิ้วมือสั่นเล็กน้อยเพราะเสียงเหล่านั้น มันไม่ใช่ความหวาดกลัว ไม่ใช่ความอาย…แต่คือความเจ็บใจที่แผ่วเบาและฝังลึก ดนตรีไม่ใช่สิ่งไร้ค่า ไม่ใช่เพียงการประดับหอคณิกา ไม่ใช่ของเล่นให้แขกได้หัวเราะหลังจอกสุรา แล้วลืมทิ้งไว้ใต้โต๊ะ มันคือสิ่งที่เธอรัก

          ที่เธอเชื่อว่าหากเป่าให้ไพเราะพอ หากบรรเลงให้ถึงใจใครสักคนได้มากพอ มันอาจเปลี่ยนอะไรในชีวิตเธอได้สักเล็กน้อย…แต่เสียงกระซิบกระซาบที่ลอดมาแว่ว ๆ จากช่องไม้ผนังกลับตอกย้ำว่าโลกใบนี้ไม่สนดนตรี ไม่สนหัวใจ

          “ก็แค่เด็กฝึกหัดที่โดนลงโทษน่ะสิ..หึ”
          “เล่นได้กี่เพลงแล้วล่ะ? ก็มีฝีมืออยู่หรอก คิดว่าดีไปหมดละสิ ฮ่ะ ๆ โดนสะบ้าง”
          “เจ้าคิดว่าถ้าออดอ้อนดี ๆ แล้วจะได้เป็นคนโปรดของแขกห้องพิเศษไหมล่ะ?”

          เสียงเหล่านั้นเหมือนเศษกระจกบิ่นบาดคมที่พัดตามลมมาทิ่มหัวใจ ไม่บาดให้เลือดออกจนเห็นแต่ฝากรอยไว้ยาวยากจะลมเลือน หลินหยาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสียงเหล่านั้นใครเป็นเจ้าของเสียง ใครเป็นใคร บางทีอาจเป็นเพื่อนฝึก บางทีอาจเป็นเพียงสาวใช้ในหอ หรือกระทั่งอาจเป็นนางโลมที่เห็นนางเป็นเพียงเงาที่ไร้ค่าก็ได้

          ทว่าหญิงสาวไม่ยอมให้ปลายขลุ่นของตนเองหลุดออกจากริมฝีปาก เสียงดนตรีบทที่ห้าดังขึ้นท่ามใกลางเสียงเหล่านั้น เย็นเยียบและหนักแน่น เหมือนน้ำแข็งที่ค่อย ๆ ทับถมจนกลายเป็นผนังใสหนา ไม่มีใครรู้ว่าในผนังนั้นซ่อนน้ำตาหรือสิ่งใด บทเพลงที่หกเจือความขมขื่น บทที่เจ็ดกลับแผ่วเบาราวกับเป็นบทกลอนกล่อมเด็กให้นอนหลับฝัน บทที่แผดถึงสิบไหลลื่นและมั่นคง ดุจทางเดินที่แม้จะขรุขระแต่เธอยังยืนยันว่าจะก้าวไปเรื่อย ๆ จนถึงบทสุดท้ายที่สิบสอง เสียงนั้นเหมือนฝนที่ตกกระทบพื้นแห้ง ๆ กรัง ๆ ทอดยาวจนสุดท้ายนิ้วของเธอสั่น

          เมื่อเป่าจบหลินหยาไม่ได้ถอนหายใจหรือไม่ได้เปล่งวาจาใด ๆ ออกมา เธอเพียงเงยหน้ามองเพดานไม้เงียบ ๆ แล้วให้บางสิ่งไหลลงซึมจากหางตาอย่างเงียบงัน ก่อนที่จะยกมือเช็ดด้วยหลังแขนเสื้อ ไม่ใช่น้ำตาจากความเจ็บใจ ไม่ใช่ความน้อยเนื้อต่ำใจแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะรู้แล้วงว่าโลกนี้มันโหดร้ายเพียงใด ในโลกที่ดนตรีกลายเป็นฉากหลังให้เสียงครวญคราง ในโลกที่ไม่มีใครอยากฟังสิ่งที่เธอเป่าด้วยหัวใจ แต่เธอจะยังฝึกมันต่อไป…ไม่ใช่เพราะเธอหวังให้โลกเปลี่ยน…แต่เพราะเธอจะไม่ยอมให้โลกนั้นเปลี่ยนเธอ

          ค่ำคืนมาเยือนเหนือหลังคาไม้สักของหอว่านหงเหรินเร็วกว่าที่คิด ไฟโคมในระเบียงเริ่มสว่างไล่ความมืด ไล่เงาของจันทร์เสี้ยวที่แขวนอยู่เบื้องฟ้าให้เลือนรางลงใต้แสงตะเกียงน้ำมัน กลิ่นอบเชยอ่อน ๆ คลุ้งปะปนกับกลิ่นดอกเหมยแห้งที่โรยไว้ตามพรมเดินในทางเดินยาว เสียงเครื่องสายบรรเลงจากห้องโถงใหญ่เป็นเพียงเงาเสียงเบาบาง เหลือเพียงเสียงฝีเท้าแผ่วของสาวใช้ในชุดสีเทาเข้มที่กำลังเดินตรงไปยังโถงรับรองชั้นในสุด

          หลินหยาแบกถาดไม้เรียบลื่นในมือซึ่งบรรจุชุดอาหารค่ำของแขกพิเศษ ถ้วยน้ำซุป ผักดอง เหล้าอุ่น และขนมร้อน ๆ วางเรียงกันอย่างประณีตไม่มีที่ติ เธอระวังแทบจะไม่กะพริบตา ทุกก้าวเดินต้องแน่ใจว่าไม่สั่น ไม่หก ไม่สะดุดแม้แต่ปลายชายเสื้อ

          แขกคืนนี้คือนามที่ไม่อาจเอ่ยชื่อในหอเสียงเพลงแห่งนี้ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร เมื่อมาถึงห้องพนักงานผู้ควบคุมเพียงพนักหน้าให้หลินหยานิดเดียวก่อนเปิดปานประตูไม้ที่กลึงจนเงา ทันทีที่ก้าวเข้าไปกลิ่นเครื่องหอมชั้นดีขึ้นจมุกในทันใด มิใช่กลิ่นจากหอ แต่เป็นเครื่องหอมส่วนตัวของชายที่มาใช้บริการห้องนี้ ห้องที่ตกแต่งเรียบ ไม่มีม่านไหมฟุ้ง ไม่มีหญิงหรือสตรีใดนั่งประดับข้างกาย ไม่มีเสียงหัวเราะไร้สาระ มีเพียงกลิ่นอายของผู้ที่มากด้วยอำนาจ ราวกับสถานที่นี่มิใช่หอนางโลมหรือหอนางรำ แต่คือห้องบัญชาการใต้เงากระบี่

          เขานั่งอยู่ที่นั้น ใต้แสงโคมฝ้าสีหยอกเรืองเงา จับจ้องบางสิ่งบนโต๊ะตรงหน้า มือเรียวยาวถือพู่กันลายทองเขียนลงบนกระดาษที่ปล่อยขอบว่างอย่างมีเจตนาที่ไม่อาจอ่านออก หางตาของเขาเฉียดมองขึ้นมาวูบหนึ่งเมื่อหลินหยาคุกเข่าลงข้างโต๊ะแล้วเธอก็วางถาดลงอย่างเงียบงัน เสียงของกระเบื้องแตะไม้ดังเพียงเบา ๆ แต่ทว่าชัดเจนพบให้แว่วเขาหูของเขา ทว่าชายหนุ่มมิได้ขยับเปล่งวาจาใดในทันที หลินหยาเพียงก้มศีรษะต่ำอย่างเคารพ แม้ว่าเธอจะพบเขาเมื่อคราวก่อน แต่ตอนนี้เธออยู่ในฐานะ เด็กรับใช้ ไม่ใช่สตรีปกติ..

          ก่อนที่จะขยับตัวถอยรออย่างอดทนไม่เอ่ยทัก ไม่ปรายตา ไม่บังอาจแม้แต่จะทำสิ่งใด ความเงียบอันยาวนานกระทั่งนี้อาจทำให้ผู้ไม่คุ้นรู้สึกไม่สบายใจอย่างประหลาด แต่สำหรับหลินหยาแล้วเธอเพียงนั่งนิ่งนางรู้ดีว่าที่นี่มิใช่ที่ซึ่งผู้เยาว์จะกล่าวสิ่งใดก่อนผู้เป็นใหญ่ได้ เอ่ยเกินความจำเป็นย่อมหมายถึงหายนะที่มาถึง

          ในที่สุดเถียนเฟิงก็ละสายตาจากอักษรตรงหน้า ดวงตาเรียวคมกวาดผ่านร่างของหญิงสาวโดยไม่แสดงความรู้สึกใดออกมา “แม่นางหลินหยา ข้าควรกล่าวความยินดีที่ยังเห็นเจ้าทำงานที่นี่อยู่แล้วกระมัง?” น้ำเสียงนั้นราบเรียบ เย็นเฉียบแต่ไม่หยาบคายหรือล้อเลียน ทว่าเรียงคำเหมือนวางหมากเด่นชัดว่าเขารู้ รู้มากกว่าที่ควรจะรู้สำหรับแขกธรรมดา หลินหยาขมเม้นปากของตนเอง ไม่ได้ปฎิเสธ ไม่ได้ตอบรับ เพียงโค้งกายอีกครั้งตามมารยาทที่พึงกระทำของผู้ต่ำศักดิ์กว่า มิกล้าทำอะไรให้เกินขอบเขตของตนเอง

          “ขออภัยหากหลินหยาทำให้ท่านไม่สะดวก” นางเอ่ยเสียงเบาแม้ไม่ได้ตอบตรงความแต่เพียงพอให้รู้ว่านางไม่ได้ตั้งใจละเลยหน้าที่ของตนเอง ส่วนเถียนเฟิงพยักหน้ารับคำเพียงน้อยนิด ก่อนที่จะเลื่อนถ้วยสุราเข้าหาปลายนิ้ว ขยับหยิบขึ้นช้า ๆ แล้วเอียงถ้วยจิบเบา ๆ

          “คืนนี้...ไม่มีอะไรต้องการเพิ่มเติม เจ้าทำหน้าที่ตามปกติก็พอ” เขาวางถ้วยลงบนจานรองอย่างเงียบงัน แต่หางเสียงมีแรงกดดันบางเบาแผ่ขยาย ไม่ใช่คำไล่ แต่เป็นคำสั่งให้วางใจเงียบ ๆ หลินหยารับฟังแล้วถอยกลับมายืนรอเงียบงันข้างผนัง ไม่ขยับ ไม่เปล่งเสียง ดั่งเงาสะท้อนในห้องอันนิ่งสงบ





@Admin


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

รางวัล: 30 ตำลึงเงิน - 10 EXP
+5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-08] เถียน เฟิง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2025-6-13 19:23
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-08] เถียน เฟิง เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-6-13 19:23
โพสต์ 30892 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-13 19:02
โพสต์ 30,892 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม จาก ทักษะนักดนตรีข้างถนน  โพสต์ 2025-6-13 19:02
โพสต์ 30,892 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2025-6-13 19:02
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-6-14 23:17:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-6-14 23:19



