[ประตูวังทิศเหนือ] ประตูเสวียนอู่

[คัดลอกลิงก์]







ประตูเสวียนอู่








玄武門
ประตูเสวียนอู่


ประตูทางทิศเหนือของพระราชวัง เป็นประตูหลังวังที่มักจะเป็นจุดผ่านของข้ารับใช้มากมาย ทั้งข้าหลวง นายช่างก่อสร้าง แม้แต่นางกำนัล สตรีที่เข้ารับคัดเลือกเป็นนางในจะต้องเข้าออกวังผ่านประตูนี้

สำหรับบุคคลภายนอกหากจะเข้าเขตวังจะต้อง
โรลเพลย์เข้าออกผ่านประตูเสวียนอู่ก่อน
เพื่อตรวจสอบเอกสาร และ ฝากอาวุธ


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 2435 ไบต์และได้รับ 1 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-7-20 21:37
โพสต์ 2024-7-21 00:53:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน




     ผ่านไปหนึ่ง ก้านธูป สตรีในอาภรณ์สีเขียวไม้ไผ่ธรรมดาเช่นคุณหนูในจวนผู้ดีสักจวนปักปิ่นไม้ประดับหยกคลุมทับด้วยหมวกไผ่ผ้าคลุมไหมโปร่งบางปักลายเมฆาสีเงินเดินตามขันทีผู้น้อยมาจนถึงประตูพระราชวังทางทิศเหนือ ดวงตากลมจดจ้องผ่านความโปร่งแสงของไหมบางชั้นดีมองเห็นบุรุษหน้าตายคุ้นเคยในอาภรณ์สีขาวสว่างแลทะมัดทะแมงเช่นคุณผู้ชายผู้เป็นจอมยุทธท่องใต้หล้าพร้อมอาชาคู่ใจ หากนางมิได้รู้จักเขาคงพิศมองไม่หน่ายเป็นแน่

  “ก็งามไม่หยอก”

   นิสัยชมชอบบุรุษงามกำเริบไม่รู้เวล่ำเวลา ริมฝีปากแต้มชาดเอ่ยออกมาอย่างไม่รู้ตัว แว่วเสียงใสที่เอ่ยอย่างแผ่วเบาดูคล้ายว่าจะส่งไปถึงบุรุษหูดีเช่นผู้เยี่ยมยุทธจนใบหน้าที่นางเอ่ยชมหันมาทอดพระเนตรตามน้ำเสียงเจ้าของคำกล่าว ทั้งยังเลิกคิ้วโก่งจนนางต้องกระแอมไอแก้เก้อเขินจากอาการปากพล่อยชมบุรุษงามจนเสียนิสัย เลื่อนสายตาไปไม่ไกลก็มีจางกงกงในอาภรณ์ไม่ต่างอยู่ข้างกายราวกับเงาตามติด

   “ถวายบังคมองค์หวงตี้—”

  “ต่อจากนี้เจิ้นเป็นเพียงบุรุษผู้หนึ่ง หาใช่หวงตี้ไม่ จงระวังคำให้ดี”

   “แล้วจะให้หม่อมฉันเอ่ยขานท่านเช่นไร”


   “จิ่วเกอ เป็นฟูจวินของเจ้า”

   “...”

   สุรเสียงทรงอำนาจตรัสแก่นางอย่างชัดถ้อยประหยัดคำ ทว่าประโยคเหล่านั้นปม้ไม่ได้ผิดไปจากความเป็นจริง ทว่ามันกลับทำให้ดวงตาของสตรีภายใต้หมวกไผ่ผ้าคลุมเบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจที่เป็นบุรุษผู้เอ่ยไม่ถึงครึ่งคำกล่าวออกมาด้วยตนเอง ไม่ช้าเมื่อไม่เห็นนางเอ่ยตอบสิ่งใดมือหนาก็ยื่นมาหาเพื่อเชื้อเชิญ ดวงตากลมจดจ้องมือของเขาก่อนจะเลื่อนขึ้นสบดวงตาคมราวกับต้องการเสาะหาบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในทว่ากลับไม่อาจหยั่งรู้ได้เลย นางจึงทำได้เพียงยื่นมือบางขาวซีดราวกับกระเบื้องไปอย่างว่าง่ายก้าวขาตามแรงดึงแผ่วเบาเพื่อเชื้อเชิญให้นางเดินเข้าใกล้ทั้งเจ้าของมือหนาและอาชาทรงสง่า

   “เราจะขี่ม้า เจ้าขี่เองได้หรือไม่ ?” สิ้นวจีเอ่ยถามใบหน้างามพลันส่ายเบา ๆ ร่างสูงแลเห็นก็รับทราบและมุมปากพลันยกขึ้นอย่างไม่น่าไว้วางใจเพียงเท่าใดราวกับบุรุษผู้นี้มีกระไรในใจเต็มไปหมด จากที่กอมกุมมือบางก็เลื่อนมาจับเอวและยกขึ้นหลังม้าอย่างง่ายดายราวกับยกนุ่นลอยขึ้นไป จากการกระทำนี้ทำเอาเหลียนฮวาเผลอร้องออกมาด้วยอารามตกใจเรียกเสียงขบขันทุ้มต่ำเป็นอย่างดี ฮั่นอู่ตี้ในคราบของบุรุษนามจิ่วเกอโยนกายขึ้นหลังอาชาตัวเดียวกัน โอบร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมแขนไปโดยธรรมชาติ “ก็ดี ในเมื่อฉางซานเชียงหวางอยากให้ข้าถนอมเจ้า เช่นนั้นข้าก็จะถนอมเจ้า”

   คล้ายโกรธไม่ออกร้องไม่ได้ ทำเพียงเก็บกลั้นเอาไว้ในอก เว่ยเจียเหลียนฮวาผู้ที่บัดนี้ต้องเป็นเด็กว่าง่ายเพื่อความปลอดภัยทำได้เพียงทดความอัดอั้นนี้เอาไว้ภายในใจ

   บุรุษสกุลหลิวเป็นบุรุษตัวดีทั้งสกุลเลยหรือ




[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้

+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน

ใครน้า ใครตามมาอ่ะ ฝากบอกด้วยนะว่าอยากมีคนจริงใจที่เป็น หวาง สักคนมาโผล่มาหาจังน้า เฮ้อ อยากเจอคนงามในฝันจังเลย
@Admin 

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 2024-7-21 01:31
โพสต์ 10214 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-7-21 00:53
โพสต์ 10,214 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-7-21 00:53
โพสต์ 10,214 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2024-7-21 00:53
โพสต์ 10,214 ไบต์และได้รับ +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2024-7-21 00:53
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2024-7-22 17:48:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน




     ใช้เวลาราว เกือบชั่วยามได้ ในที่สุดทั้งสามก็กลับมายังพระราชวังอันยิ่งใหญ่ แม้ไม่อยากจะยอมรับเท่าใดนัก ทว่าในฐานะพระสมเว่ยเจียเหม่ยเหริน พระราชวังแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ที่นางต้องจำใจเรียกมันว่าบ้านเสียแล้ว เมื่อฝีเท้าอาชาหยุดลง ร่างสูงเจ้าของอ้อมแขนแกร่งคอยประคองให้นางนั่งอยู่ได้โดยง่ายก็โยนกายลงจากหลังอาชาและอุ้มนางลงมายืนบนพื้นโดยสวัสดิภาพ ในยามนี้ที่ผ่านจากเหตุการณ์นั้นร่วมชั่วยามแล้วสติก็กลับมาความสงบก็พลันหวนคืน

  “ตามเว่ยชิงกับเถียนเฟิงมาที่ตำหนักข้า”

   สุรเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นทันทีที่ก้าวเข้าวัง ลาจากฐานันดรปลอม ๆ อย่างจิ่วเกอฟูจวินหวนคืนสู่องค์จักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ จางกงกงผู้ได้รับคำสั่งถวายบังคมรับกระแสรับสั่งก่อนจะไปตามที่ได้รับมอบหมาย นางที่หมายจะรั้งรอเพื่อเอ่ยขอบคุณสำหรับวันนี้ก่อนก็ต้องแน่นิ่งค้างเมื่อได้ยินประโยคสั้น ๆ เมื่อเหลือเพียงสองคน

   “เจิ้นไปส่ง”

   “ขอบพระทัยเพคะ…”

   อยากจะบ้าตายให้รู้แล้วรู้รอด


   ไม่ต้องสืบ หากสตรีผู้ได้รับการพลิกป้ายคนแรกยังเกิดข่าวลือ เช่นนั้นแล้วนางที่องค์หวงตี้เดินมาส่งถึงเรือนจะไร้ข่าวไปได้อย่างไร คิดเห็นเช่นนี้แล้วนางอยากจะย้อนเวลากลับเทือกเขาเมื่อครู่นี้แล้วตกลงปลงใจหนีไปกับปีศาจหนุ่มรูปงามคนนั้นเสียเลย !!




จบอีเว้นท์ +1 ปรนนิบัติ / +15 ตบะฝึกฝน / +15 EXP


[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้
+20 หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน
ใส่มาเพราะคร้านจะลบออก

เมื่อไหร่ผมจะได้เจอฟูจวินที่แท้จริงของดวงใจผม รักนะคะ หว่ออ้ายหนี่ ซารางเฮโย ฉางซานเซียนหวาง
@@Admin 

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2024-7-22 21:10
โพสต์ 6503 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-7-22 17:48
โพสต์ 6,503 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-7-22 17:48
โพสต์ 6,503 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2024-7-22 17:48
โพสต์ 6,503 ไบต์และได้รับ +1 ความชั่ว +2 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2024-7-22 17:48

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตบะฝึกฝน +15 ปรนนิบัติ/ฝึกซ้อม +1 ย่อ เหตุผล
Watcher + 15 + 1

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21

3

กระทู้

122

ตอบกลับ

3259

เครดิต

เริ่มมีชื่อเสียง

พลังน้ำใจ
2168
ตำลึงทอง
110
ตำลึงเงิน
441
เหรียญอู่จู
15357
STR
66+13
INT
65+0
LUK
0+5
POW
50+0
CHA
15+0
VIT
13+5
คุณธรรม
2314
ความชั่ว
1069
ความโหด
2532
โพสต์ 2024-7-24 22:54:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด




ถึงประตูวังแร้ว/คลานต้วมเตี้ยม@Admin
ตอนนี้มอบตำลึงทิพย์ให้น้องโหยวไปก่อน ชาติหน้ามีจริงฉันใดเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาค่อยหักลบกลบหนี้กันนะคะ <3


CHAPTER 12


วันที่ยี่สิบสี่เดือนเจ็ดแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ
ช่วงเวลา 15.00-17.00 น.


หลงเยวี่ยย้ายออกจากห้องพักในโรงเตี๊ยมชางลั่งถิงมาที่จวนว่างแห่งหนึ่ง เพื่อใช้เป็นที่ส่งตัวเข้าวัง เวลานี้เมฆหมอกขมุกขมัวเหนือน่านฟ้าหลัว ราวกับอาภรณ์อันหมองเศร้าของเทพเซียน แสงอาทิตย์เล็กๆ ใกล้ยามตะวันรอนพลันสาดส่องมาจากทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เกิดเป็นแสงรำไรทาบทอลงบนผ้าอันงดงามที่กรมพิธีการส่งมาสำหรับเข้าวังในวันนี้

สองถนนข้างทางเต็มไปด้วยชาวบ้านในระแวกใกล้เคียงที่มาชมขบวนรับนางในเข้าวัง ตำแหน่งของหลงเยวี่ยเป็นถึงนางในขั้นสี่ขบวนเกี้ยวที่มารับซึ่งพรั่งพร้อมด้วยขุนนาง(กรมพิธีการ) ขันที และนางกำนัลจึงยิ่งใหญ่มิใช่น้อย

หลงเยวี่ยถูกประคองเดินบนผ้าแพรขึ้นไปบนเกี้ยวพร้อมกับเสียงปะทัด กลอง และปี่ที่ดังอวยพรแสดงถึงงามมงคล เศษกระดาษสีแดงราวกับหยดเลือดปลิวว่อนไปทั่วสองข้างทาง หากในความครึกครื้นนั้นก็ยังมีเสียงโจษจันแทรกเข้ามาเป็นพักๆ

“นางคือคุณหนูจากสกุลตวนมู่รึ!?”

