[ศาลาจื่อเถิงฮวา]

[คัดลอกลิงก์]


ศาลาจื่อเถิงฮวา




处 处 闻 啼 鸟 。
夜 来 风 雨 声 ,
花 落 知 多 少 。

ชุนเทียนนอนได้ไปถึงเช้า
ทุกแห่งเราได้ยินปักษา
ค่ำคืนเสียงลมฝนพัดมา
ดอกไม้ร่วงไม่รู้ว่าเท่าใด



紫藤花亭
ศาลาจื่อเถิงฮวา


“ยามพบพาน จื่อเถิงฮวาโปรยปราย”
ศาลาทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านกลางสวนจื่อเถิงสีม่วงครามราวกับตำหนักเล็ก ๆ ของภูติบุปผา ภายในศาลามีที่นั่งพักผ่อนหย่อนกาย ทั้งยังมีเถาจื่อเถิงพร่างพรายบนคานศาลา หากต้องการความสงบในโลกหล้า การนั่งทิ้งกายที่แห่งนี้นับว่าดีมิใช่น้อย






แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 4390 ไบต์และได้รับ 1 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-7-22 23:16
โพสต์ 2024-7-26 00:38:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน
วันที่ยี่สิบห้า ชีเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ กลางยามโหย่ว (ช่วง 18 น.)




     เมื่อนางอยู่ฟังข่าวลือมากมายจนคิดว่าคงมากพอที่นางจะรับรู้และไม่น่าจะมีข่าวอะไรมากไปกว่านี้แล้วนางก็สั่งฝูหยวนจื่อของโปรดนางสักถ้วย… ชนิดที่ซื้อทั้งถ้วยแถมอีแปะไปเสียมากแบบไม่ต้องทอน ถือเสียว่าอุดหนุนกิจการที่นางไม่ได้มาเสียเนิ่นนานก่อนจะหิ้วถุงฝูหยวนจื่อพร้อมถ้วยน้อยเดินออกจากโรงเตี๊ยมอีกทีช่วงยามโหย่วทีเดียว

   หากให้กล่าวกันตามตรง รสนิยมของนางหาใช่การอยู่ท่ามกลางฝูงชนไม่ เช่นนั้นแล้วสองเท้าของนางจึงเดินเล่นไปเรื่อย ๆ จนออกมาจากตัวเมืองฉางอันเพื่อพิศมองธรรมชาติมากมายเติมพลังงานอันอ่อนล้าจากการเจอผู้คนมากมายให้หนักกายและหนักใจกับข่าวลือ…อันมีข่าวของนางเอง

   เว่ยเจียเหลียนฮวาเดินพิศมองที่ทางไปเรื่อย ๆ จนเจอกับบุปผาสีม่วงเห็นอยู่รำไร ร่างบางไม่รอช้าก้าวเดินเข้าไปยังสถานที่นั้นจนได้ค้นพบว่าสถานที่แห่งนี้อุดมไปด้วยต้นจื่อเถิงหลัวยืนต้นมากมายราวกับดินแดนเทพเซียนก็ไม่ปาน ดวงตาสีนิลทอประกายงดงามด้วยความตื่นเต้นและชมชอบพวกมัน มือเรียวไม่รอช้ายกขึ้นปลดหมวกไผ่ออกมาถือเพื่อให้ได้พิศมองทั่วอาณาบริเวณให้ดีก่อนจะแลเห็นศาลาทรงสี่เหลี่ยมใหญ่ราวกับที่ประทับของภูติจื่อเถิงหลัว

   “โห งดงามนัก”

   เจ้าดอกบัวน้อยไม่รอช้า นางก้าวเดินเข้าไปสำรวจศาลาราวกับว่าเชื่อว่ามันคือศาลาทั่วไปธรรมดาที่ให้ใครก็ได้สามารถเข้ามาใช้งานมัน สองเท้าเล็กก้าวไปตามพื้นไม้สำรวจนี่นั่นจนทั่วศาลาและมาหยุดที่ภาพจื่อเถิงหลัวต้นใหญ่ราวกับหัวใจของสถานที่แห่งนี้

   งดงามนัก

   “นี่ข้ามาครานี้ได้พบกับเทพธิดาจื่อเถิงฮวาหรือ ?”

   สุรเสียงคุ้นใบหูดังขึ้นจากข้างหลังทำเอาร่างเล็กสะดุ้งโหยงด้วยอารามตกใจก่อนจะเร่งหันไปเมียงมองต้นทางของน้ำเสียงนั้น ดวงตาสีดำตัดสลับขาวแลกลมโตอยู่แล้วเบิกกว่างขึ้นไปอีกแสดงอาการอย่างชัดเจนว่านางไม่คาดคิดจะได้เจอบุรุษผู้นี้เลย

   “ถวายบังคมหวางเย่เพคะ”

   เมื่อนางตระหนักได้ว่าหมวกไผ่ผ้าคลุมไหมโปร่งนั้นแทนที่จะอยู่บนศีรษะ บัดนี้มันได้นอนอยู่ที่ตั่งเก้าอี้บุนวมนุ่ม และถุงฝูหยวนจื่อพร้อมถ้วยไม้เองก็ประทับแน่นิ่งที่โต๊ะไม่ต่าง นางไร้ข้ออ้างกระทำแสร้งเป็นไม่รู้จักมักจีเช่นนี้จึงต้องถอนสายบัวเอ่ยทำความเคารพตามระเบียบ

   “อย่าได้มากพิธีเว่ยเจียเจี๋ยยวี๋ ขอแสดงความยินดีที่ท่านได้เลื่อนขั้น”

   “มิได้เพคะ หม่อมฉันเพียงได้รับความเมตตาจากฝ่าบาทก็เท่านั้น”

   ได้ยลยินแสงความยินดีก็แย้มยิ้มออกมาอย่างว่างเปล่าจนแลพิศเป็นกระตุกยิ้มเสียมากกว่าด้วยซ้ำ เรียกเสียงขบขันให้แต่บุรุษผู้เป็นถึงพระอนุชาของสามีของนางทีเดียว ทว่าสำหรับนางแล้วบุรุษผู้นี้มิใช่เพียงน้องเขย ทว่ากลับเป็นบุรุษที่ต้าเจียของนางหลงรักเป็นเวลานานเช่นนั้นแล้วจึงได้วางแผนขัดขวางมิให้นางได้ในสิ่งที่นางต้องการ

   “จริงสิ หม่อมฉันมีฝูหยวนจื่อกับสุรานารีแดง ขอมอบถวายแด่พระองค์เพคะ”

   “ขอบใจมากเว่ยเจียเจี๋ยยวี๋”

   “อยู่นอกวัง…เรียกข้าว่าเหลียนฮวาเถิดเพคะ”

   “หืม ?” วงคิ้วโก่งยกขึ้นอย่างนึกสนเท่ห์ เขาได้ยินเช่นนั้นก่อนจะแย้มยิ้มออกมาอย่างมีกระไรในใจไม่อาจวางใจได้ “เช่นนั้นในยามนี้ที่อยู่นอกวังเจ้าก็เรียกข้าว่า หลินชาง ก็แล้วกัน แม่นางเหลียนฮวา”

   “ขอบคุณที่เข้าใจค่ะ ท่านชายหลินชาง”

   ในระหว่างที่สนทนากันนี้เองนางก็เทฝูหยวนจื่อวางช้อใ้ห้อย่างดี รินสุราใส่จอกวางตั้งให้กับโต๊ะรับรองตรงหน้าให้แก่บุรุษผู้นี้

   “ได้ยินว่าเจ้าเก่งกาจมากปัญญาตั้งแต่สมัยศึกษาในสถานศึกษา เช่นนั้นแล้วเล่นหมากล้อมกับข้าหน่อยปะไร”

   “ย่อมได้เพ— เจ้าค่ะ” และแล้วกาลเวลาก็ค่อย ๆ ผ่านไปพร้อมกับการเดินหมากผลัดกันรุกผลัดกันรับของหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีท่ามกลางศาลาประดับจื่อเถิงหลัวงดงาม




 [NPC-05] หลิว ชุ่น
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 โบนัสความสัมพันธ์จากหัวดี
+ คสพ.กับอาการอ่ะ ให้ บัวลอยกับสุรานารีแดง
+5 หากเป็นอาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง หรือ ชงชา ได้โบนัส เพิ่ม

ได้เจอฟูจวินที่แท้จริงของดวงใจผมแล้ว  รักนะคะ หว่ออ้ายหนี่ ซารางเฮโย ฉางซานเซียนหวาง
@Admin 

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-05] หลิว ชุ่น เพิ่มขึ้น 75 โพสต์ 2024-7-26 10:15
โพสต์ 13787 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-7-26 00:38
โพสต์ 13,787 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-7-26 00:38
โพสต์ 13,787 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2024-7-26 00:38
โพสต์ 13,787 ไบต์และได้รับ +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2024-7-26 00:38
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2024-7-26 21:41:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2024-7-26 21:45


ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน
วันที่ยี่สิบหก ชีเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ ปลายยามโหย่ว (ช่วง 19 น.)




     วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เว่ยเจียเหลียนฮวาแอบออกมานอกพระราชวัง ด้วยความต้องการเดินออกมาจากความวุ่นวาย การปรนนิบัติฝ่าบาทนางก็กระทำไปแล้วอย่างน้อยตั้งหนึ่งคืน… เช่นนั้นแล้วพระองค์ที่แลดูน่าจะมีสนมมากมายคอยยกน้ำแกงถวายคงไม่เหงาปากไปมากกว่านี้หรอกเพียงเพราะนางไม่อยู่สักคน สตรีร่างบางในอาภรณ์ธรรมดาใต้หมวกไผ่ผ้าไหมโปร่งคลุมเช่นเดิม

   แน่นอนว่านางย่อมตรงมายังสถานที่ที่นางได้ค้นพบเมื่อวานนี้เอง นางจงใจมาช้ากว่าเมื่อวานนี้ด้วยการคาดเดาว่าบุรุษผู้หนึ่งน่าจะไม่อยู่ศาลาจื่อเถิงฮวาอีกต่อไปและศาลานั้นจะเป็นสถานที่ที่ให้นางได้เอนกายเอกขเนกเช่นตัวตนของนางจริง ๆ เสียที สองเท้าเดินก้าว สองมือถึงปิ่นโตและตะกร้าอาหารมาราวกับต้องการเที่ยวเล่นก็ไม่ปานแม้ว่าในยามนี้จะสามารถเรียกได้ว่ายามวิกาลก็ตาม

   ทันใดยนั้นเองที่นางได้เหยียบย่างเข้าไปในศาลาทรงสี่เหลี่ยมงามตา ภาพตรงหน้าของนางนอกจากจะพบเจอบุรุษคุ้นหน้าเป็นอย่างดีแล้ว มองลอดผ่านรอยแยกของผ้าไหมโปร่งคลุมใบหน้าก็พบว่ามีบุรุษอีกคนเป็นคู่มือการเดินหมากในครานี้

   แทนที่นางจะหลีกหนีมาเจอความเงียบสบง กลับพบเจอบุรุษผู้เดิม เพิ่มเติมคือมีมาอีกหนึ่งคนอีกต่างหาก

   ด้วยความที่นางเป็นบุตรีเจ้ากรมโยธาธิการทำให้ผู้น้อยผู้ใหญ่ร่วมงานบิดานางล้วนรู้จักแม้เพียงใบหน้าจับคู่กัยนามอย่างถูกต้องก็ยังดี ทำให้เหลียนฮวาทราบได้โดยทันทีว่าบัดนี้นางอยู่ตรงหน้าผู้ใดบ้าง

   “ถวายบังคมหวางเย่ ทักทายต้าซือถูเจ้าค่ะ” ร่างเล็กถอดหมวกออกจากศีรษะน้อย ๆ ยอบกายตามมารยาท “หม่อมฉันมาขัดช่วงเวลาเดินหมากของพระองค์กับต้าซือถูแล้ว ขออภัยเพคะ”

   “เจ้าเองหรือ—...เว่ยเจียเจี๋ยยวี๋” ร่างสูงผู้ทรงศักดิ์ที่สุดในที่แห่งนี้เอ่ยทักทาย ท่าทีที่เว้นช่วงนี้เองเขาสะดุดปากครุ่นคิดว่าหากเอ่ยขานตามที่ตกลงเมื่อวานคงไม่งามเป็นแน่ ไหน ๆ สตรีก็เอ่ยทักทายเขาเป็นหวางเย่ เช่นนั้นคงต้องเอ่ยด้วยตำแหน่งไม่ต่าง เขาตระหนักถึงสิ่งที่ควรเอ่ยและดวงใจที่ฝืนตนเองอดเย้าหยอกมิได้แย้มยิ้มขึ้นมาอย่างยียวนและเอ่ยตอบ “หาได้รบกวนไม่ ศาลาแห่งนี้มิได้มีป้ายใดบอกว่าเป็นตำหนักของเปิ่นหวาง เช่นนั้นแล้วอย่าได้เกรงใจ”