วันที่ สิบสี่ เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามซวีถึงยามไฮ่ เวลา 20.00 - 23.00 น. ไปทำงานหอว่านหงเหริน
(พบ ต้าซือคง เถียน เฟิง เขา สอดแนมความเป็นไปในยุทธจักรผ่านสายข่าวลับมารายงาน)


         ฟ้ายามค่ำนั้นทอแสงสีดำไม่สิ ไม่ทอแสงเลยสักนิดเป็นดวงดาวและดวงจันทร์ต่างหากที่ทอแสง รถม้านั้นผ่านเส้นทางไปเรื่อย ๆ หลิยหยาในชุดผ้าฝ่ายสีเขียวอ่อนซีดนั่งตัวตรงมือข้างหนึ่งวางอยู่บนตัก อีกมือประคองห่อผ้าเล็ก ๆ ที่ห่อขลุ่นประจำตัวไว้อย่างถนอมสุก ๆ หัวใจเธอเต้นรัวไม่ต่างกับล้อเหวียนเพราะรู้ว่าตัวเองมาสาย สายเกินกว่าที่ใครในหอว่านหงเหรินจะให้อภัยได้ง่าย ๆ ในเมื่อเธอพึ่งหายจากการหายตัวไปหลายวันราวกับผีหอบมาเก็บในช่วงก่อนหน้า

         “อย่าให้มีเรื่องต้องโดนด่าอีกเลยเถอะ สาธุ..” เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ขณะที่เงยหน้ารับลมเย็นที่ลอดผ่านม่านไม้ไผ่ของรถม้า รู้ดีว่าอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็จะย่างเข้าสู่ยามไฮ่ และนั้นหมายความว่าเธอต้องยืนอยู่หน้าประตูแห่งนั้นแล้ว จากการโดนลากไปเป็นทาสงานคือสิ่งที่เลี่ยงไม่พ้นเป็นแน่แท้ รถม้าจอดลงอย่างรวดเร็วตรงหน้าเรือนหลังของหอว่านหงเหริน หลินหยาแทบจะไม่รอให้ล้อหยุดนิ่งด้วยซ้ำ เธอคว้าห่อผ้าลงจากรถแล้วรีบก้าวยาวไปทางฝ่าทางเดินปูหินตรงไปยังเรือนหลังในโดยไม่เหลียวซ้ายขวาเลยสักนิด เสียงรองเท้ากระทบพื้นวิ่งแววจากลานด้านใน บ่งบอกว่าวันนี้หอเริ่มวุ่นวายเต็มกำลังสุด ๆ

         หญิงสาวแทบไม่ทันหยุดหอบหายใจก็เจอพนักงานสาวนั่งหน้าบึ้งกอดบัญชีไม้หนาเตะท่าขวางทางอยู่พอดี “มาช้านักหลินหยา! อย่านึกว่าจะได้กลับไปอยู่ประจำห้องพิเศษ!” หญิงผู้นั้นปัดไม้พัดในมือเตรียมจะตีเลยล่ะ เธอไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม เพีัยงเสียงลากแล้วก็เหมือนจะหยุดไปกลางคันแล้วสายใช้อีกสองคนด้านหลังก็ขยับตัวเข้ามาท่าทางวุ่นวายสุด ๆ …ผู้ดูแลเหมือนจะระงับอารมณ์ไว้

         “โอ้ยย วุ่นวาย จู้จี้! หลินหยา ห้องโถงใหญ่วันนี้มีแขกมากเป็นพิเศษ ไปช่วยเสิร์ฟอาหารเดี๋ยวนี้ ให้ครบตามโต๊ะพวกที่มาดูการแสดงนางรำ!” นางเอ่ยอย่างรวดเร็วแล้วเดินหนี ส่วนหลินหยาที่รอดจากการโดนตีก็พยักหน้าแบบใจหายวาบบบบ แล้วก็ไม่ได้ท้วงอะไรเลย นางเพียงพยักหน้ารับคำอย่างไม่เกี่ยงเลยด้วยซ้ำ หันไปคว้าถาดไม้หนักอึ้งมาแล้วหมุนตัวตามไปทางสองสาวใช้แล้วเดินตามไป

         ภายในห้องโถงใหญ่นั้นเปล่งประกายด้วยโคมไฟนับร้อนที่แขวนอยู่ตามแนวคานสูง เปลวไฟไหววูบสะท้อนเสาไม้เกาะสลักลายงาม มือแขกแต่ละโต๊ะมีทั้งเงินทั้งเสียงประสาน ตอนนี้มันทำให้ทุกอย่างดูวุ่นวายสุด ๆ แขกหลายสิบคนทยอยเข้ามานั่งประจำโต๊ะ บ้างอยู่ในอารมณ์ครึกครื้น บ้างเริ่มเมาเงียบ ๆ ในมุมตัวเอง หลินหยาเร่งฝีเท้า ยกถาดอาหารวางเรียงตามโต๊ะ พยายามควบคุมมือให้มั่นคงไม่หกแม้แต่หยดน้ำซุปหนึ่งหยด เธอเสิร์ฟไปทีละโต๊ะ ยกจอกสุราให้แขก เปลี่ยนจานผลไม้ คอยตามคนเรียกโดยไม่บ่น ไม่ปริปากใด ๆ ไม่พลาดแม้แต่ลำดับของอาหารที่ต้องเสิร์ฟ ขาเธอเริ่มล้าแต่ใจกลับแน่วแน่

         “..ได้แล้วเจ้าค่ะ” เสียงของเธอบอกอย่างแข็งขัน ส่งเสาิร์ฟแบบรีบ ๆ แต่ไม่หกไม่มีจอกหล่น ไม่มีสะดึด ในยามที่สาวใช้คนอื่นเดินช้าลง เหงื่อผุดนิด ๆ สายตาเริ่มเบลอ หลินหยายังยืนหลังตรง ยิ้มให้แขกแม้จะไม่มีใครจำหน้าเธอได้ก็เถอะ เธออาจจะไม่ได้อยู่ในห้องพักพิเศษ อาจจะไม่ได้เสิร์ฟบุรุษผู้มีตำแหน่งทรงอำนาจเหมือนคืนก่อน แต่อย่างน้อยในคืนนี้ เธอก็สนุกดีนะ

         แต่เสียงจอแจจากห้องโถงใหญ่ก็ยังคงคลอครุนไปด้วยท่วงทำนองของเครื่องดนตรีและกลิ่นสุราไม่เลือนหาย หลินหยาที่ยังคงทำงานอยู่ตรงนั้นเหมือนกับตามจังหวะกลองศึก แล้วเธอก็โดนลากตัวออกมาเสียอย่างงั้น หลินหยาพึ่งโดนเรียกตัวแบบกระทันหัน เสียงตะโกนดังลั่นแบบไม่แคร์มารยาท “หลินหยา! มานี่เดี๋ยวนี้!” ดังสนั่นจนหญิงสาวเกือบจะทำถาดในมือตกแล้ว แต่ไม่ตกเว้ย

         “คนเป่าขลุ่นท้องร่วง นอนตายในห้องน้ำไปแล้วมั้ง ไป! เล่นไม่ได้! เจ้าไปแทน!” สิ้นเสียงนั้นหลินหยาต้องเบิกตากว้าง ชิบหายล่ะ งานงอก หลินหยาต้องวางถาดแล้วหอบขลุ่นประจำตัวไปแล้วเดินลัดเลาะไปตามทางเดินแคบของหลังเรือนขึ้นไปเตรียมเสื้อผ้าพอแต่งตัวเสร็จก็รีบเดินลงมาเพื่อที่จะไปตรงระเบียงด้านในข้างเวทีใหญ่ ชุดเรียบ ๆ เพราะเป็นตัวประกอบเล่นดนตรีอยู่พื้นหลังก็เถอะ เสียงส้นเท้าของเธอวิ่งเขา ๆ กึกก้องในใจเหมือนเสียงความประหม่า พอเดินเลี้ยวพ้นแนวเสาสลักรูปหงษ์และนกกระเรียนประจำหอได้ไม่กี่ก้าวกลับต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นเงาร่างสูงสง่าในชุดคลุมหมึกดำที่กำลังเดินออกมาจากทางตรงกันข้าม…

         ชายคนนั้นคือเถียนเฟิง ที่เธอไม่รู้จักชื่อแต่รู้ว่าเขชารวย ท่าจะกำลังจะกลับจากที่ดูท่าทีนั้น เขาคงไม่อยู่จนการแสดงจบแน่ ทว่าสายตาของเขากลับเหลือบมาเห็นเธอก่อน นิ่งและไม่รีบร้อน ราวกับยืนอยู่ในฉากหลังของตนเองอย่างไม่ใยดีว่าผู้อื่นเคลื่อนไหวเช่นไร ส่วนหลินหยาก็กระชับห่อขลุ่ยในอ้อมแขนของตนเองเธอสูดลมหายใจแล้วก้มหัวให้อีกคนทำความเคารพ แม้ดวงตาของเธอจะประหม่าแต่คำพูดไม่ตะกุกตะกัก

         “ขออภัยที่คืนนี้ิหลินหยาไม่ได้เข้ารับใช้ท่านชายเช่นเคยเจ้าค่ะ ข้าพึ่งมาถึงแล้วถูกเรียกให้ไปเป่าขลุ่นแทนคนที่อาหารเป็นพิษ” แล้วไม่ได้เติมคำว่านอนสลบในห้องน้ำเพราะท้องร่วงและน่าจะกำลังแต่งงานกับโถส้วม

         ถ้อยคำของเธอตรงไปตรงมาไม่เสแสร้ง ไม่ประจำ แม้จะมีความเกรงใจอยู่ในน้ำเสียงแต่ก็ยังเป็นหลินหยา เธอก้มหน้าอีกนิด แล้วเอ่ยต่ออย่างกล้าหาญ "หากท่านยังว่างอยู่...ขอเชิญฟังได้เจ้าค่ะ" นั้นเป็นเพียงคำชักชวนธรรมดา ไม่มีลูกล่อลูกชนสักนิด ไม่มีแววของความออดอ้อนในแววตาของเธอ ไม่มีอะไรที่สื่อว่าเธอหวังให้เขาเมตตาปรานีมีเพียงแค่เธอชวนอีกคน เด็กสาวที่ถือขลุ่ยกับศักดิ์ศรีของตนเองไว้ในอก

         เถียนเฟิงมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างครุ่นคิดสั้น ๆ สายตานั้นคงอ่านยบากเหมือนเช่นเคยแต่ริมฝีปากที่ไม่ค่อยเผยอออกกลับขยับเพียงเบาบาง “ไปเถอะ..เดี๋ยวข้าจะฟัง” แค่นั้นเขาก็เปลี่ยนทิศแล้วเดินไปทางเรือนใหญ่ หลินหยายืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งสติ รีบเร่งฝีเท้าไปยังห้องเครื่องแต่งตัวของนักแสดงประจำเวทีด้านข้าง เธอไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าหัวใจตัวเองเต้นแรงแค่ไหน มือไม้ที่แตะเสื้อผ้าแทบสั่น แต่ใบหน้าเธอกลับสงบนิ่งเหมือนผิวน้ำที่คลื่นใต้น้ำซัดกันอยู่ในอก

