[ RPG ] เทศกาลตวนอู่ • เจี้ยนหยวนศกที่ 11

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-6-21 23:04








龙鼓震江声未歇
เสียงกลองมังกรดังก้อง ยังไม่จางจากฟากฝั่ง
艾香驱毒护人家
กลิ่นโกฐหอมขับพาล ภยันตรายล้วนล่าถอย
忠魂长在千秋里
จิตวีรชนดำรงอยู่ ในร้อยปีพันฤดู
众志成城护国华
ใจประชารวมมั่น สร้างแผ่นดินให้มั่นคง





端午节
เทศกาลตวนอู่
เฉลิมฉลองคิมหันต์ฤดู

   ฉางอันยามเทศกาลตวนอู่ คลาคล่ำด้วยไพ่ฟ้าอาภรณ์สดใส ก้อนแป้งน่าชังผูกด้ายห้าสีวิ่งเล่นริมตรอก กลิ่นบ๊ะจ่างหอมกำจายจากหม้อใหญ่หน้าร้านรองต่าง ๆ เสียงกลองเรือมังกรดังก้องจากท่าแม่น้ำเว่ย บนประตูบ้านแขวน ชิงเฮา* ไล่สิ่งชั่วร้าย ขุนนางในวังร่ายกลอนสดุดีชวีหยวน ชาวบ้านต่างแลกเปลี่ยนบ๊ะจ่างและคำอวยพรด้วยใจเบิกบาน จึงเป็นความสำคัญของเทศกาลในช่วงเวลาที่ต้าฮั่นต่างถูกปีศาจรุกรานนับไม่ถ้วน ผู้เสียสละทั้งหลายต่างถูกเกณฑ์กำลังพลเพื่อปกป้องประเทศชาติ ขวัญกำลังใจที่ถดถอยต่างทำให้บรรยากาศภายในฉางอันอึมครึม และในช่วงเดือนแห่งพลังหยางอันรุนแรงนี้ การจัดงานเทศกาลตวนอู่เพื่อขับไล่พิษพาล ภูติผี โรคร้าย เคราะห์ภัยของแผ่นดิน บูชาลำน้ำเพื่อเสริมศิริมงคลแก่บ้านเมือง เพิ่มพูนขวัญกำลังใจและลดความเศร้าหมองให้แก่ประชาชนภายในเมืองฉางอัน เนรมิตช่วงเวลาแสนอบอุ่นราวกับลืมความทุกข์ยากทั้งปวงทิ้งไปสักครั้งคราว




กิจกรรมภายในเทศกาลตวนอู่

กิจกรรมที่ 1 ห่อบ๊ะจ่าง

  กลิ่นบ๊ะจ่างที่กำจายทั่วท้องที่กลายเป็นกลิ่นเอกลักษณ์ของเทศกาลในช่วงเวลานี้ ณ ซุ้มหนึ่งในตลาดตะวันออก เปิดโอกาสให้ผู้คนได้ช่วยกันห่อบ๊ะจ่างทั้งแจกแจงวิธีการทำให้ผู้คนได้รู้สึกถึงการเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์ความเชื่อและเป็นดั่งการการเอาใจช่วยปกปักษ์ชวีหยวนผู้ซื่อสัตย์

การเข้าร่วมกิจกรรมไม่ยาก เพียงโรลเพลย์ร่วมห่อบ๊ะจ่างโดยอธิบายวิธีการห่อตามขั้นตอนดังนี้

วิธีการห่อบ๊ะจ่าง
  1. นำใบไผ่แห้งไปต้มจนใบอ่อนนุ่ม ขั้นตอนนี้ทางซุ้มต้มให้แล้วให้หยิบใบที่ชอบมาล้างให้สะอาด เช็ดให้แห้งพอหมาด ๆ
  2. พับใบไผ่เป็นรูปกรวยโดยการวางใบไผ่แนวยาว กดให้โค้งเล็กน้อย พับส่วนล่างให้โค้งขึ้นเป็นทรงกรวยหรือปลายแหลม
  3. ตักข้าวเหนียวใส่ลงไปเล็กน้อย ใส่ไส้ไว้ตรงกลาง (เช่น ถั่ว แปะก๊วย หมูเค็ม) ปิดด้วยข้าวเหนียวอีกชั้นจนเกือบเต็มกรวย
  4. พับปิดและพันเป็นทรงสามเหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยม. พับใบไผ่ด้านข้างเข้าหากัน ปิดให้แน่น พับปลายใบลง กดให้เป็นทรงแน่น ไม่ให้ข้าวรั่ว
  5. มัดด้วยเชือกโดยใช้เชือกพันรอบตัวบ๊ะจ่าง 2–3 รอบ มัดแน่นแต่ไม่ต้องแน่นเกินไป ผูกเงื่อนให้พอคลายได้เมื่อต้มสุก
  6. นำไปต้ม ต้มในหม้อน้ำเดือดนานหนึ่งชั่วยาม ผู้ใดต้องการรับบ๊ะจ่างสำเร็จเพื่อออกจากซุ้มเลยสามารถหยิบที่ถาดได้ หากผู้ใดต้องการรับบ๊ะจ่างของตนเองสามารถรอข้าวสุกแล้ววนมารับอีกทีได้