“ใช่— ได้ยินว่าตั้งแต่เหอซีอิงกงพ่ายแพ้ที่ชายแดนสกุลตวนมู่ก็อาศัยอยู่ที่เจียงซูมาตลอด ฝ่าบาทยังไม่ลืมคุณความดีของท่านกง ถึงคราวคัดเลือกหญิงงามถึงได้เชิญนางมาด้วย”

“ท่าทางของนางก็ไม่ได้ดีอะไร เป็นเพียงคุณหนูจากตระกูลตกยากเท่านั้น ข้าได้ยินมาว่านางอายุถึงสิบเก้าปีแล้วก็ยังไม่แต่งงานไม่หมั้นหมาย นิสัยของนางคงจะหยาบกระด้างไม่ต่างจากผู้ชายในกองทัพ ถึงไม่ได้แต่งงานเสียที”

“เจ้าช่างไม่รู้อะไรซะแล้ว— เหอซีอิงกงเป็นถึงท่านเจ้าพระยา นางเป็นธิดาเพียงคนเดียวอายุสามขวบก็นั่งบนหลังม้าควบผ่านทะเลทราย อายุห้าขวบก็มีที่นาหลายร้อยหมู่ คนบ้านนอกหรือจะเข้าตานาง เป็นเพราะนางปักใจรักฝ่าบาทมาตลอดหลายปีต่างหากถึงไม่ยอมแต่งงานสักที”

“หญิงสาวเลยวัยแต่งงานแล้วเช่นนี้เข้าวังก็คงเป็นได้แค่หญิงแก่เฝ้าตำหนักใน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเวลานี้ฝ่าบาทกำลังโปรดปรานเว่ยเจียเหม่ยเหรินธิดาเจ้ากรมโยธา เห็นว่าเสด็จพานางไปถวายตัวถึงที่นอกวัง แล้วยังเสด็จไปส่งนางที่ตำหนักด้วยพระองค์อีก

“---ชักช้าจริงๆ” หลงเยวี่ยที่พลันได้ยินเสียงซุบซิบที่ค่อนข้างจะดังเกินเหตุเกิดรู้สึกหงุดหงิดในใจ นางกำนัลที่อยู่ข้างกายกระซิบเบาๆ “ขออภัยนายหญิงเมื่อสักครู่เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย กรมพิธีการกำลังแก้ไขสถานการณ์ ขอนางหญิงโปรดรอสักครู่”

แม้จะเป็นเวลาบ่ายทว่าอากาศเดือนเจ็ดนั้นร้อนอบอ้าว หลงเยวี่ยกำพัดในมือโบกสองสามที ตวัดเสียงถาม “อุบัติเหตุอะไร”

“เอ่อ…คือ…”

นางกำนัลมีท่าทีอ้ำอึ้งจนน่ารำคาญใจ หลงเยวี่ยเปิดม่านออกมองไปด้านนอก เห็นขบวนเกี้ยวส่งนางในเข้าวังอีกคันหยุดอยู่ ที่หัวขบวนมีขุนนางกรมพิธีการสองคนกำลังโต้เถียง ยกไม้ยกมืออย่างไม่มีใครยอมใคร

นางกำนัลที่รับใช้หลงเยวี่ยในช่วงเวลาที่ได้รับบาดเจ็บเห็นว่าอย่างไรก็ไม่ทันแล้วจึงเอ่ยอธิบาย “ขบวนรับนางในของฉินเหม่ยเหรินก็เข้าวังวันนี้เพคะ กำหนดการของกรมพิธีการคงจะผิดพลาดสองขบวนถึงชนกัน—”

“ในกำหนดการผู้ใดควรไปถึงก่อนผู้ใดควรไปถึงทีหลัง”

“...เรื่องนี้” นางกำนัลลอบสบตากัน หากกล่าวว่า ตวนมู่เหม่ยเหริน ก็คงจะเกิดเหตุให้ต้องผิดใจกับขุนนางกรมพิธีการที่กำลังฟาดน้ำลายกันอยู่ หรืออาจจะร้อนไปถึงผิดใจกับฉินเหม่ยเหรินก็เป็นได้ พวกนางตระหนักในนิสัยของหญิงสกุลตวนมู่ที่ทำเรื่องใดค่อนข้างผลีผลามและใช้อารมณ์ เพื่อความสงบเรียบร้อยของเหตุการณ์จึงยากจะเอ่ยปาก

'จิ๊' หลงเยวี่ยหรี่นัยน์ตาลง แล้วแค่นเสียงหัวเราะ “ใครจะมาก่อนหลังแล้วอย่างไร ดูท่าหญิงสกุลฉินอย่างไรก็คงไม่ยอมให้ข้ากระมัง”

นางกำนัลทั้งสองกลัวว่าเรื่องราวจะเลยเถิดไปกันใหญ่ หนึ่งในนั้นจึงรีบเอ่ย “นายหญิงกล่าวหนักเกินไปแล้ว เรื่องนี้เป็นเพียงความเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ ของข้ารับใช้เท่านั้น—”

“เช่นนั้นหรือ–” นางหรี่นัยน์ตาหวานล้ำ ก่อนจะเอนกายลงพิงหมอนแล้วโบกพัดในมือ สายตาชมละครลิงเบื้องหน้า พลันเห็นท่าทางหน้าเสียของขุนนางฝ่ายตนเอง ในใจก็ขุ่นเคือง

นางและหญิงสกุลฉินต่างมีตำแหน่งเหม่ยเหริน จะใครเข้าก่อนเข้าหลังก็ต้องหมางน้ำใจกันอยู่แล้ว

กล่าวในอีกด้านหนึ่ง— ขุนนางฝ่ายกรมพิธีการทั้งคู่ต่างเป็นหัวขบวนที่จะต้องนำ ‘นายหญิงน้อย’ เข้าวังให้ทันฤกษ์ยาม ความจริงการจัดขบวนจะไม่ใช้เวลาที่ตรงกัน เพียงแต่จู่ๆ หญิงสกุลฉินหมายใจจะใช้เส้นทางสายนี้ เมื่อมาถึงกลางทางย่อมต้องชนกับขบวนของหญิงสกุลตวนมู่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ในใจจึงเกิดอยากประชันกับหญิงสกุลตวนมู่ที่เข้าวังในเวลาเดียวกัน

ขบวนหญิงงามสองขบวนผู้ที่มาทีหลังย่อมมีตำแหน่งต่ำกว่า

ฉินเหม่ยเหรินอาศัยว่าตนเป็นธิดาของรองเจ้ากรมองครักษ์ นับว่าเป็นสกุลใหญ่ที่มีเกียรติ สกุลตวนมู่แม้จะเคยมีศักดิ์เป็นถึงเจ้าพระยาแต่เวลาก็เป็นเพียงสกุลสิ้นไร้อำนาจสกุลหนึ่ง หญิงสกุลตวนมู่อย่างไรก็ควรอยู่อย่างเจียมตัว ฉินเหม่ยเหรินย่อมจงใจใช้โอกาสนี้ป่าวร้องว่าผู้ใดอยู่เหนือกว่า

หากว่าความคิดอันตื้นเขินของหลงเยวี่ยก็เป็นไปในทางเดียวกัน หากนางยอมในครั้งนี้มิใช่ว่าต้องยอมตลอดไปหรอกหรือ หลงเยวี่ยย่อมไม่ยอมให้ถูกดูหมิ่น

นัยน์ตาหวานล้ำกดลง

หลงเยวี่ยพับพัดแตะลงที่บ่าของจือซินเอ่ยด้วยเสียงหวานฉอเลาะชวนเสนาะหู “เจ้า— ไปบอกขุนนางกรมพิธีการที่หน้าขบวน ขบวนของข้ามีนัดหมายเข้าวังให้ทันฤกษ์ ไม่หลีกทางให้ใครทั้งสิ้น!

“เจ้าค่ะ”

จือซินเดินซอยเท้าไปด้านหน้าขบวนด้วยใบหน้าสุขุม ตอนที่ไปถึงขุนนางจากกรมพิธีการสองคนก็กำลังโต้แย้งและเจรจากันด้วยหลักเหตุและผลโดยมีขันทีเป็นลูกคู่

“ใต้เท้าอี๋— ตามกำหนดการแล้วพวกท่านจะต้องไปที่ถนนอีกสาย ตอนนี้มาใช้ถนนเส้นเดียวกัน แล้วจะมาขวางเส้นทางพวกข้าอีก พวกเราล้วนแต่เป็นขุนนางในกรมเดียวกัน งานของข้าไม่ราบรื่น ฝ่ายท่านก็พลอยติดลากแห่ไปด้วย เห็นแก่หน้าพวกเราที่กลมเกลียวกันมาและใต้เท้าท่านเจ้ากรม ท่านหลีกทางให้เราเถิด—-”

กล่าวมาตั้งมาก สรุปคือ ‘เจ้าเปิดทางให้ข้า!’

“พี่หยวนอย่าเพิ่งมีโทสะ” ใต้เท้าอี๋ส่งเสียงเบรก “อันว่าขบวนของข้าเดินทางมาจากจวนสกุลฉินที่อยู่ไกลถึงท้ายเมือง ฉินเหม่ยเหรินมีสุขภาพร่างกายอ่อนแอนั่งเกี้ยวโคลงเคลงนานๆ ก็เวียนหัว ใต้เท้าฉินแห่งกรมราชองครักษ์ขอให้พวกเราเร่งเดินทาง เลยต้องอาศัยเส้นทางนี้ที่เร็วกว่า ฝ่ายตวนมู่เหม่ยเหรินอย่างไรก็เป็นขบวนที่จัดขึ้นมาแทรกอย่างเร่งด่วน พี่หยวนเห็นแก่หน้าข้าเถิด เพียงหลบทางให้พวกเราไปก่อนก็พอ”

ใต้เท้าหยวนแปลความได้ว่า ‘นี่คือธิดาของใต้เท้าฉินแห่งกรมองครักษ์เชียวนะ เจ้าต่างหากที่ต้องถอย’

ใต้เท้าหยวนมีสีหน้าไม่สู้ดี กรมองครักษ์นั้นอยู่ใต้สังกัดใต้เท้าเถียน-เถียนเฟิง องคมนตรีฝ่ายพลเรือน (ต้าซือคง) ก็จริง ทว่ายศศักดิ์อำนาจและฐานะมิใช่ว่าอยู่ใต้ใคร ลำดับขั้นใดเพียงเท่านั้น ยังขึ้นอยู่กับว่ารับใช้ใกล้ชิดฝ่าบาทมากเท่าใดด้วย เมื่อได้ยินชื่อของรองหัวหน้าหน่วยองครักษ์ในใจก็เกิดว้าวุ่น แม้จะไม่อยากเสียหน้ายอมถอยให้พี่น้องร่วมกลมเดียวกันก็ตาม

ความจริงใต้เท้าหยวนผู้นี้ตอนอยู่ในกรมก็ถูกข่มเหง นี่ทำตามกำหนดการอย่างถี่ถ้วน มิวายต้องถูกข่มเหงอีก! ใช้ได้ที่ไหนกัน!

ในจังหวะที่ใต้เท้าหยวนจะยอมอ่อนข้อนั้นเอง จือซินพลันปรากฏกาย นางเอ่ยอย่างสงบเสงี่ยม “ใต้เท้าหยุดขบวนมานานแล้ว นายหญิงเอ่ยให้ท่านเร่งเดินทาง มิเช่นนั้นจะไม่ทันฤกษ์เข้าวังแล้ว”

จือซินมิใช่สาวใช้ในวัง หากแต่พิจารณาจากเครื่องแต่งกายก็ทราบได้ชัดแจ้งว่าเป็นนางกำนัลที่จะเข้าวังไปพร้อมกับนายหญิง ซึ่งจะแยกออกไปอยู่ที่ฝ่ายอบรมนางกำนัลค่อยๆ ใต้เต้าขึ้นมา เพียงแต่ฐานะ ‘บ่าวรับใช้ก่อนเข้าวัง’ นี้ผู้อื่นย่อมไว้หน้าอยู่มาก ดังนั้นแล้ว ใต้เท้าทั้งสองจึงฟังคำของบ่าวหญิงนางนี้โดยพร้อมเพรียง

ถ้อยคำที่จือซินเอ่ยใครต่างก็ทราบหากแต่ความนัยที่แฝงไว้คือ ‘ข้าไม่ยอมหลีกทาง!’

ขันทีน้อยที่อยู่ข้างกายท่านหยวน คล้ายว่าจะไม่ชอบหน้าใต้เท้าอีกฝ่ายอยู่เช่นกัน เมื่อประสบโอกาส เขาก็โค้งตัวลงต่ำประสานมือคารวะไปทางใต้เท้าอี๋ เอ่ยอย่างรู้ความ “ท่านใต้เท้า ตวนมู่เหม่ยเหรินความจริงแล้วก็ประสบอุบัติเหตุระหว่างเดินทางเข้าวัง เบื้องบนยังจัดกูกูและหมอหลวงจากด้านในให้มาช่วยดูแลเป็นพิเศษและยังอนุโลมให้เข้าวังในรอบนี้เป็นพิเศษ เวลานี้อาการของนายหญิงเพิ่งทรงตัวสามารถเข้าวังได้ ถึงนายหญิงฉินจะร่างกายอ่อนแอแต่ท่านใต้เท้ารองเจ้ากรมองครักษ์นั้นใส่ใจธิดาตลอดมาเราต่างทราบกันดี….”