         เมื่อถึงเวลา เธอขึ้นเวทีในชุดพื้นสีอ่อน สะอาดตา มัดผมหางม้ารัดตึง ขลุ่ยไม้ในมือสะท้อนแสงจันทร์เทียมจากโคมเวที พลันเมื่อมือเรียววางปลายนิ้วลงตรงช่องลม เสียงเพลงบทแรกก็แผ่วไหลราวกับเสียงหิมะตกกลางฤดูร้อน เสียงขุล่นของนางไม่ใช่เพียงเสียงของเด็กสาวฝึกหัดผู้หนึ่งแต่เป็นเสียงของผู้ที่กลั้นหายใจทั้งวันทั้งคืน เสียงขลุ่ยของนางขับไปกับนางรำ ไม่หวานเลี่ยนแต่ลื่นไหลแบบให้นางรำโดดเด่นท่ามกลางการแสดง ไหลลึกสะกดใจ ดั่งเสียงของผู้ที่กำลังส่งให้การแสดงเป็นไปในทิศทางของความน่าหลงใหล

         ...และในมุมมืดของห้องโถง ฝั่งเดียวกับม่านน้ำตาลทองที่ผืนหนาซ้อนอยู่ มีเงาร่างหนึ่งนั่งนิ่งไม่ไหวติง เถียน เฟิง ไม่ได้ดื่ม ไม่ได้มองเวทีโดยตรงด้วยซ้ำ เขาเพียงหลับตาฟังเสียงขลุ่ยเงียบ ๆ อยู่ตรงนั้น อาจจะไม่ใช่เพลงที่ไพเราะที่สุดในคืนนี้ แต่อาจจะเพราะโลกแห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า น้ำหอมและเสียงครวญครางของสตรีที่เรียกหาความเมตตาและเสียงอ้อนอันจอมปลอม

         …เสียงดนตรีที่เป่าอย่างตั้งใจ โดยคนที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะฟังหรือไม่ กลับดังที่สุด




@Admin

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

รางวัล: 30 ตำลึงเงิน - 10 EXP
+5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-08] เถียน เฟิง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม
ทักษะนักดนตรี เล่นดนตรี โบนัสความสัมพันธ์ +5

อื่น ๆ: เปลี่ยนระดับพรสวรรค์จาก
ลาภลอย(ไม้)(+5) เป็น ผู้มีบุญ(น้ำเงิน)(+10)
เงื่อนไขพัฒนาคลาส:
- Level 15 เป็นต้นไป
- สเตตัส LUK 20 ขึ้นไป
(ส่งลาภลอยเรียบร้อย)


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2025-6-14 23:34
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-08] เถียน เฟิง เพิ่มขึ้น 40 โพสต์ 2025-6-14 23:34
โพสต์ 20867 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-14 23:17
โพสต์ 20,867 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม จาก ทักษะนักดนตรีข้างถนน  โพสต์ 2025-6-14 23:17
โพสต์ 20,867 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2025-6-14 23:17

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงเงิน +30 ย่อ เหตุผล
Watcher + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-6-15 22:34:13 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ สิบห้า เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามซวีถึงยามไฮ่ 20.00 - 23.00 น. ไปทำงานหอว่านหงเหริน
(พบ ต้าซือคง เถียน เฟิง เขา สอดแนมความเป็นไปในยุทธจักรผ่านสายข่าวลับมารายงาน)


          และแล้วยามซวีก็แผ่ความเงียบสงบแห่งราตรีกลับมาอีกครั้ง แต่ไม่ใช่กับถนนของเมืองฉางอันตอนนี้สำหรับตรงบริเวณหอว่านหงเหรินที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความพลุกพล่านของตะเกียงแดงและเงาเรือนร่างมากมายที่ขยับยักย้ายไปตามเสียงดนตรีอันเย้ายวนและเร้าใจภายในม่านประตูไม้ฉลุงาม ลมหอบแรกของยามค่ำคืนในราตรีนี้ผ่านหน้าต่างไม้บานสูง กลิ่นดอกมู่ตันหรือดอกไม้มากมายหน้าหอนั้นอแผ่วลอยเข้ามาผสมปนกับกลิ่นยาลม หอมอบ และควันไฟจากโคมที่เริ่มคุกกรุ่น

          หลินหยามาถึงหอว่านหงเหรินด้วยก้าวเท้าที่มั่นคงกว่าทุกครั้งเพราะฟื้นไข้ดีกว่า นางสวมชุดทำงานสีอ่อนเรียบไม่มีลายยั่วเย้าแบบนางโลมประจำหอแต่ก็มีความสะอาดตาตายแบบขิงหญิงสาวอ่อนเยาว์วัยที่พึ่งก้าวผ่านความเป็นความตายด้านการเจ็บป่วยมา เธอก้มศีรษะเบา ๆ ให้กับผู้ดูแลก่อนที่จะโดนพนักงานรุ่นพี่กวักมือเรียกไปพร้อมเสียงแหบห้าว

          “ไปฝึกเพลงต่อให้ครบ อย่าให้คนอื่นเข้าต้องเดือดร้อนหรือเตือนอีกล่ะ!”

          ไม่มีเสียงบ่นจากหลินหยาแม้แต่น้อยเธอพยักหน้ารับคำด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังห้องซ้อมด้านในเหมือนเคย ที่ที่เธอต้องฝึกขลุ่ยไม้สีน้ำตตาลของตนเองที่ท่านพ่อส่งมาให้จางกว่างโจวอีกครั้ง รวมถึงเอ้อหูที่ยังคงดีดได้ดีแต่ไม่ได้เข้ามือขนาดนั้น กู่ฉินที่เธอรักมันมากขึ้นกว่าเดิมและกู่เจิงที่ทำให้ปลายนิ้วของเธอแดงจนช้ำอย่างเคย ตอนนี้เริ่มฝึกผีผาแล้วแต่เธอยังคงต้องคุมมือตัวเองให้ดีกว่านี้เพราะยังไม่แม่นนัก แม้จะเหนื่อยแต่ดวงตาคู่นั้นยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ฝึกซ้ำ ฝึกใหม่ ฝึกซ้ำอีกครั้ง ฝึกจนทุกอย่างเปียกชื้นลมหายใจอุ่นของเธอ ฝึกจนเอ้อหูเสียงแม่นขึ้น และฝึกจนร่างกายนั้นเริ่มโน้มตามจังหวะอย่างเป็นธรรมชาติ แม้นิ้วจะเริ่มบวมช้ำก็ตามจนต้องเอาผ้าขาวมาพันปิดเอาไว้

          ทว่าเมื่อฝึกเสร็จก็ยังไม่ทันได้พักเพราะโดนเรียกไปทำหน้าที่อีกอย่างตามปกคิ การเป็นสาวใช้ ของหลินหยายังคงมีอยู่ “ห้องด้านตะวันออกชั้นสอง หมายเลข 7 จัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อย” เสียงของหญิงสาวชุดเข้มเดินมาสั่งโดยไร้การอธิบายใด ๆ เพิ่มเติม หลินหยารับคำแล้วเดินขึ้นบันไดไม้ที่ขึ้นเงามันวับอย่างเงียบเชียบ กลิ่นหอมอ่อนของดอกไม้และเครื่องอบรำยังคงแตะจมูกเป็นระยะ ทว่าเมื่อเธอผลักบานประตูห้องหมายเลข 7 เข้าไปนั้น..

          กลิ่นแรกที่ปะทะใบหน้าไม่ใช่กลิ่นดอกไม้หรือน้ำอมสิ่งใด ๆ เลย หากแต่เป็นกลิ่นจริงของห้องที่พึ่งใช้งานสำหรับสิ่งที่เธอไม่เคยเข้าใกล้มาก่อนในชีวิต กลิ่นคาวของเหลว กลิ่นเลือดจาง ๆ จากเตียงไม้ต่ำ ผสมกับกลิ่นหอมของน้ำหอม ยาน้ำที่ถูกใช้พรมชะโลมก่อนเข้าห้อง กลิ่นเครื่องประทินโฉมราคาแพงที่คละคลุ้งจนแสบจมูก กลิ่นเหล้ารสแรงราคาแพงคว่ำหกรดผ้าปูที่นอนจนเปียกชื้น ล้วนตีขึ้นมาเป็นพายุแห่งกลิ่นที่ไม่อาจแยกจากกันได้แม้สักครา มันตีกันอยู่ในโพรงจมูกของหญิงสาวจนเธอเผลอเบือนหน้าหนี หัวใจบีบรัดด้วยอาหารพะอืดพะอมไม่ต่างจากคลื่นที่โถมเข้าฝั่งโดยไม่ทันตั้งตัว

          ร่างของหลินหยานั้นชะงักเล็กน้อยก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อมาเตรียมใจตัวเอง แล้วเธอก็ข่มใจของตนเองได้ สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเดินเข้าไปอีกครั้ง หลินหยารู้ว่านี่คืองานที่ไม่มีสิทธิฺ์เลือก และหอว่านหงเหรินก็ไม่ใช่สถานที่ปกติ มันเป็นสถานที่ที่เธอเลือกมาเองเพื่อแลกกับอิสระภาพทางการเงินบางอย่าง เธอจึงควรเป็นผู้แบกรับผลของมันอยู่แล้ว

          มือเรียวค่อย ๆ ยกผ้าซับแห้งขึ้นเช็ดคราบเหล้าบนพื้นไม้ ล้างผ้าชุ่มคราบน้ำไม่ระบุชนิดจากเตียง ก้มลงหยิบปิ่นปักผมเงินที่ตกอยู่ใต้หมอนวางลงบนถาดให้เรียบร้อย แล้วซ่อนแววตาที่วูบไหวไว้เบื้องหลังท่าทีที่แสนเรียบเฉย

          เธออาจไม่ใช่นางผู้กล้า ไม่ใช่สตรีดีเด่นในนิยามของใคร ๆ แต่หลินหยากำลังเรียนรู้ที่จะเป็นหญิงสาวที่มีโลกของตัวเอง ท่ามกลางโลกที่แสนโสมมที่เต็มไปด้วยความจริงที่นางต้องเตรียมใจ