รางวัลที่ได้เมื่อเข้าร่วมกิจกรรม
ได้รับ 5 ตำลึงเงิน + บ๊ะจ่าง 1 ชิ้น + 10 EXP



กิจกรรมที่ 2 ปักถุงหอมและถักสร้อยข้อมือห้าสีเสริมสิริมงคล

  ขอจงไร้ผู้ใดกล้ำกลาย ขอจงปกปักษ์คุ้มภัยมิให้แผ้วพาล ขอจงกำจายสุคนธ์จาง ๆ ดั่งเกราะป้องกันจากฟ้าดิน ในเทศกาลตวนอู่นี้มีความเชื่อการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกให้ไกลตัว เช่นนั้นแล้วจึงนิยมห้อยถุงหอมที่เอวเพื่อคุ้มกายทั้งจากสิ่งไม่ดีและแมลงร้ายในคิมหันต์ฤดู ส่วนสร้อยข้อมือห้าสีนั้นเป็นสิ่งมงคล ว่ากันว่าจะปกปักษ์บุตรหลานด้วยพลังแห่งฟ้าดิน เช่นนั้นแล้วในทุก ๆ ปีจะมีการประกวดถุงหอมและสร้อยข้อมืออยู่เสมอ


การเข้าร่วมกิจกรรมปักถุงหอมและถักสร้อยข้อมือห้าสี
   1. เดินทางเข้ามาภายในซุ้มกิจกรรมเพื่อเข้าร่วม
   2. ภายในซุ้มจะมีอุปกรณ์ให้เย็บปักถักร้อยมากมาย และ มีเครื่องหอมสำหรับบรรจุใส่ในถุงหอม
   3. ผู้ที่ต้องการเข้าประกวดการปักถุงหอม และ ถักสร้อยข้อมือห้าสี สามารถโรลเพลย์จัดทำถุงหอม หรือ สร้อยข้อมือห้าสี แล้วลงชื่อส่งประกวดพร้อมแนบผลงานส่งประกวด

รูปภาพ 84x84
ชื่อผลงาน :
คำอธิบาย : ต้องประกอบด้วย วัสดุของสิ่งที่ทำ ความหมายของลวยลายที่ปักและการตกแต่ง
ชื่อผู้จัดทำผลงาน


   4. ในวันงานเทศกาลวันสุดท้าย ( 23 อู่เยว่ เจี้ยนหยวนศกที่ 11 ตามไทม์ไลน์เนื้อเรื่องกิจกรรม / วันที่ 27 มิถุนายน 2568 ตามเวลาจริง ) ผลงานจะถูกตัดสินจากความสวยงาม ความหมาย และความสมบูรณ์ของผลงาน

  โดยผลงานที่ได้รับเลือกจะได้รับรางวัลเพิ่มเติม และผลงานได้รับเกียรติวางขายทั่วฉางอัน ซึ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถเลือกได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นว่าจะส่งประกวดถุงหอมหรือสร้อยข้อมือห้าสี

รางวัลที่ได้เมื่อเข้าร่วมกิจกรรม

ผู้ชนะการประกวดปักถุงหอมและถักสร้อยข้อมือห้าสี
ได้รับผลที่ตัวเองเสนอ 1 ชิ้น (ถุงหอม หรือ สร้อยข้อมือห้าสี) + 3 ตำลึงทอง + 30 ตำลึงเงิน + 20 EXP + หินอัปเกรดและหินตีบวกอย่างละ 2 ก้อน

ผู้เข้าร่วมการประกวด
ได้รับ 10 ตำลึงเงิน




“...เขาคือชวีหยวน ขุนนางแห่งรัฐฉู่ ผู้จงรักภักดีจนยอมสละชีพเพื่อชาติ เมื่อเขากระโดดลงแม่น้ำ ประชาชนต่างร่วมพายเรือค้นหา ในช่วงเวลาที่หวาดหวั่นว่าปลาในแม่น้ำจะไต่ตอมกัดกินร่างจนสลายไปจึงโยนข้าวห่อใบไผ่ลงไปป้องกันไม่ให้ปลากินร่างของเขา... นั่นจึงเป็นเหตุที่เราห่อบ๊ะจ่างและแข่งเรือในวันนี้ มิใช่เพียงเพื่อเฉลิมฉลอง ทว่าเพื่อรำลึกถึงผู้ที่ไม่เคยหันหลังให้แผ่นดินเช่นกัน”