ขันทีน้อยเหลือบสายตามองใต้เท้าอี๋พลางผินกายเบี่ยงข้าง หลบทางให้ใต้เท้าอี๋มองเห็นกูกูที่เพิ่มมาสองนางและหมอหลวงอีกสองคนที่ติดตามขบวนมาด้วย ใต้เท้าอี๋เห็นชัดถนัดตาก็เย็นวาบที่สันหลังรู้สึกคล้ายสายลมเปลี่ยนทิศ เกิดสะดุ้งเบาๆ ขึ้นมา ขันทีน้อยเห็นอากัปกิริยาเช่นนั้นก็เข้าใจได้ในปราดเดียว “นายหญิงฉินเป็นผู้มีเมตตาสมดั่งกุลสตรีที่งดงามทั้งกายและใจ ข้าว่าอย่างไรนางจะต้องเห็นแก่หน้าฝ่าบาทและนายหญิงตวนมู่ที่เพิ่งผ่านเคราะห์กรรมมา ยินยอมเปิดทางให้ ใต้เท้าอย่าให้ชื่อเสียงของนายหญิงฉินต้องมัวหมองเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี้เลย”

“ใต้เท้าหยวน รีบเดินทางเถิด—-”

“เหอะ เหอะ พี่อี๋— ข้าย่อมเข้าใจความกังวลของท่าน ครั้งนี้นายหญิงตวนมู่ร่างกายไม่สู้ดี เบื้องบนเป็นกังวล หวังว่าท่านจะยอมเข้าใจช่วยอธิบายเรื่องนี้แก่ท่านรองหัวหน้าองครักษ์ด้วย”

ใต้เท้าหยวนยกมือคำนับ แล้วหัวเราะร่าสั่งขบวนส่งตัวนางในของฝ่ายตวนมู่เหม่ยเหรินผ่านเส้นทางไป อีกฝ่ายยกเบื้องบนมาอ้างขนาดนี้ใต้เท้าอี๋จึงได้แต่ก้มหน้ายอมรับ

ฉินเหม่ยเหรินที่ชมเหตุการณ์อยู่ด้านในเกี้ยวรับรู้เหตุการณ์ทั้งหมด ก็ตกตะลึงจนเสียกิริยาเปิดม่านออกมาดูให้ชัดๆ “--พวกเจ้า!” แต่เมื่อคิดถึงคุณงามความดีเกียรติของสตรีที่ขันทีสรรเสริญไว้ นางก็ทำได้เพียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในจังหวะที่เกี้ยวของหลงเยวี่ยเคลื่อนผ่านเกี้ยวของหญิงสกุลฉิน หลงเยวี่ยเปิดม่านออกมาพอดี นางยักคิ้วหลิ่วตาพลางยกยิ้มเย้ยหยันความปราชัยในครั้งนี้ของหญิงสกุลฉิน ครั้นปิดม่านลงยังได้ยินเสียงตวาดว่า “นังตัวดี!” แว่วเข้ามาในเกี้ยว ช่างชวนให้สำราญยิ่งนัก

“จือซิน— เรียกขันทีที่เอ่ยคำพูดเมื่อสักครู่มาพบข้า” ครั้นคิดถึงความกล้าพูดกล้าเจรจาของขันทีน้อยนั่นแล้ว หลงเยวี่ยพลันมีแก่ใจอยากชุบเลี้ยงขึ้นมา

“นายหญิง กระหม่อมอยู่นี่แล้ว”

“เจ้ามีนามว่าอะไร”

“เสี่ยวโหยวจื่อพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าจะจดจำนามของเจ้าไว้ จือซิน มอบรางวัล—”

จือซินมอบตำลึงก้อนหนึ่งให้แก่เสี่ยวโหยวจื่อที่ทำหน้าอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะละล่ำละลักเอ่ย “บ่าวย่อมรับใช้เจ้านายในวังอย่างดีที่สุด ขอบพระคุณนายหญิง”

“จากนี้จะถือว่าเจ้าเป็นคนของข้า มีเรื่องอะไรข้า…ย่อมช่วยออกหน้าอย่างแน่นอน” เห็นแก่ที่ใจกล้าออกปากแทนนาง “เจ้าไปได้แล้ว”

หลังจบเรื่องแย่งชิงลำดับก่อนหลังเดินเข้าสู่หน้าประตูวังกับหญิงสกุลฉิน หลงเยวี่ยก็ถูกประคองลงจากเกี่ยวลงมาที่หน้าประตูเสวียนอู่ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือ กล่าวว่าเป็นนางสนมแม้จะมีลำดับยศศักดิ์ขั้นสูงปานใด ฐานะที่แท้จริงก็ยังคงเป็นเพียงอนุภรรยาที่ไม่มีสิทธิ์เข้าออกประตูหลัก จำต้องใช้ประตูข้างเท่านั้น ก่อนหลังไม่นานหญิงสกุลฉินก็มาถึงหน้าประตูเช่นเดียวกัน

เพียงสบตากันอีกครั้ง ร่างอรชรแน่งน้อยก็เผยรอยยิ้มเหยียดหยัน “---มาก่อนก็ใช่ว่าจะต้องเข้าไปก่อน เสียแรงตวนมู่เหม่ยเหรินต้องรอข้าจริงๆ”

“ฟังว่าขบวนของน้องหญิงฉิน— รั้นจะใช้เส้นทางเดียวกับข้าให้ได้ ถึงกับทำลายกำหนดการของกรมพิธีการ สกุลฉินของพวกเจ้าช่างยิ่งใหญ่คับฟ้าเสียจริง มีลูกสาวเช่นเจ้านับว่าประเสริฐ”

เบื้องหน้าประตูมีเหล่าขันทีและนางกำนัลอีกชุดรอรับรองพานางสนมแยกย้ายเข้าไปตำหนักของตนเอง เมื่อเห็นว่าครบองค์ประชุมแล้วก็มีคนเดินเข้ามาผายมือเอ่ยเรียกหลงเยวี่ย “ตวนมู่เหม่ยเหรินเชิญทางนี้”

หลงเยวี่ยแย้มยิ้มผ่านนัยน์ตา “ทำให้น้องหญิงผิดหวังแล้ว—” (ก็ยังคงเป็นข้าเข้าไปก่อนอยู่ดี)

—----


++ ข่าวซุบซิบ ++
มีคนซุบซิบปากต่อปากกันจนผ่านไป 100 คนทำให้ข่าวผิดเพี้ยน ร่ำลือกันว่าเว่ยเจียเหม่ยเหรินเป็นที่โปรดปรานและถูกพระทัยฝ่าบาท ทั้งสองดูเหนื่อยอ่อนแรงกันอย่างมากไม่ทราบว่าไปไหนกันมา หรือว่าอาจจะกระทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงเยอะ......... ถึงขั้นฝ่าบาทต้องผคองไปส่งเว่ยเจียเหม่ยเหรินที่เรือนพักด้วยพระองค์เอง
และดูจะทะนุถนอมเว่ยเจียเหม่ยเหรินอย่างมาก
+15 EXP สำหรับผู้ฟังข่าวลือ



แสดงความคิดเห็น

ไม่ได้แท็กท้าทายขออีเว้นท์ แต่จากโรลเพลย์มีอัตราเข้าสู่อีเว้นท์ใหญ่ หากตกลงแจ้งส่วนตัว Y หากไม่ตกลง N  โพสต์ 2024-7-25 09:31
คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2024-7-25 09:31
โพสต์ 35825 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-7-24 22:54
โพสต์ 35,825 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 ความชั่ว +8 ความโหด จาก บาดเจ็บสาหัส  โพสต์ 2024-7-24 22:54
โพสต์ 35,825 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +2 ความชั่ว +5 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2024-7-24 22:54
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
นักสู้
บทสวดมนต์ฉบับคัดลอก
บาดเจ็บสาหัส
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินเฉิน(เหม่ยเหริน)
ผีผา
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x5
x1
x18
x3
x3
x7
x8
x2
x3
x4
x4
x1
x2
x3
x5
x1
x3
x18
x1
x5
x3
x1
x1
x5

3

กระทู้

122

ตอบกลับ

3259

เครดิต

เริ่มมีชื่อเสียง

พลังน้ำใจ
2168
ตำลึงทอง
110
ตำลึงเงิน
441
เหรียญอู่จู
15357
STR
66+13
INT
65+0
LUK
0+5
POW
50+0
CHA
15+0
VIT
13+5
คุณธรรม
2314
ความชั่ว
1069
ความโหด
2532
โพสต์ 2024-7-25 21:23:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Longyue เมื่อ 2024-7-26 21:24





ยังไม่ทันเข้าวังก็คลาดจากประตูวังแล้ว
@Admin ตอนต่อเจอกันพรุ่งนี้นะคะ /โบกมืออำลา
ปั้มหัวใจยากจัด


CHAPTER 13


วันที่ยี่สิบสี่เดือนเจ็ดแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ
ช่วงเวลา 17.00-19.00 น.
[การพบเจอครั้งแรกกับถิงเว่ย]


หลังคาสีแดงสลับทองซ้อนทับกันอย่างสลับซับซ้อนอยู่เบื้องหลังประตูเสวียนอู่ เกิดเป็นภาพประหนึ่งเขาวงกตที่จะกลืนกินชีวิตผู้คน หลงเยวี่ยพลันหนึ่งถึงถ้อยคำที่ท่านอาหญิงเคยกล่าวถึงชีวิตของสนมนางใน “ฝูงปลาหลี่กระโดดผ่านประตูมังกร หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังคือสุสานปลา” นัยน์ตาพลันรู้สึกสะทกสะท้อนใจ เบื้องหลังประตูบานนี้คือชีวิตใหม่ที่นางจำต้องใช้ทั้งชีวิตฟาดฟันกับสตรีอื่นเพื่อบุรุษที่มิได้มาดหมายในตัวนาง

รอยยิ้มถือดีพลันประดับยกอย่างแช่มช้อยและงดงามที่มุมปาก

นี่ย่อมเป็นชะตากรรมที่นางเลือกด้วยตนเอง

“กระหม่อมมีนามว่าหงอวี๋รับหน้าที่ปรนนิบัติรับใช้เชิญนายหญิงน้อยไปที่ตำหนัก— นายหญิงน้อยเชิญทางนี้” หลงเยวี่ยประคองแขนของขันทีเดินนวยนาด ดวงตามองตรงไปด้านหน้า ด้านข้างมีนางกำนัล ขันที และองครักษ์หลวงอีกจำนวนหนึ่งคุกเข่าคารวะนางจนสุดสายทาง


เพียงแต่ขาทั้งสองข้างยังมิทันก้าวข้าม ‘ประตูมังกร’ [ธรณีประตูเสวียนอู่] ก็พลันถูกคนผู้หนึ่งขวางทางเอาไว้ ท่วงทีที่บังอาจยืนขวางหน้าขบวนเข้าวังของนางสนม ดวงตาเรียบสงบดุจไร้ความเกรงกลัวหลุบลงสบประสานนางอยู่ครู่หนึ่ง หลงเยวี่ยขมวดคิ้วบาง คนผู้นี้ช่างโอหังยิ่งนัก!

“กระหม่อมจางจิ่งสิง ดำรงตำแหน่งถิงเว่ย ถวายบังคมนายหญิง” จางทังประสานมือระดับอกโน้มตัวมาด้านหน้าด้วยท่วงท่าไร้ที่ติ

หลงเยวี่ยตวัดนัยน์ตาคมกล้ามองขันทีที่อยู่ข้างกาย

ฝ่ายในมิใช่ที่ของบุรุษ ในสถานที่แห่งนี้ขันทีย่อมมีปากเสียงเพียงพอที่จะต่อกรกับขุนนาง หงอวี๋กงกงแสร้งกระแอมเสียงเข้มงวด “ใต้เท้าจาง— แม้ท่านจะเป็นหนึ่งในเก้ารัฐมนตรีของวังหน้า แต่ในเขตพระราชฐานก็ยังเป็นบุรุษผู้หนึ่ง ขณะนี้ตวนมู่เหม่ยเหรินกำลังจะเข้าวัง ขอท่านโปรดหลีกทางด้วย—” แม้เอ่ยด้วยเสียงคล้ายเข้มงวดสำเนียงกลับอ่อนน้อมยิ่งนัก จางจิ่งสิงโน้มตัวลงต่ำเท่าใด หงอวี๋กงกงยิ่งโค้งกายลงต่ำยิ่งกว่า หลงเยวี่ยขัดเคืองกับท่าทีเช่นนั้น คิ้วเรียวงามเลิกขึ้นสูงพลางเอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานปานหยาดน้ำผึ้ง

“ที่แท้ก็ใต้เท้าจาง พยัคฆ์เหล็กแห่งกรมยุติธรรม ได้ยินชื่อเสียงของท่านมานาน คาดไม่ถึงว่าจะมีโอกาสได้พบท่านในงานมงคลของข้าเช่นนี้”

หลงเยวี่ยถอนมือจากการประคองของหงอวี๋กงกง ปลายนิ้วชดช้อยปานต้นหอมเหยียดยื่นไปด้านหน้า คล้ายว่าแตะลงบางเบาบนเสื้อคลุมสีราบเรียบดุจไร้ราคี “เพียงแต่ขัดขวางขบวนส่งตัวนางสนมมีโทษเช่นไร ใต้เท้ากรมยุติธรรมคงจะกระจ่างแจ้งกว่าข้านัก”