   นางที่ถอดหมวกไผ่ออกก่อนยอบกายทำความเคารพก็นึกอยากจะสวมหมวกคืนอีกครั้ง ในยามนี้นางต้องการจะกรีดร้องใส่มันให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าสิ่งที่นางกระทำได้มีเพียงการแย้มยิ้มทางการค้าที่ดวงตาส่งทำความใส่บุรุษคุ้นเคยที่สุดในที่แห่งนี้ว่าเหตุใดจึงไม่บอกว่านางรบกวนแล้วให้นางออกไปเสีย

   ดวงตาคมปราบได้แลเห็นสัญญาณบางอย่างส่งมาก็อดส่งเสียหัวเราะในลำคอไม่ได้ เขามองกระดานหมากตรงหน้าสักครู่และเดินหมากก้าวสุดท้ายเพื่อจบการละเล่นนี้เสียที

   “รุกฆาต ต้าซือถูอ่อนข้อให้ข้าแล้ว เช่นนั้นก็พอก่อนสำหรับวันนี้ดีไหมเล่า”

   “พระองค์กล่าวเกินจริง เป็นพระองค์ที่ทรงพระปรีชามากกว่าพะยะค่ะ”

   “อย่าได้อ่อนน้อมนัก เปิ่นหวางได้เจ้าช่วยเฟ้นหากลยุทธ์นี่แลจึงได้พอสู้รบปรบมือกับฝีไม้ลายมือการเดินหมากของเสด็จพี่ได้” ฉางซานเซียนหวางเอ่ยออกมาก่อนจะกลับไปสนใจสตรีที่ยังคงยืนทำท่าทางอยากจะหนีไปที่อื่นให้พ้น ๆ อยู่รอมร่อ

   แต่หากเจ้าไม่เอ่ยออกมา ใครเลยจะทราบว่าเจ้าต้องการสิ่งใด

   หวางเย่ผู้แสร้งว่าไม่รับรู้ถึงสิ่งใดผายมือมาทางโต๊ะอีกด้านสำหรับการนั่งจิบชาทานอาหารนั่นนี่

  “เจ้าเองก็มานั่งเสียสิ อย่าได้เกรงใจ”

   “เป็นพระกรุณาธิคุณมากล้นเพคะ เช่นนั้นแล้วหม่อมฉันหิ้วไก่ขอทานและชาเบญจมาศมาพร้อม ทั้งยังมีเฉียวกั่วตบท้าย หากข้าจะรับประทานผู้เดียวเกรงว่าจะกลายเป็นโยนทิ้งเพราะจัดการไม่ไหว เช่นนั้นแล้วจึงขอบังอาจเชิญชวนทั้งหวางเย่และต้าซือถูกมาร่วมโต๊ะ”

  “เว่ยเจียเจี๋ยยวี๋ใจกว้างนัก มาเร็วต้าซือถู มาร่วมโต๊ะกับเปิ่นหวางด้วย”

   “พะยะค่ะ”

   เป็นคำที่หลุดลอดออกจากริมฝีปากเรียบเป็นเส้นตรงของผู้เป็นมหาอุปราชแห่งต้าฮั่น ตงฟางซั่ว ดวงใจของนางพลันรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าบุรุษผู้นี้คือบุคคลประเภทเดียวกันนาง

   นักปราชญ์ผู้โหยหาความสงบ

   …ถึงแม้ว่าของนางจะเพิ่มมาด้วยความสะดวกสบายและเกียจคร้านก็ตาม

   มือเรียวจัดวางอาหารให้เรียบร้อย ไม่อาจทราบได้เลยว่าพวกเขามาที่แห่งนี้บ่อยเพียงใดถึงทิ้งชุดถ้วยชาราคาแพงเอาไว้โดยไม่นึกกลัวว่ามันจะถูกขโมยไปไหน นางหยิบถ้วยชาเห่านั้นมารินชาเบญจมาศและยกมอบให้แก่บุรุษทั้งสองตามระดับความอวุโสบนโต๊ะอาหาร แนะนอนว่าเพื่อความปลอดภัยนางย่อมดึงปิ่นสำรองเงินแท้ของนางมาปักตรวจสอบให้ด้วยตนเองเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจอย่างถึงที่สุด

   “เชิญเลยเพคะ”

   สิ้นวจีอ่อนหวาน ผู้สูงศักดิ์ที่สุดบนโต๊ะอาหารอย่างฉางซานเซียนหวางก็หยิบตะเกียบคีบไก่มาเสวยอย่างสบายอารมณ์ ตามด้วยต้าซือถูกที่คีบรับประทานเงียบ ๆ ดวงตากลมแลเห็ฯบุรุษทั้งสองดูไม่มีท่าทีกระไรมากมายก็พอใจแล้ว ได้เวลาที่มือเล็กจะคีบตะเกียบของนางคีบรับประทานบ้างเสียแล้ว

   การได้ร่วมโต๊ะอาหารนั้นนับว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ที่บุรุษอื่นแม้แต่ฝ่าบาทผู้เป็นสามียังไม่เคยได้ร่วมโต๊ะกับนางเลย การได้สังเกตท่าทีอันงดงาม คงกิริยาไว้ไม่ขาดพร่อง ใบหน้าคมคายเจริญตางามพิศมอง ทั้งหมดนี้นางเริ่มจะเข้าใจต้าเจียของนางแล้วว่าเหตุใดถึงชมชอบบุรุษผู้ไม่ต่างจากจิ้งจอก

   ในเมื่อบุรุษจิ้งจอกยอมศิโรราบแต่โดยดี มีหรือสตรีฝันเฟื่องจะไม่อ่อนระทวย




[NPC-05] หลิว ชุ่น
+5 สนทนาประจำวัน
+20 หัวดี โบนัสความสัมพันธ์
+ให้แค่ขนมเฉียวกั่วกับชาเบญมาศพอ  บวกเท่าไหร่อ่ะ
(หากเป็นอาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง หรือ ชงชา ได้โบนัส +5 เพิ่ม)

[NPC-07] ตงฟาง ซั่ว
+5 สนทนาประจำวัน
+20 หัวดี โบนัสความสัมพันธ์
+25 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดส้ม+ชาหรือสุราก็ได้
(หากเป็นอาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง หรือ ชงชา ได้โบนัส +5 เพิ่ม)
ให้ ไก่ขอทาน ขนมเฉียวกั่ว ชาเบญจมาศ


ผมได้เจอฟูจวินที่แท้จริงของดวงใจผมแล้ว  รักนะคะ หว่ออ้ายหนี่ ซารางเฮโย ฉางซานเซียนหวาง

ปล. เราสามารถท้าทายระบบได้ป้ะ 55555

@@@Admin 

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-07] ตงฟาง ซั่ว เพิ่มขึ้น 80 โพสต์ 2024-7-26 22:05
ความสัมพันธ์กับ [NPC-05] ถึงลิมิตแล้ว   โพสต์ 2024-7-26 22:03
โพสต์ 19006 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-7-26 21:41
โพสต์ 19,006 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-7-26 21:41
โพสต์ 19,006 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +2 ความชั่ว +5 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2024-7-26 21:41
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2024-7-29 22:24:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 30 เดือน 07 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10 เวลา 9.00 น ณ ศาลาจื่อเถิงฮวา




++ ปลดล็อกหัวใจเว่ยจื่อฟู ++




ร่ำสุรากับสหาย


     เมื่อวานนี้ผ่านเหตุการณ์มากมาย ไม่ว่าจะฆ่าล้างเผ่าพันธ์มนุษย์ปลา ล่าไก่ คุ้มกัน พ่อค้า ลามไปจนกระทั่งสู้กับเเพนด้า โจวจินก็ได้กลับมาพักผ่อนที่เมือง โดยได้นอนที่รถม้าของเขาเนื่องจากเขาจน เขาได้จัดกระเป๋าเขาก็พกกับ จดหมายที่มีกลิ่นหอมออกของดอกไม้ เขียนไว้ว่า วันที่ 30 เดือน 4 เวลา 09.00 หญิงสาวจอมยุทธ์ชุดขาวนัดอีกฝ่ายพบเจอที่ศาลาจื่อเถิงฮวา


'เเม่นางเว่ยงั้นเหรอ ทำไมไม่กล่าวนัดดีๆ หว่า แต่มื้อเช้าแบบนี้ ข้าเตรียมอาหารไปด้วยดีกว่า' โจวจินคิดถึงการเตรียมตัวด้วยมื้อเช้าว่าน่าจะทำเป็นเมนูจานปลาเพราะเขามีแต่เมนูปลา หลังจากนั้นเขาก็หลับไป


หลังจากหลับไปตื่นนึงเวลาก็ผ่านมาจนถึง 7 โมงเช้า โจวจินก็พบว่าเขาแต่งตัวแล้วเตรียมเดินทางดีกว่า โจวจิน เตรียม ชา สุรา อาหาร แม้กระทั่งขนม เผื่อไว้กรณีต้องกิน


โจวจินเดินทางไปถึงศาลาจื่อเถิงฮวา ตั้งเเต่เวลา 8.30 โจวจินไปถึงก่อนก็เพื่อตั้งเตาทำอาหาร ไม่ว่าจะเป็นขนมเฉียวกั๋ว เสี่ยวหลงเปา แม้กระทั่ง ปลาเก๋านึ่งซีอิ๊วโจวจินก็ยังทำ เวลาผ่านไปจนถึง 9.00


"เจ้ามาแต่เช้าเลยคุณชายโจว" แม่นางเว่ยกล่าวทักทาย


"ข้าแค่ตั้งใจชวนท่านมาดื่มด้วยกัน เฉยๆ แต่ท่านราวกับเหมือนเตรียมตัวมาเลยนะ" แม่นางเว่ย เอ่ยแซวโจวจิน


"ข้าแค่คิดว่านัดกันเช้าขนาดนี้ แม่นางเว่ยน่าจะยังไม่ได้ทานมื้อเช้า ข้าเลยออกมือทำอาหารและขนมซักหน่อยนะ แต่ข้าก็ไม่คิดว่าท่านจะทานสุราแต่หัววันนะ ฮ่ะ ฮะ" โจวจินเอ่ยแซวกลับ


"งั้นข้าแนะนำเป็นเมนู เสี่ยวหลงเปา (สีฟ้า) กับสุราเบญจมาศ (สีม่วง) ละกัน ตัวเสี่ยวหลงเปาเป็นกับแกล้มที่กินง่าย สบายพอดีคำ สุราเบญจมาศ ได้กลิ่นที่หวานหอม รสชาติที่ดื่มง่ายคล่องคอ ข้าคิดว่าน่าจะเหมาะกับท่าน" โจวจินกล่าวเเนะนำ


"งั้นเจ้าจะรอช้าอยู่ไย มาร่ำสุรา ทานอาหารกันสหายข้า" แม่นางเว่ยกล่าว


โจวจินพยักหน้า และเสิร์ฟอาหาร


บนโต๊ะที่ศาลาก็เต็มไปด้วย สุราไผ่เขียว สุราเบญจมาศ และเสี่ยวหลงเปา


ทั้งสองรับประทานอาหารกระชับมิตรกัน ต่างฝ่ายต่างพูดคุย และเราเรื่องราวของกันและกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความจริงใจ และจริงจัง


เวลาผ่านไปได้ 1 ชม ทั้งสองก็แยกย้ายจากกัน แต่ตอนนี้ในใจของพวกเขา เขานับกันแล้วว่าพวกเขาคือสหายที่เท่าเทียม


-----------------------------------------------------


[NPC-06] เว่ย จื่อฟู  +5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
[NPC-06] เว่ย จื่อฟู +20 ความสัมพันธ์จากหัวดี
[NPC-06] เว่ย จื่อฟู +15+5+5 ความสัมพันธ์จาก อาหารเกรดน้ำเงิน เสี่ยวหลงเปา และ อาหารปรุง + สุราเกรดม่วง สุราเบญจมาศ



@Admin ปลดล็อคความสัมพันธ์ 2 ดาว




แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-06] เว่ย จื่อฟู เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 2024-7-29 22:42
โพสต์ 8568 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-7-29 22:24
โพสต์ 8,568 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก เกราะทองแดง  โพสต์ 2024-7-29 22:24
โพสต์ 8,568 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +1 ความชั่ว +2 ความโหด จาก กระบี่  โพสต์ 2024-7-29 22:24
โพสต์ 8,568 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)  โพสต์ 2024-7-29 22:24
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่
มือกระบี่
ช่อเมล็ดข้าวมงคล
หมวกไผ่ผ้าคลุม
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x4
x4
x2
x2
x2
x6
x2
x2
x1
x4
x5
x1
x1
x16
x32
x24
x9
x1
x2

1

กระทู้

39

ตอบกลับ

5166

เครดิต

เสาหลักพวกพ้อง

พลังน้ำใจ
4927
ตำลึงทอง
45
ตำลึงเงิน
477
เหรียญอู่จู
11886
STR
25+15
INT
30+0
LUK
30+20
POW
20+0
CHA
0+0
VIT
15+12
คุณธรรม
878
ความชั่ว
0
ความโหด
542
โพสต์ 2024-8-12 11:24:13 | ดูโพสต์ทั้งหมด




"ตัวข้า....."