          หลังจากนั้นหลินหยาก็โดนลากตัวให้ไปทำงานตามปกติจนเธอชินแล้ว วันนี้ต้องไปเสิร์ฟอาหารให้แขกพิเศษเหมือนอย่างเคย โชคดีหรือโชคร้ายที่ไม่ได้ไปเล่นดนตรีอีกนะ แต่เพราะมือที่โดนพันแผลไว้นี้แหละเลยกลายเป็นแบบนี้ไปได้ หญิงสาวพ่นลมหายใจพยายามลืมภาพไอ้ห้องเวร ๆ แบบเมื่อครู่ไปให้หมดหัวเพราะเธอคงไม่อยากเป็นคนที่ต้องไปทำห้องแบบนั้นเองหรอก น่ากลัว ยังเตรียมใจไม่ไหวหรอกนะ เอาไว้มีเงินสักหนึ่งล้านตำลึงทองแล้วจะลองรับพิจารณาเอาแล้วกัน แต่มันจะเป็นแบบนั้นได้ไงล่ะ เงินเดือนข้าราชการปกติยังมีไม่ถึงเลย งบวังหลวงชัด ๆ แบบนั้นอ่ะ เพราะงั้นก็เลิกหวังจ้า ก็แค่คนหิวเงินเอง อิอิ ไม่หวังเป็นแม่ของแผ่นดินหรอกนะ ของแบบนั้นหลินหยาไม่ไหวหรอก


          ช่วงเวลากลางคืนกลับเข้ามา ใต้แสงเทียนของตะเกียงแดงที่หรี่เรืองอ้อยอิ่งเหนือโต๊ะกลมไม้สักในห้องพิเศษชั้นบนของหอวง่านหงเหรินห้องที่ประดับด้วยผ้าม่านเนื้อบางผ้าคลุมโต๊ะที่เป็นผ้าปักลายเมฆมังกร กลิ่นไม้หอมที่ลอยกรุ่นคล้ายควันกลางใจมีใครบางคนนั่งอยู่ ชายหนุ่ในชุดสีดำเนื้อผ้าเนียนดุจไหม แววตาคู่นั้นมีประกายราวกับจะมองทะลุผ้าม่านและทุกคำโกหกบนโลกใบนี้ เขานั่งสงบนิ่ง บ่ากว้างหลังตรงเอนตัวนิดหน่อย…

          ไม่นานขณะนั้นเองบานประตูก็ถูกเปิดออกอย่างเงียบงัน หญิงสาวในร่างบอบบางสวมชุดของสาวใช้ของหอเดินเข้ามาพร้อมกับถาดในมือที่มีจอกสุราและไหเหล้าอย่างปรานีตหลินหยาเดินมาด้วยท่าทีสงบ ดวงตาของเธอหลุบลงต่ำตามมารยาทที่ถูกปลูกฝังมาอย่างดีจากบ้านเกิด แม้หน้าจะนิ่งสงบเหมือนผิวน้ำบนบ่อหยก แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือนิ้วเรียวยาวงามที่พันด้วยผ้าพันแผลไว้หลายข้อเพราะภายในอาจจมีการบวมแดงน้อย ๆ จากการฝึกเครื่องดนตรีนานนับชั่วโมง แต่เถียน เฟิง ไม่ใช่ชายที่ปล่อยให้รายละเอียดเช่นนั้นหลุดสายตาของเขา เขาเหลือบมองนิ้วมือนั้นที่วางบนถาดด้วยหางตา ไม่พูดอะไรริมฝีปากนิ่งสนิท แต่เปลวตาเยือกเย็นเคลื่อนไหว

          “ดนตรีมีไว้เพื่อบรรเลง มิใช่ทำลายตัวเอง”

          คำพูดนั้นดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของห้องเหมือนเข็มปักกลางผ้า ส่วนหลินหยาเงยหน้าขึ้นอย่างแผ่วเบาเล็กน้อย เธอไม่ได้ตกใจแต่นิ่งไปชั่วครู่ มือที่วางขวดสุราไว้บนโต๊ะข้างหน้าเขาชะงักนิดหน่อย ก่อนที่จะขยับเล็กน้อยถอยออกมา

          “เพียงฝึกให้ดีขึ้นเจ้าค่ะ..ข้าไม่คิดว่าเป็นการทำลายอะไร” นางเอ่ยบอกเสียงเบา เถียนเฟิงไม่ได้จอบกลับทันที เขาเพียงเอนหลังช้า ๆ ดวงตาคู่นั้นจับลจ้องนิ้วที่พันแผลแบบไม่อ้อมค้อมเลยสักนิด “มือที่บาดเจ็บ ไม่มีสิทธิ์เล่นให้ใครฟัง นอกจากผู้นั้นไม่ใส่ใจในเสียงดนตรีจริง ๆ”

          ประโยคนั้นเหมือนขว้างหินลงบ่อน้ำที่สงบนิ่งแต่สะเทือนเป็นวงกว้างนัก หลินหยาไม่ได้โต้กลับอีก ไม่แก้ตัวเพราะรู้ว่านั้นไม่ใช่คำตำหนิด่า แต่เป็นการเตือนในแบบของท่านชายตรงหน้า ด้วยภาษาของโลกที่ไม่มีใครปราณีกัน หลินหยาก้มศีรษะอีกครั้งแล้วถอยร่นออกมาอย่างเงียบ ๆ ไม่ขัด ไม่อวด ไม่ทำอะไร เธอรู้ดีว่าคนตรงหน้าไม่ใช่พวกผู้ชายที่จะหลงใหลคำแข็งใจเปล่า ๆ จากสาวใช้ฝึกหัดคนหนึ่งหรอก




@Admin


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


รางวัล: 30 ตำลึงเงิน - 10 EXP
+5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-08] เถียน เฟิง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม
โบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม

อื่น ๆ: จะนำโรลไปปลดดาวจ้าาา มันเต็มแล้วว



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 20088 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-15 22:34
โพสต์ 20,088 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ผู้มีบุญ  โพสต์ 2025-6-15 22:34
โพสต์ 20,088 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม จาก ทักษะนักดนตรีข้างถนน  โพสต์ 2025-6-15 22:34
โพสต์ 20,088 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2025-6-15 22:34

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงเงิน +30 ย่อ เหตุผล
Watcher + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-6-16 20:15:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ สิบหก เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเซิน เวลา 15.00 - 17.00 น. ฝึกดนตรีอยู่หอว่านหงเหริน (พบ จางกงกง)


           เสียงขลุ่ยไม้ไผ่ล่องลอยในอากาศยามเซินที่ซึ่งอ่อนแสงลงทุกขณะนาที ประหนึ่งเกล็ดทองของดวงตะวันที่ละลายบนขอบฟ้าและกำลังกลือนหายไปกับกลุ่มเงาไม้ที่หอว่านหงเหรินในตอนนี้กำลังค่อย ๆ มีชีวิตชีวาขึ้นอกีครั้งเหมือนทุกวัน โคมแดงนับสิบเริ่มถูกจุดขึ้นทีละดวง แสงสะท้อนบนผ้าไหมที่บางเบาราวจะปลิวไปกับลมหายใจ กลิ่นกำยานหวานแหลมผสานกลิ่นกายของนางโลมที่กำลังหัวเราะหนยอกล้อแขกประจำ บางคนยเพียงมาเพื่อชมลีลา บ้างมาร้องระบายอารมณ์และบางรายก็มาเพื่อซื้อความลืมเลือนในราตรีอันยาวนาน

           ณ มุมหนึ่งของห้องด้านในอันเล็กม่านสีอ่อนที่ผูกไว้เพียงหลวม ๆ เด็กสาวผู้หนึ่งกำลังนั่งพับเพียบอยู่หน้ากล่องขลุ่ย มือเรียวบางนั้นจับขลุ่ยอย่างเคยชิน แม้นิ้วบางหลายปล้องจะยังมีผ้าพันแผลพันไว้จากรอยบวมและช้ำจากการฝึกหนักในช่วงที่ผ่านมาแต่ก็ไม่อาจปิดบังความชำนาญในการจับลมหายใจและเสียงเพลงได้เลยสักนิด หลินหยาอยู่ในเสื้อผ้าสีฟ้าอ่อนปักลายเล็กน้อยอย่างเรียบง่าย ผมยาวของเธอถูกรวบขึ้นเป็นมวยต่ำตามระเบียบของหอ แม้จะเป็นแค่นักดนตรีฝึกหักแต่เธอก็เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาในบรรดาสาวใช้ ถึงจะไม่เข้าวงเหล้านักก็เถอะ

           แม้ที่นี่จะเป็นหอร่ายรำตามคำเรียกหาแต่ในความจริงแล้วหอว่านหงเหรินก็ไม่ใช่อะไรอื่นนยอกจากรังพวกเสียงกลิ่นเนื้ออ่อนที่ขายความหอมหวานให้กับทุกคนยามราตรี ที่นี่มีหญิงงามชั้นเลิศ บ่าวรับใช้ที่รู้จักการยิ้มแบบที่ทำให้คนลืมว่ามีเมียอยู่ที่บ้าน หลินหยาไม่ได้ใฝ่ฝั่นจะเป็นนางโลมเอกเพราะความจริงเธอไม่ได้สนใจจะเป็นนางโลมสักหน่อย ที่มาทำงานที่นี่เพราะว่าจ่ายเงินดี มีอาหาร ที่พักและเธอก็สามารถฝึกดนตรีได้โดยไม่ต้องทำอะไรด้วย

           หลินหยาหลับตาเบา ๆ แล้วเป่าขลุ่นอีกครั้ง เสียงโน๊ตล่องไปตามควันกำยานประหนึ่งวิญญาณของดอกไม้ที่บานในยามนี้ กลมกล่อมและทอดถอนในคราวเดียวบ่าวเรือนนอกเหมือนจะมีคนชะเง้อมาเพราะฝีมือของหลินหยาดีขึ้นมากจนกำลังจะเป็นตัวจริงในเร็ววัน และแม้แต่นางโลมผู้กำลังฝึกเดินกับถือถ้วยสุราก็ยังเผลอชะงักเหมือนกัน

           เสียงขลุ่ยเงียบงันลงในจังหวะที่โน๊ตจัวงสุดท้ายลอยเลือนสลายไปกับอากาศเสียงฝีเท้ากระทบพื้นไม้ดังถี่ตามมาทันทีเสียงตามติดด้วยเสียงตะคอกแสบหูของหนึ่งในยางคณิกาผู้ดูแลมากอำนาจในหอดังขึ้น “สารเลว!! แกเอาจานผิดไปให้เขาได้ยังไง!! ทำหกอีก! แล้วอย่างงี้จะให้ข้าไปรับหน้าแขกได้ยังไง! เถ้าแก่จะตบข้าให้ตายเลยไหมห๊ะ นังโง่!!”