  เทศกาลตวนอู่นี้มิใช่เพียงการขับไล่ปีศาจอย่างเดียวเท่านั้น ยังรำลึกถึงบรรพบุรุษผู้มากด้วยคุณธรรมอย่างชวีหยวน ขุนนางผู้จงรักภักดีแห่งรัฐฉู่ ในยุคจ้านกว๋อ เขาเป็นกวีผู้เปี่ยมด้วยปัญญาและรักชาติอย่างสุดหัวใจ แต่เพราะถูกใส่ร้าย เขาถูกเนรเทศออกจากราชสำนัก
  ครั้นได้ยินข่าวว่าบ้านเมืองจะล่มสลาย ชวีหยวนเศร้าจนหมดสิ้นความหวัง จึงกระโดดลงแม่น้ำมี่ลั่ว สละชีพเพื่อแผ่นดิน
  ชาวบ้านที่รักและเคารพเขา ต่างพากันพายเรือออกตามหาร่าง พร้อมโยนข้าวห่อใบไผ่ลงน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ปลากินร่างของท่าน นั่นจึงเป็นต้นกำเนิดของการแข่งเรือมังกร และการห่อบ๊ะจ่างถวายแด่วิญญาณผู้กล้า


กิจกรรมที่ 3 ถวายบ๊ะจ่างรำลึกถึงชวีหยวน

การร่วมรำลึกถึงชวีหยวน
1. เดินทางมายังริมแม่น้ำเว่ย ณ บริเวณที่ตั้งแท่นบูชา
2. ถวายบ๊ะจ่าง ณ แท่นบูชา (ไม่ต้องโอนบ๊ะจ่างให้ Admin)
3. ร่วมเขียนอักษรมงคลโดยเลือกได้ว่าจะเขียนลงแผ่นไม้ผูกกับต้นหลิวริมแม่น้ำ หรือ เขียนอักษรลงกระดาษเพื่อรวบรวมเหล่าคำอวยพรทั้งหลายส่งไปถึงชวีหยวนและผู้คนในต้าฮั่น

รางวัลที่ได้เมื่อเข้าร่วมกิจกรรม
ได้รับ 5 ตำลึงเงิน + 15 คุณธรรม

  ในวันสุดท้ายของเทศกาลทุกปี จะมีการนำกระดาษอวยพรปีที่แล้วมาเผาเพื่อส่งคำอวยพรที่ปกป้องผู้คนในฉางอันตลอดทั้งปีให้กระจายสู่ฟ้าดินป้องกันคุ้มภัยทั้งแผ่นดินต้าฮั่นต่อไป


กิจกรรมที่ 4 แข่งขันเรือมังกร

การร่วมกิจกรรมแข่งขันเรือมังกร ( แบบฉบับผู้ดีริมน้ำที่ไม่มีกลุ่มก้อนร่วมแข่งขันการพายเรือมังกร… )

  1. เดินทางมายังริมแม่น้ำเว่ยเพื่อดูการแข่งขันเรือมังกร (ไม่ไกลจากที่ตั้งของแท่นบูชาชวีหยวนเท่าไหร่นัก)
  2. บรรยายบรรยากาศของงานแข่งขัน เท่านี้เป็นอันจบ สามารถรับของรางวัลได้เลย

แต่หากท่านใดได้ยินเสียงดังครึกครื้นไม่ไกลแล้วสนใจล่ะก็…


  3. ไม่ไกลจากที่รับชมกิจกรรม มีชายหนุ่มผู้หนึ่งเปิดวงพนันผู้ชนะเรือมังกร สำหรับผู้ที่ต้องการความเร้าใจและการเสี่ยงดวงให้ผู้เขาร่วมลงพนันแทงข้างเรือที่ต้องการลง โดยให้อธิบายเหตุผลของการเลือกซึ่งต้องบรรยายตามหัวข้อต่อไปนี้ ชื่อของเรือมังกรที่เลือก, ลักษณะของเรือและผู้พายเรือ และ สุดท้ายคือการลงพนัน 10 ตำลึงเงิน (โอนให้ Admin)

การลงพนันจะปิด ณ วันที่ 23 อู่เยว่ เจี้ยนหยวนศกที่ 11 กลางยามไห่ ( 22.00 น. )
[ วันที่ 27 มิถุนายน 2568 เวลา 22.00 น. ในเวลาจริง ]

  4. ในท้ายวันกิจกรรมจะรวบรวมรายชื่อเรือมังกรที่ลงพนันมาหมุนวงล้อแห่งโชคชะตา (สามารถติดตามแบบเรียลไทม์ได้ ณ ดิสคอร์ดของคอมมูวันที่ 27 มิถุนายน 2568 เวลา 22.00 น.) เพื่อประกาศชื่อของเรือมังกรที่ชนะการแข่งขัน และคนผู้นั้นจะได้จำนวนเงินของผู้คนที่พนันทั้งหมด + สมทบทุนจากผู้ไม่ออกนามอีกจำนวนหนึ่ง