ท่วงท่าของนางอ่อนหวานประดุจดอกไม้อันฉูดฉาดตา ทว่าถ้อยคำกลับบีบคั้นยิ่งนัก จนถึงเวลานี้หลงเยวี่ยยังคงมิได้เอ่ยถ้อยคำประดา ‘ใต้เท้าอย่าได้มากพิธี’ หรือ ‘ลุกขึ้นเถิด’ ออกมาสักครึ่งคำ การกลั่นแกล้งหนึ่งในจิ่วชิง (เก้ารัฐมนตรี) ต่อหน้าผู้คนมากมายอาศัยเพียงความกล้าหาญอย่างเดียวไม่พอ

ยังต้องบ้าระห่ำอีกเจ็ดส่วน

หลงเยวี่ยเพียงโบกมือหนึ่งครา นางกำนัลก็จัดเก้าอี้เล็กมาวาง นางนั่งลงเอนกายจ้องมองจางจิ่งสิงที่มิปริปากกับความโอหังของนาง พลันรู้สึกถึงลางไม่ดี ชั่วขณะที่เงียบงันราวกับจะได้ยินกระทั่งเสียงฝีเข็มตกกระทบพื้นดินผ่านไปอย่างอึดอัดใจ หลงเยวี่ยก็เอ่ยในที่สุด

“ใต้เท้าจางอย่าได้มากพิธี— ท่านคงมิได้สละเวลามาส่งข้าเข้าวังกระมัง” นัยน์ตาเรียวยาวดุจเมล็ดซิ่งเบิกกว้างอย่างน่าชัง อากัปกิริยาแลดูหยอกเย้าเหลือประมาณ

ครุ่นคิดมากเท่าใดก็ยังหาจุดเชื่อมโยงตัวนางกับจางจิ่งสิงไม่พบ

เพราะเหตุนั้นหลงเยวี่ยจึงยิ่งระสับระส่ายในใจ ทว่ากิริยาเบื้องหน้ายังคงเย่อหยิ่งข่มขวัญอีกฝ่าย

จางจิ่งสิงเอ่ย “ขอบพระทัยตวนมู่เหม่ยเหริน” อย่างเหมาะสมตรงตามแบบแผน ร่างสูงหยัดกายเต็มความสง่า “กระหม่อมขอเรียนถาม ตวนมู่เหม่ยเหริน ท่านรู้จักของสิ่งนี้หรือไม่”

ในมือของจางจิ่งสิงแสดงป้ายทหารหัวพยัคฆ์สลักอักษรต้าจวนสองตัว ‘ตวนมู่’ นัยน์ตาคมกล้าของหญิงสาวเบิกค้างในชั่วพริบตา ต่อหน้าป้ายนั้นความโศกเศร้า ถวิลหา เกียรติภูมิ และความแค้นเคืองอันยากจะแยกแยะผูกร้อยและทับถมอยู่ภายในใจ

ป้ายทหารระบุสังกัดนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ผู้ภักดีต่อกองทัพสกุลตวนมู่พกติดตัวเอาไว้

กล่าวว่า กองทัพตวนมู่แม้จะล่มสลายกระจัดกระจายไปแล้ว แต่หัวใจเด็ดเดี่ยวภักดีเป็นหนึ่งเดียว ฝ่ายสกุลตวนมู่เบื้องหลังนั้นแท้จริงยังติดต่อเสาะหาทหารกล้าแต่ละผู้แต่ละนามที่แตกซ่านกระจายไป รวบรวม ช่วยเหลือ แม้กระทั่งจัดพิธีศพ มีบางผู้แฝงตัวประกอบอาชีพอื่นในแผ่นดิน เป็นสายข่าวและผู้ช่วยเหลือในที่ลับของสกุลตวนมู่

สิ่งยืนยันตัวตนละความภักดีก็คือแผ่นป้ายตรานี้!

หลงเยวี่ยหมายใจจะพุ่งไปคว้าป้ายแผ่นนั้น ทว่าจางจิ่งสิงพลิกมือเพียงเล็กน้อยนางก็มิอาจคว้าไว้แล้ว

“เจ้าพบป้ายนี้ได้อย่างไร!”

คล้ายว่าหลงเยวี่ยตระหนักในท่าทางเสียกิริยาของตน นางสบตากับหงอวี๋กงกงปราดตาเดียวก็เข้าใจถึงความนัย หงอวี๋กงกงเหยียดตัวเอ่ยเสียงก้องดัง “พวกเจ้ายังจะมัวรีรออะไรอยู่อีก— รีบเชิญนายหญิงน้อยคนอื่นๆ ไปส่งยังตำหนักได้แล้ว หากชักช้าอยู่อีกก็ระวังหัวของพวกเจ้าไว้ให้ดี”

นายหญิงน้อยที่เข้าวังในเวลาเดียวกันค่อยๆ ถูกเชิญออกไปจากบริเวณประตูเสวียนอู่ หลงเยวี่ยบังเอิญเห็นใบหน้าเหยียดหยามอย่างสาแก่ใจของเหม่ยเหรินจากสกุลฉิน ในใจพลันสุมไปด้วยโทสะอันร้อนแรง ใบหน้ากระหยิ่มยิ้มเยาะของสตรีนางนั้นค่อยๆ ไกลห่างออกไปพร้อมกับเสียงพูดคุยที่ผะแผ่วลง

ยังต้องจัดการกับเรื่องตรงหน้าก่อน

หลงเยวี่ยกับบ่าวรับใช้ที่ติดตามขบวนมายังคงหยุดอยู่ นัยน์ตาอันทรงเสน่ห์ตวัดมองจางจิ่งสิงจากบนตั่งนั่งอย่างคาดคั้นเอาความ ก่อนจะทิ้งตัวลงเอนกายด้วยความรู้สึกที่ต้องการหาที่พึ่งพิงอันบางเบา ริมฝีปากฉ่ำวาวแค่นเสียงหัวเราะเอ่ยสำเนียงยียวน

“รู้จักแล้วอย่างไร— ไม่รู้จักแล้วจะอย่างไร”

จางจิ่งสิงคุ้นชินการเสาะหาความจริงในพฤติกรรมของผู้คน ยิ่งมิต้องกล่าวว่าหลงเยวี่ยหาได้มีแก่ใจปกปิดสิ่งใด ถ้อยคำเมื่อครู่ของนางก็คือ ทราบถึงการมีอยู่ของสิ่งนี้ดี เรื่องนี้หากมีสติระหว่างสนทนาย่อมจับทางได้อย่างง่ายดาย ทว่าลางสังหรณ์นั้นไร้หลักฐาน ความรู้สึกจริงเท็จที่เขารับรู้ก็หาใช่สำนวนคดีที่ร่างจากปากของนาง

นัยน์ตาของจางจิ่งสิงสงบราบเรียบ ราวกับชัดแจ้งในตัวของนาง หลงเยวี่ยหรี่นัยน์ตาไม่สบอารมณ์ นางมิชมชอบดวงตาเช่นนี้ของเขาแม้สักนิด เขาเอ่ยแจ้งถึงเรื่องราวอย่างรวบรัดอย่างที่สุด

“ขณะนี้ในวังเกิดคดี ‘ฆ่าคนตาย’ ที่เกี่ยวข้องกับป้ายชิ้นนี้ จำเป็นต้องสืบสวนอย่างเร่งด่วน เรื่องนี้ไม่อาจไม่กล่าวว่า ‘ไม่เกี่ยวข้องกับท่าน’ เพื่อสืบหาความจริงให้กระจ่าง กระหม่อมขอเชิญตวนมู่เหม่ยเหรินที่กรมราชทัณฑ์ด้วย”

คนตายแล้วเกี่ยวอันใดกับนาง

หลงเยวี่ยปรายตามอง เอ่ยด้วยเสียงไม่ยี่หระ “เฮอะ— พระราชวังต้องห้ามใช่สวนหลังบ้านของท่านหรือที่คิดจะมาก็มาคิดจะไปก็ไป ท่านออกคำสั่งไยข้าจะต้องทำตาม? บุกรุกเขตพระราชฐานมีโทษถึงตาย ใต้เท้าจางรับความผิดนี้ไหวกระมัง”


หงอวี๋กงกงได้ยินถ้อยคำเช่นนั้นก็ช้อนนัยน์ตาลอบมองใต้เท้าจาง เห็นเพียงว่าเขาก้มหน้าเล็กน้อย ดวงตาที่ราบเรียบดุจผิวน้ำคล้ายมีระลอกคลื่นอันยากจะคาดเดากระเพื่อมไหว— ทั่ววังหลวงต่างทราบกันดี…ในตอนที่เกิดเย่เหม่ยเหรินจมน้ำตาย จางทังผู้นี้อาจหาญถึงขั้นเข้ามาควบคุมตัลู่เหม่ยเหรินพระสนมขั้นสี่ กลางเขตพระราชทานชั้นใน ไม่สนว่าในขณะนั้นพระนางทรงเป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่งยวดของหวงตี้ 


การกระทำของเขาอุกอาจขวัญกล้าเทียมฟ้าถึงเพียงนั้นกลับไร้ซึ่งคำตำหนิใดจากองค์ฝ่าบาทและหวงไทโฮ่ว ถึงภายหลังใต้เท้าจางจะส่งตัว ‘ลู่เหม่ยเหริน’ ให้แก่หวงไทโฮ่ว ทว่าพฤติกรรมอันโอหังของเขาดุจละอองธุลีหามีใครเอ่ยถึงไม่ 


ในรั้ววังข้าทาสบริวารพลอยเข้าใจตรงกันว่า แม้ฝ่าบาทจะยังไม่แจ้งราชโองการออกมา ทว่าในด้านพฤตินัยถือว่าอนุญาตให้เขาสืบสวนเรื่องในวังหลังเช่นเดียวกับที่ทำคดีชาวบ้าน


นับแต่นั้นผู้ใดพบหน้าใต้เท้าก็คล้ายจะถูกเคราะห์ร้ายหล่นใส่หัว หวาดกลัวถูกจับไปที่กรมราชทัณฑ์เช่นลู่เหม่ยเหริน


ตวนมู่เหม่ยเหรินเพิ่งเข้าวังคาดว่าคงจะมิทราบเรื่องนี้ หงอวี๋กงกงก้าวไปด้านข้างคิดจะกระซิบบอกกล่าว ทว่าจางถิงเว่ยที่นิ่งเงียบไปนานกลับเอ่ยขึ้นในจังหวะนั้นพอดี จึงก้าวถอยลงมาประสานมืออย่างนอบน้อม



“กระหม่อมย่อมทราบในหลักการ”

หลงเยวี่ยยิ้มเยาะ “หากว่าข้าไม่ไปล่ะ?”

จางจิ่งสิงยกมือเป็นสัญญาณ มือปราบหลายสิบนายปรากฏกายขึ้นอย่างรวดเร็วฉับไว้ ปิดทางเข้าประตูเสวียนอู่ในบัดดล บางส่วนยืนอยู่เบื้องหลังจางจิ่งสิง ล้อมหลงเยวี่ยที่นั่งใกล้กับกำแพงในลักษณะครึ่งวงกลม ปิดทางหนีทีไล่จนหมดสิ้น รอยยิ้มของตุลาการพยัคฆ์เหล็กปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง “ตวนมู่เหม่ยเหรินยังไม่เสด็จเข้าวัง ข้อหาก้าวล่วงเขตพระราชฐานชั้นในกระหม่อมไม่อาจรับ…”

ปลายเล็บสีแดงขูดกรีดลงบนที่เท้าแขน นางถลันตัวยืนขึ้นอย่างโงนเงน เพราะอาการบาดเจ็บที่เกิดจากกลุ่มโจรป่ายังไม่หายดี นิ้วเรียวชี้หน้าเจ้ากรมยุติธรรม “เจ้า!” หลงเยวี่ยมีโทสะจนเกิดอาการเจ็บแปลบที่หน้าอก นางกำนัลและขันทีรีบปรี่เข้ามาประคองนาง

ทว่าจางจิ่งสิงหาได้มีทีท่าผ่อนปรนใดๆ เพียงผินหน้าเอ่ยกับผู้ใต้บัญชา “เชิญตวนมู่เหม่ยเหรินที่กรมราชทัณฑ์” มือปราบเดินเข้ามาหมายคุมตัวนาง หลงเยวี่ยรีบเบี่ยงกายหนี

“ข้าคือ พระสนม กล้าแตะต้องตัวข้ามีกี่หัวให้ตัดกัน!”