           ฝ่ามือปะทะแก้มดังก้องหลายรอบจนบ่าวไพร่และสายใช้รอยข้างสะดึ้ง หลินหยานั้นเงยหยน้าขชึ้นเพียงเล็กน้อยในขณะที่ยังคงถือขลุ่ยอยู่ สายตาหลุบต่ำของเธอภพภาพสาวใช้ที่ทรุดลงไปกับพื้น มือสั่นเบาแนบแก้มแดงก่ำทั้งสองข้าง จนมีเลือดอาบ ดวงตาแดงก่ำเปี้ยกชื้อนจนเหมือนจะละลาย

           “เจ้า!! นังหลินหยา!” เสียงนั้นดังขึ้นอีกแต่เป็นรอบของผู้ดูแลอีกคน พูดราวกับจะตัดบทความวุ่นวายทั้งหมดตอนนี้ “เจ้าไปแทนมัน เสิร์ฟอาหารให้แขกคนสำคัญของห้องตำวันตก อย่าทำอะไรเสียหาย” น้ำเสียงนั้นไม่ใช่คำตอแต่คือคำสั่ง เธอขมวดคิ้วแล้วเหมือนอยากจะถอนหายใจ เธอแทบจะอึ้งเพราะคำว่าแขกห้องตะวันตกมันหมายถึงอะไร..เธอรู้ ทุกคนรู้

           จะมีคนผู้หนึ่งมาในเวลานี้ เขามักจะใช้ห้องตะวันตกเป็นหอที่พักผ่อน ทุกคนในหอต่างรู้ดีว่าเขาเป็นแขกใหญ่และ เจ้านาย ของเถ้าแก่ที่นี่ ใครที่พูดหรือทำอะไรล่วงเกินเขา มักจะถูกจัดการเงียบ ๆ ไม่หายก็ลาออกหรือลาไปจากโลกนี้เสียเลย หลินหยาแทบไม่ต้องเดาชะตากรรมสาวใช้คนนี้เลยด้วยซ้ำ…ลาก่อน

           หลินหยาไม่ตอบอะไร เธอวางขลุ่ยไว้แล้วเดินไปหาสาวใช้ที่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นบนพื้นแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าที่พึ่งซื้อใหม่ส่งให้อีกคนจากแขนเสื้อของเธอ ส่งให้โดยไม่พูดอะไร สีหน้าของเธอไม่ได้เวทยา ไม่ได้สงสารแต่เป็นความนิ่งที่แฝงด้วยความเข้าใจที่ลึกกว่าปกติ “เอาไปซับซะ ไม่งั้นตาจะบวม แล้วก็หยุดร้องซะ” หลินหยาเอ่ยเบา ราบเรียบ ไม่ปลอบ ไม่ซ้ำเติม แต่พอให้นางรุ้ว่าก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวขนาดนั้น

           จากนั้นหลินหยาก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไป ร่างบางในชุดสีฟ้าอ่อนนั้นเคลื่อนไหวผ่้านม่านไหม เสียงฝีเท้าแผ่วเบาจนแทบไม่รู้สึกว่ามีใครเดินผ่าน มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องตะวันตก นิ้วเรียวบางแตะบานประตูไม้สักเบา ๆ ก่อนจะผละกเข้าไปด้วยท่าทางที่ไม่ไหววั่นหรือหวาดระแวงสิ่งใจ แม้ไม่รู้ว่าแขกคนสำคัญที่เธอกำลังจะรับใช้คือผู้ใดก็ตาม แสงเทียนในห้องตะวันตกสลัวมัวราวกับหมอกปกคลุม ร่างชายผู้หนึ่งนั่งสงบอยู่บนโต๊ะต่ำกลางห้อง สวมอาภรณ์ไหมสีแดงเข้มปักลายงาม ผมดำยาวถูกสวมไว้ด้วยปิ่นทองและมีดอกพลับพลึงแดงเพลิงหนึ่งดอกวางแนบมืออย่างตั้งใจ

           เขาไม่แม้จะเงยหน้าขึ้นมองหลินหยาแม้สักนิดน้อย เพียงพลิกหน้าหนังสือที่เปิดอยู่ต่อหน้าอย่างเนิบช้า ปลายนิ้วเรียวยาวนั้นขยับอย่างมีศิลปะ ราวกับทุกท่วงท่าได้รับการฝึกฝนจนกลายเป็นธรรมชาติไปแล้ว หลินหยาก้มศีรษะเล็กน้อยตามมารยาท แล้วเข้ามาเงียบ ๆ วางถาดอาหารบนโต๊ะโดยไม่พูดแม้แต่คำเดียว

           “เจ้าชื่ออะไร”

           เสียงนั้นแผ่วเบา ทว่ามั่นคงนัก มันไม่ได้สูงหรือต่ำเกินไป แต่แทรกซึมเข้าหูเหมือนมีดบางเฉียบที่ลูบไล้ข้างแก้มก่อนแทงเข้าหัวใจให้ตายหากต้องการ หลินหยาเหมือนจะชะงักเล็กน้อยก่อนที่จะตอบกลับอย่างเรียบเฉยแต่ชัดเจน “หลินหยาเจ้าค่ะ” ดวงตาลึกใต้ขนตายาวนั้นเงยหน้าขึ้นมาในที่สุด ชายผู้นั้นมองเธอในระยะประชิด นิ่งนานพอให้หลินหยารู้สึกได้ว่าตัวเองถูกมือทะลุไปถึงรางเหง้าแก่นของจิตวิญญาณตัวตนของเธอ แล้วเขาก็เอ่ย

           “ดี”

           เขากล่าวเพียงเท่านั้นแล้วหันกลับไปอ่านหนังสือต่อ ทิ้งให้หลินหยาอยู่ตรงนั้นให้หลินหยารู้สึกเหมือนตัวเองยืนอยู่บนขอบเหวของชีวิตที่มีลมบาง ๆ รองรับอยู่ใต้เท้าตัวเอง ไอ้เหี้ยนี้น่ากลัวเหี้ย ๆ เลยนี้หว่า! งานฟรีเพราะไม่ใช่เวรของตัวเองด้วย บ้าจริง ไอ้บ้าเอ้ย บ่นในใจอยู่แบบนั้นแต่ก็บริการให้เขาจนจบนั้นแหละ





@Admin


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-11] จางกงกง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม
โบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม



แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-11] จางกงกง เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2025-6-16 22:24
โพสต์ 17053 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-16 20:15
โพสต์ 17,053 ไบต์และได้รับ +3 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ผู้มีบุญ  โพสต์ 2025-6-16 20:15
โพสต์ 17,053 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม จาก ทักษะนักดนตรีข้างถนน  โพสต์ 2025-6-16 20:15
โพสต์ 17,053 ไบต์และได้รับ +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2025-6-16 20:15
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-6-16 23:15:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ สิบหก เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามไฮ่ เวลา 21.00 - 23.00 น. ไปทำงานหอว่านหงเหริน (จดหมายจาก เถียน เฟิง)


          ไร้แสงแดดสีทองเข้มที่ชอบดอกผ่านกรอบหน้าต่างของหอว่านหงเหริน เรือนที่สะอาดสะอ้านจากแรงมือถูของบรรดาสาวใช้และเด็กฝึกซ้อมทั้งหลาย หลินหยาหลังจากเสร็จจากการเป่าขลุ่ยตั้งแต่ช่วงเย็น เธอกลับมาจากการออกไปข้างนอกมาเมื่อครู่เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ เธอไม่เห็นสาวใช้คนก่อนหน้านั้นแล้ว..และหลินหยาก็ไม่กล้าถามด้วยว่านางไปไหน

          ตอนนี้เธอเปลี่ยนชุดเสื้อผ้าเป็นเวรให้เรียบร้อย ตอยล้างจานสองถาพ แล่เนื้อเป็ดที่ละชิ้น ปรุงน้ำจิ้มอีกสามถ้วย แล้วยกถาดอาหารเสิร์ฟให้แขนทั้งชั้นกลางตามคำสั่งไม่ขาดตกพบพร่อมแต่อย่างใด วันนี้เธอเหนื่อยนิดหน่อย แต่ก็ดีใจที่ไม่มีเสียงด่าหัวหรือจิกหัว หรือใครลากตัวห้ไปห้องซ้อมจนฝึกหัวแทบแตก โดยอย่างยิ่ง ไม่มีเขาอยู่ในห้องพิเศษ

          เขา

          สำหรับหลินหยาตอนนี้มีสองคนที่ต้องระวังตัว คือแขกพิเศษห้องทางทิศตะวันตก ชายท่าทางสุภาพแต่กลับดูน่ากลัว เหมือนขนมหวานที่อาบยาพิษไว้ข้างใน เขาถามชื่อเธอแล้วไม่ทำสิ่งใดเลยสักนิด ส่วนอีกคนคือชายปริศนาที่เธอคิดว่าเขาเป็นคนดี วันนี้เขาไม่ได้มาเยือนที่นี่ในวันนี้ ซึ่งเป็นเรื่องแปลก แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีในอีกแบบหนึ่ง หลินหยาคิดเช่นนั้น พลางเช็ดเหงื่อจากหน้าผากเมื่อเดินผ่านพ้นครัวหลัวไปยังห้องโถงอีกครั้งหนึ่งทันทีที่กำลังจะวางของที่ตัวเองเอามาเก็บร่างหนึ่งก็โผล่พรวกเข้ามาตรงหน้า

          “ขออภัยแม่นาง ท่านมีนามว่าหลินหยาหรือไม่ ข้าน้อยมีของมาส่ง” ชายหนุ่มในชุดเด็กรับใช้นั้นมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลินหยา ใบหน้าธรรมดาแต่ท่าทีคล่องแคล่ว มือข้างหนึ่งยื่นซองผ้าสีกรมลายคลื่นออกมาให้เธอ ห่อด้วยเชือกทองขลิบแดงอย่างบ่งบอกชัดเจนว่ามิใช่ของคนธรรมดาแน่ ๆ หลินหยาถึงกับขมวดคิ้ว หันไปมองทางซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง แล้วกระซิบเบา ๆ ถามอีกฝ่าย

          “ข้าหรือเจ้าคะ? ท่านคงจำผิดคนกระมังท่านชาย ข้าเป็นแค่เด็กฝึกดนตรีกับสาวใช้ ข้าไม่ได้รู้จักคนมีตำแหน่งอะไรหรอก”

          “ถูกคนมิผิดตัวขอรับแม่นาง ใต้เท้าเถียนเป็นผู้สั่งให้ข้านำสิ่งนี้มาส่งให้แม่นางโดยเฉพาะ ท่านมิได้ประสงค์อย่างอื่นแต่ให้แม่นางเปิดอ่านจะดีกว่าขอรับ” เมื่อชื่อใต้เทียนเถียนดังออกมาหลินหยาก็ถึงกับต้องหลุบตาลงช้า ๆ ใต้เท้าหรอ?..ใต้เท้า? ตั้งแต่เมื่อไรกันที่ได้ยินชื่อนี้กันนะ? สำหรับหลินหยาแล้วเธอก็คิดไม่ออกนอกจากท่านชายคนนั้น เขาเป็นเพียงบุรุษผู้เจ้าของเสียงพูดเรียบที่ชอบตักเตือน พูดแปลก ๆ ไม่ยิ้ม ไม่ปลอบ ไม่หวังสิ่งใดจากเธอ(มั้ง) แบบ..ก็สุภาพชนคนธรรมดาอ่ะ แค่ดูมีบารมีมากกว่าคนปกติเสียอีก

          หลินหยาลองขยับมือเปิดจดหมายที่รับมา ซองผ้านั้นโดนเปิดเธอขมวดคิ้ว เมื่อลหนิหยาเปิดออกพบกระดาษบางสีขาวมุก บนกระดาษเขียนด้วยหมึกพู่กันอย่างบรรจง ลายมือเรียบเสม่ำเสมอ งามดั่งบัณฑิตแต่หากมองนานก็ดูเหมือนเยือกเย็นจนกระปลาดใจ ในข้อความจดหมายนั้นเขชียนเพียงว่า..