รางวัลที่ได้เมื่อเข้าร่วมกิจกรรม
รางวัลชนะพนันแข่งเรือมังกร
ได้รับค่าลงพนันของทุกคนที่เข้าร่วม + 4 ตำลึงทอง + กุ้งผัดชาหลงจิ่งและปลาเก๋านึงซีอิ๊วอย่างละ 1 จาน ( 1 รางวัล) + 5 point + หินตีบวก 1 ก้อน + ไหมแก้วแสงจันทร์ 1 ผืน

รางวัลขวัญใจเรือพาย (ผู้ที่อธิบายเรือมังกรได้สุดเฟี้ยวโดนใจผู้จัดงาน)
ได้รับ + 20 ตำลึงเงิน

ผู้เข้าร่วมชมการแข่งขันเรือมังกร ( แค่เข้ารับชมไม่จำเป็นต้องลงพนันก็ได้ )
ได้รับ 10 ตำลึงเงิน


งานเทศกาลในครั้งนี้จัดขึ้นในวันที่ 21 - 23 อู่เยว่ เจี้ยนหยวนศกปีที่ 11
(สำหรับไทม์ไลน์เวลาจริง สามารถโรลเพลย์ย้อนหลังได้ตั้งแต่วันที่ 21 - 27 มิถุนายน 2568)


สำหรับผู้ใดที่อยู่นอกฉากอัน สามารถสวมร่าง NPC ประกอบภายในฉางอัน เพื่อเข้าร่วมงานเทศกาลแทนได้








แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 26750 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-20 22:34
โพสต์ 2025-6-21 22:17:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-6-22 09:05


ผู้กลืนฏีกาพันเล่ม
วันที่ยี่สิบเอ็ด อู่เยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด
ยามซวี ( 19.00 น. )


   ต่อให้ใต้หล้ามืดหม่นสักเพียงใดฉางอันยังคงเป็นฉางอัน โคมไฟประดับฉายแสงนวล ผู้คนขวักไขว่กับเทศกาลตวนอู่แลครึกครื้น ความสว่างไสวแม้ยามกลางคืนจะเรียกว่าเป็นสิทธิพิเศษของเมืองหลวงก็ว่าได้ ผู้คนสัญจรอย่างปลอดภัยภายใต้การตรวจตราอย่างเข้มงวดของทหารรักษาความสงบภายในฉางอัน หากเปรียบกองทหารที่อื่นเป็นรังมด ในฉางอันซึ่งป็นที่ตั้งของค่ายพยัคฆ์คงเปรียบได้กับโคตรรังมดกระมัง

   ใต้เงาแสงตะเกียงฉายที่แลเหมือนว่าจะเบาแสงกว่าช่วงนี้ของวันไหน ๆ เมื่อเทียบกับโคมไฟประดับในงานเทศกาลนอกหน้าต่างตำหนักสำนักงานกรมตรวจราชการ ( อวี๋ซื่อไถ ) แผ่นกระจกกลมส่องขยายภาพตัวอักษร ณ ดวงเนตรสีครามเข้มข้างซ้ายส่องสะท้อนฏีกาตรงหน้า เรือนเกษาสีหยดหมึกสะท้อนแสงจากไฟตะเกียง ปักเกล้าผมลวก ๆ สมกับที่กวานหยกกำลังร่ำร้องอยู่บนโต๊ะแต่งตัวในบ้านพัก วงคิ้วขนงคมปลาบส่งให้เครื่องนี้ที่ดูอ่อนเยาว์ขึงขังขึ้นมาบ้าง จมูกโด่งสันเข่นบุรุษงาม ริมฝีปากกระจับยกมุมปากอยู่เนือง ๆ แว่วเสียงดนตรีที่ลองเข้ามากลับเบากว่าเสียงที่ดังในความนึกคิดของซื่ออวี๋สื่อ ผู้ตรวจการราชการแห่งแผ่นดิน — เว่ยเจียมู่หง

   หากไถ่ถามในห้วงความคิดที่ดึงสายตาของเขาให้ทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง เสียงนั้นคงจะเป็นเหตุการณ์ในยามอู่ของวันนี้ได้ ณ อวี๋ซื่อไถอันศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าขุนนางผู้ทรงธรรม มีแว่วเสียงบุรุษร่างสูงโปร่งในอาภรณ์วรยุทธ์สีทะมึนทึบบุกเข้ามาราวกับต้องการระบายความในใจกับเขา ความรู้สึกแสนอัดอั้นอันไม่อาจระบายให้ผู้ใดฟังได้…เพราะสารที่พ่นออกมามีแต่ความลับทางราชการทั้งสิ้น