รอนแรมมาเนิ่นนานเพียงเพื่อเข้าสู่นครหลวงอันยิ่งใหญ่แห่งต้าฮั่น นครฉางอัน 


บุรุษผู้หนึ่งนั่งสยายเกศาสีครามด้วยท่วงท่านิ่งสงบ ปกปิดซ่อนเร้นเกศาสีเงิน แม้จะพยายามหยาดย้อมให้กลายเป็นดำขลับ แต่เพราะด้วยเส้นเกศาเงินนี้เองทำให้ได้สูงสุดเพียงสีคราม 


ทายาทตระกูลกงจื่อแห่งแดนไกล ทายาทที่ไม่ได้อยากจะเป็นหรือรับตำแหน่ง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่พยายามหนีหัวซุกหัวซุน


หนีจากทั้งคนของตระกูลที่พยายามพาตัวกลับไปและคนที่หมายเอาชีวิตเขา จะทางไหนมันก็แย่ทั้งคู่


เอาเถิดหนา การเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่มีอิสระแห่งนครแห่งนี้ สถานที่ที่มั่งคั่งและมากมายไปด้วยผู้คนหลากหลายชนชั้น ตัวตนของหลงเสวียนจะเปรียบเสมือนสามัญชนทั่วไป มิใช่คุณชายกงจื่อ


เงินทุนตั้งตัวมีน้อยนิดเมื่อเทียบกับชีวิตหรูหรา ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยไม่คิดถึงเรื่องเงินทองคราครั้งพำนักคฤหาสน์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เลือกใช้ต้องดีเลิศ หากต้องลดระดับมาตรฐานลงเกรงว่าหลงเสวียนจะรับไม่ได้


นัยน์ตาทอดมองศาลาก่อนจะเห็นถึงความรู้สึกขัดแย้ง… เมื่อเห็นอะไรที่ดูไม่เรียบร้อย ชายหนุ่มก็จะรู้สึกไม่ชอบทุกที 


เขาขยับตัวลุกขึ้นเดินมุ่งหน้าไปยังสำรวจสถานที่อื่น ๆ



รางวัล: เงินติดตัวจากพ่อแม่ 40 ตำลึงทอง , 1000 อีแปะ , ห่อสัมภาระ 1 ห่อ , กระเป๋าขนาดกลาง 1 ใบ, +30 EXP (แนบท้ายโรล)










แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2024-8-12 11:35
โพสต์ 10787 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-8-12 11:24
โพสต์ 10,787 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ลาภลอย  โพสต์ 2024-8-12 11:24
โพสต์ 10,787 ไบต์และได้รับ +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2024-8-12 11:24
โพสต์ 10,787 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-8-12 11:24

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงทอง +40 เหรียญอู่จู +1000 ย่อ เหตุผล
Watcher + 40 + 1000

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ผู้มีบุญ
มีดแล่เนื้อ
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
ง้าวปีศาจปลา
หมวกไผ่ผ้าคลุม
พัดคุณชาย
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x12
x16
x1
x4
x2
x4
x2
x17
x54
x5
โพสต์ 2024-8-29 00:15:46 | ดูโพสต์ทั้งหมด






วันที่ 28 ปาเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่ 10 
เวลา 18.15 น.




ซิ่วอิงเดินเล่นไปทั่วรอบนอกของเมืองฉางอันจนได้พบกับสถานที่สวยประหลาดตาอย่างที่นางไม่เคยพบมาก่อนตั้งแต่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่นี่ ท่ามกลางต้นจื่อเถิงหลัวสีม่วงครามรายล้อมมากมายตรงกลางมีศาลาทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ตั้งเด่นตระหง่านดึงดูดสายตา คุณหนูแห่งตระกูลหรงตื่นตะลึงกับความสวยงามอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหลุดจากภวังค์แล้วเดินไปที่ศาลา

“ไม่คิดเลยว่าที่แห่งนี้จะมีศาลาที่งดงามถึงเพียงนี้ เห็นทีข้าจะได้สถานที่พักผ่อนหย่อนใจแห่งใหม่เสียแล้ว”

ว่าแล้วก็นั่งลงบริเวณเก้าอี้ศาลาพร้อมกับนำสุรามาวางบนโต๊ะ จัดการรินสุราชั้นดีใส่จอกแล้วกระดกลงคออย่างรวดเร็ว ซาบซ่าร้อนผ่าวไปทั่วลำคอ 

“ข่าาาาาา~…” หากทำแบบนี้ที่เรือนของตระกูลมีหวังจะต้องโดนท่านแม่ดุเอาแน่เพราะเป็นกิริยาที่ดูไม่งามนักสำหรับสตรีที่มีหน้ามีตาในสังคม แต่สำหรับซิ่วอิงแล้วการดื่มแล้วส่งเสียงออกมาเช่นนี้มันได้อรรถรสในการดื่มเสียนี่กระไร ว่าแล้วก็ดื่มอีกจอก…

“สุรานี่ช่างดีเสียจริง ร่ำสุราท่ามกลางบรรยากาศอันสงบเงียบไม่มีผู้ใดกวนใจดังเช่นเมื่อ—”

“ไม่นึกเลยว่าจะเจอแม่นางอีกแล้ว”

พรวดดดดดดดดด!

ซิ่วอิงถึงกับพ่นสุราที่เพิ่งเข้าปากออกมาเป็นปลาพ่นน้ำมิหนำซ้ำด้วยความร้อนแรงของสุราชั้นดีนี้ยังทำให้นางถึงกับสำลักเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนทักขึ้นมา ก่อนที่ร่างของเขาจะปรากฏกายเดินขึ้นมาที่ศาลา

“แค่ก แค่ก แค่ก…” นางทุบอกตัวเองสองสามที

“เป็นอะไรหรือไม่แม่นางหรง?” 

ซิ่วอิงพยายามปรับโฟกัสสายตาน้ำเสียงเช่นนี้…รูปงามเช่นนี้…การแต่งกายเช่นนี้…นี่มัน…คุณชายตงฟางคนเมื่อวาน! นางถึงกับกุมขมับเหตุใดเขาถึงอยู่ที่นี่ และทุกครั้งที่เจอจะต้องเป็นสถานการณ์ที่หน้าขายขี้หน้าเสมอเลย 

“จำข้าได้ด้วยหรือเจ้าคะ?” นางเงยหน้าขึ้นถามคุณชาย หลังจากที่รู้สึกดีขึ้นจากการสำลักแล้ว

“เหตุใดจะจำไม่ได้ข้าเพิ่งพบแม่นางเมื่อวาน หากแม่นางรู้ว่าความจำของข้านั้นดีแค่ไหนคงไม่พูดเช่นนี้”

“ไม่ทราบมาก่อนว่าคุณชายตงฟางรู้จักสถานที่แห่งนี้ด้วย” นางอุตส่าห์คิดว่าที่นี่จะเป็นจุดพักแห่งใหม่ให้ได้สำราญกลับกลายเป็นว่าไม่ใช่เสียแล้ว

“คำถามนี้ควรเป็นข้าที่ถามแม่นาง ปกติแล้วข้ามาที่นี่เป็นประจำ แต่ไม่เคยพบแม่นางที่นี่มาก่อน”

“ข้าเพิ่งค้นพบที่นี่เจ้าค่ะ” ซิ่วอิงตอบตามจริง “หากเป็นที่ประจำของคุณชาย ข้าก็จะไม่รบกวนแล้วย้ายไปนั่งดื่มสุราที่อื่นเจ้าค่ะ” 

“ศาลาจื่อเถิงฮวาแห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับทุกคน ข้าหาใช่เจ้าของที่นี่ แม่นางหรงไม่จำเป็นต้องหลีกทางให้ข้าหรอก”

ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ซิ่วอิงก็รู้สึกเกร็งอยู่ดี คุณชายท่านนี้ดูสุขุมนุ่มลึกทุกท่วงท่าในการเคลื่อนไหวขยับตัวดูสง่าผ่าเผยไปเสียหมด เมื่อเปรียบเทียบกับซิ่วอิงแล้วต่างกันราวฟ้ากับเหว ทำเอานางเองไม่กล้ากระดกสุราต่อเลยทีเดียวได้แต่นั่งตัวแข็งมองดูคุณชายตงฟางที่เดินไปนั่งเก้าอี้อีกด้านกำลังเตรียมกระดานหมากล้อมอยู่เงียบ ๆ 

“มีอะไรหรือเปล่าแม่นางหรง? ทำไมนั่งเกร็งแบบนั้น” เหมือนคุณชายจะจับสังเกตได้

“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ข้าแค่รู้สึกว่านั่งกระดกสุราในขณะที่คุณชายนั่งอยู่ด้วยดูจะไม่ใช่สิ่งที่ควรทำสักเท่าไหร่ รบกวนท่านเกินไป”

แต่ดูท่าทางแล้วคุณชายตงฟางก็ไม่ได้ดูสนใจว่านางจะทำอะไรมากนัก เขายังคงจดจ่ออยู่กับการเตรียมกระดานหมากล้อมของตนเองอย่างที่ทำเป็นปกติในทุกวัน

“ไม่ทราบว่าแม่นางหรงเดินหมากเป็นหรือไม่?” 

“เป็นเจ้าค่ะ” นางตอบ…อย่างไรเสียหมากล้อมก็เป็นสิ่งที่นางได้รับการฝึนฝนฝีมือมาตั้งแต่เยาว์วัย

“ถ้าเช่นนั้น…ให้เกียรติเล่นหมากล้อมกับข้าสักตาได้หรือไม่?”

“จะดีหรือเจ้าคะ?” นางยังคงรู้สึกลังเล

“เอาอย่างนี้…แม่นางหรงกับข้าประลองการเล่นหมากล้อม หากผู้ใดโดนกินหมากก็ดื่มสุราให้หมดจอก”

คุณชายตงฟางดูออกว่าซิ่วอิงไม่กล้าดื่มสุราต่อ เหตุก็เพราะมีคุณชายอยู่ที่ศาลาแห่งนี้ด้วย จึงได้สร้างอุบายชวนนางเล่นหมากล้อมเพื่อให้นางได้ดื่มสุราดังใจปรารถนาโดยใช้เกมการแข่งขันเป็นข้ออ้าง ตัวของเขามีความมั่นใจพอสมควรว่าจะสามารถกินตัวหมากของแม่นางหรงได้มากซึ่งจะทำให้นางได้กระดกจอกเหล้ารัว ๆ เป็นแน่

“ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะไม่ออมมือเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงผู้ซึ่งชอบการพนันขันต่อเป็นทุนเดิมใยจะปฏิเสธคำท้านี้

หมากตัวแรกถูกวางลงบนกระดานโดยคุณชายตงฟาง ซิ่วอิงก็วางต่ออย่างรวดเร็วการตัดสินใจวางหมากแต่ละตัวเต็มไปด้วยความมั่นใจและเฉียบขาด เผลอแป๊บเดียวสุราจอกแรกก็กลายเป็นคุณชายตงฟางเองที่ต้องกระดกลงคอ 

“ฝีมือการเดินหมากของแม่นางหรงไม่ธรรมดาจริง ๆ กลับเป็นข้าเสียเองที่ต้องดื่มจอกแรกนี้”

“หาไม่ได้…เป็นเพราะคุณชายตงฟางออมมือให้ข้ามากกว่าเจ้าค่ะ”

เกมยังคงดำเนินต่อไปทั้งสองฝ่ายผลัดกันกินหมากของฝ่ายตรงข้ามไปมา สุราถูกกระดกเข้าปากของทั้งสองคนจอกแล้วจอกเล่า จนในที่สุดก็จบลงด้วยการที่หมากของซิ่วอิงถูกล้อมไว้ได้หมด กินระยะเวลาการเล่นยาวนานกว่าที่คุณชายตงฟางได้คาดไว้มาก

“ข้าแพ้แล้วเจ้าค่ะ จอกนี้ขอคาราวะให้คุณชายตงฟาง” นางยกจอกสุราคาราวะคุณชายก่อนกระดกลงคอรวดเดียวหมด

“การเดินหมากของแม่นางหรงช่างน่าประทับใจยิ่ง ข้าได้เห็นรูปแบบและกลวิธีใหม่ ๆ มากมาย ทำให้ข้านำไปปรับใช้ได้มาก”

“คุณชายชมเกินไปเจ้าค่ะ” 

“เกมจบลงแล้วแต่ยังเหลือสุราอีกหนึ่งขวด แม่นางประสงค์จะเล่นอีกหรือไม่?”