          ‘หลังเลิกงาน ศาลาจื่อเถิงฉวา หากแม่นางสะดวก ขอเชิญไปรับลมเย็นและสนทนา’

          ไม่มีชื่อเรียกไม่มีคำขึ้นต้น แต่ทุกเด้นของตัวอักษรเหมือนกับนี้ไม่ใช่คำขอ มันคือคำสั่งที่แฝงในคำสุภาพ มันเหมือนกับกัดสีไหมทองแบบเถียนเฟิงที่ไม่เคยส่งใครมาดึงนางไปไหน แต่เพียวงชวนแล้วทำให้นางเดินเข้าไปหาด้วยความเต็มใจ แต่สำหรับหลินหยาน่ะ เธอไม่ได้สนใจอยู่แล้วล่ะ ชวนก็ไป ไม่ได้คิดอะไรมากหรอกนะ จะตายก็ตาย ไม่สนหรอก




@Admin


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


รางวัล: 30 ตำลึงเงิน - 10 EXP
อื่น ๆ: ปลดล็อคหัวใจพ่อหนุ่มคนหนึ่งจ้าาา


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2025-6-17 00:00
โพสต์ 10226 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-16 23:15
โพสต์ 10,226 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ผู้มีบุญ  โพสต์ 2025-6-16 23:15
โพสต์ 10,226 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม จาก ทักษะนักดนตรีข้างถนน  โพสต์ 2025-6-16 23:15
โพสต์ 10,226 ไบต์และได้รับ +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2025-6-16 23:15

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงเงิน +30 ย่อ เหตุผล
Watcher + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-6-17 19:28:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ สิบเจ็ด เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเซิน เวลา 15.00 - 16.00 น. หอว่านหงเหริน (พบ จางกงกง)


           แสงอ่อนจางของยามเซินรินไหลลอดผ่านระแนงไม้ของหอแห่งนี้ หน้าต่างแคบ ๆ ตัดกับกลิ่นกำยานจาง ๆ ที่ลอยฟุ้งไปทั่วห้องฝึกดนตรีของหอว่านหงเหริน สถานที่ซึ่งแม้จะถูกเรียกขาดด้วยถ้อยคำอ่อนหวานแต่ก็แฝงความจริงอันเปลีอยเปล่าของโลกหญิงงามในเงาเงียบ หญิงสาวผมยาวแสกข้างถักเป็นเปียรอยเรียงทับบ่าในชุดอันแสนเรียบง่ายนั่งอยู่บนพื้นผ้าเรียบสนิท มือเรียวกำลังจัดสายของกู่เจิงให้เรียบร้อย ลูบสัมผัสมันอย่างทะนุถนอมราวกับลูบหลังของแมวน้อยตัวโปรด นิ้วเรียวบางขยับทีละเส้น เสียงดัดแผ่วเบาดังขึ้นเป็นจังหวะของชีวิต ไม่เร่งร้อน ไม่เย้ายวน หากกลับซ่อนความเอาใจใส่อย่างละเมียดละไมที่ฝึกผ่านกาลเวลาเช่นใบไม้ที่ค่อย ๆ เติบโตตามฤดูกาล

           หลินหยานั้นเบือนสายตาไปยังประตูบานเล็ก ขณะที่วางของไว้ข้างตัวเมื่อฝึกเสร็จ ยกมือขึ้นปีดฝ่ามือเบา ๆ ก่อนเดินออกไปยังโถงกลางของหอ สะโพกเคลื่อนไหวเบา ๆ ใต้ผ้าฝ่้ายอ่อนที่ไม่อวดอ้างความยั่วยวนที่นางมี แต่ก็ชวนดึงดูดใจที่มั่นคงอย่างน่าประหลาด

           เธอเดินมาทางผู้ดูแลหอว่านหงเหรินคนนี้ที่เป็นสตรีอ้วน ใบหน้าท่าทางเคร่งขรมแต่ไม่โหดร้ายมากนักหากเทียบกับคนอื่น เขายืนอยู่ตรงโถงหน้า ข้างตัวมีบัญชีรายชื่อของหญิงสาวที่ผลักเปลี่ยนเวรงาน หลินหยาค้อมกายเล็กน้อย มือซ่อยอยู่ในแขนเสื้อ “สวัสดีเจ้าค่ะ ท่านผู้ดูแล ข้ามีเรื่องมาเรียบให้ทราบ” น้ำเสียงของนางเอ่ยบอก ไม่อ่อนหวานปานน้ำตาล แต่แน่วแน่และมีสัมมาคารวะตามที่พึงมีของหญิงสาวที่รู้ขอบเขตของตนเอง

           “ข้าขออนุญาตพักชั่วคราวประมาณ 4-15 วันเจ้าค่ะ จะออกจากหอช่วงค่ำของวันนี้ และจะกลับมาฝึกดนตรีเช่นเดิมเมื่อถึงเวลา ข้าสัญญาว่าจะไม่ทอดทิ้งหน้าที่เจ้าค่ะ” นางเอ่ยบอกเขา หญิงสาวก็เลิกคิ้วเล็กข้างหนึ่ง มือหนึ่งเท้ามันอีกข้างงอแขนกอดอกมองนางอย่างพินิจ เขาไม่ใช่คนโง่ เห็นว่านางไม่เคยทำงานพลาดแม้จะไปบริการแขกใหญ่โตเพียงใด เห็นว่าพวกฝึกบอกว่านางไม่พูดสิ่งใดโดยไร้เหตุผล ไม่ขาดเวร แต่ขณะเดียวกัน หอว่านหงเหรินก็ไม่ใช่สถานที่ที่ใครอยากให้นักดนตรีฝีมือดึหลุดหายไปง่าย ๆ

          "ฮึ่ม เจ้าคิดจะหายหัวไปนานขนาดนั้นหรือ" เขาพึมพำดุ ๆ แม้ใบหน้าไม่โกรธนัก "ถ้าไม่กลับมาหลังสิบห้าวัน ข้าจะส่งคนไล่ล่าเจ้าให้ทั่วฉางอันเลย รู้ไหม"

           หลินหยายิ้มบาง พลางพยักหน้า เอนศีรษะเล็กน้อยก่อนตอบเบา ๆ "รับทราบเจ้าค่ะ... แต่ก่อนจะไป ข้าขอทำหน้าที่ของวันนี้ให้เสร็จสมบูรณ์ก่อน" เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้นก็พ่รนลมหายใจออกจมูกแบบไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรต่แเพียงโยนแผ่นไม้ชื่อเวรนั้นให้นางแล้วบอก “ห้องเก้าแขกมาถึงแล้ว เป็นขุนนางชั้นรองแต่มีผู้ติดตามมาสองคน เจ้าขึ้นไปเสิร์ฟให้เรียบร้อย อย่าทำพลาดก็พอ”

           หลินหยารับแผ่นไม้ด้วยความเคารพแล้วขอบคุณเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องเก็บเครื่องดนตรี เธอจัดการรวบผมให้เรียบ ล้างมือ เช็ดผิวให้เย็นลง แล้วสวมเสื้อคลุมบางสีควันไฟทับชุดเดิมอีกชั้นหนึ่งเพื่อให้ดูสุภาพในสายตาผู้มาเยือน ใบหน้าของเธอไม่มีสีแต่งแต้มใดนอกจากผิวเนียนและดวงตาคมหวานที่ซ่อนความคิดมากมายเกินจะคาดเดา ระหว่างเดินขึ้นบันไดไม้ที่ส่งเสียงเอี๊ยดแผ่วตามแรงก้าว เธอสูดลมหายใจลึกอย่างมีสติ เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดุจสายลมฤดูใบไม้ผลิที่พัดพาดผ่านระแนงไผ่ พลางนึกในใจว่า...ไม่ว่าจะพบใครในห้องนี้ นางจะทำให้ทุกวินาทีที่ยืนอยู่ในหอแห่งนี้มีความสง่างามเฉกเช่นเสียงดนตรีในมือของนางเสมอ

           ยามเซินแสงแดดมาถึงหลิ่นดอกไม้ก็ยังคงอยู่ วันนี้มีความรู้สึกบางอย่างแฝงอยุ่ในอากาศตอนที่เธอกำลังจะเดินทางออกจากงานผู้ดูแลก็เดินมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ดุดันนักแต่ก็จริงจัง “หลินหยา เจ้าไปเสิร์ฟอาหารห้องพิเศษตะวันตกในสุด..ท่านมาอีกแล้ว” นางเอ่ยบอกพร้อมกับมองหญิงสาวที่ยังไม่ได้เก็บของดี

           หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ารับเบา ๆ ไม่มีท่าทีลังเลแม้เพียงร้อย นางลุกขึ้น ปรับชายเสื้อให้เรียบ แล้วจึงเดินออกจากห้องนั้นไปยังห้องตามคำสั่ง ประตูเลื่อนของห้องพิเศษบานนั้นถูกเปิดออกอย่างเงียบงัน ด้านในยังคงเงียบสงบเช่นเดิม ทั้งห้องมีเพียงชายผู้หนึ่งนั่งอยู่เบื้องหน้าโต๊ะต่ำ เขาสวมชุดแพรไหมสีเข้มเรียบขลับ ตรงคอเสื้อมีลายกนกทองปักละเอียดจนแทบจะจมหายไปในเงา ชายผู้นั้นคือนามที่เถ้าแก่ไม่เคยเอ่ยขึ้เพราะเกรงอำนาจนัก

           ดวงตาของเขาเงยขึ้นเพียงครู่เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เสี้ยววินาทีนั้นเอง หลินหยาก็สบตาเข้าอย่างจังแววตานั้นแม้จะสงบนิ่งแต่กลับรู้สึกคล้ายกระแสคลื่นที่ปะทะเบา ๆ ที่ยังฝั่งใจทำให้นางต้องก้มหน้าลงพร้อมกับโค้งกายอย่างอ่อนช้อย “หลินหยาเจ้าค่ะ ท่านชาย"

           เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใดตอบกลับแค่พยักหน้าเบา ๆ และยกถ้วยขึ้นจิบ เงียบราวกับไม่ต้องการรบกวนสิ่งใดให้เสียจังหวะ หลินหยาก็ไม่ได้เอ่ยถาม ไม่พูดมาก เพียงแต่เดินเข้าไปนั่งเงียบ ๆ เสิร์ฟอาหารทีละจานตามลำดับ แววตานิ่งสงบ มือไม่สั่นไหว บรรยากาศระหว่างคนทั้งสองจึงเต็มไปด้วยความเงียบที่น่าอึดอัด เยือกเย็นอย่างประหลาด