   “เจ้ารู้ไหมว่าวันนี้ข้าไปตรวจตราภารกิจที่ดูแลแล้วก็พบว่าผู้คนกำลังตั้งร้านรวงอยู่ ข้าที่ทำงานจนลืมวันลืมคืนก็เพิ่งจะตระหนักรู้ว่าวันนี้เป็นวันงานเทศกาลตวนอู่ที่เพิ่งจะได้อนุมัติจากฝ่าบาท”

   “นั่นหมายความว่าอย่างไรเจ้ารู้ใช่ไหมมู่หง เทศกาลตวนอู่คือเทศกาลครอบครัว ข้าที่ไม่ได้กลับลั่วหยางก็มีเพียงเสี่ยวหรั่นของข้าที่อยู่ฉางอัน แต่ข้าโดนพรากเหม่ยเหมยคนงามแสนดีของข้าไปแล้ว เพราะใคร เพราะกิ้งก่าทองนั่นอย่างไรเล่า !!!”


   “ทางที่ดี เจ้าควรลดเสียงลงหน่อยนะชางหรง”

   เจ้าของเสียงที่สามารถเรียกขานนามอย่างสนิทสนมเช่นนั้นมีเพียงบุรุษผู้เดียวในฉางอันตอนนี้กระมัง เขาคือ ลู่ชางหรง ผู้หลงพระสนมลู่กุ้ยเฟยจนโงหัวไม่ขึ้น หากเอ่ยเช่นนี้คงดูเหมือนจะโดนกุดหัวออกจากบ่าอยู่รอมร่อ แท้จริงคือเขาเป็นพี่ชายของพระสนมผู้นั้นทั้งยังเป็นผู้สืบราชการลับผู้ขึ้นตรงต่อ ‘กิ้งก่าทอง’ ที่เขาเพิ่งพร่ำบ่นถึงไปเมื่อครู่นี้

   เรื่องราวนี้มีเพียงขุนนางชั้นสูงผู้ใกล้ชิดเท่านั้นที่ได้รู้ว่าบัดนี้บุรุษผู้เป็นโอรสสวรรค์แห่งต้าฮั่นไม่ได้ประทับอยู่ในตำหนักมังกรของเขา ร่วมกันนั้นสตรีผู้เป็นถึงว่าที่มารดาแห่งแผ่นดินเองก็ไม่ได้อยู่ที่ไหนไกล อยู่ข้างกายโอรสสวรรค์นั่นแหละ ที่หมายถึงว่านางเองก็ไม่อยู่ในตำหนักตงเฉินเช่นกัน… ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เขารู้และข้อมูลไม่ได้มาจากใคร มาจากสหายร่วมงานของเขาที่รู้จักตั้งแต่สมัยเข้าเรียนกสำนักศึกษาในลั่วหยาง

   “เจ้ารู้ไหมว่าข้ารอคอยที่จะได้พบนางเพียงใด อยู่วังหลังก็ใช่ว่าจะได้พูดคุยกัน เจ้ามีน้องสาวเป็นพระสนมเหมือนกันก็คงจะรู้ดีนี่มู่หง วันเช่นนี้ก็คงจะไปทูลขอพอเป็นพิธีเพื่ออยู่ร่วมกันสามคนบิดา พี่ชายและน้องสาวคนเล็กใช่ไหมล่ะ !!?”

   “เหมือนเจ้าจะหลงลืมไปว่าน้องข้าก็ไม่ได้อยู่ฉางอันนะ...”

   ดวงตาที่มักจะฉายแววแน่วแน่อยู่เสมอนั้นทอประกายความเหนื่อยอ่อนจิตใจเพียงใด ความมืดหม่นสะท้อนนัยตาสีครามเข้มจนลู่ชางหรงรับรู้ได้เลยว่าสหายตรงหน้านั้นได้ประสบวิกฤตการ ‘น้องสาวหาย’ เช่นกัน แต่ทว่าสำหรับเว่ยเจียมู่หงนั้นหาใช่เรื่องที่ใหญ่โตไม่ เพราะว่าความสัมพันธ์ภายในบ้านหาได้รักกันชื่นมื่นไม่ เป็นสิ่งที่ติดอยู่ภายในใจเขาเสมอมา ภาพที่สตรีผู้เป็นน้องสาวร่วมมารดากำลังกระทำกลั่นแกล้งน้องสาวต่างมารดาท่ามกลางหิมะหนาวเหน็บ เขาผู้อายุมากกว่าสี่ถึงห้าปีอยู่แอบช่วยดึงเว่ยเจียอิงฮวาไปจากเว่ยเจียเหลียนฮวาไปได้ไม่เท่าไหร่ก็จำต้องจากบ้านไปสำนักศึกษา เข้ารับราชการภายในหนึ่งชั่วเหมันต์ ทำให้เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ไม่ได้แตะจวนใหญ่ ณ หนานหยางไม่ต่างจากบิดานัก