“เหม่ยเหริน นี่ย่อมมิใช่กล่าวหาท่านโดยไร้หลักฐานเลื่อนลอย เพียงเชิญท่านไปเพื่อเติมเต็มสำนวนคดีเท่านั้น”

เสียงของหงอวี๋กงกงพลันกระซิบดังที่ข้างหู “นายหญิงใต้เท้าจางทำคดีย่อมได้รับพระบัญชาจากฝ่าบาท ขอนายหญิงอย่าเพิ่งมีโทสะ โปรดถนอมร่างกายด้วยพ่ะย่ะค่ะ”


หลงเยวี่ยหัวเราะเสียงชืดชา ‘ได้รับบัญชาจากฝ่าบาท’ คำนี้หมายรวมถึงการจับกุมนางในวันส่งตัวเข้าวังนี้ด้วยหรือไม่!  นัยน์ตาวาวโรจน์ของหญิงสาวคล้ายพลาดหวังคล้ายไม่เชื่อ หากยอมรับว่าครานี้เป็นนางที่ปราชัย สู้เดินไปด้วยสองขาจึงจะยังพอรักษาเกียรติไว้ได้บ้าง “ร่างกายของข้าเวลานี้บาดเจ็บเพราะเจอโจรป่าระหว่างทางเข้าเมือง ข้าบาดเจ็บหนักเช่นนี้พอลุกขึ้นมาได้ก็เร่งติดตามจางถิงเว่ยไปให้ปากคำ—”


จางจิ่งสิงขมวดคิ้วมองหลงเยวี่ยที่เดินนวยนาดออกจากตั่งนั่ง จนใจจะทราบถึงความนัยในถ้อยคำที่นางเอ่ยอย่าง ประชดประชัน? แดกดัน? จวบจนนางผินกายกลับมาชม้ายนัยน์ตาล้ำเสน่ห์ไปที่นางกำนัล

“ร่างกายของข้ามีค่าดุจพันตำลึงทอง ใต้เท้าในกรมราชทัณฑ์คงจะดูแลไม่ทั่วถึงกระมัง—” เสียงแว่วหวานพลันตวัดเข้มในตอนท้าย “ให้พวกนางติดตามข้าไปด้วย”

ไม่มีสนมนางใดไร้สาวใช้เคียงกาย แม้ในยามที่ยากลำบากที่สุดผู้ที่ทอดทิ้งนายก็นับว่าเป็นบ่าวทรยศ จางจิ่งสิงมีสีหน้าไม่เห็นด้วย “เรื่องนี้—” หลงเยวี่ยพลันอ่านถ้อยความนั้นออกพอดี

“จางจิ่งสิงอย่าให้ข้าต้องชังน้ำหน้าท่านให้มากนัก”

ระหว่างพยัคฆ์สองตนสบประสานสายตากันนั้น หงอวี๋กงกงสั่งให้เกี้ยวยกเข้ามาพร้อมแล้ว

หลงเยวี่ยย้ายสายตามาที่เกี้ยวฉลุลายดอกไห่ถัง นางเอ่ยเสียงตวัด “ข้าจะเดินไป”

จือซิน เข้าวังไปก่อนหน้าแล้วในฐานะนางกำนัล นางยอมขาดแขนขาที่รู้ใจ นางเหลียวไปทางหงอวี๋กงกง—ตัดสินใจให้ท้ายที่สุด “เจ้าไม่ต้องตามไป”

นัยน์ตาหงอวี๋กงกงเบิกกว้าง ความหมายนี้คือ ‘ให้ไปทูลเจ้านายสักพระองค์’ (ที่น่าจะช่วยเหลือนาง) ลอบสอดส่ายนัยน์ตายังไม่มั่นใจ เพียงครู่เดียวหลงเยวี่ยก็เดินติดตามขบวนมือปราบของท่านจาง โดยมีนางกำนัลบางส่วนติดตามไปไกลแล้ว


ทว่าหงอวี๋กงกงและหลงเยวี่ยเพิ่งพบกันครั้งแรก

ผู้คนในวังต่างเป็นนกรู้ ควรทำรังบนต้นไม้ใด

คำสั่งนี้จึงอาจยากนักจะทำให้สมปรารถนา

—----


[NPC-09] จาง ทัง หัวบ้า โบนัสเพิ่มความโปรดปราน + 10

พูดคุยประจำวัน แต้มความสัมพันธ์ + 5



แสดงความคิดเห็น

ทางนี้ก็เขินคุณลู่ไปหมดแล้วค้าบ  โพสต์ 2024-7-26 10:58
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-09] จาง ทัง เพิ่มขึ้น 15 โพสต์ 2024-7-25 22:58
ช่วยด้วยค่ะ สาวแซ่บคนนี้โดนใจเกิน /กุมอก  โพสต์ 2024-7-25 21:33
โพสต์ 29811 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-7-25 21:23
โพสต์ 29,811 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 ความชั่ว +8 ความโหด จาก บาดเจ็บสาหัส  โพสต์ 2024-7-25 21:23
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
นักสู้
บทสวดมนต์ฉบับคัดลอก
บาดเจ็บสาหัส
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินเฉิน(เหม่ยเหริน)
ผีผา
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x5
x1
x18
x3
x3
x7
x8
x2
x3
x4
x4
x1
x2
x3
x5
x1
x3
x18
x1
x5
x3
x1
x1
x5
โพสต์ 2024-7-25 22:29:46 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน
วันที่ยี่สิบห้า ชีเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ กลางยามซื่อ (10.00 น.)




     เป็นอีกครั้งสำหรับการก้าวออกจากวังผ่านประตูเสวียนอู่ ทว่าครานี้มิใช่การตามเสด็จประพาสที่แห่งใดทั้งสิ้น เป็นนางที่ต้องการออกไปเดินเล่นเอง สตรีบางในอาภรณ์คุณหนูสูงศักดิ์สักจวน เรือนผมที่เคียเกล้าขึ้นรวบทั้งศีรษะพลันปล่อยเหยียดตรงม้วนขึ้นครึ่งหันปักปิ่นลายเหลียนฮวา ทว่าทั้งหมดนี้กลับถูกบดบังสิ้นด้วยหมวกไผ่ผ้าไหมโปร่งคลุมทั้งใบหน้า เป็นการแต่งกายที่อยู่ก้ำกึ่งระหว่างเรื่องทั่วไปของสตรีที่ยังไม่ออกเรือนไม่ควรให้ผู้ใดได้เชยชมมากเกินงามกับสตรีผู้นี้ช่างน่าสงสัยยิ่งนัก… ขยับไปเมียงมองบริเวณเอวคอดจะเห็นขลุ่ยเลาหนึ่งเหน็บเอวไม่ห่างจากพู่หยกเท่าไหร่ ราวกับว่าเป็นของรักก็ไม่ปาน

  ทว่าความจริงแล้วก็แค่เหน็บให้ดูเป็นบัญฑิตมากปัญญาก็เท่านั้น

   เว่ยเจียเหลียนฮวาก้าวออกจากรั้ววังไปอย่างง่ายดายเมื่อพอเคยผ่านคราสองคราแล้ว นางเร่งเท้าเดินตรงออกจากถึงจัตุรัสเพื่อตรงไปยังสถานที่ต่าง ๆ ครานี้นางต้องได้เที่ยวในเมืองฉางอันจนเต็มคราบโดยไม่ต้องโดยโยนขึ้นขี้หลังอาชาไปตามใจผู้ใด




@@Admin 

เมื่อไหร่ผมจะได้เจอฟูจวินที่แท้จริงของดวงใจผม รักนะคะ หว่ออ้ายหนี่ ซารางเฮโย ฉางซานเซียนหวาง
ให้ผมได้เจอเขาเถอะนะ ฮือออออออออออ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 5333 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-7-25 22:29
โพสต์ 5,333 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-7-25 22:29
โพสต์ 5,333 ไบต์และได้รับ +1 ความชั่ว +2 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2024-7-25 22:29
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2024-7-31 22:31:17 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน
วันที่สามสิบเอ็ด ชีเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ
กลางยามเว่ยถึงยามเซิน (14.00 - 17.00 น.)




     ในระหว่าง ที่นางว่างอยู่นี้หลังจากที่เดิน(แทบจะวิ่ง)ไปตำหนักจงฉางชื่อกลับมาเรียบร้อย เว่ยเจียเหลียนฮวาก็ทุ่มความสนใจทั้งหมดไปที่หมั่นโถวปริศนานี้ มือเรียวมองจ้องพลางหยิบพู่กันมาตวัดเขียนปริศนาลงกระดาษดี ๆ แล้วก็แปะกระดาษเหล่านี้เต็มห้องที่นางหมายมั่นปั้นมือจัดทำเป็นห้องทำงานและห้องสมุดไปในตัว ร่างบางใช้เวลาอยู่กับมันราว ๆ เกือบสองชั่วยามได้ก่อนที่จะมีขันทีมาตามนางไปพบฝ่าบาทที่ประตูเสวียนอู่

   ภาพเหตุการณ์นี้ช่างคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดว่าไหม ?

   เหลียนฮวาที่ยืนถือปริศนาในมือก็ทำได้เพียงวางมันลงเสียแล้วเอ่ยบอกกับนางกำนัลข้างกายถึงเรื่องที่นางจะไปหาหวงตี้ ไม่อาจทราบได้ว่าจะกลับตำหนักเมื่อไหร่ พักผ่อนกันให้สบายก่อนที่จะเดินตามขันทีมายังประตูเสวียนอู่

   สถานที่เดิม ทว่าองค์ประกอบอันแตกต่าง แม้เป็นฝ่าบาทคนเดิม ทว่าหาใช่อาภรณ์คุณชายรูปงามไม่ พระองค์ทรงฉลองพระองค์ด้วยเกราะเบาแลองอาจและคล่องแคล่ว ส่วนนางในครานี้มิใช่เหม่ยเหรินในอาภรณ์คุณหนูบอบบาง ทว่าเป็นเว่ยเจียเจี๋ยอวี้ในอาภรณ์สีครามตามตำแหน่งที่ได้รับ ดวงตาสีนิลสลับสีพิสุทธิ์แลกลมโตจดจ้องพระหัตถาที่ยื่นลงมาจากหลังอาชาสูงสง่าแลน่าหวั่นเกรง ใบหน้างามดาษดื่นแสดงถึงความแข็งเกร็งเมื่อนางแลสลับระหว่างพระหัตถ์แห่งโอรสสวรรค์กับม้ารูปงาม

  “ไม่ต้องกลัว เจ้าจะไม่เป็นอะไร”

   “ —เพคะ… ”

   แม้ใจจะอยากเอ่ยถามว่าพระองค์ทรงแน่ใจได้อย่างไรว่านางจะไม่เป็ฯอันใดหากเจ้าม้านี่พยศขึ้นมา ทว่าภาพวันวานที่ฉายชัดนี้ได้ทำให้ริมฝีปากน้อย ๆ ที่อ้าหุบอยู่สองสามคราวเอ่ยเพียงคำขานรับแล้ววางมือบางลง ปล่อยให้องค์หวงตี้ช่วยเหลือการขึ้นหลังม้าเช่นเดิม

   “ไม่ต้องเกร็ง”

   “แต่หม่อมฉันกลัว—”

   สิ้นวจีเอ่ยตอบโต้ก็ได้ยินสุรเสียงขบขันออกมาเบา ๆ ก่อนจะสะบัดบังเหี่ยนเริ่มออกเดินทางไปทิศเหนือโดยที่ยังไม่บอกสิ่งใดแก่สตรีในอ้อมแขนที่กำลังนั่งตัวเกร็วอยู่ไม่คลาย

  “หากไม่รบกวนพระองค์มากไป โปรดบอกได้หรือไม่เพคะว่าตอนนี้เรากำลังไปที่ใด ?”

   “ประเดี๋ยวก็รู้เอง”


   …อ่อ เพคะ ไม่น่าถามเลย





[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์


+15 บารมี ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ (ขี่ม้านี่...นับไหมอ่ะ)
@Admin



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 8789 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-7-31 22:31
โพสต์ 8,789 ไบต์และได้รับ +2 ความชั่ว +3 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-7-31 22:31
โพสต์ 8,789 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-7-31 22:31
โพสต์ 8,789 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2024-7-31 22:31
โพสต์ 8,789 ไบต์และได้รับ +1 ความชั่ว +2 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2024-7-31 22:31

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังปราณ +15 ย่อ เหตุผล
Watcher + 15

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21

3

กระทู้

122

ตอบกลับ

3259

เครดิต

เริ่มมีชื่อเสียง

พลังน้ำใจ
2168
ตำลึงทอง
110
ตำลึงเงิน
441
เหรียญอู่จู
15357
STR
66+13
INT
65+0
LUK
0+5
POW
50+0
CHA
15+0
VIT
13+5
คุณธรรม
2314
ความชั่ว
1069
ความโหด
2532
โพสต์ 2024-8-4 20:40:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด




.เหม่อ. .เหม่อ.


CHAPTER 17.5


วันที่ยี่สิบแปดเดือนเจ็ดแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ
วันพุธ เวลา 13.00 น.