“พอแล้วดีกว่าเจ้าค่ะ คุณชายตงฟางมีฝีมือการเล่นหมากล้อมที่ยอดเยี่ยมทำเอาข้าต้องดื่มไปหลายจอก เกรงว่าถ้าดื่มมากกว่านี้คงกลับโรงเตี๊ยมไม่ถูกแล้วเจ้าค่ะ” ปกติซิ่วอิงเป็นคนคอแข็งมาก แต่ด้วยความยืดเยื้อของเกมหมากล้อมทำให้ดื่มสุราไปจนเกือบถึงขีดจำกัด ขืนดื่มมากกว่านี้คนตรงหน้าคงได้แยกร่างเป็นสามสี่คนแน่

“ถ้าอย่างนั้นก็จบการเล่นหมากล้อมแต่เพียงเท่านี้” 

“สำหรับสุราขวดสุดท้าย ข้าขอมอบให้คุณชายแล้วกันเจ้าค่ะ ถือเสียว่าแทนการขอบคุณสำหรับเกมหมากล้อมที่ยอดเยี่ยม” นางยื่นสุรานารีแดงให้กับคุณชาย

“ขอบใจแม่นาง ข้าจะรับไว้” คุณชายตงฟางรับเอาสุราชั้นดีไว้ก่อนจะกล่าวต่อ “หากมีโอกาสหน้าหวังว่าจะได้ประลองกระดานหมากล้อมกันอีกหน”

ยังจะมีคราวหน้าอีกหรือ! ซิ่วอิงได้แต่คิดในใจ แม้จะรู้ว่าคุณชายแค่พูดพอเป็นมารยาทเพียงเท่านั้น

“ถ้าบังเอิญได้พบกันอีกค่อยว่ากันเจ้าค่ะ สำหรับวันนี้ข้าขอตัว ลาล่ะเจ้าค่ะ” 

นางลุกขึ้นย่อตัวลงเล็กน้อยก่อนจะรีบออกจากเก้าอี้แล้ววิ่งพรวดออกจากศาลาไปปล่อยให้คุณชายตงฟางนั่งงงอยู่คนเดียวว่าประโยคที่นางตอบเป็นการตอบรับคำเชิญหรือปฏิเสธกันแน่…





[NPC-07] มอบสุรานารีแดง ให้ตงฟาง ซั่ว
โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม
+25 ความสัมพันธ์ ชา/สุราแดง
หัวบ้า โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+10

@@Admin 






แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-07] ตงฟาง ซั่ว เพิ่มขึ้น 15 โพสต์ 2024-8-29 07:42
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-07] ตงฟาง ซั่ว เพิ่มขึ้น 40 โพสต์ 2024-8-29 07:41
โพสต์ 26180 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-8-29 00:15
โพสต์ 26,180 ไบต์และได้รับ +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ช่อเมล็ดข้าวมงคล  โพสต์ 2024-8-29 00:15
โพสต์ 26,180 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม +4 ความชั่ว +15 ความโหด จาก ทวนยาว  โพสต์ 2024-8-29 00:15
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x30
x30
x10
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x142
x4
x133
x186
x200
x399
x684
x707
x4
x4
x8
x4
x5
x20
x4
x599
x2
x20
x12
x22
x6
x12
x17
x10
x38
x2
x687
x228
x438
x44
x531
x19
x14
x1
x19
x228
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x6
x5
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x6
x7
โพสต์ 2024-8-31 01:17:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด






วันที่ 30 ปาเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่ 10 
เวลา 19.00 น.




วันสุดท้ายของการเป็นอิสระอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าซิ่วอิงจะต้องไปรายงานตัวที่ค่ายพยัคฆ์ เมื่อถึงตอนนั้นคงต้องได้รับการฝึกอย่างหนักหน่วง เวลาว่างในการออกมาด้านนอกคงจะน้อยลงมาก นางไม่อยากปล่อยเวลาช่วงสุดท้ายก่อนเข้ากองทัพให้เปล่าประโยชน์จึงเดินทางมาที่ศาลาจื่อเถิงฮวาโดยพกอาหารและเครื่องดื่มติดตัวมาด้วย เมื่อเดินทางมาถึงก็เป็นไปดังคาดบุคคลผู้นั้นอยู่ที่นี่จริง ๆ

“วันนี้แม่นางก็บังเอิญพบข้าอีกงั้นหรือ?”

คุณชายตงฟางหยุดการเดินหมากเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้มาเยือน ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากแม่นางหรงคนเดิม

“ไม่บังเอิญหรอกเจ้าค่ะ ข้าตั้งใจมาเพราะคิดว่าคุณชายน่าจะอยู่ที่นี่” ซิ่วอิงบอกไปตามตรงแบบไม่ปิดบัง

“แม่นางมีธุระกับข้างั้นหรือ?” 

“ข้าแค่ต้องการหาเพื่อนฉลองเจ้าค่ะ ข้ามาจากต่างเมืองจึงไม่ค่อยรู้จักผู้ใดและคุณชายก็เป็นหนึ่งในมีกี่คนตอนนี้ที่ข้ารู้จัก…”

หากนับจริง ๆ แล้วบุคคลที่นางพบปะและเคยพูดคุยด้วยคงมีเพียงแค่สามถึงสี่คน คุณชายที่นางหารค่าเช่าอยู่ด้วยทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามหลังจากเข้าค่ายไปก็คงไม่เจอกันอีกจึงไม่จำเป็นต้องถามนามของเขา ส่วนเถ้าแก่เนี้ยโรงเงินก็เป็นนายจ้างที่นางไม่อยากรบกวนอะไรไปมากกว่านี้ อีกคนก็คุณชายโหรว…รายนั้น…ไม่ดีกว่าเดี๋ยวโดนหลอกขายกระเป๋าเพิ่ม…เมื่อตัดตัวเลือกทั้งหมดแล้วก็คงจะเหลือเพียงคุณชายตงฟางที่ซิ่วอิงรู้สึกสบายใจที่จะคุยด้วยมากที่สุดเพราะเป็นคนสุดท้ายในเมืองนี้ที่นางรู้จักแม้จะยังคงเป็นเพียงคนแปลกหน้าอยู่ก็ตาม

“ฉลองเนื่องในโอกาสอะไรหรือ?” คุณชายเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“เนื่องในโอกาสที่ข้าจะเริ่มงานในเร็ววันนี้เจ้าค่ะ”

“แม่นางทำงานงั้นหรือ?” 

“ไม่ทำแล้วจะเอาอะไรกินล่ะเจ้าคะ ข้าไม่ได้อาศัยเงินของตระกูลอีกต่อไปแล้ว” 

คิดจะทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง หนีออกจากบ้านมาขนาดนี้ถ้าขืนคลานเข่ากลับไปขอเงินคนในตระกูลคงจะเสียหน้าไม่น้อย ทางเลือกนี้นางเป็นคนเลือกด้วยตัวเองก็ต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองต่อไป

“เช่นนั้นแม่นางทำงานที่ใดเล่า? เผื่อข้าจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง”

“คงไม่รบกวนคุณชายตงฟางหรอกเจ้าค่ะ” นางปฏิเสธออกไป อย่างไรเสียเขาก็เป็นปราชญ์พเนจรคงช่วยอะไรนางไม่ได้มากนักหรอก

“ถ้าแม่นางยังไม่ประสงค์ที่จะตอบเรื่องนั้นก็ไม่เป็นไร หากอยากฉลองย่อมได้ ข้าจะฉลองเป็นเพื่อนแม่นาง”

ซิ่วอิงฉีกยิ้มก่อนจะยกนำเอาขนมที่ห่อผ้ามาอย่างดีวางไว้บนโต๊ะ แล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามคุณชายตงฟาง นางจัดแจงเปิดห่อผ้าที่ด้านในเป็นขนมไหมฟ้าและชาขาวเข็มเงินที่เพิ่งไปซื้อมาจากร้านหงหยุนหลาย แม้ฝีมือการทำอาหารของนางจะไม่ได้เรื่องแต่การชงชาไม่เป็นสองรองใครเพราะได้รับการอบรมจากท่านแม่มาอย่างดี นับเป็นหนึ่งในสกิลแม่ศรีเรือนไม่กี่อย่างที่ซิ่วอิงสามารถรับเอามาได้แบบไม่ขาดตกบกพร่อง

“วันนี้ข้าได้ใบชาไป๋หาวอิ๋นเจินอย่างดีมา คุณชายอย่าได้ห่วง ฝีมือการชงชาของข้าดีไม่แพ้ฝีมือการจับดาบจับทวนของข้าแน่เจ้าค่ะ” ซิ่วอิงค่อย ๆ จัดการรินชาใส่ลงในถ้วยอย่างระมัดระวัง การห่อมาอย่างดีทำให้อุณหภูมิของชายังคงที่และยังร้อนกำลังดี นางจัดการวางถ้วยชาไว้เบื้องหน้าของคุณชาย ก่อนจะหันมารินชาในส่วนของตน

“ขอบใจแม่นาง ลำบากแม่นางแล้ว”

“ส่วนนี่ขนมไหมฟ้าเจ้าค่ะ ไม่ต้องเกรงใจนะเจ้าคะ ข้าเตรียมมาเพียงพอต่อให้คุณชายจะท้องยุ้งพุงกระสอบเพียงใดก็ตาม”

ตงฟางซั่วยิ้มออกมาเล็กน้อยเขาไม่อยากจินตนาการเท่าไหร่ว่าถ้าแม่นางหรงผู้นี้รู้ว่าเขาคือต้าซือถูจะมีท่าทีอย่างไร ในตอนนี้คงยังไม่จำเป็นต้องบอกอะไร เกิดบอกไปเห็นทีนางก็คงจะเกร็งจนทำตัวไม่ถูก การสนทนาคงจะไม่เป็นเช่นดั่งเวลานี้แน่

“ชานี้รสดีอย่างที่แม่นางบอก”

“ใช่ไหมล่ะเจ้าคะ ข้าบอกแล้ว!” นางตบเข่าดังฉาด 

“...” คุณชายตงฟางสะดุ้งเล็กน้อย เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอสตรีแบบนี้…

“ถ้าคุณชายชอบวันหลังข้าจะชงมาให้ชิมอีก ข้าเข้าใจหัวอกปราชญ์พเนจรอย่างท่านดี บางครั้งพวกเราอยากกินของอร่อยเงินในกระเป๋าดันไม่อำนวย แต่ไม่ต้องกังวลไปตอนนี้ข้ามีงานทำแล้ว ข้าจะหาของอร่อย ๆ มาฝากคุณชาย…เดี๋ยวข้าเลี้ยงท่านเอง!” เพื่อนร่วมชะตากรรมหาเช้ากินค่ำเหมือนกันต้องช่วยเหลือกันนั่นคือความคิดของซิ่วอิง…

“เพิ่งมีสตรีบอกข้าว่าจะเลี้ยงข้างั้นหรือ…” 

คุณชายตงฟางพูดกับตนเองเบา ๆ แบบที่แม่นางหรงไม่ได้ยิน เขาตกใจกับประโยคนั้นของแม่นางเล็กน้อย ช่างเป็นคนที่…แปลก…

"คุณชายจำเรื่องนั้นได้ไหมเจ้าคะ?"

"เรื่องอะไรหรือ?"

"ที่คุณชายเคยบอกถ้ามีโอกาสอยากประลองหมากล้อมด้วยกันอีกหน"

"จำได้"

"ข้าไม่ออมมือให้หรอกนะเจ้าคะ"

ทั้งสองเริ่มการประลองหมากกันหลังจากนั้นไม่นาน ผลัดกันได้เปรียบเสียเปรียบแต่ไม่ว่าการแข่งขันจะสูสีเพียงใด ตำแหน่งผู้ปราชัยก็ตกเป็นของหรงซิ่วอิงอยู่ดีไม่เปลี่ยนแปลง...








[NPC-07] มอบขนมไหมฟ้า และ ชาขาวเข็มเงินให้ตงฟาง ซั่ว
โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม
+25 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดทอง + ชา/สุราเกรดทอง (+15)
อาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5
อาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า ชงชา ได้โบนัส +5
หัวบ้า โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+10


@@Admin 






แสดงความคิดเห็น

แง แอดคะเราบวกผิดมันเป็นขนมต้องลบความสัมพันธ์ออก 10 รวมเป็น 55 ไม่ใช่ 65 ;w;  โพสต์ 2024-8-31 09:39
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-07] ตงฟาง ซั่ว เพิ่มขึ้น 65 โพสต์ 2024-8-31 01:40
โพสต์ 19116 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-8-31 01:17
โพสต์ 19,116 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ช่อเมล็ดข้าวมงคล  โพสต์ 2024-8-31 01:17
โพสต์ 19,116 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก ทวนยาว  โพสต์ 2024-8-31 01:17
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x30
x30
x10
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x142
x4
x133
x186
x200
x399
x684
x707
x4
x4
x8
x4
x5
x20
x4
x599
x2
x20
x12
x22
x6
x12
x17
x10
x38
x2
x687
x228
x438
x44
x531
x19
x14
x1
x19
x228
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x6
x5
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x6
x7
โพสต์ 2025-6-16 23:22:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-6-16 23:25



วันที่ สิบหก เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ปลายยามไฮ่ เวลา 23.00 น.