   นับว่าดีที่เขาได้โอกาสผูกมิตรกับเหลียนฮวาอีกสักครา ทว่าดูเหมือนว่าโอกาสในช่วงเวลาที่สำคัญที่ว่านั้นดูจะถูกโชคชะตายึดคืนไปเสียแล้ว แว่วข่าวสารที่เอ่ยบอกต่อกันว่านางได้รับราชโองการตรวจสอบแผ่นดินเพื่อช่วยเหลือต้าฮั่น สตรีตัวเล็กเพียงนั้นต้องออกเดินทางไกลขนาดนั้นเชียวหรือ

   ทั้งยังมีอาชา…อาชาที่นางหวาดผวาแต่ไหนแต่ไร

   แว่วเสียงของลู่ชางหรงที่บ่นอุบในความทรงจำเรื่องเทศกาลทำให้เขาในยามนี้ตระหนักรู้ได่ว่าในช่วงสามวันนับจากวันนี้เป็นต้นไปคงจะเป็นวันที่แสงตะวันจางอ่อน แสงตะเกียงเบาบางเมื่อเทียบกับโคมไฟงานเทศกาลแห่งครอบครัว

   “ได้เวลาพักผ่อนบ้างแล้วกระมัง?”

   มือเรียวที่จับพู่กันด้ามเก่งได้วางสหายผู้อยู่ร่วมการเขียนฎีกาถวายองค์หวงตี้นับพันฉบับลง ความรู้สึกที่จดจำสิ่งที่เขาตวัดตัวอักษรได้ทุกคำเป็นบ่อเกิดของสมญานาม ผู้กลืนฎีกาพันเล่ม ที่ยังคงแจ่มชัดดูเหมือนจะได้เวลาวางมันลงเช่นกัน หากให้ไปเดินเที่ยวกับบิดาเช่นเยาว์วัยคงจะเก้อเขินกันหมด ชายชาตรีอกสามศอกบอกมากับบิดาคงโดนชางหรงล้อเป็นแน่

   อาภรณ์ประจำกายสีหมึกทึบ ปักลายเส้นดั่งลมเหนือ — เรียบง่าย ทว่าเด็ดเดี่ยว ทุกเส้นด้ายเป็นดังลมหายใจของผู้คนที่เขาแบกไว้ ผ้าคาดเอวมีหยกห้อยเป็นเพียงเครื่องประดับเดียวที่บ่งบอกตำแหน่งของเขา ร่างสูงที่ไร้กวานสวมก็ลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูงก่อนจะปักอะไรให้เรียบร้อย เขาต้องเป้นตัวอย่างที่ดีต่อผู้ตนในฉางอัน อย่างน้อยก็เพื่อแสดงตัวว่าขุนนางพวกนี้ไม่ได้ไร้ราศีอะไร

   เว่ยเจียมู่หงก้าวเดินออกไปจากภาระและหน้าที่ของตนเพื่อเดินเข้าสู่ความครึกครื้นใต้แสงโคมประดับงดงามของนครฉางอันอันรุ่งโรจน์ ชั่วครู่เพียงเสี้ยวพริบตาเท่านั้นเมื่อปะทะเข้ากับสีสัน ดนตรีและเสียงผู้คน โลกทั้งใบของเขาดูสดใสขึ้นเป็นกองเชียว นี่ไม่ใช่ตวนอู่ครั้งแรกก็จริงทว่ามันก็ยังคงเป็นตวนอู่ในฉางอันที่ผู้คนดูตั้งใจจัดงานเทศกาลเช่นนี้ เสียงผู้คงเซ็งแซ่ สายลมเชี่ยจื้อ*พัดโบกเอากลิ่นบ๊ะจ่างลอยมาตามลม ไม่ไกลจากลานสายตานักก็แลเห็นซุ้มบ๊ะจ่างที่ทั้งให้ลองห่อเองและสามารถซื้อไปเลยได้หากไม่ต้องการรอ ด้วยบรรยากาศที่ชักชวนให้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานในครั้งนี้ก็สะกดให้สองขายาวก้าวมายืนอยู่หน้าซุ้มเสียแล้ว

   เข้าสู่กิจกรรมที่ 1 ห่อบ๊ะจ่าง

   “ใบไผ่ต้มเจ้าค่า ไปล้างน้ำซับแห้งทางด้านโน้นได้เลยนะเจ้าคะ”