           จางกงกงเหลือบมองเพียงแววเดียวเมื่อเธอจัดจานสุดท้ายลงตรงหน้าเขา ทว่าแววตานั้นหาได้หยุดที่อาหารหรือไม่ แต่กลับทอดมองใบหน้าของเด็กสาวอย่างพินิจ ใบหน้าเรียบเนียน ปากเล็ก มบหน้าเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบหรือตุ๊กตากระบอกงาม แต่งแต้มไม่มากเพราะไม่ใช่นางโลม ดวงตาใสสีน้ำตาลมะพร้าวอ่อน หลินหยานั้นหลุบลงต่ำอย่างสำรวม ริมฝีปากบางที่ขยับเอ่ยบางครั้ง แต่เขายังไม่พูดอะไรออกมา จนกระทั่งหลินหยากำลังจะค้อมตัวเพื่อกลับไป จางกงกงก็ขยับวางถ้วยที่ถือ

           “ชื่อหลินหยาสินะ” เขาเอ่ยเสียงทุ่มเพราะหลินหยาเคยบอกชื่อเมื่อวานกับเขา เสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้นถามราวกับน้ำที่หยดลงกลางบ่อนิ่ง ทำให้หลินหยาชะงักเพียงตรู่แล้วจึงตอบเบา ๆ

           “เจ้าค่ะ”

           “ชื่อเจ้า ฟังแล้วเหมือนดอกไม้ที่ต้องน้ำค้างในยามอรุณรุ่งนัก” เขาเอ่ยต่อบอกเธอ หลินหยาจึงเงยหน้าขึ้นน้อย ๆ แต่ไม่ได้กล่าวอะไร เธอเพียงแต่ยิ้มแผ่ว ไม่ใช่รอยยิ้มฝืนอะไร แต่ก็ยากจะนิยาม ช่างชั่งน้ำหนักบางอย่างในใจ เพราะเขาก็ไม่พูดอะไรต่อ ปล่อยให้เด็กสาวตค้อมกายลงออกจากห้อง เมื่อประตูปิดลง จางกงกงก็ยังมองตรงไปยังถ้วยชาว่างเปล่าของตน ไม่มีคำพูด ไม่มีคำสั่ง มีเพียงแววตาที่คล้ายกำลังคิดบางสิ่งยาวนาน...เกินกว่าคนจะรู้ได้ว่าอะไร


           หลินหยาถอนตัวออกมาเธอรอจนกว่าแขกสำคัญท่านนี้จะไปเธอถึงจะออกจากงานได้ แล้วจะได้เริ่มไปทำภารกิจที่อีตาใต้เท้าเถียนเฟิงนั้นสั่งมาสักกะที เหนื่อยจังเว้ย รู้สึกเหมือนเธอโดนอีกฝ่ายกุมจุดอ่อนเรื่องเงินไปเลย รู้งี้ปฎิเสธไปซะก็สิ้นเรื่อง ใครใช้ให้เขาเสนอเงินก้อนโตขนาดนั้นกัน เธอก็แพ้พอดีน่ะสิ หลินหยาคิดระหว่างยืน ก่อนที่เธอจะขมวดคิ้วนิดหน่อย เธอไม่แน่ใจว่าคนด้านในห้องจะเรียกอะไรอีกไหม แต่เขาก็ไม่ค่อยเรียกหรอก หากเรียกก็จะพบอะไรสักอย่างจริง ๆ ที่มีปัญหา และหลินหยาก็ไม่รู้ว่าคนที่บริการคนก่อนนั้นหายไปไหนแล้วตั้งแต่นางร้องไห้แล้วโดนตบจนแก้มเป็นรอยแผลมีเลือดไหล...หรือว่านางจะ...อา...เป็นไปได้ นางอาจจะไม่รอด..อาจจะไปเฝ้าพระอินทร์แล้วก็ได้ น่าสงสารจริง ๆ





@Admin


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
อื่น ๆ: -

รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-11] จางกงกง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม
โบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม



แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-11] จางกงกง เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2025-6-17 20:49
โพสต์ 20142 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-17 19:28
โพสต์ 20,142 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ผู้มีบุญ  โพสต์ 2025-6-17 19:28
โพสต์ 20,142 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม จาก ทักษะนักดนตรีข้างถนน  โพสต์ 2025-6-17 19:28
โพสต์ 20,142 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2025-6-17 19:28
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-6-21 18:58:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-6-21 23:46


วันที่ ยี่สิบเอ็ด เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเซิน เวลา 15.00 - 17.00 น. ฝึกดนตรีอยู่หอว่านหงเหริน (พบ จางกงกง)


          ณ ยามเซิน แสงแดดอ่อนจากบ่ายคล้อยสาดแสงลอดผ่านม่านบางผืนแพรลงบนพื้นไม้ของหอว่านหงเหริน อากาศอันอบอุ่นปนความเหนื่อยล้าทั้งวัน หลินหยาก้าวกลับมาสู่สถานที่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นของน้ำหอมของน้ำอบ น้ำชา เสียงดนตรี และเสียงหัวเราะบางเบาที่แฝงไปด้วยความเหนื่อยหน่ายและการแสร้งยิ้ม ภายในหอที่เหมือนสวรรค์ลวงตา หญิงสาวผู้หนึ่งที่พึ่งลากลับจากการพักผ่อนดูเหมือนจะหายไปเพียงชั่สครู่เท่านั้น…

          แต่หลินหยาก็โดนใช้งานแทบทันทีไม่มีคำถาม ไม่มีแม้แต่ทำทักทายอะไรนอกแต่จากคำว่า “เจ้าไปบริเารแขกคนเดิมเสียเถอะ..เร็ว!” คำสั่งนั้นเย็นเหยียบ หลินหยารู้ดีว่า แขกคนเดิม นั้นคือใคร ในเวลานี้น่ะ..มีคนเดียวที่เป็นคนสำคัญ ถึงจะไม่เคยทราบชื่อแต่เขาเคยมาพักอยู่ด้านในสุดของฝั่งตะวันตกของหอว่านหงเหริน เธอจำได้แม่น รอยยิ้มบางแต่กดดัน สายตาที่นิ่งราวน้ำลึกไร้กระแส ไม่มีแม้แต่น้ำเสียงจะดังขึ้นด้วยความโกรธหรือยินดี แต่ทุกวาจากลับคมจนบาดปลายลิ้นให้ขาดสะบั้น

          หญิงสาวจัดเสื้อผ้าตนเองให้เรียบร้อย หอบตลุ่นไม้ประจำตัวติดมือไปพร้อมถาดไม้ที่มีอาหารชั้นดีจากครัวชั้นบนก่อนที่จะเคาะประตูเบา ๆ สองครั้ง แล้วคุกเข่าลงเปิดประตูเข้าไปเงียบ ๆ ตามฉบับของสาวใช้

          ภายในห้องนั้นมีเพียงกลิ่นหอมอ่อนของกฤษณาจุดไว้ในกระถาง และบุรุษผู้หนึ่งที่นั่งเอนกายข้างพนักพิงหมอนอิงบนเสื่อปูพื้นสีดำขลับ ปลายนิ้วของเขายังคงถือพัดพับสีเงินลายงามค้างไว้ ราวกับเพิ่งจะหยุดโบกมันเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด เขาไม่ได้พูดอะไร แต่เพียงปรายตามองมายังหญิงสาวที่กลับมาอยู่เบื้องหน้าเขาอีกครั้ง..

          จางกงกงในครานี้สวมชุดคลุมในสีกลีบเหมยแก่ที่ดูหรูหราแต่อ่อนช้อย เนื้อผ้าทิ้งตัวแนบเนื้อจนแลดูเหมือนกลืนหายไปกับผิวขาวจัดของเขา ใบหน้าเรียบสวยเฉย สงบเย็นย เหมือนพระพุทธรูปองค์หนึ่งในวัดร้าง เธอไม่รู้เลยว่าหากเป็นกับคนอื่นเขาคงยินดีกว่านี้ แม้แสงบ่ายจะสาดเฉียวลงบนดวงหน้าคมนั้น เขาก็ไม่ไหวติง สายตาเยือกเย็นดั่งสายน้ำในลำธารฤดูหนาวที่สะท้อนเงาของหญิงสาวยที่มาคุกเข่าเสิร์ฟอาหารอยู่ตรงหน้า

          “สวัสดีเจ้าค่ะท่านชาย วันนี้มีเป็ดตุ๋นเหล้าร้อนหนึ่ง ถั่วบดห่อแป้ง ส้มโอปอกเปลือก พร้อมสุรานารีแดงหนึ่งจอก หากท่านไม่โปรดสิ่งใด ข้าน้อยจะไปเปลี่ยนให้ทันที” หลินหยาก้มศีรษะต่ำหลบสายตา เสิร์ฟอาหารอย่างเงียบ ๆ ด้วยท่าทางเชี่ยวชาญ

          มันเงียบ..จนกระทั่งเสียงพัดพับนั้นเปิดออกดัง แชะ!! เสียงเบา ๆ แต่นิ่งเฉียบ

          “หลายวันมานี้..เจ้าหายไป” จางกงกงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบเจือเย็นชาราวหิมะบนยอดเขา ไม่ปรากฏความโกรธเคือง แต่ทว่า...ในทุกถ้อยคำกลับมีน้ำหนักกดทับอยู่บนน้ำใจของคนฟัง “ที่หอว่าไว้ เจ้าขอลาไปสิบห้าวันมิใช่หรือ แต่เพียงสี่วันเจ้าก็กลับมาแล้ว” เขาหรี่ตามองเธออย่างนิ่งงัน นิ้วเรียวที่จับพัดเลื่อนไปตามขอบถ้วยสุราบนถาด ก่อนจะหยิบขึ้นจิบเล็กน้อย ดวงตาดำสนิทของเขาจ้องอยู่ที่หญิงสาวตรงหน้า ราวกับจะล้วงความลับทั้งชีวิตออกมาผ่านท่าทางเพียงน้อยนิด

          “หากข้าถามตรง ๆ เจ้าจะโกหกหรือไม่?” เขาพูดโดยที่ไม่มีแววตำหนิ แต่น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยแรงกดดัน ราวกับรู้อยู่แล้ว ว่านางกลับมาเร็วเกินควร..และการหายไปนั้นไม่ใช่แค่ พักผ่อน …ปลายเล็บของจางกงกงที่เรียบสั้นเพื่อความเรียบร้อยยังคงคลึงเบา ๆ ที่ขอบถ้วยสุรา สลับกับพัดในมือ ดวงตายังไม่ละจากเธอแม้แต้น้อย “เจ้าอยากจะเล่าให้ข้าฟัง...หรืออยากให้ข้าใช้วิธีของข้าเพื่อรู้เรื่องกันแน่?” ประโยคนั้นไม่ได้ดัง แต่อุณหภูมิในห้องดูจะลดลงจนแม้แต่เหล้าร้อนในถ้วยก็เย็นลงได้ในทันทีทันใด..