ผู้ที่มีอิสระดุจดั่งว่าวลอยลมไยจะยินดีถูกกำแพงสีแดงกักขัง

ประตูเสวียนอู่ในช่วงกลางวันเต็มไปด้วยนางกำนัลและขันที ที่เดินขวักไขว่ อาหารในวังแม้จะมีมากแต่ก็ยังขาดแคลนเมื่อเทียบกับจำนวนคนที่มากมาย อีกทั้งบ่าวส่วนมากมักจะต้องรอรับอาหารที่เหลือจากเจ้านาย ฉะนั้นคนส่วนใหญ่ที่มีเงินอยู่ในมือจึงเลือกออกมาจับจ่ายใช้สอยด้วยตนเอง

เช่นนั้นกระมังในเวลานี้ประตูเสวียนอู่ถึงมีผู้คนเทียวเข้าเทียวออก

หญิงสาวในชุดนางกำนัลเดินออกจากวังด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ดวงตาดำขลับมองตรงไปด้านหน้า เมื่อครึ่งชั่วยามก่อนหลังจากรับอาภรณ์ตัวงามแล้ว หลงเยวี่ยก็ทนเบื่อหน่ายไม่ไหว…ครั้นจะรั้งอยู่ในรั้ววังก็อึดอัดใจ ถึงได้ยืมอาภรณ์ของนางกำนัลในตำหนักแถวนั้น เวลานี้มีแดดจ้าหลงเยวี่ยที่สวมหมวกคลุมบดบังแสงแดดจึงมิได้ดูแปลกตาแต่อย่างไร

ส่วนจือซินนั้นรั้งอยู่ที่ในวัง นางยังคงมีภารกิจของนางกำนัลระดับล่าง ที่ปลีกตัวมาคอยรับใช้หลงเยวี่ยก็วุ่นวายเต็มกลืนแล้ว

ก่อนหน้านี้ที่ชางลั่วถิงมีประกาศ– เห็นทีว่าควรจะแวะไปสักเล็กน้อย โรงเตี๊ยมมากมีด้วยข่าวสาร หลงเยวี่ยคิดว่าควรมุ่งหน้าไปทางนั้นก่อน



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 5538 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-8-4 20:40
โพสต์ 5,538 ไบต์และได้รับ +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก บาดเจ็บสาหัส  โพสต์ 2024-8-4 20:40
โพสต์ 5,538 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก ผีผา  โพสต์ 2024-8-4 20:40
โพสต์ 5,538 ไบต์และได้รับ +2 ความชั่ว +3 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-8-4 20:40
โพสต์ 5,538 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-8-4 20:40
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
นักสู้
บทสวดมนต์ฉบับคัดลอก
บาดเจ็บสาหัส
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินเฉิน(เหม่ยเหริน)
ผีผา
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x5
x1
x18
x3
x3
x7
x8
x2
x3
x4
x4
x1
x2
x3
x5
x1
x3
x18
x1
x5
x3
x1
x1
x5

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
655
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-8-5 16:34:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-8-5 16:38




เสด็จสู่อุทยาน
วันที่ 4 เดือน 8 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
เวลาสิบสองนาฬิกายี่สิบนาที
ถึงสิบสองนาฬิกาสามสิบห้านาที


การเดินทางของพวกเขาเพื่อที่จะไปให้ถึงหน้าประตูวังยังคงใช้ ‘ เกี้ยวพระที่นั่งมังกร ’ อันแสนงดงามหลังเดิมให้บ่าวไพร่ช่วยกันหามให้เคลื่อนไปตามทางที่มีทั้งตรงและคดเคี้ยว ภายนอกผู้ใช้แรงจะทรหดอย่างไร คนในย่อมไม่ทราบ เช่นเดียวกับบทสนทนาของคนในที่คนนอกก็หาได้ทราบถึงเช่นกัน

ก่อนหน้านี้นอกจากจดหมายของทางบ้าน อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้นางถูกรั้งตัวไว้โดยนางกำนัลย่อมเป็นเพราะกล่องไม้ยาวกล่องนี้ที่นางกล่าวว่าจะถือไปด้วยตนเองจนสร้างความประหลาดใจให้กับหน่วยคนจากเว่ยหยางที่ไม่เคยเห็นสนมผู้ใดหามกล่องไม้เช่นนี้มาก่อน แม้แต่หลิวเช่อที่ปกติแล้วไม่ค่อยจะใส่ใจสิ่งใดก็ยังฉายความสงสัยเอาไว้ในแววตา

กล่องในมือนางเป็นกล่องไม้ไม่ทราบชนิดสีน้ำตาลแดงที่ถูกยางไม้เคลือบจนขึ้นเงา มันเป็นกล่องเรียบ ๆ ไร้ลวดลาดทั้งยังมีขนาดที่เพรียวบางเป็นอย่างมากทำให้คาดเดาได้ยากยิ่งว่าสิ่งใดกันถึงจะต้องถูกวางไว้ภายในกล่องไม้เช่นนี้ แม้ไป๋หรั่นจะไม่มีเจตนาอยากปิดบังทว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องนับเป็นหนึ่งในของซึ่งผิดต่อกฏของฝ่ายใน หรือที่พูดให้ถูกคือ.. ผิดต่อกฏระเบียบของวังหลวง

“ ของในกล่องหาใช่สิ่งที่ผิดกฏหมายเพคะฝ่าบาท ” ลู่เจี๋ยยวี่กล่าวด้วยเสียงเนิบนาบเพื่อคลายความหวาดระแวงของโอรสสวรรค์ที่พอเห็นนางถือของลึกลับติดตัวก็เริ่มตั้งท่าหน้าทะมึนมาแต่ไกล

“ ... ”

ตามประสาท่านชายเอาใจยาก เขายังคงนิ่งเงียบพร้อมสายตากดดันที่คล้ายจะสั่งให้นางอธิบาย

“ หาใช่ของที่ผิดกฏหมายแต่เกรงว่าจะผิดกฏของวังอยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้หม่อมฉันจึงไม่อาจหยิบมันออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ”

กลอนของกล่องถูกเปิดคล้ายกับกลอนในใจที่ได้รับการปลดเช่นกัน ฮั่นอู่ตี้คล้ายคนหนึ่งประเภทที่บิดาเคยสอนวิธีการรับมือให้กับนาง คนประเภทนี้ภายนอกดุร้ายเย็นชาคล้ายอาศัยสัญชาติญาณดิบในการดำเนินชีวิต ทว่าแท้ที่จริงแล้วทั้งหมดเป็นเพียงเขี้ยวเล็บป้องกันตัว การจะได้อยู่ในสายตารวมไปถึงได้รับความเมตตาจากคนจำพวกนี้ ขอเพียงมีความจริงใจ ใส่ใจ .. แค่เพียงเท่านี้ก็มากพอแล้วสำหรับการผูกมิตร

ฝาของกล่องเปิดอ้าอยู่อย่างนั้น ด้านในเป็นร่มกระดาษสีขาวคันหนึ่งที่วางไว้ตรงกลางพื้นกล่องซึ่งถูกบุไว้ด้วยผ้าเป็นรูปที่รองรับกับตัวร่มอย่างพอดิบพอดี ไป๋หรั่นลูบเนื้อสัมผัสเรียบเย็นของกระดาษพลางหยักยิ้มเย็น นางพึ่งจะวาดร่มกระดาษคันนี้เสร็จก็เมื่อก่อนได้รับเทียบเชิญจากจวนผิงหยางกงจู่ “ สิ่งนี้เป็นหลักฐานหนึ่งชิ้น ว่าหากหม่อมฉันต้องการปลิดชีพผู้ใด หม่อมฉันไม่จำเป็นที่จะต้องอาศัยวิธีอันตรายต่อตนเองเช่นผลักคนลงน้ำ ”

แทนที่การแสดงเปิดกล่องจะจบเพียงเท่านี้ อยู่ ๆ ลู่เจี๋ยยวี่ก็ใช้มือดึงผ้าบุพื้นด้านในกล่องออก เผยให้เห็นอีกชั้นที่ซ่อนอยู่ใต้ชั้นที่บรรจุร่มว่าสิ่งที่อยู่ในนั้นคือกระบี่งามสีขาวหนึ่งคู่ที่ผู้เชี่ยวชาญมองปราศเดียวย่อมต้องรู้ว่ากระบี่สองเล่มนี้ยังไร้ซึ่งร่องรอยของการใช้งาน

“ ... ” สิ่งที่นางพกนับว่าเป็นสิ่งอันตรายจริง ๆ

เดิมทีในช่วงที่นางเปิดกล่องออกด้วยความไม่วางใจในผู้คนของเขา หลิวเช่อยังแอบรวบรวมปราณกระแสหนึ่งไว้ที่ปลายนิ้วหมายลงมือกับนางในทันทีที่นางเผยโฉมหน้าของการเป็นภัยร้าย ทว่าทุกอย่างกลับหาได้เป็นเช่นนั้น เจี๋ยยวี่ที่ร่วมทางมากับเขาสามารถยัดเยียดทุกสิ่งไว้ในมือ ทั้งที่เขายังไม่ทันได้ร้องขอ แท้ที่จริงแลัวนางจะไม่กล่าวสิ่งใดเลย ไม่เปิดเผยความจริงแล้วเก็บสิ่งในกล่องนั้นไปจนตายก็ไม่มีใครห้ามนางได้ เช่นเดียวกันกับที่นางเองก็ไม่สามารถห้ามความคลางแคลงใจของผู้อื่นได้

แต่เมื่อนางทำเช่นนี้ เท่ากับนางสามารถปัดเป่าความหวาดระแวงออกไปได้ แม้ผู้อื่นจะกล่าวว่าไม่ต้องการถึงอย่างนั้นนางก็ยังมีทางเลือกที่จะยิ้มอย่างใจเย็นพร้อมกับตอบว่า .. ‘ ก็แค่อยากบอก ’ ยามนี้หลิวเช่อตระหนักถึงหนึ่งสิ่งที่ยังไม่เคยมีใครคิดมาก่อน ที่แท้สตรีตรงหน้าหาได้ซื่อสัตย์จริงใจแต่แค่เพียงเอาตัวรอดเก่ง ทว่าการเอาตัวรอดของนางกลับยึดมาจากความจริงใจอยู่ราว ๆ เจ็ดส่วน ทำให้ทั้งหมดดูลื่นไหลสบายตา ไร้ส่วนติดขัด ไร้ความรู้สึกขัดแย้งในใจ

จิ้งจอกน้อยในมือเขาหาใช่ผู้ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นจิ้งจอกแค่เพียงเพราะรูปโฉม

แทนที่จะเป็นการตำหนิอย่างถือสาเอาความ ไม่มีใครทราบว่าเพราะเหตุใด หลิวเช่อที่เกือบจะเกริ่นออกไปว่าพกเช่นนี้ไม่สมควรถึงได้กลืนถ้อยคำเหล่านั้นลงคอแล้วถามเพียงแค่ “ เจ้าใช้กระบี่เป็น ? ”

หลิวเช่อกำลังคิดการใหญ่ บางที่พี่น้องแซ่ลู่อาจจะเป็นคมในฝักที่เขาสามารถใช้การได้

“ ถ้าหมายถึงรำกระบี่นั่นก็พอได้เพคะ แต่ถ้าใช้ในการต่อสู้.. เกรงว่าหม่อมฉันจะยังไม่เคย ”

“ … ”

ลู่ชางหรงที่แทบจะเป็นมือสังหารเดินได้ผู้นั้นเลี้ยงน้องสาวมาอย่างไรให้หน่วยก้านเด่นเสียยิ่งกว่าตัวเอง หลิวเช่อครุ่นคิดกับตัวเองในขณะที่เริ่มปลดกำแพงระยะห่างด้านความคิดที่เขามีต่ออีกฝ่าย แม้มันจะต่างกับความรู้สึกบันเทิงผสมโล่งใจยามที่ได้อยู่ร่วมกับเสียนอี๋แห่งเถียนเซี่ย แต่เมื่อมองดูพื้นที่ตรงนี้ภายในตำหนักตงเฉินเขาคล้ายจะรู้สึกได้ถึงความวางใจกระแสหนึ่ง

วางใจว่านางจะรู้สิ่งที่เขาต้องการ วางใจว่านางจะไม่ตั้งคำถามต่อสิ่งที่เขาทำ

และวางใจว่า.. นางจะเป็นผู้ติดตามที่ช่วยปลอบประโลมและทบทวนได้ดียิ่งกว่าใคร

“ ฝึกไว้ ”

“ … ? ”

“ สักวันเจ้าอาจได้ใช้ประโยชน์จากมัน ”

จากตำหนักตงเฉิน มาจนถึงประตูเสวียนอู่ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงฝีเท้าของทหารรักษาการณ์ทว่ายามนี้แทนที่จะมีเสียงรายงานเปลี่ยนกะหรือเสียงฝีเท้าอันหนักแน่น รอบด้านกลับโอบล้อมไปด้วยเสียงสนทนาเจื้อยแจ่วพร้อมเสียงม้าทับซ้อนกันตัวแล้วตัวเล่า ดูคล้ายกับพื้นที่รวมตัวของขบวนคาราวานที่นางเคยเห็นตอนที่ยังเด็ก

แน่นอนว่าทันทีที่เสียงประกาศการเสด็จมาถึงของฝ่าบาทดังขึ้น ทุกสรรพเสียงที่เคยคึกคักก็เงียบลงเหลือเพียงเสียงเดียว

“ ทำหน้าที่ของเจ้าให้ดี ”

โอรสสวรรค์กล่าวเสียงเรียบยามที่เคลื่อนกายไปยังประตูเกี้ยว

“ อย่าทำให้เจิ้นผิดหวัง ลู่เจี๋ยยวี่ ”