   ใบไผ่ต้มพวกนี้มาจากไหนกัน!? รู้ตัวอีกทีเขาก็ถือมันไว้ในมือเสียแล้วก่อนที่สตรีเอย เด็กน้อยเอยจะเดินเข้าไปต่อแถวล้างไผ่นี้ ซึ่งเขาที่มีไผ่ในมือจำต้องตามกระแสผู้คนไปกระทำจนได้ นึกได้แต่เพียงว่าดียิ่งนักที่ตัดสินใจมาเพียงผู้เดียว หากลู่ชางหรงมาด้วยคงไม่พ้นกลายเป็นหัวข้อจดบันทึกส่งหวงตี้ประจำวันพร้อมทั้งภาพวัดเส้นแสดงความรู้สึกโง่ ๆ เป็นแน่ เว่ยเจียมู่หงมาดมั่นไว้ในใจว่าสำหรับซุ้มพวกนี้หากเจอะผู้ใดคุ้นหน้าจะวิ่งเหินอากาศเต็มแรงฝีเท้าม้าหนีหน้าให้หมด

   มือแกร่งสีซีดราวกับพันธุกรรมตระกูลบัณฑิตมิได้แต่งแต้มสีชาดฝาดมาให้เยอะกว่านี้สักหน่อยยื่นไปล้างใบไผ่อย่างเบามือก่อนจะขยับตามกระแสผู้คนเนียน ๆ ไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้ตรัสรู้มากนักว่าส่วนสูงและใบหน้าของเขาช่างโดดเด่น ณ ท่ามกลางเหล่า…สตรีเพศ…

   ม่อจื่อสอนว่าผู้คนเท่าเทียม บุรุษเพศห่อบ๊ะจ่างจะแปลกอันใด เขาเรียกเข้าถึงวัฒนธรรมประเพณี

   บัดนี้ความคิดของผู้ตรวจการขุนนางได้ปลงตกเสียแล้วว่าเขาไม่อาจจากตรงนี้ได้โดยง่าย เช่นนั้นก็ทำต่อไปให้เสร็จสิ้นเสีย ส่งพุทธองค์ย่อมส่งให้ถึงทิศประจิม กับอีแค่ยืนเคร่งเครียดห่อบ๊ะจ่างมันจะคณามือเขาเชียวหรือ มือหนาค่อย ๆ ดัดใบไผ่ให้เป็นกรวยโดยพยายามไม่ให้มันขาดไปเสียก่อน เอื้อมไปตักข้าวเหนียวโปะข้างในก่อนใส่ไส้ที่มีทั้งหมดลงไป… อย่างน้อยเขาก็เลือกว่าพวกที่เขาใส่ต้องเป็นไส้เค็มทั้งสิ้นไม่มีสิ่งใดหวานฉ่ำปะปน

   ใกล้จะถึงความจริงที่ว่าเขาจะห่อมันเสร็จแล้ว เขาตักข้าวมาโปะกลบอีกชั้นก่อนจะทำสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างการพยายามกดปิดใบไผ่เป็นสามเหลี่ยมเพื่อมักเชือกให้กลายเป็นบ๊ะจ่าง

   “บ๊ะจ่างแหละ…อืม…”

   เขามองบ๊ะจ่างในมือของตัวเองก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ผู้ดูแลซุ้มเห็นว่าบ๊ะจ่างในมือของบุรุษผู้นี้ห่อมัดเชือกเรียบร้อยแล้วก็ผายมือแนะนำให้เขาเอาไปวางลงถาดที่รอต้มรอบต่อไป

   “หากคุณชายไม่อยากรอบ๊ะจ่างต้มราว ๆ หนึ่งชั่วยาม สามารถซื้อฝั่งนี้ได้นะเจ้าคะ”

   จบกิจกรรมซุ้มนี้ด้วยการโยนเหรียญอู่จูซื้อความสบายและลดเวลาการอยู่ภายในที่แห่งนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เว่ยเจียมู่หงที่ในมือถือห่อบ๊ะจ่างได้เร่งเดินออกจากซุ้มบ๊ะจ่างเพื่อไปเดินเทศกาลต่อ

   “มาร่วมปักถุงหอม ถักเชือกห้าสีมงคล อวยพรให้ครอบครัวไร้เคราะห์ใดแผ้วพานกันเถิด”

   วินาทีนั้นในหัวของบุรุษผู้เป็นพี่ชายคนโตของสกุลเว่ยเจียกลับคิดถึงคนไกลอย่างเว่ยเจียเหลียนฮวา ทางด้านคนไกล ณ หนานหยางมีผู้คนมากมายช่วยเหลือ ทว่าสตรีผู้ต้องไปที่ไกลห่าง มิใช่บ้าน มิใช่เมืองที่คุ้นเคย จำต้องเดินทางอย่างยากลำบาก การได้ทำอะไรพวกนี้ให้นางสักชิ้นก็หวังว่านางจะไม่มีสิ่งใดมาแตะต้องได้