           ปลายยามไฮ่ที่แสนดึกเวลาลึกเกือบเที่ยงคืนท้องฟ้าเป็นสีดำมืดสนิทไร้แสงจันทร์ มีเพียงประกายดาวที่อยู่ประปรายตามท้องฟ้าที่ทอดยาวเงาเหมือนผงเงินจาง ๆ ที่ตกอยู่เหนือท้องฟ้าบนศาลาไม้เก่าแก่หลังหนึ่งซึ่งซ้อนตัวเองอยู่ลึกในสวนจื่อเถิงสีม่วงครามราวกับตำหนักเล็ก ๆ ของภูติ ลมเย็นจากแม่น้ำสายเล็กพัดเอากลิ่นบุปผานับร้อยคลุ้กคลอเสียงไม้หมุนเอื่อย ม่านผ้าถูกยกขึ้นด้วยมือเรียวของหลินหยาในชุดผ้าฝ่ายสีอ่อน ใบหน้าของเธอแม้มีความซีดจากความเหนื่อยล้าแต่ดวงตาก็ยังคงเป็นประกายเช่นเดิม

           กลิ่นของดอกไม้มิได้อ่อนโยนหรือน่าหลงใหลเหมือนกุหลาบหากแต่คล้ายหมอกจางยามรุ่งสางในสนามประหารเพราะดอกไม้นี้มันเจือพิษที่ร้ายแรงพอที่จะคร่าชีวิตคนอยู่และความเงียบก็เหมือนกับดัก ใต้แสงโึมไฟน้ำมันที่จุดไว้ห่าง ๆ เพื่อไม่ให้สว่างจนเกินควร ร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งก็ก้าวลงมาจากรถม้าเล็ก ๆ เมื่อรถม้าหยุดลงที่ศาลาจื่อเถิงฮวา ศาลาที่ถูกล้อมด้วยระเบียงไม้แกะสลักลายงาม ม้านั่งเป็นไม้สนดำด้านหนึ่งถูกวางคู่กับโต๊ะชา บนโต๊ะมีแจกันดอกไม้งามสีอ่อนกับกาน้ำชาเซรามิกเครื่องงามราคาแพง ทุกอย่างเงียบสงบจนดูเกือบไม่น่าเข้าไปใกล้

           หลินหยาก้าวเดินลงมาจากรถม้าผ้าคลุมไหล่ของเธอโอบร่างบายของเธอเอาไว้ ในขณะทีสายตาจับจ้องมองศาลาเบื้องหน้าอย่างระแวดระวัง เสียงฝีเท้าบนพื้นไม้ระเบียงดังขึ้นช้า ๆ ขณะที่หลินหยาเข้าใกล้ ในศาลานั้นมีชายเพียงคนเดียวที่นั่งพิงพนักเบาะผ้าไหมเงาร่างของเขาอยู่ใต้ดอกไม้งามดูราวกับรูปวาดสีน้ำหมึกที่นิ่งสงบแต่แฝงอำนาจที่ไม่อาจมองข้ามได้ เขาอยู่ในชุดคลุมสีดำหมึกเรียบขลิบด้ายเงิน ท่าทีผ่อนคลายราวกับไม่มีการงานแต่สายตานั้นเฉียบคมเกินคนที่มานั่งเล่น ดวงตาเรียวยาวของเขามองตรงมาโดยที่เหมือนจะไม่แสดงอารมณ์ใด ยิ่งทำให้บรรยากาศรอบตัวเขาดูนุ่มนวลอันตรายราวกับหมอซ่อนเห,้ก

           หลินหยาเห็นจึงก้าวเข้ามาแล้วย่อกายลงคำนับอีกฝ่าย “ข้าน้อยหนาน หลินหยา ขออภัยที่มาพบช้าเจ้าค่ะ ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่จึงไม่รู้ว่าท่านคือใต้เท้าเถียนเฟิง” ถ้อยคำของหลินหยาฟังดูตรงไปตรงมา น้ำเสียงนอบน้อมแต่มั่นคง ไม่สั่น ไม่แฝงความประจบ หน้าผากที่ก้มลงแตะคำนับนั้นสะท้อนแสงโคมไฟ

           เถียนเฟิงทำเพียงเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ คล้ายประหลาดใจแม้เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น “เช่นนั้นหรือ..” เขาพึมพำเบา ๆ ดวงตาเคลื่อไหวคล้ายกำลังไตร่ตรองอะไรบางอย่างในมุมของเธอที่มองไม่เคยเห็น “ที่แม่นางไม่แสดงความสนใจใด ๆ อาจเพราะไม่ใช่เพราะกลัว หรือเป็นเพราะไม่แยแสเช่นนั้นหรือ?”

           หลินหยาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วนิดหน่อย เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ไม่เลยเจ้าค่ะ ข้าคิดว่าเรื่องของแขกก็คือเรื่องของแขก ข้าเป็นเพียงผู้ทำหน้าที่ ไม่กล้าคิดเกินเลย ไม่เคยคิดจดจำใครหรือเอ่ยถึงใครแม้แต่ท่านชาย” นางเอ่ยขึ้นเช่นนั้น

           เถียนเฟิงที่ได้ยินก็นิ่งงันไปชั่วครู่หนึ่ง ริมฝีปากขยับขึ้นเพียงปลายเสี้ยวมิล คล้ายรอยยิ้มที่ไม่จริงใจพอจะเรียกรอยยิ้ม หากแต่กำลังพึงใจลึก ๆ อย่างผู้ที่พบหมากน่าสนใจตัวหนึ่ง “เชิญนั่งเถิด” เขาเอ่ยพลางผายมือไปยังม้านั่งไม้ตรงบข้าม ท่าทางสุภาพราวกับผู้ดีมีชาติตระกูล แต่เสียงของเขาก็แฝงแรงกดดันที่บีบเธอให้นั่งลงชนิดที่ไม่อาจปฎิเสธได้เช่นเดียวกัน

           เมื่อหญิงสาวเห็นก็เดินไปนั่งตรงอย่างสำรวม เถียนเฟิงเอียงหน้ามองนางนิ่ง ๆ แล้วเอ่ยชัดถ้อนชัดคำเป็นครั้งแรกที่น้ำเสียงของเขาแฝงจังหวัอ่อนช้อยของบัณฑิตแสนสุภาพเต็มรูปแบบ “ข้าขอทรายชื่อเสียงเรียงนามและชาติกำเนิดของแม่นางอย่างเป็นทางการได้หรือไม่? หากแม่นางสะดวกที่จะตอบ”

           หลินหยานั้นชะงักไปเล็กน้อยไม่ใช่เพราะไม่อยากตอบนะ แต่เพราะคำถามนี้ไม่เหมือนคนแค่อยากรู้แต่มันเหมือนการเปิดเกมอะไรบางอย่างมากกว่า ส่วนเถียนเฟิงก็ยกถ้วยชาขึ้นมาจิบแผ่ว ๆ ให้บรรยากาศนั้นไม่ได้หนักเกินไป สายตายังคงจับต้องมองเธอในเงาเถาวัลย์ที่ระโยงระยาง และมีอะไรบางอย่างเคลือบแฝงแบบที่คนฉลาดจะเข้าใจได้แต่ต้องฉลาดมาก ๆ มากพอที่จะเห็นว่าภายในความคิดนั้นล้่ำลึกเพียงใด และหลินหยาก็ไม่ได้ฉลาดเพียงนั้น

           “ข้าสงสัยใคร่รู้คนผู้หนึ่ง พฤติกรรมของเขาดูไม่ชอบมาพากลนัก ข้าไม่ว่างพอที่จะตรวจสอบโดยตรบง และในหอว่านหงเหริน หาใครไว้ใจได้ยากยิ่ง แม่นางเป็นผู้ไม่แสดงความทะเยอทะยาน มิเอ่ยปากแม้จะเผชิญหน้า สายตาที่ไม่ดึงดูดความสนใจ ไม่อวดฉลาดไม่ตั้งคำถาม ข้าคิดว่า แม่นางอาจเป็นสายตาเล็ก ๆ ให้ข้าได้” เขาวางถ้วยชาแล้วส่งเสียงนิ่งฟังชัดเจน “หากแม่นางมิใช่คุณหนูสูงศักดิ์ก็คงดี ผู้นั้นอาจมีแผนบางอย่างและบางสิ่งอันไม่บริสุทธิ์ และหากปล่อยให้เกิดขึ้น คนบริสุทธิ์มักเป็นผู้รับกรรมนั้น” เถียนเผิงยังคงนิ่ง เขาใช้วาจาในการอธิบายที่เป็นเชิงล่อหลอกเสียมากกว่า ไม่เรง ไม่กดดัน ไม่แตะต้องมือนาง ทว่ารอบตัวกลับเต็มไปด้วยแางกดดันที่อฝงมาด้วยการไม่มีทางหลุดรอดจากการควบคุมของเขา

           และในสถานที่บรรยากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นดอกไม้ เสียงลม เงาดอกไม้ เกมของเถียนเฟิง..เริ่มขึ้นแล้ว….

           ศาลาจื่อเถิงฮวาในยามนี้ลึกและเงียบจนได้ยินเสียงกลีบดอกไม้ร่วงกระทบพื้นไม้ เสียงกลีบดอกไม้ร่วงกระทบพื้นไม้ยังดังกว่า แผ่วเบาปะทะกับความมืดยิ่งขับให้บรรยากาศรอบศาลาเต็มไปด้วยแสงกดดันล่องหก ไม่มีเสียงดนตรีหรือเสียงกู่เจิงร่ำร้อง ไม่มีแม้แต่เสียงของสายลมหวีดหวิว มีเพียงเสียงของหลินหยาที่เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงใสแจ๋วดวงตาซื่อจนแทบจะตบเธอให้หุบปาก

          “อ้อ ข้าสกุลหนาน มาจากกว่างโจวเจ้าค่ะ ท่านพ่อของข้าเป็นเจ้าเมืองกว่างโจว” ปากเธอพูดเรียบ ๆ เหมือยบอกว่า บ้านข้าอยู่หลังตลาดสดขายเต้าหู้ทอด ไม่ได้มีกระทั่งแววถ่อมตนหรือถือดี แต่มันคือความไร้ชั้นเชิง ไร้เดียงสาหน้าด้านแบบจงใจ

           เถียนเฟิงชะงักเพียงเสี้ยววินาทีนิ้วมือที่แตะริมถ้วยชาชะงักค้างไว้ราวกับกลายเป็นรูปปั้นหิวหากแต่สายตายังแสดงว่าเยือกเย็นดั่งน้ำในถ้วย ไม่ไกลไม่ริน แค่ เย็น และ ลึก ลึก…กว่างโจว?..

           เมืองท่าหลักทางใต้ที่ได้ชื่อว่าเล็กในสายตาราชสำนักกลางแต่ไม่เคยไร้ค่าในทางการค้าและการทหาร และตอนนี้บุตรสาวเจ้าเมืองนั่งอยู่ตรงหน้าของเขา ทุกครั้งที่พบในหอว่านหงเหริน ในฐานะสาวใช้และนักดนตรีฝึกหัด ที่พร้อมขายทุกอย่างหากราคาเหมาะสม??อย่างงั้นหรอ? แล้วทันใดนั้นเองนางก็เสริมต่อด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ ตามประสาตัวเองตามด้วยประโยคที่ประหนึ่งตบหน้าเขาด้วยเหรียญทองไปอีกทีหนึ่ง

          “คือความจริงข้าทำได้นะเจ้าคะ แต่ข้าเป็นพวกไม่ทำงานฟรีอ่ะเจ้าค่ะ ข้าหิวเงิน ถ้ามีเงินข้าก็จะทำ…อ้อ..หากมันมากพอนะเจ้าคะ” หลิ่นชาในอากาศแทบกลายเป็นกลิ่นเงิน จนน่าเหลืองมองสักครุ่ เถียนเฟิงนิ่งงันอยู่นาน ก่อนที่่ปลายนิ้วจะหมุนถ้วยชาเบา ๆ แล้ววางลงอย่างนุ่มนวลราวกับไม่รู้สึกอะไร

           “บ้านแม่นางมีหนี้หรือ” เขาเอ่ยเสียงเรียบคล้ายถามในอากาศ แต่ประโยคนี้ไม่ใช่การหยั่งเชิงแบบเบา ๆ มันคือการยิงคำถามที่เขาน่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วเพียงแต่โยนให้เธอตอบ จะได้รู้ว่านาง ซื่อจริง หรือ แสร้งซื่อ หรือภาษาบ้านก็คือ ตอแหล นั้นแหละ นางจะตลบตะแลงได้ขนาดนั้นเชียวหรือ? สายตาของเขาคมกริบ ริมฝีปากเหมือนคนที่กำลังฝืนยิ้ม มือเรียวยาวขยับช้า ๆ ดอกไม้งามนั้นปลิวอยู่เหนื้อหัว แต่สำหรับเถียนเฟิงตอนนี้ ไม่มีสายลม ไม่มีกลิ่นหอม

          “อ้อ..บ้านข้าไม่มีหนี้เจ้าค่ะ แต่ข้าต้องใช้เงิน และต้องใช้เงินและมากด้วย”

           ประโยคของหลินหยานั้นแหลมคมในความตรงไปตรงมา แต่น้ำเสียงและท่าทีของหลินหยากับหวานหยดเกินกว่าความหมายจริงจะตั้งอยู่ในระดับเดียวกัน มันคล้ายคนพูดเล่น คล้ายคนซื่อ คล้ายคนไม่คิดอะไร แต่ก็คล้ายกับคนที่กำลังปิดบางอย่างไว้ด้วยความซื่อบื้อที่น่าตกให้หาย จนเถียนเฟิงเกลือบตามองนางนิ่ง ๆ ไม่ขยับ ไม่พูดหรือแสดงท่าที กลไกลแห่งการวิเหคราะห์ของเขาเริ่มหมุนเหมือนฟันเหมืองในเรื่องนาฬิกาโบราณที่ซับซ้อน

          นาง…ไม่โกหก แต่ก็พูดไม่หมด..