โอรสสวรรค์ในฉลองพระองค์สีนิลก้าวลงจากเกี้ยวอย่างองอาจพร้อมเสียงถวายพระพรที่ดังสะนั่นกึกก้องไปทั่วบริเวณ แทนที่ชายผู้รงอำนาจนี้จะซึ่งยืนอยู่เหนือคนนับหมื่นจะมุ่งหน้าต่อไปโดยทิ้งภูตสายลมที่คอยหล่อเลี้ยงประคองร่างมังกรไว้ด้านหลัง นึกไม่ถึงเลยว่าเขาผู้นั้นกลับหันมาและหยุดนิ่งราวกับเฝ้าคอย

แม้จะไร้ซึ่งมือที่ยื่นหา ไร้ซึ่งรอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้า ทั้งยังไร้แพรแดงผืนหนาบดบังวิสัยทัศน์

คิ้วเข้มราวกระบี่พาดบนพระพักตร์อันแสนคมคายเลิกขึ้นด้วยความฉงนสงสัยเมื่อพบว่าผู้ที่ฝากกายอยู่ในเกี้ยวกดใบหน้าลงและเริ่มที่จะเหยียดกลีบปากแดงฉ่ำออกเป็นรอยยิ้มที่กว้างขึ้นอย่างช้า ๆ “ ช่วยเหลือฝ่าบาทให้บรรลุถึงสิ่งที่มุ่งหมายนับเป็นหนึ่งในหน้าที่ของสนมอยู่แล้วเพคะ ” เทพธิดาที่หลบซ่อนอยู่ใต้เงามืดเคลื่อนตัวลงจากเกี้ยวท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ที่เหลือบมองมา… ด้วยความตื่นตะลึง

มองไกล ๆ เป็นร่างอรชร ผิวขาวผุดผาด สะคราญโฉมเลิศล้ำในอาภรณ์สีดอกเลาสลับเขียวแลคล้ายรูปสลักหยกแสนงามอันมีชีวิตจิตใจ แต่เมื่อเพ่งมองใกล้ ๆ กลับเป็นเทพธิดาน้อยผู้หนึ่ง คิ้วนางเรียวยาวราวใบหลิวรับกับเนตรหงส์งามเหลือร้ายที่ฉายความเฉิดฉันเป็นเอก โดยเฉพาะเมื่อทั่วทั้งดวงหน้าจนถึงแววตาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มรักใคร่ใฝ่หาไม่ว่าใครยามที่พบหน้ายังต้องเหลียวมองจนแทบลืมหายใจ

“ ทุกท่านอย่าได้มากพิธี ”

สุรเสียงของหวงตี้หนักแน่นทรงพลัง เพียงแค่กล่าวอย่างเต็มเสียงเต็มคำหนึ่งคราก็ได้ยินกันทั่ว อีกทั้งยังมีฤทธิ์ช่วยปลุกคนออกจากฝันหวานให้กลับมาเผชิญหน้ากับความเป็นจริงอันโหดร้ายที่แสดงให้เห็นอยู่กับตาว่าคนงามหยาดฟ้านี้เป็นถึงสตรีขององค์จักรพรรดิ

“ ฝ่าบาท ”

“ ขบวนจัดเตรียมครบถ้วนพร้อมเดินทางแล้วพ่ะย่ะค่ะ ”

ผู้ที่ก้าวขึ้นมายืนเบื้องหน้าโอรสสววรค์ย่อมเป็นซานกงทั้งสามท่านที่เรียกได้ว่ามีตำแหน่งใหญ่ยิ่งกว่าผู้ใดในขบวน สองในสามได้ส่งเสียงออกมาแล้ว มีก็แต่อีกหนึ่งภายใต้ชุดขาวที่เพียงแค่พยักหน้ารับแบบพอเป็นพิถีราวกับตัวเองหาได้มีส่วนได้ส่วนเสียใดให้ต้องรายงานมากมาย

“ เจิ้นจะนั่งรถม้าไปกับนาง ”

แม้ก่อนหน้านี้ทั้งสามจะได้เห็นการปรากฏกายของ ‘ ไม้กันหมา ’ ที่ช่วยกันเลือกมาอย่างดีแล้วก็ตามแต่พอได้เดินเข้ามาใกล้หวงตี้ผู้เป็นนายก็คล้ายจะถูกลบการรับรู้ไปถึงสิ่งมีชีวิตจำพวกสตรีไปเสียดื้อ ๆ แน่นอนว่าหาใช่ฝ่ายหญิงจืดจางไร้ราศี ตรงกันข้ามลู่เจี๋ยยวี่ที่พวกเขาคิดไว้ หรือแม้แต่คำบอกเล่าของเถียนเฟิงที่มีโอกาสเคยพบนางถึงหนึ่งครั้งยังไม่อาจเทียบได้กับความจริงที่อยู่ตรงหน้า

คนที่ขึ้นชื่อว่างาม.. นับว่าก็ยิ่งงามจริง ๆ

“ ลู่เจี๋ยยวี่ ”

ผู้เดียวที่เรียกนางพร้อมคำนับเล็กน้อยคือต้าซือคง เถียนเฟิง ชายผู้ที่เคยได้พบในตำหนักเว่ยหยางทั้งยังเป็นผู้รู้กระจ่างในจิตใจส่วนหนึ่งของนางตามที่เคยมีโอกาสได้สนทนาไปเมื่อครั้งก่อน เมื่อมานึกย้อนดูแล้วยามนั้นนางทั้งโดดเดี่ยวและตื่นกลัว การตัดสินใจจึงไม่เฉียบคมพอ ลองเปลี่ยนมาเป็นยามนี้ หากได้ยินคำถามละลาบละล้วงเช่นนั้นอีกครั้ง.. นางย่อมมีวิธีหลบเลี่ยงที่ดีกว่าการตอบกลับอย่างแน่นอน

“ คารวะใต้เท้าซานกงทั้งสาม เป็นเกียรตินักที่ได้พบ ”

พบคนเดียวว่ายากแล้ว .. พบพร้อมหน้า ยากยิ่งกว่า

เพราะสองแขนโอบอยู่กับกล่องไม้จึงไม่สะดวกประสานมือคำนับตามปกติ ฉะนั้นจึงมีเพียงกายและศีรษะที่ส่วนแรกย่อ อีกส่วนก้มโดยไม่แม้แต่จะคลายรอยยิ้มหวานตรึงจิตที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า สิ่งนี้ล้วนสร้างความประหลาดใจให้แก่ขุนนางบุ๋นทั้งสอง ผิดกับขุนนางบู๊เพียงหนึ่งเดียวที่ยิ้มกลับและประสานมือคำนับอย่างกระตือรือร้น

“ จำหน้าพวกเขาไว้ ”

“ เกิดเรื่องอันใด หากหาเจิ้นไม่พบ ก็ให้วิ่งหาพวกเขา ”

ป้องกันไว้ดีกว่าปล่อยให้พลาด แม้เรื่องร้ายเหล่านี้จะดูไม่มีทางเกิดขึ้นได้ก็ตาม อย่างน้อยหากในยามคับขันนางได้อยู่ในมือของซานกงสักคนเขาก็วางใจแล้ว เพราะหากช่วยไว้ไม่ได้ ทั้งหมดก็ต้องมาร่วมปวดหัวไปกับเขาในส่วนที่ต้องรับมือกับสุนัขคลั่งอย่างลู่ชางหรงผู้นั้น

เถียนเฟิงที่ฟังอยู่ลอบสังเกตท่าทางของทั้งสอง ฝ่ายหนึ่งก็เหมือนจะห่วงแต่ไม่พูดอีกคนก็ไม่คิดว่าในคำพูดนั้นจะแฝงความห่วงใยลึกซึ้ง ต้าซือคงผู้โปรดปรานการวิเคราะห์บุคคลได้แต่กักเก็บความเวทนาไว้ในใจทั้งที่ปากกำลังขยับกล่าวขึ้นว่า “ ขอเพียงลู่เจี๋ยยวี่อยู่ใกล้กับฝ่าบาทไว้ย่อมไม่เกิดเรื่องร้ายอย่างแน่นอน หรือหากมี ครั้งนี้ขบวนเราก็ยังมีต้าซือหม่าคอยดูแล ใช่หรือไม่จ้งชิง? ”

“ ข้าย่อมดูแลขบวนอย่างสุดความสามารถ ลู่เจี๋ยยวี่อย่าได้กังวล ” เว่ยจ้งชิง หรือต้าซือหม่ารีบตอบรับเพื่อไม่ให้หญิงสาวที่ต้องร่วมทางกับชายนับสิบต้องรู้สึกลำบากใจมากนัก “ ครั้งนี้มีเจ้ากรมยุติธรรมมาร่วมด้วย เกิดเหตุร้ายข้าพร้อมปกป้อง ทว่าหากท่านถูกเอาเปรียบ เจ้ากรมยุติธรรมอย่างใต้เท้าจางต้องออกหน้าช่วยอย่างแน่ ”

ถึงขนาดพกเหตุผลร้อยแปดทั้งต้าซือหม่า ทั้งถิงเว่ย มาเพื่อโน้มน้าวให้นางวางใจ ดูท่าพวกเขาจะเห็นนางเป็นเด็กวัยไม่กี่ขวบปีที่ต้องได้รับการดูแลอย่างแน่นหนาจริง ๆ เมื่อได้ยินว่าจางถิงเว่ยเองก็เข้าร่วมขบวน เนตรหงส์ของโฉมงามก็มองผ่านไหล่ของกายสูงตรงหน้า กวาดมองหาคนคุ้นตาภายในหมู่คนเหล่านั้นกระทั้งได้สบตาถึงยกมุมปากยิ้มให้เป็นการทักทายเบา ๆ

จางทังที่แต่แรกสนทนากับเจ้ากรมท่านอื่น เมื่อเลื่อนสายตาผ่านมาก็ชะงักไปเล็กน้อย

“ จริงด้วย ก่อนหน้านี้ใต้เท้าจางและลู่เจี๋ยยวี่เคยพบกันมาก่อน ” ใครบ้างที่จะไม่รู้เรื่องนี้ เสียงของเถียนเฟิงเรียกให้ไป๋หรั่นดึงสายตาของนางกลับจากร่างจางถิงเว่ยและชำเลืองตามองต้าซือคงที่ก็มองไปในทางเดียวกันผิดกับต้าซือหม่าเว่ยชิงที่คล้ายจะนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ลู่เจี๋ยยวี่เคยมีคดีติดพันก็พาลกังวลว่าตัวเองจะทำให้นางนึกถึงภาพจำที่ไม่ดีขึ้นมา

“ อย่างไรก็เป็นเพียงการพบหน้าในฐานะผู้สืบคดีและผู้ต้องหา ”

สนมแซ่ลู่ส่ายศีรษะไปมาเบา ๆ พลางเบี่ยงสายตาจากต้าซือคงไปเป็นแม่ทัพรักษาการณ์ผู้ยิ่งใหญ่อีกฟากที่มีสีหน้าเป็นกังวล “ ตัวข้าพอจะมีโอกาสเดินทางมาแต่เล็ก แต่ก็ไม่มีครั้งไหนชวนให้วางใจได้เท่านี้ พวกท่านโปรดวางใจ ” ต้องขอบคุณที่ลู่เจี๋ยยวี่หาได้มีท่าทางติดหรูอยู่สบายทำให้พวกเขาเหล่าขุนนางโล่งใจไปได้หนึ่งเปราะ

“ ฝ่าบาทจะร่วมรถม้าไปกับหม่อมฉันจริงหรือเพคะ ? ”

“ ไม่ชอบ? ”

“ ย่อมหาได้เป็นเช่นนั้นไม่.. หม่อมฉันเพียงแค่นึกว่าฝ่าบาทจะทรงโปรดการทรงม้าด้วยตัวเองมากกว่า.. ”

อันที่จริงก็เป็นอย่างนั้น ซานกงทั้งสามลอบสบตากันลับหลังบทสนทนาของสามีภรรยา อย่าว่าแต่ลู่เจี๋ยยวี่ที่งุนงง คนที่ทำงานร่วมกับฝ่าบาทมานานก็ยังเกือบโพล่งถามออกไปแล้วว่าเหตุใด ที่ดูจะหาได้ใส่ใจเรื่องนี้ที่สุดเห็นทีคงเป็นตงฟางซั่วที่เปิดปากครั้งแรกก็เป็นประโยคที่ว่า “ เดินทางครั้งนี้มีสายตามากเกินไป ฝ่าบาทคงต้องการความเป็นส่วนตัว ”

ถ้าต้องการนักจะยกโขยงคนไปเกือบครึ่งราชสำนักเพื่ออะไร !