          หลินหยาถึงกับแทบหายใจไม่ทั่วท้อง..อะไรเนี้ย เขาไปกินรังแตนที่ไหนมา? ปกติเขาต้องไม่สนใจเธอที่เป็นแค่สาวใช้ไม่ใช่หรอ? สงสัยอาจจะกำลังอารมณ์เสียอะไรบางอย่างแล้วเอามาลงกับเธอแน่เลย..บ้าจริง แล้วนี้เขารู้เรื่องขนาดนี้ได้ยังไงวะเนี้ย โอ้ยตายจริง

          “เป็นกรุณาที่ท่านชายจะใส่ใจสาวใช้ฝึกหัดเช่นข้าเต้าค่ะ พอดีว่าข้าเพียงแต่ไปทำงานอย่างอื่นเท่านั้นเอง” นางเอ่ยขึ้นบอกอีกฝ่ายก่อนที่จะพยายามทำให้ตัวเองนั้นรอดจากเหตุการณ์นี้ เธอยังไม่อยากโดนไล่ออกจากหอว่านหงเหรินที่ไปทำให้แขกคนสำคัญของเจ้าของหอนั้นอารมณ์เสีย แต่มองยังไงตอนนี้เธอมันก็พื้นรองรับอารมณ์ที่คุกกรุ่นของอีกคนเท่านั้นเอง..

          “หากท่านชายพึงใจ ที่หอเรามีต้วนลู่เจี้ยนจิงเย่าฉาย (น้ำทิพย์กวางตุ๋นยาจีน) เจ้าค่ะ ท่านไม่ออกแม้แต่ตำลึงเดียว” นางเอ่ยขึ้นแล้วก้มมองลงพื้น ไม่มองอีกคน เลิ่กลัก่นิดหน่อย ชิบหายจริง ๆ เขาจะโกรธไหมวะ? ชอบเมนูนี้ไหม? พวกผู้ชายมักจะชอบนี้ เห็นเขาบอกว่ามันช่วยเสริมสรรถภาพท่านชายได้..(แน่นอน หลินหยาไม่รู้ว่าอีกคนเป็นจางกงกง…โดนตอนแล้ว)

          จางกงกงเงียบไปครู่หนึ่ง นิ้วเรียวหยุดหมุนขอบถ้วยสุราทันทีที่คำตอบของหญิงสาวหลุดจากริมฝีปาก เขาไม่ได้มองเธอด้วยแววตาเกรี้ยวกราด ไม่แม้แต่จะขยับคิ้วขึ้นน้อย ๆ แบบใครที่ตกใจหรือแปลกใจหากได้ยินคำแก้ตัวอย่างนั้น มีเพียงสายตานิ่งลึกที่ทอดมองเธออยู่...อย่างที่มนุษย์มักมองวัตถุประหลาดที่ไม่รู้จะจำแนกว่าควรค่าแก่การเก็บไว้ หรือควรรีบโยนลงเตาเผา

          “ทำงานอย่างอื่น?” เขาทวนคำของหลินหยาช้า ๆ น้ำเสียงเรียบแบบสุภาพ แต่หุคนเจนสนามอย่างหลินหยาก็ฟังดูยนังไงมันก็รู้ว่าเขาจงใจ ขยี้ คำที่เธอบอกมา “ข้าเพียงแต่สงสัย ว่ามีงานประเภทใด ที่ทำให้สาวใช้ฝึกหัดจากหอว่านหงเหรินถึงกับต้องหยุดทำงาน เดินออกจากหอไปโดยไม่แจ้งเถ้าแก่..แล้วกลับมาโดยที่ยังกล้าคุกเข่าตรงหน้าข้าได้อย่างสงบนัก” ริมฝีปากของจางกงกงกระตุกขึ้นนิดเดียว รอยยิ้มคล้ายเยาะเย้ยแต่ยังดูเฉย ประดับใบหน้าขาวซีดของเขา ดวงตาดำนั้นเคลื่อนไปหมายจะสบตานางอย่างจงใจ ก่อนที่จะกระซิบแผ่วต่ำแตาเยือกเย็นพอให้หนาวไปถึงขั้วของกระดูกสันหลัง

          “เจ้ามีความกล้าที่น่าสนใจดี หรือเจ้าไม่กลัวอะไรอีกแล้วกันแน่?” แล้วจางกงกงก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ ช้า ๆ ไม่เร่งเร้า แต่ฟังดูน่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าสายฝนที่เริ่มตั้งเค้ากลางฟ้าบ่าย “ข้าจะไม่ถามซ้ำอีกว่าเจ้าหายไปไหนมา เพราะเจ้าคงจะโกหกข้าอีกครั้ง” จากนั้นเขาก็ขยับพัดในมือแล้วถามขึ้นต่อ “ขลุ่ยของเจ้าล่ะ” ถามง่าย ๆ เหมือนไม่มีเกี่ยวกับหัวข้อเมื่อครู่..

          “เล่นให้ข้าฟังสิ เพื่อแลกกับการที่ข้ายังไม่ส่งข่าวบอกเถ้าแก่หอว่าสาวใช้คนหนึ่งหายตัวไปทำข้าต้องได้รับบริการจากคนอื่นที่ทำห่วย ๆ..” เสียงนิ่ง แต่คำขู่นั้นเย็นเยียบราวกับเหล็กกล้าที่ค่อย ๆ กดลงบนต้นคออย่างแผ่วเบา หลินหยากำลังคิดว่าเขาจะฟังเสียงเพลงที่บรรเลง..หรือ..จะฟังเสียงร้องไห้ของเธอกันแน่เนี้ย!!!

          หลินหยานั้นเดินหายไปก่อนที่จะเสิร์ฟอาหารที่บอกตอนแรกให้กับเขา แล้วเสียงขลุ่ยก็ดังขึ้นในห้องไม้เงียบสงบของหอพักฝั่งตะวันตกของหอว่านหงเหริน ท่วงท่าทำนองนั้นไม่ได้จัดจ้านแต่อย่างใด หากแต่ไหลลื่นละมุนประหนึ่งลำธารอุ่น เสียงเป่าค่อย ๆ ลูบไล้บรรยากาศทำให้กลิ่นหอมของอาหารสมุนไพรจีนข้นเข้มลอยคลุ้งผสมกลมกลืนกับเสียงดนตรี กลายเป็นภาพฝันราวกับทิวาที่ยามบ่ายถูกหยุดไว้ในห้วงอารมณ์อันน่าพิศวง

          จางกงกงนั่งนิ่ง มือยังคงจับพัดไว้ไม่ห่างแต่ไม่ขยับตัว..

          ดวงตาสีเข้มของเขาที่มีเงาขนตายาวทอดมองหญิงสาวตรงหน้าผ่านไออุ่นของถ้วยซุปตุ๋นที่วางไว้ตรงหน้าชของคตนเอง ความร้อนนั้นคล้ายไม่อาจแผดเบาอะไรได้มากกว่าที่ความนิ่งแผ่กระจาย เขาหยิบตะเกือบขึ้นใช้ปลายคีบเอาเนื้อกวางที่เปื่อยนุ่มอย่างบรรจง ปลายเอ็นโปร่งใสและรากบัวสีขาวเนื้อแน่นเคลือบซุปจนเป็นเงา เข้าปากเงียบ ๆ ลิ้มรสทุกคำราวตั้งใจจะวิเคราะห์มัน

          แต่เขาหยุดนิ่ง..ริมฝีปากขยับเพียงเล็กน้อยสีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักหากแต่ในแววตาที่เย็นชากลับปรากฎประกายแปลกประหลาด เหมือนมนุษย์ที่เดินอยู่ในความมืดมาเนิ่นนานแล้วถูกแสงวูบหนึ่งแยงตาเข้าอย่างขัง ไม่ใช่เพราะน้ำทิพย์กวางตุ๋นยาจีนอร่อย แต่เป็นจากเสียงขลุ่ย เสียงนั้นไม่ใช่แค่ดี หากแต่มีลมหายใจ จังหวะ ไออุ่นของชีวิต ไม่ใช่เสียงของนักดนตรีฝึกหัดที่ถูกจับยัดให้เป่าขลุ่ยตามตำรา แต่เป็นเสียงของใครคนหนึ่งที่มีหัวใจและใช้มันผ่านปลายนิ้วและริมฝีปาก ..เขาหรี่ตาลงช้า ๆ ฟังอีกครั้งอย่างตั้งใจ

          เสียงที่หวานละมุนนั้นแม้จะไม่หวือหวา แต่กลับมีเอกลักษณ์บางอย่าง...ความอ่อนโยนเจือเศร้า ความกล้าหาญที่ซ่อนอยู่ในความสงบสุข ราวกับเสียงของเด็กสาวผู้กำลังซ่อนบาดแผลไว้หลังเสียงหัวเราะ..

          จางกงกงวางตะเกียบลงช้า ๆ อย่างไร้เสียง "ไม่เคยมีใครในหอนี้...เป่าขลุ่ยให้ข้าฟังแล้วข้าจำได้..เสียงของเจ้าไม่ใช่เสียงของคนที่อยู่ที่นี่นานนัก" เป็นเพียงคำวิจารย์จากชายคนหนึ่งที่ดวงตาเห็นทั้งชีวิตและความตายมานับไม่ถ้วน กำลังนั่งฟังเสียงของหญิงสาวที่ไม่รู้ว่าเธอเสนอส่งอะไรเข้าปากเขาอยู่…

          เมนูนี้..บำรุงกำลังสำหรับบุรุษ

          สิ่งที่น่าตลกคือ..คนที่ถูกตอนจนหมดทางใช้งานในด้านนั้นมานานหลายปีกลับได้กินของนี้จากมือสาวใช้ฝึกหัดที่กำลังนั่งเป่าขลุ่นที่อยู่ตรงหน้าเขา ริมฝีปากของจางกงกงคลี่ยิ้มช้า ๆ แต่หมายตาอย่างวาวโรจน์ประหลาด.. “หึ..” เสียงหัวเราะบางเฉียบถูกปล่อยออกมาเบา ๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรสอาหาร หรือเพราะความน่าขันของสถานการณ์ที่เหมือนสวรรค์แกล้ง

          แม่นางคนนี้..ซื่อบื้อหรือแสร้งโง่กันแน่





@Admin

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
อื่น ๆ: เป็นคนดีที่ส่งของบำรุงกำลังให้คนตอน แน่นอน น้องไม่รู้นี้หว่า!!

รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-11] จางกงกง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม
โบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม
ทักษะนักดนตรี เล่นดนตรี โบนัสความสัมพันธ์ +5
มอบ น้ำทิพย์กวางตุ๋นยาจีน อาหารเกรดแดง ความสัมพันธ์ +30 (ส่งแล้ว)
(อาหารปรุง) ค่าความสัมพันธ์ +5



แสดงความคิดเห็น

ความสัมพันธ์หัวใจสองดวงตันแล้ว  โพสต์ 2025-6-21 19:14
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-11] จางกงกง เพิ่มขึ้น 90 โพสต์ 2025-6-21 19:14
โพสต์ 26607 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-21 18:58
โพสต์ 26,607 ไบต์และได้รับ +10 EXP +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-6-21 18:58
โพสต์ 26,607 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ผู้มีบุญ  โพสต์ 2025-6-21 18:58
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้