           นั้นคือสิ่งที่เถียนเฟิงคิดในใจเงียบ ๆ คำพูดของหลินหยาเหมือนกำแพงไม้ไผ่ โปร่งพอให้ลมผ่านแต่แข็งพอจะกันหอก..นางไม่ใช่คนโง่ แต่ก็ไม่ใช่คนฉลาดเหมือนกัน เถียนเฟิงเคยเจอคนประเภอนี้มาก่อนแต่น้อยนัก คนที่แปรปรวนไม่ใช่เพราะจิตใจขาดสมดุล แต่เพราะมีพื้นที่ในใจและความคิดที่เยอะเกินไป พื้นที่ที่คนส่วนใหญ่ใช้ไปกับ เป้าหมาย แต่กับแม่นางหลินหยา นางไม่ใช่กับอะไรเลย

           มีเพียงสิ่งเดียวที่สะท้อนชัดในสายตาของเธอ คือความปรารถนากันกระหายเลือดที่ไม่รู้แม้ว่ามันคืออะไร

           หลินหยารู้เพียงว่าอยากได้และอยากมาก นั้นแหละ ที่อันตราย นางไม่เหมาะที่จะเป็นสาย แต่เหมาะกับเป็นอะไรสักอย่าง หมากบางตัวที่ไม่มีใครรู้ว่าเดิน เพียงแค่เขา ต้องวางให้ถูกกระดาน และเอาความจริงในสายตาหลินหยา...เธอมองว่าใต้เท้าตรงหน้า ก็แค่คนที่อยากใช้งานเธอฟรีแค่นั้นแหละ เจ้าคนขี้เหนียว!! แต่ไม่แสดงตัวออกไปหรอกนะ เพราะถ้าโดนเดี๋ยวคอขาดขึ้นมาทำไงอ่ะ ไม่รู้ด้วยว่าตัวเองจะโดนหลอกใช้เพราะหลินหยาซื่อ..ซื่อจนบื้อ




หลินหยาทำหน้างี้ใส่ใต้เท้า????? Question mark เต็มไปหมด ทำหน้าซื่อ






พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-08] เถียน เฟิง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม
โบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม

อื่น ๆ: -


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-08] เถียน เฟิง เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2025-6-17 00:02
โพสต์ 25105 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-16 23:22
โพสต์ 25,105 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ผู้มีบุญ  โพสต์ 2025-6-16 23:22
โพสต์ 25,105 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม จาก ทักษะนักดนตรีข้างถนน  โพสต์ 2025-6-16 23:22
โพสต์ 25,105 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2025-6-16 23:22
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-6-17 12:08:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ สิบหก เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามไฮ่ เวลา 21.00 - 23.00 น.


          ศาลาจื่อเถิงฮวายามค่ำคืนยังคงงดงามราวกับภาพวาดบนพัดไหม แสงโคมลอยบาง ๆ จากมุมศาลาทอดลงบนพื้นไม้ กระทบดอกจื่อเพิงฮวารอบกายที่ร่วงลงมาอย่างเงียบงันทว่าท่ามกลางบรรยากาศนั้นแผ่วเบาเหมือนรอบตัวไม่สามารถกลบแรงกดดันที่กำลังประทุและคุกกรุ่นอยู่กลางวงสนทนาได้เลยแม้แต่น้อย หลังจากที่หลินหยาตอบคำถามแบบตรงไปตรงมาจนน่าตบ ตอบคำถามแบบไร้ยางอายไปหนึ่งดอก เถียนเฟิงที่นั่งเงียบครุ่นคิดเพียงอึดใจ ก่อนที่จะค่อย ๆ ขยับมือไปหยิบถุงผ้าใบหนาเตอะขึ้นมาจากด้านข้าง

          กริ๊ก..

          เสียงของเหรียญโลหะกระทบกันอย่างแน่นขนัด กังวานหนักพอที่จะเรียกสายตาของหลินหยาให้เปลี่ยนไปโฟกัสมันได้ในทันทีไม่จางหายไปตรงไหน

          “หากแม่นางทำสิ่งที่ข้ามอบหมายให้สำเร็จได้..แม่นางจะได้รับสิ่งที่ควรได้ สัก 50 ตำลึงทองเป็นเช่นไร?”

          น้ำเสียงของเถียนเฟิงราบเรียบเกินคาดการ์ณ ไม่มีจังหวะบีบ ไม่มีจังหวะล่อฟัง ดูเหมือนว่าเขาพูดถึงขนมจีบที่ขายในตลอดมากกว่าที่จะซื้อความภักดีหรือจิตวิญญาณของใคร ทว่าภายใต้แสงโคมนั้น น้ำหนักในคำพูดกลับหนักแน่นกว่าทองในถุงผ้านั้นเสียอีก หลินหยาเลิกคิ้วเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลมะพร้าวอ่อนของนางทำสีหน้ากึ่งเล่นกึ่งจริง แล้วแววตาก็หรี่ลงเหมือนแมวที่ได้กลิ่นของเนื้อปลาย่างแสนโอชะ ท่าทีแรกของเธอทำเหมือนจะปฎิเสธ มุมปากเผยอขึ้นเล็กน้อยราวกับจะพูดว่า ‘ข้าไม่ทำหรอกเสียศักดิ์ศรี’ แต่นั้นมันสำหรับ เงินที่น้อยเกินไปต่างหาก…

          ในถุงนั้นโดนเปิดขึ้น หลินหยาทำเพียงสะกิดนิ้วเปิดมันออกมาในพริบตานั้นเองนางก็ขยับตัวทันที นางไม่เพียงแต่มองมันแบบโลมเลียราวกับจะให้ละลายเข้าร่างบ นางนั่งลงตรงขอบโต๊ะ หยิบถุงเงินมาเปิดกว้างท่ามกลางสายตาที่นิ่งสนิทของใต้เท้าที่มีบารมีแล้วนางก็เริ่ม นับ ใช่ นับ นับเหรียญตำลึงทองนั้นทีละเหรียญ แบบเชี่ยวชาญราวกับนับมาเป็นร้อย ๆ ครั้ง เสียงโลหะกระทบกันดังชัดเจน ไม่รีบร้อยแต่ต่อเนื่องและมีจังหวะ นางใช้ปลายนิ้วกะขนาด นับด้วยจังหวะที่นิ่งราวกับนักเลงเจ้าตลอดที่เหรียญทองนี้มีค่าแค่ไหนต่อชีวิตคน นับไป ปากก็ขยับราวกับท่องสูตรคูณแม่ 24 แบบอัตโนมัติ

          “50 ตำลึงทอง เท่ากับ 500 ตำลึงเงิน …500 ตำลึงเงิน เท่ากับ 500,000 อีแปะ..อืม..ข้าทำงานได้วันละ 30 ตำลึงเงิน กับอีก 1,580 อีแปะ 500,000 หาร 30 ก็ 166 วัน..กับอีก 2 ตำลึงเงิน” เธอหยุดมือนิดหนึ่ง ไม่ยิ้มแห้งแต่ยิ้มเหมือนกระหายอะไรบางอย่างเหมือนกำลังคำนวณเบี้ยเงินราวกับคนโรงเงินตรา แล้วพูดเสียงใดแบบตัดบทอีกคนแบบตายเรียบ

          “ถ้าข้าทำงานให้ ก็แลกกับค่าแรงมากกว่าการทำงานปกติ 23-25 เท่ากว่า แบบไม่มีใครมาคอยกระชากหัว ไม่เห็นสิทธิปฎิเสธเลยเจ้าค่ะ” พริบตานั้นเองเถียนเฟิงที่นั่งฟังอย่างเงียบงันอยู่ตลอดกลับคล้ายจะกลั้นหัวเราะมุมปากเอาไว้ไม่มิด..

          ใช่..สำหรับเขามันไม่ใช่การต่อรอง แต่มันประกาศชัดว่า เขาเข้าใจมูลค่าของการใช้งานคน สำหรับหลินหยาแล้วไม่กลัวตกนรก แต่เหมือนนางอยากรู้ว่าหากขุดหลุมลึกเพียงใด แล้วคนจ้างจะยอมจ่ายเท่าไร เถียนเฟิงเอียงหน้าช้า ๆ ดวงตาฉายแววไม่แน่ชัด คล้ายคนที่เพิ่งพบกล่องใส่ยา แต่ไม่รู้ว่ายาข้างในนั้นเป็นยาอายุวัฒนะหรือยาพิษของแมงป่องหางเขียวที่ร้ายแรงกันแน่

          “ถ้าแม่นางคิดเลขเร็วขนาดนี้ ก็สมควรทำหน้าที่ให้แม่นยำแล้วล่ะ” เขาพูดเพียงเท่านั้น ก่อนที่จะเอนกาวช้า ๆ พิงเบาะหนักแล้วปิดเปลือกตาลงอย่างผ่อนคลายราวกับว่าเขาแก้ไขสถานะการณ์ให้เป็นดั่งความต้องการของตนเอง ศาลาจื่อเถิงฉวาเงียบอีกครั้ง

          ศาลายยามดึกสงัดนั้นเงียบขรึมประหนึ่งพื้นที่นัดหมายของเหล้าผู้กระซิบวางหมากของเมืองหลวง ไม่มีเสียงพิฒ ไม่มีเสียงนางรำ มีเพียงเสียงดอกไม้ที่โรยร่วง กับกลิ่นน้ำชาที่เย็นแล้วเพราะถูกลืมไปแสนนาน หลังจากที่เสียงเหรียญตำลึงทองที่ถูกนับอย่างคล่องมือเงียบลงไป เถียงเฟิงก็ไม่พูดอะไรอีก เขาทำเพียงหยิบพัดขึ้นมาวางข้างกาว แล้วแผ่วมือดีดบางอย่างให้หลินหยาอย่างเรียบหรูราวกับจะพัดฝุ่นโต๊ะไม้สนดำ

          หลินหยาเงนหน้าขึ้นมองก่อนที่จะหยิบกระดาษแผ่นบางนั้นขึ้นมาช้า ๆ เป้นแผ่วรายชื่อแนะนำตัวปลอมที่มีตราประทับจาง ๆ ของขุนนางท้องถิ่นมุมหนึ่งพร้อมอักษรที่ปรุงแต่งอย่างสมจริง จนน่าจะเป็นของจริงด้วยซ้ำ

          “จดหมายตัวตนปลอม” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาไม่มองเธอแต่ต้องมองไปในความมืด “ใช้ชั่วคราว ต่อจากนี้แม่นางจะชื่อ เสี่ยวหนาน มาจากเซี่ยโจว ฐานะยากจน มีพี่น้องหลายคนและเดินทางมาฉางอันเพราะอยากหางานส่งเงินกลับบ้าน” ปลายริ้วของเขาแตะลงที่กระดาษเพียงสัมผัส

          “พรุ่งนี้เดินทางไปที่จวนสกุลโอวหยาง รองผู้ว่าฉางอัน ข้าได้ยินว่าพ่อบ้านที่นั้นกำลังรับสมัครสาวใช้คนใหม่ หากพวกเขาถามก็ทำแบบที่แม่นางชอบทำ ทำได้ทุกอย่าง” เถียนเฟิงหยุดพูดแล้วขยับดวงตามองเธออย่างตรง ๆ ไม่ใช่สายตาของเจ้านายผู้ใช้คน แต่เป็นสายตาของจอมขุนศึกที่กำลังวางหมากกลางสนามรบของสงครามกลางเมืองหลวง

          หลินหยาหยิบกระดาษนั้นมาถือไว้ในมือ เหลือบมองมันเพียงชั่วครู่หนึ่งก่อนที่จะยู่ใบหน้าของนางขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้ใบหน้าที่ดูซื่อใสสะอาดเป็นนางเอกหองิ้วได้ เรียบเนียนน่ารักดุจดั่งตุ๊กตากระเบื้องเคลื่อบหรือตุ๊กตาหุ่นไม้กระบอก บัดนี้แสดงสีหน้าระคนเหนื่อยหน่ายแบบ อิหยังวะเนี้ย คนเรามันจะเตรียมพร้อมขนาดนี้เลยหรือไง?