เถียนเฟิงถอนหายใจเบา ๆ และเป็นฝ่ายเอาตัวรอดก่อนเป็นคนแรก

“ กระหม่อมยังต้องไปตรวจนับรายชื่อขุนนางอีกครั้ง ”

“ กระหม่อมจะไปตรวจสอบความปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ ” ครั้งนี้เป็นต้าซือหม่ากล่าวอย่างซื่อสัตย์ต่อหน้าที่

“ … ”

“ เดี๋ยวกระหม่อมนำพระองค์ไปที่รถม้าเอง ”

“ จริงสิ ใต้เท้าเถียน ใต้เท้าเว่ย ” เจี๋ยยวี่แซ่ลู่ที่คล้ายจะเดินตามหลังโอรสสวรรค์และต้าซือถูไปได้เพียงแค่สองก้าว อยู่ ๆ ก็หันกลับมารั้งตัวอีกสองซานกงให้หยุดฝีเท้า “ เดินทางไปอุทยานเม่าหลินครั้งนี้รบกวนพวกท่านไม่น้อย ข้าให้คนของตำหนักตงเฉินห่อสำรับมาเผื่อพวกท่าน ”

ห่อของต้าซือหม่าเป็นปลาเปรี้ยวหวานจับคู่กับชาเบญจมาศ ส่วนของต้าซือคงสลับเป็นไก่แช่เหล้ากับชาเบญจมาศ ทั้งสองที่อยู่ ๆ ก็ได้รับไมตรีกะทันหันนี้ล้วนแต่กะพริบตาปริบกลายเป็นชายทึมทื่อที่ไม่รู้ว่าควรตั้งตัวอย่างไร ดีหน่อยที่เถียนเฟิงรู้สึกตัวไว เขาจรดสายตาลงมองโฉมงามพิลาสล้ำอีกครั้งและก้มลงขอบคุณตามแผ่นหลังบางที่พริ้วก้าวเหยาะ ๆ ตามหลังหวงตี้ไปอีกทาง

“ เจ้าเตรียมสำรับไว้.. ? ”

“ เพคะ มีของใต้เท้าตงฟางด้วย ” ไม่พูดเปล่า มือหนึ่งก็หยิบห่ออาหารยื่นส่งให้ต้าซือถูที่สีหน้าเรียบสงบผู้นั้นก่อนจะหันกลับไปทางสวามีที่เริ่มขมวดคิ้วมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ ของฝ่าบาทหม่อมฉันก็เตรียมของว่างไว้รอรับรองแล้ว ของว่างนี้วิเศษยิ่งกว่าสำรับของซานกงทั้งสามนักเพราะเป็นหม่อมฉันทำเอง .. ฉะนั้นแล้วฝ่าบาทอย่าได้ขุ่นเคืองใจนักเลยเพคะ ”



[NPC-07] ตงฟาง ซั่ว
+5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
+20 ความสัมพันธ์โบนัสหัวดี
+20 ความสัมพันธ์อาหารเกรดม่วง และ +5 ชาอะไรก็ได้
+5 โบนัสอาหารประเภทอาหารปรุง
+5 โบนัสชาประเภทชงชา

[NPC-08] เถียน เฟิง
+5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
+20 ความสัมพันธ์โบนัสหัวดี
+20 ความสัมพันธ์อาหารเกรดม่วง และ +5 ชาอะไรก็ได้
+5 โบนัสอาหารประเภทอาหารปรุง
+5 โบนัสชาประเภทชงชา

[NPC-10] เว่ย ชิง
+5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
+20 ความสัมพันธ์โบนัสหัวดี
+20 ความสัมพันธ์อาหารเกรดม่วง และ +5 ชาอะไรก็ได้
+5 โบนัสอาหารประเภทอาหารปรุง
+5 โบนัสชาประเภทชงชา

[NPC-09] จาง ทัง
+5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
+20 ความสัมพันธ์โบนัสหัวดี

ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ +15 บารมี






แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-09] จาง ทัง เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 2024-8-5 17:20
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-10] เว่ย ชิง เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2024-8-5 17:20
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-08] เถียน เฟิง เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2024-8-5 17:20
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-07] ตงฟาง ซั่ว เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2024-8-5 17:19
โพสต์ 42683 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2024-8-5 16:34

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังปราณ +15 ย่อ เหตุผล
Watcher + 15

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1
โพสต์ 2024-8-19 21:04:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบานชั่วราตรี
วันที่สิบเจ็ด ปาเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ
ปลายยามเว่ย (14.30 น.)




“พระสนมเพคะ”

   หนึ่งประโยคในบ่ายวันหนึ่งเรียนแจ้งถึงความสงบของนางได้หายไปอีกเช่นเคย ในวันที่เว่ยเจียเหลียนฮวาได้ตกผลึกอะไรบางอย่างได้แล้วจึงหวังติดตำหนักทบทวนคำตอบอีกคราว่านางรู้สึกเช่นไร มือเล็กถือม้วนตำราหนึ่งม้วน รอบกายเปิดกางมากมาย ทั้งมีม้วนกระดาษอธิบายถึงสิ่งที่นางเข้าใจและครุ่นคิดเรียบร้อยแล้ว

  รัก

   ไม่รัก

   สามีภรรยา

   พี่ชายน้องสาว

   มิตรสหาย

   ชายหญิง


   คำนิยามเหล่านี้เป็นดั่งคำตอบที่นางต้องทบทวนให้แจ้งชัด รักหรือไม่รัก ในดวงใจนี้แล้วกับบุรุษที่ตนได้ชื่อว่าเป็นภรรยาแล้วนางวางเขาไว้ตำแหน่งใดกันแน่ สามี พี่ชาย มิตรสหาย หรือเป็นเพียงชายผู้หนึ่งในชีวิต

   ไม่ว่าจะตำแแหน่งใด ทว่าสิ่งที่แน่ชัดในดวงใจนี้แล้วคือการที่นางหยิบพู่กันแต้มหมึกแดงขีดฆ่าคำว่ารักราวกับสตรีไร้ใจ

   สตรีในวังหลังมากมาย ไหนเลยนางจะเทียบได้ อรอนงค์โฉมสะคราญอยู่ข้างกายไม่ห่างยามหลับฝันกลางเหมันต์ เจ้าของอำนาจและดวงใจประชาก็คอยปรนนิบัติทุกรุ่งเช้ายามตื่นนอนกลางตำหนักทอง ยังมีเจ้าของบารมีพลทหารคอยจดจ้องเหลียวหา นางรู้ดีว่าสตรีทั้งหลายนี้ไม่ได้ฝักใฝ่อำนาจจากความโปรดปรานของมังกรสวรรค์ แต่เมื่อได้ชื่อว่าใช้บุรุษร่วมกันก็มีเพียงวันเวลาแล้วที่จะบอกว่าเมื่อใดกันมิตรภาพจะสั่นคลอน

   กฎเหล็กของสตรีคือห้ามมีรักที่หักหาญกันและกัน

   เมื่อนางต้องการคงสหายของนางเอาไว้ เช่นนั้นแล้วเป็นนางที่ขอถอนใจออกห่างผู้เป็นดั่งดวงสุริยันฉายร้อนเกินรับมือ

   เช่นนั้นแล้วความสงบได้ก่อตัวขึ้นราวกับได้คำตอบแก่ตนเองเสียที อย่างน้อยก็หนึ่งคำถาม ในระหว่างที่นางตั้งใจจะเอนกายปิติใจยิ่งในความชัดเจนราวกับมีแสงส่องในม่านหมอก ทว่าเสียงเรียกหาสตรีผู้เป็นประมุขแห่งตำหนักเถียนเซี่ยของจ้าวกู่กูดังขึ้นเช่นนี้แล้วนางก็เดาได้ไม่ยากเท่าไหร่นัก

   จ้าวกู่กูผู้รู้ดีว่านางในยามนี้ต้องการความเงียบสงบเพียงใด หากไม่มากเกินรับมือจรงคงไม่เข้ามาได้ เช่นนั้นแล้วสิ่งที่จะเกินต้านทานสำหรับจ้าวกู่กูคงจะเป็นขันทีผู้ส่งสานส์ของใครสักคนกระมัง

   และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ

  “หวงตี้ทรงมีพระราชสานส์ถึงพระสนมเสียนอี๋ ฝ่าบาทตรัสว่าให้ไปที่ประตูเสวียนอู่พะยะค่ะ”

   “ขอบใจกงกงที่มาเรียนแจ้ง”

   และนี่ก็เป็นเหตุผลที่นางได้สวมอาภรณ์งดงามอยู่ตรงหน้าประตูเสวียนอู่อย่างรวดเร็วด้วยฝีมือของนางกำนัลฝีมือดีในตำหนัก แม้ภายในใจของเว่ยเจียเหลียนฮวาจะยังไม่ตกผลึกได้ว่าตนสามารถวางบุรุษสูงศักดิ์ผู้นี้ในตำแหน่งใดได้บ้าง ทว่ากับคำตอบที่แน่ชัดนั้นทำให้นางเยือกเย็นขึ้นมาราวหกส่วนได้

   “คารวะพระสนมเสียนอี๋ ฝ่าบาทรออยู่บนรถม้าพะยะค่ะ”

  “ขอบใจ”

   เมื่อสตรีผู้ได้ชื่อว่าเป็นพระสนมเอกย่างกรายมาสู่ครรลองสายตาของมังกรสวรรค์ องค์รักษ์ผู้คอยอารักขาไม่ห่างกายแห่งหวงตี้ได้ปรากฎตรงหน้าเพื่อเรียนแจ้งแก่สตรีในคำสั่งให้นางตรงไปขึ้นรถม้าได้เลย ทางเว่ยเจียเหลียนฮวาไม่รอช้าเดินก้าวขึ้นไปบนรถม้าร่วมคันกับองค์หวงตี้ในชุดลำลอง

   “ถวายบังคมองค์หวงตี้เพคะ”

   “อย่าได้มากพิธี เจิ้นในยามนี้เป็นเพียงจิ่วเกอเช่นเดิม”

   “รับทราบ—เจ้าค่ะ”

   ทักทายกันพอเป้นพิธีแล้วมือหนาก็เอ่ยเพื่อส่งสัญญาณให้แก่สารถีให้เคลื่อนล้อตรงไปยังจุดหมายที่เขายังไม่บอกสตรีร่วมการเดินทาง ในช่วงเวลานี้ช่างเต็มไปด้วยความเงียบงัน เว่ยเจียเหลียนฮวาทำเพียงนั่งประสานมือเอนกายเข้ากับผนังของรถม้าเงียบ ๆ สดับฟังเสียงลูกปัดห้อยระย้าส่งเสียงร่วมกับโลกภายนอกและเสียงล้อที่บดเบียดบนท้องถนน

   “เมื่อคืนนี้เจ้าไปไหนมา”

   “เรียนฝ่าบาท หม่อมฉันปวดท้องหนักคล้ายจะเป็นระดูจึงนอนในห้องไม่ออกไปไหนเพคะ”

   “ข้าขอถามอีกครา เจ้าไปไหนมา”

   “อยู่ในตำหนั—”

   “เว่ยเจียเหลียนฮวา”

   “...ไปโรงเตี๊ยมชิงหมิงเพคะ”

   ฉับพลันนั้นบรรยากาศเริ่มกดดันเกนิจนไม่อยากจะหายใจ เมื่อร่างสูงเอ่ยนามของนางด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบก็ย่อมต้องทราบแล้วว่านางไปไหน กับใคร อย่างไร เขาเพียงต้องการให้นางเอ่ยยอมรับออกมาด้วยตนเองก็เท่านั้น

   “อย่าได้ลืมว่าเจ้าดำรงตำแหน่งใด เสียนอี๋” สุรเสียงเอ่ยทำลายความเงียบอันแสนอึดอัด “หากต้องการสิ่งใด ก็เอ่ยขอมา”

   ดวงตากลมพลันเบิกกว้าง การที่องค์หวงตี้เอ่ยเช่นนี้ย่อมไม่คืนคำและเป็นการสื่อให้เข้าใจอย่างแจ้งชัดว่าเขารู้ทุกสิ่งที่นางเอ่ยออกไปเมื่อคืนนี้ เช่นนั้นแล้วในใจของนางพลันเกิดคำถามขึ้นขึ้นมาทันใด

   “เหลียนฮวาขอบังอาจเรียนถาม… สำหรับฝ่าบาทแล้ว เหลียนฮวาเป็นสิ่งใด ?”

   “แล้วเจ้าล่ะ เจิ้นเป็นสิ่งใด”

   “หากพระองค์ตรัสถามซึ่งความภักดี หม่อมฉันย่อมเอ่ยตามหน้าที่ว่าเป็นภรรยา ทว่าหากตามที่พระองค์ทรงรู้แจ้งแก่ใจ… ไหนเลยจะกล้าตัดสินใจว่าฝ่าบาทอยู่ในตำแหน่งใด สหายก็ดี พี่ชายก็ดี หรือเป็นโอรสสวรรค์ก็ดี แล้วแต่ฝ่าบาทจะจัดสรร”

   หลังจากคำตอบของเว่ยเจียเหลียนฮวาผู้เป็นพระสนมเอ่ยตอบออกไปนั้น คำว่าสามีภรรยาได้เลือนหายไปในเพียงชั่วพริบตา 





[สามารถโรลเพลย์ค้นคว้าหาความรู้จากการฟัง หรือ อ่าน +30 EXP (วันละครั้ง)]

[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์


@Admin

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2024-8-19 22:01
โพสต์ 16723 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-8-19 21:04
โพสต์ 16,723 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2024-8-19 21:04
โพสต์ 16,723 ไบต์และได้รับ +3 EXP +10 คุณธรรม +4 ความโหด จาก บัณฑิต  โพสต์ 2024-8-19 21:04
โพสต์ 16,723 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 คุณธรรม จาก พู่กันคัดอักษร  โพสต์ 2024-8-19 21:04
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้