          “ใต้เท้า..ท่านคิดไว้แล้วใช่ไหมว่าข้าจะไม่ปฎิเสธ” นางเอ่ยเสียงนิ่งแต่เต็มไปด้วยความกวนประสาท ริมฝีปากของนางโค้งเป็นรอยยิ้มขำ “ใช้คนเก่งจริง ๆ ใต้เท้าเถียนเฟิง…” คำพูดนั้นไม่ใช่คำเอ่ยชม..ไม่นะหากจะมองว่าเป็นการชมโดยตรง แต่มันคือคำชมที่ร้ายแรงที่สุดที่หลินหยาพอจะพูดได้ในฐานะ คนที่โดนลากมาเป้นหมากในการเดินโดยไม่รู้ตัว

          และเถียนเฟิงกลับไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ให้มากไปกว่าการเลิกคิ้วเล็กน้อย ริมฝีปากเฉียดเหยียดยิ้มอย่างแผ่วเบาแล้วพูดเสียงต่ำเรียบจนแทบแยกไม่ออกว่ากำลังประชดหรือชวนจริงจัง “ถ้าแม่นางยังพอมีแรงกัดข้าคืน แปลว่าคงหิวมากนัก” เขาหยุดนิ่งนิดหนึ่ง พลิกมือจับพัดไม้แล้วเคาะเบา ๆ บนโต๊ะเป็นสัญญาณอะไรบางอย่าง “เช่นนั้นอย่าพึ่งกลับ..เจ้ายังไม่ได้ทานอะไรเลยในคืนนี้”

          ปลายนิ้วเรียวเคาะเบา ๆ บนกระดานไม้ของศาลา ก่อนที่เด็ดเรือนที่อยู่เงียบ ๆ แฝงตัวอยู่นอกศาลาจะเดินมาแล้วจัดสำรับให้เรียบร้อยโดยไม่ต้องเอิกเกริก ท่าทางของเขาเหมือนไม่ได้ขอ ไม่ได้ขอว่า ขอให้ร่วมกิน แต่เป็นการตัดสินใจว่าหลินหยาต้องร่วมโต๊ะแล้วต่างหาก ไม่นานนักผ้าโดนปูอย่างงามตรงโต๊ะกลางศาลา ชุดอาหารเรียบง่ายสไตล์เมืองก็ถูกนำมาวางทีละอย่าง มีเต้าหู้พัดเกาลัด ซี่โครงตุ๋นยาจีน เหล้าใสร้อนกรุ่น และข้าวสวยที่โรยงาและต้นหอม แสงสะท้อนโคมลงในจอกแก้วหน้าทั้งสองคู่กัน เถียงเฟิงรินเหล้าให้ตัวเองหนึ่งจอกและรินให้นางด้วยอีกหนึ่งจอกด้วยมือที่มั่นคง

          “แม้แม่นางจะหิวเงิน แต่ก็น่าจะหิวข้าวด้วย” เขาเอ่ยเบา ๆ แล้วมองตรงไปยังหลินหยาอีกครั้ง “และถ้าแม่นางตั้งใจทำงานดี ๆ ข้าอาจรินเหล้าให้เจ้าด้วยมือของข้า..ได้อีกหลายคืนเขาพูดเหมือนไม่ได้จีบ ซึ่งก็ไม่ได้จีบจริง ๆ แต่มันมีอันตรายพอที่จะทำให้มือที่ถือตะเกียบของหลินหยาต้องชะงักไปเล็กน้อย

          “หากท่านเตรียมมาขนาดนี้ ข้าก็ไม่ขัดหรอกเจ้าค่ะ” หลินหยาเอ่ยตอบ เธอนั้นเหมือนอยากจะเบ้ปากให้อีกคนแต่ไม่ได้ทำ เธอเริ่มทานข้าว ไม่แตะเต้าหู้และอาหารที่มีถั่วเหลืองเลยสักนิด ป้องกันตัวเองก่อนที่จะได้ตายก่อนจะได้ทำงานให้ได้เงินดีขนาดนี้

          เถียนเฟิงยามนั่งโต๊ะร่วมอาหารไม่ได้มีท่าทีลดความเฉียบขาดของตนเองแม้แต่น้อย มือเรียวยาวนั้นจับตะเกียบอย่างสง่างาม ไม่รีบร้อน จังหวะการหยิบอาหารสม่ำเสมอราวกับผู้ที่รู้จักกฎหมายของน้ำหนักจอกสุราหนึ่งเทียบกับน้ำหนักคำพิพากษาของถิงเว่ย ตุลาการเหล็กกล้า ดวงตาเขาดูผ่อนคลายแต่ยังเคลื่อนไหวอยู่ตลอด เฉกเช่นผู้ที่ไม่เคยปล่อยให้สนามใดกลายเป็นเพียงที่กินข้าว

          และเขาก็สังเกตว่าแม่นางน้อยตรงหน้าไม่แตะเต้าหู้และไม่แม้แต่ชายตามองอาหารที่มีถั่วเหลืองเจือปนอยู่แม้แต่นิดเดียว ทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งเอ่ยชวนอย่างจั้งใจและมีถ้วยเต้าหู้ผัดเกาลัดวางเด่นเป็นอันดับแรกของสำรับ เขาไม่พูดถามในทันที เพราะเถียนเฟิงไม่ใช่คนรีบรู้แต่เป็นคนเฝ้ารอจุดที่เหมาะจะใช้ความรู้ ปลายตะเกียบของเขาหยุดกลางอากาศหนึ่งครั้งตอนที่เห็นเธอเอียงหลบตะเกียบหนีถ้วยเต้าหู้นั้น จากนั้นเปลี่ยนทิศไปตักผักดองกินกับข้าวเปล่าแทน ไม่แสดงสีหน้า ไม่แกล้งเหน็บ แต่ในแววตาเยือกเย็นนั้นกลับแฝงประกายบางอย่าง ราวกับเครื่องหมายเชิงสังเกตที่บันทึกลงบนสมุดจดล่องหนในหัวเขา

          “เต้าหู้นี้ที่ร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วนสาขาฉางอัน ร้านที่ไม่อาจมีผู้ใดมาโค่นล้มได้ ไม่ว่าใครลิ้มลองต้องติดใจ ตั้งอยู่ในเขตคนมีเงินขึ้นชื่อที่สุดของเมือง แต่แม่นางกลับไม่แตะเลยแม้แต่น้อย” จังหวะนั้นเสียงจอกวางบนโต๊ะไม้เบา ๆ ดังขึ้นพอดี เหมือนกลองที่ทุกถามตรงกลางอก

          “ข้าแค่ต้องระวังไม่ให้ตัวเองเผลอกินมันเจ้าค่ะ” หลินหยาตอบเรียบด้วยรอยยิ้มขำ ๆ เหมือนไร้พิษภัย ร้านนั้นหรือจะเป็นร้านของบุรุษหน้านิ่งคนนั้นกันนะ? …นางจะไม่เผลอกินมัน..อีก..ในตอนนี้น่ะนะ

          เถียนเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย ช้าและมั่นคง ไม่โต้ ไม่ขยี้ ไม่ล้วงลึก แต่เขาเปลี่ยนมือ หยิบถ้วยเต้าหู้ผัดเกาลัดนั้นมาแล้วเลื่อนมันออกจากกลางโต๊ะเงียบ ๆ วางไว้ข้างตนเองห่างจากเธอ เขาไม่แสดงความเมตตาไม่เอ่ยถาม แต่เขาก็ไม่บังคับให้เธอกิน เพราะคนที่เขาเลือกให้เป็นหมากของเขา ไม่มีใครจำเป็นต้อง ยอมตาย และหากจะตาย เขาจะเป็นคนเลือกเอง ไม่ใช่ให้หมากตายตามใจตน





@Admin


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-08] เถียน เฟิง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม
โบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-08] เถียน เฟิง เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2025-6-17 12:55
โพสต์ 26868 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-17 12:08
โพสต์ 26,868 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ผู้มีบุญ  โพสต์ 2025-6-17 12:08
โพสต์ 26,868 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม จาก ทักษะนักดนตรีข้างถนน  โพสต์ 2025-6-17 12:08
โพสต์ 26,868 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2025-6-17 12:08
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-6-20 23:25:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ ยี่สิบ เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามไฮ่ เวลา 23.00 น. เป็นต้นไป ณ ศาลาจื่อเถิงฮวา


          ศาลาที่เดิม ณ ยามเดิมเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ศาลาแห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยดอกจื่อเถิงฮวางดงาม แสงจันทร์ถูกบดบังบางส่วนด้วยเงาของกิ่งไม้ไหวเอื่อย กลิ่นหอมอ่อนของดอกชื้นปะทะปนกับกลิ่นงามยามราตรี สร้างบรรยากาศที่แฝงความลับและเสน่ห์หาบางอย่างไว้ในอากาศ หลินหยามาที่นี่..หยุดลงอย่างประหลาด เสื้อคลุมบางเบาพลิ้วสะบัดตามจังหวะลม สายตาของนางเหลือบมองรอบตัวชั่วครู่ก่อนที่จะหยุดลงที่ร่างสูงของบุรุษผู้หนึ่งที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว..

          เขาสวมผ้าเนื้อหนาแน่นโทนหม่นไร้ลวดลาย เครื่องประดับถูกทอดหมดจดราวกับเป็นเพียงชายธรรมดา ในค่ำคืนที่ธรรมดา แต่ไม่ว่าจะปลอมแปลงตัวเองอย่างไร ความสงบอันเยือกเย็นน่าเกรงขามก็ไม่เคยพร่าละลายจากบุคลิกของเขาเลยแม้แต่น้อย เถียนเฟิงหันหน้ามาช้า ๆ แววตายังนิ่งแต่เต็มไปด้วยการสังเกต เมื่อสายตาของเขาเจอกับหลินหยาเพียงเสี้ยววินาที เขาก็ขมวดคิ้วเพียงเล็กน้อย ราวกับรู้ทันว่าเธอไม่ได้มาแบบปกติ

          หลินหยาเดินเข้ามาพร้อมกับก้มลงพองาม ไม่ใช่การแสดงการเคารพแบบยศศักดิ์ แต่เหมือนเป็นธรรมเนียมเหมือนสตรีพบชายหนุ่มปิดบังความสนิทหรือซ่อนเร้นไว้ภายใน ใบหน้าของเธอดูเรียบนิ่งแต่วุบหนึ่งในดวงตากลับเผยร่องรอยบางอย่างที่คล้ายกับ เหนื่อย หรือไม่ก็ กล้ำกลืนเบา ๆ

          นางพูดด้วยน้ำเสียงเบาแทบไม่ต่างจากลมหายใจ ริมฝีปากแดงระเรื่อขยับช้า ๆ ขณะเข้าใกล้อีกคน เสียงนั้นเหมือนบทสนทนาของคนกำลังจีบกัน แต่เนื้อหากลับขัดความละมุนอย่างเห็นได้ชัด “ข้าไม่รู้หรอกว่าใต้เท้าเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหน้าตาจะเรียบง่ายได้ขนาดนี้ แต่ก็ยังไม่พอเท่าไรนะเจ้าคะ กลิ่นของท่านมันยังเหมือนเดิม กลิ่นของคนที่ไม่มีวันทำอะไรโดยไม่วางแผนก่อนน่ะเจ้าค่ะ” เธอหยุดแล้วพ่นลมหายใจออกแผ่ว ๆ แล้วมองเขาตรง ๆ คราวนี้แววตาของเธอไม่ซ่อนอะไรอีก ดวงตาบอกชัดว่า มีบางอย่างไม่ดีที่เกิดขึ้นกับนาง ไม่ว่าจะเป็นรอยแดงจาง ๆ ตรงข้อมือที่โผล่พ้นแขนเสื้อออกมาเพียงเล็กน้อย หรือท่าทางยืนนิ่งไม่ไหวติงเหมือนคนไม่กล้าขยับแรง

          เถียนเฟิงไม่ได้เอ่ยโต้ตอบทันที ใบหน้าของเขานิ่งเสียยิ่งกว่าผิวน้ำในสระบัว ใบหูฟังอย่างตั้งใจ จมูกรับกลิ่นรอบตัว แต่สิ่งที่เขาให้ความสนใจไม่ใช่อย่างอื่นหากแต่เป็นน้ำแสงแผ่วเบาจนน่ากังวนกับสิ่งที่เจ้าสตรีตรงหน้าที่พยายามไม่พูดอะไร เขาเอียงหน้าเล็กน้อยโน้มตัวเข้ามาในระยะใกล้ ดวงตาคมแฝงแววคำนวณเล็ก ๆ ริมฝีปากกระซิบเหมือนชายคนรักกำลังหยอดคำหวาน..

          “เจ้าน่ะ ถ้าไม่อยากพูดเรื่องของตัวเอง ก็อย่าทำให้ข้าเดา จงระวังแววตาของตัวเองด้วย เพราะข้า...ชำนาญในการอ่านมันพอ ๆ กับการลอบอ่านราชฎีกา” เขามองนางนิ่ง ๆ สายตานั้นไม่ใช่ความห่วงใยแบบพี่ชายหรือชายหนุ่มตกหลุมรัก แต่มันคือสายตาของ คนที่ไม่ยอมให้สินทรัพย์ของตนถูกทำลายโดยไม่รู้เหตุผล หลินหยาได้ยินจึงเหมือนอยากจะถอนหายใจ …เอาเถอะ..

          “ข้าไม่รู้ว่าเป็นเบาะแสได้อะไรบ้างนะ แต่ข้าพบบางอย่างที่ชัดเจน..ข้าไม่ค่อยได้พบนายท่านโอวหยางเท่าไร แต่พบคุณชายโอวหยางบ่อยมาก เขาชอบพาสตรีเข้าจวนไม่ซ้ำหน้า ทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืน”

         
“ข้าเคยไปส่งของพร้อมกับหัวหน้าพ่อบ้านของจวนที่โรงประมูลสือฟั่งสิ่งที่ข้าพบคือตอนที่ไปส่งมีเด็กมารับของไปสองคน พ่อบ้านเข้าไปด้านในนั้นข้ารอด้านนอก พอเขากลับมาข้าพบบุรุษชาวหนานเจ้าคนหนึ่ง..” หลินหยาเอ่ยก่อนที่จะเริ่มบรรยายรูปร่างเสื้อผ้าลักษณะท่าทางของเขาทั้งหมดจากความทรงจำอันแน่นเฉียบไม่มีผิดพริ้วแต่งเติมราวกับจำภาพนั้นได้ดีโดยเฉพาะการมองนางเหมือนการตีราคาสินค้าที่น่าจะขายได้ราคาสูงลิบลิ้ว

          “พ่อบ้านบอกกับเขาว่ายินดีที่ได้ทำธุจกิรร่วมกับเขา ท่าทางนอบน้อมมากและพ่อบ้านก็พูดกับเขาอีกว่า เรื่องผ่านด่านนั้นไม่ต้องกังวนแต่อย่างใด แล้วอ้างชื่อของนายท่านโอวหยางก็น่าจะรู้เห็นกันหมดเพราะบอกว่านายท่านโอวหยางดีใจที่ได้ทำธุรกิจด้วย..เขาบอกว่านายท่านโอวหยางมีบุตรีเป็นพระสนมตำแหน่งเฟยอยู่ในวังหลวงหากถือตราของโอวหยางจะเดินทางเข้าสู่ฉางอันได้โดยง่ายเพราะเกรงบารมีแน่ ๆ” หลินหยาเล่ายาวแบบไม่มีการบิดพริ้ว นางจำรายละเอียดได้เหมือนกับการถอดความออกมาเหมือนฉายภาพซ้ำ ๆ ได้ไม่มีทางรู้จบ

          เถียนเฟิงนิ่งไปครู่หนึ่งหลังจากฟังจบ แสงโคมในศาลาไหววูบจากสายลมยามดึกท่ามกลางความเงียบที่ตึงเครียด ร่างสูงใต้ชุดผ้าหยาบของชาวเมืองธรรมดาขยับปลายนิ้วแตะขอบโต๊ะเบา ๆ เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาทันที ทว่าดวงตาคมกลับไล่ไล่จ้องใบหน้าของหลินหยาอย่างไม่วางตา “เจ้า..จำรายละเอียดได้ถึงขนาดนั้นเลยหรือ?” น้ำเสียงของเขาแผ่วเบา แต่แทบจะปิดความประหลาดใจที่แฝงความชื่นชมนั้นไม่มิด แล้วเงียบอีกครั้งเหมือนเรียงข้อมูลทั้งหมดให้เข้าที่เข้าทาง

          มือเรียวยกขึ้นแตะคางของตน พลางหลุบตาลงก่อนเอ่ยต่อ “เด็กที่รับของ...พ่อบ้านที่เข้าไป...ชายชาวหนานเจ้าท่าทางมีอำนาจ...คำพูดอ้างอิงถึงบุตรีของโอวหยาง...แล้วเจ้าบอกว่าเขาใช้ ตราสัญลักษณ์ของโอวหยาง เพื่อผ่านด่าน?” เขาเงยหน้าขึ้นมองหลินหยาอีกครั้งหนึ่งแววตาเปลี่ยนไปไม่มีความนิ่งของผู้ควบคุม แต่คล้ายปราชญ์ผู้พบช่องว่างของเกมกระดานนี้ หากตาของเขากระตุกช้า ๆ แฝงความคันยิก ๆ เล็กน้อยบยใบหน้าของตนเอง

          “หึ...” เขาหัวเราะในลำคอแผ่ว ๆ แล้วโน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว เสียงของเขากระซิบต่ำแต่เปี่ยมด้วยแรงดึงดูดเฉพาะตัว “แม่นางเสี่ยวหนานนี่ช่าง...เก่งเกินกว่าที่ข้าประเมินไว้มากนัก หากสิ่งที่เจ้าว่ามาเป็นความจริงทั้งหมดข้าคงจะต้องขอถอนหายใจเงียบ ๆ ให้กับความโง่เขลาของคนที่ใช้ฐานะและบารมีโดยไม่รู้ว่ามีใครจับจ้องอยู่ห่าง ๆ”

          ดวงตาของเขาหรี่ลงนิดหนึ่ง เหมือนจับสัญญาณบางอย่างจากร่างกายของหลินหยาที่ยังฝืนยืนตรง แสงใต้เปลือกตาของเขาในวินาทีนั้นเป็นประกายเย็นเยียบ “ถ้าข้าเดาไม่ผิด บุตรชายของโอวหยางเป่าเฉิง เป็นตัวบัญหาใช่ไหม” คำถามนั้นไม่ได้เจาะจง รุกเร้าแต่กลับรัดแน่นจนเป็นบ่วงเงียบ ๆ ที่คล้องไว้รอบคอ “อย่าพูดอะไรถ้าไม่อยากพูด...” เสียงของเขานุ่มและเยือกเย็นราวหมอกดึก ก่อนจะหยิบถุงเงินใบหนึ่งที่มีน้ำหนักไม่เบาขึ้นมา แล้ววางลงตรงหน้าหลินหยาอย่างแผ่วเบา

          “ถือเสียว่าเป็นค่าตอบแทนแบบเพิ่มเติม หากข้าไม่จ่ายล้วงหน้า คนแบบเจ้าคงไม่ยอมกลับมารายงานอีก” เขายิ้มให้เล็ก ๆ รอยยิ้มบางเฉียบที่ไม่ได้มาจากความอ่อนโยน แต่มาจากความมั่นใจที่ว่าสาวน้อยตรงหน้าจะไม่มีวันเป็นแค่ตัวหมากที่ไร้นานอีกต่อไป สำหรับเขา..หลินหยาเป็นเหยื่อปลอมที่เขาจะใช้หลอกล่อเหยื่อจริงออกมา ด้วยเงื่อนไขเพียงข้อเดียว ข้าจะปกป้องเจ้าจากขุมนรกอื่น ๆ ..ตราบเท่าที่เจ้าคือหมากในมือของข้า

          “เอาเถอะ..”

          หลินหยารับถุงนั้นมาก่อนที่เธอจะเก็บไว้แล้วพ่นลมหายใจเล็กน้อยแล้วส่งให้อีกคนบ้างเหมือนกัน ราวกับการส่งของรักแทนใจให้กันระหว่างคู่รักทั้งสอง..

          "ข้าพบสิ่งนี้มา เมื่อคืนข้าพบชายสามคนยกหีบใหญ่ออกจากจวนแล้วสิ่งนี้ก็ตกลงมาจากหีบ ข้าเลยเก็บมันเอาไว้..ข้าพบว่าพวกเขาเหมือนขนของกันธรรมดาแต่ก็ไม่ได้ตรวจสอบอะไรให้ดีนัก อาจจะรีบก็ได้” แล้วบรรยายเรื่องลักษณะหีบ

          แต่ภายในนั้นมันคือ.. นิ้วก้อยที่โดนตัดในข้อที่สอง เล็บฉีกขาดและเปราะเลือดที่แห้งกรัง กลิ่นคาวจาง ๆ แจะจฒูกตอนที่โดนเปิด มือของเถียนเฟิงที่ในคราแรกคงจะหยิบขึ้นมาตามปฏิกิริยาอัตโนมัติกลับชะงักเล็กน้อย ราวกับสมองที่คมกริบของเขากำลังเรียบเรียงข้อมูลทุกเสี้ยวคำของหลินหยาเข้ากับสิ่งที่เขาเห็นตรงหน้า มือของเถียนเฟิงที่ในคราแรกคงจะหยิบขึ้นมาตามปฏิกิริยาอัตโนมัติกลับชะงักเล็กน้อย ราวกับสมองที่คมกริบของเขากำลังเรียบเรียงข้อมูลทุกเสี้ยวคำของหลินหยาเข้ากับสิ่งที่เขาเห็นตรงหน้า

          “เจ้ารู้ว่าควรจะโยนทิ้ง..หรือเงียบเสียก็จบเรื่อง..แต่เจ้ากลับเลือกที่จะนำมาให้ข้าหรือ?” เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีเข้มที่เคยยิ่งเหมือนผืนน้ำในราตรีบัดนี้แฝงคลื่นกระเพื่อมอันตรายที่โหมขึ้นช้า ๆ เถียนเฟิงรับผ้านั้นไว้ด้วยสองมือ ประคองราวกับเป็นของล้ำค่าจากวังหลวง ไม่ใช่ชิ้นส่วนของมนุษย์ที่ไร้วิญญาณ

          มีสตรีไม่มากนักที่จะกล้าทำเช่นเจ้าทำโดยไม่ร้องไห้สักแอะเดียว” เขาปลายมือ “หากมีนิ้วหนึ่งนิ้วหล่นลงมา...แสดงว่ามีอย่างน้อยหนึ่งชีวิตที่ถูกเฉือนทิ้ง” เขาหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำที่กลายเป็นคลื่นกระแทก “มันเดินหมากผิดฝั่งเหลือเกิน”

          เขาสบตากับหลินหยาอีกครั้ง แววตานั้นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงจากชายแปลกหน้าเจ้าเล่ห์ผู้ใช้เงินซื้อคำตอบ กลับกลายเป็นเสนาบดีผู้สามารถจุดไฟเผากรุงฉางอันทั้งเมืองหากพบว่ามีใครเอาเลือดคนบริสุทธิ์มาปูเส้นทางอำนาจ “ข้าจะจัดการเอง..เกมกำลังเริ่มเดินแล้ว เจ้าทำได้ดีมาก..ไปพักผ่อนเถอะกลับไปก่อน หากกลับไปกันสองคนคิดดีว่าเกรงจะน่าสงสัย” แต่แล้วดวงตาของเขาก็ไล่มองต่ำลงจากดวงหน้าที่แสร้งว่าเข้มแข็งไปถึงลำคอขาวเนียนที่ในความเงาสลัวกลับปรากฏรอยแดงบาง ๆ จาง ๆ รูปทรงไม่เป็นระเบียบ ดูอย่างไรก็ไม่ใช่ยุงกัด

          ริมฝีปากเขยับเล็กน้อยแต่ยังไม่พูดมือซ้ายเรียวยาวของเขาขยับหยิบบางสิ่งให้เป็นซองเล็กบางจิ๋ว เขาวางมันลงบนโต๊ะไม้ตรงหน้าอีกคนโดยไม่แตะต้องเธอแม้ปลายนิ้ว เพียงเสียงวางแผ่วเบานั้นกลับชัดเจนในความเงียบยามค่ำคืนมากกว่าสิ่งใด

          "ยานี้รักษาแผลฟกช้ำกับผิวไหม้จากการบีบหรือกัด เหมาะกับคนที่ไม่ชอบมีรอยฝากไว้...จะใช้หรือไม่ก็แล้วแต่ใจเจ้า" หากดวงตาของเขาแสดงออกแทนคำพูดยามนี้มันคือแววตาของคนที่ไม่เพียงแต่เฝ้าสังเกต แต่กำลังจำและจารึกผู้กระทบอย่างละเอียดที่สุดกับสิ่งที่เขาเรียกว่าหมากของตนเอง ไม่ใช่เพราะเขาห่วงใยเหมือนบุรุษทั่วไป แต่เพราะสิ่งใดก็ตามที่แตะต้องดวตาของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาตก็สมควรถูกควักออกมาทั้งสองข้างด้วยมือเปล่า แล้วเขาก็เอ่ยท้ายตอนที่หลินหยานั้นเดินจากไปด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย..จางกว่าก่อนหน้านี้แต่แหลมคมพอที่จะเฉือนเลือดเนื้อคน

          “หากเขาทำร้ายเจ้าอีก..ข้าอาจจะทำหมึกเลอะบนโต๊ะทำงานเสียหน่อย ตอนเซ็นชื่ออนุมัติการประหารมัน”




@Admin


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: -

รางวัล: 5 ตำลึงทอง
+5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-08] เถียน เฟิง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม
โบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม



แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-08] เถียน เฟิง เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2025-6-20 23:58
ผ่านอีเว้นท์ปลดล็อกแล้ว แต่เขาถาม คุณจะทำงานนี้ต่อหรือไม่ ถ้าทำต่อจนลุล่วงค่าจ้างที่เขารับปากจะให้เหมือนเดิมตอนงานเสร็จ ตอนนี้ดูเหมือนโอวหยางจะสมคบต่างแคว้น ข้าได้ยินว่าชาวหนานเจ้าเหมือนเสือร้าย  โพสต์ 2025-6-20 23:58
โพสต์ 28150 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-20 23:25
โพสต์ 28,150 ไบต์และได้รับ +10 EXP +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-6-20 23:25
โพสต์ 28,150 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ผู้มีบุญ  โพสต์ 2025-6-20 23:25

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงทอง +5 ย่อ เหตุผล
Watcher + 5

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้