   แต่ทว่าฝีปักด้ายกับการถักสร้อยข้อมือล้วนไม่ใช่สิ่งที่เขาถนัดทั้งสิ้น ดังนั้นแล้วสิ่งที่เขาทำคือการเฝ้ารอผู้ชนะและรอซื้อของขวัญให้เหม่ยเหมยคงจะดีกว่า

   เข้าสู่กิจกรรมที่ 3 รำลึกถึงชวีหยวน

   เส้นทางตลอดทั้งถนนสิบลี้ต่างเต็มไปด้วยกลิ่นบ๊ะจ่างและเสียงผู้คนมากมาย เสียงดนตรีผู้คนร้องเล่นเต้นรำ คลอเคล้ากับกลิ่นถุงหอมจาง ๆ ไปตามซุ้มที่จัดขายสินค้าทำมือ เขาเดินทางมาจนถึงสถานที่ที่จัดแข่งเรือมังกรในทุก ๆ ปี ริมลำน้ำมีแท่นที่วางบ๊ะจ่างเต็มไปหมด สิ่งนี้ย่อมต้องเป็นบ๊ะจ่างถวายแด่ชวีหยวนผู้เป็นขุนนางในเรื่องเล่า ก่อเกิดเทศกาลที่รำลึกถึงความภักดีต่อแผ่นดิน ความซื่อสัตย์แม้นต้องตายเพื่อส่งเสียงเรียกหาความยุติธรรมอันล่าช้าก็ตาม สำหรับเขาเรื่องนี้สามารถเป็นบทเรียนที่ดีเรื่องหนึ่ง ในเมื่อความยุติธรรมที่ร้องขอด้วยความตายมันเสียหายไปมากเพียงใดแล้ว ใยไม่มอบความตายให้มันผู้นั้นเพื่อทวงคืนความสงบสุขแดใต้หล้าแทนเล่า ?

   ริมฝีปากที่มักจะยกขึ้นเป็นบุรุษผู้แย้มยิ้มเสมอดูเหมือนจะเจือความเย้นหยันต่อโชคชะตาของบุรุษผู้เป็นตำนาน ไม่ว่าจะเรื่องจริง เรื่องแต่ง เรื่องใดก็ตาม เขาคงไม่ขอเจริญรอยตามวิถีของผู้ผดุงความยุติธรรมแสนอ่อนแอ

   “หากเพลิงโหมกระหน่ำเกินควบคุมก็จำต้องถอนฟืนใต้หม้อ** อย่าให้สิ่งใดมาพังใต้หล้าฟ้าดิน”

   เสียงทุ่มเอ่ยอย่างแผ่วเบาก่อนจะวางบ๊ะจ่ายที่ซื้อมาถวาย ณ แท่นบูชาชวีหยวนริมแม่น้ำ ยืนรำลึกชั่วครู่ก่อนจะร่วมเขียนแผ่นไม้ห้อยกับต้นหลิวที่ลู่ไปตามแรงลมในช่วงเชี่ยจื้อ ตวัดพู่กันเขียนหมึกเข้มเป็นอักษรที่คาดหวังให้ทุกสิ่งเที่ยงแท้เท่าเทียมแม้ว่าจะไม่จีรังก็ตาม


(héng)
"ตาชั่ง/ ความสมดุล"


   เข้าสู่กิจกรรมที่ 4 แข่งขันเรือมังกร

   ครั้นเมื่อเขาผูกอักษรมงคลเรียบร้อยก็มีเสียงกู้ร้องลายมากระทบหูเรียกร้องความสนใจขุนนางหนุ่มให้ผินใบหน้าไปตามเสียง ไม่ไกลนั้นมีการแข่งขันเรือยาวที่ดูเหมือนว่าจะประกาศรายชื่อกลุ่มผู้เข้าแข่งขันพายเรือมังกรที่แข่งขันกันในทุก ๆ ปี ทว่าสิ่งที่เรียกให้ผู้คนแตกตื่นกันมากกว่านั้นคือการลงพนันแทงข้างผู้ที่จะชนะในเทศกาลตวนอู่ซึ่งจะแข่งขันรู้ผลรู้แพ้ชนะในวันที่ยี่สิบสามอู่เยว่นี้

   ดวงตาคมปลาบไล่มองคณะผู้เข้าร่วมการแข่งขันแต่ละกลุ่ม วิเคราะห์การตกแต่งเรือมังกรที่ดูเรียวยาว ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาต้องสะดุดคือเรือยาวที่…เรียกว่ามีงบพอได้ตกแต่ง เรือที่บรรจุผู้เข้าแข่งขันได้เพียงตามเงื่อนไขเท่านั้น การตกแต่งจากการใช้ไม้มาตอกเพิ่มก่อนจะวาดลวดลายกิ้งก่าทอง ? ไม่ มันคือมังกร แล้วที่เป็นเรียวที่งอกออกมาราวกับหมวดมังกรคือกิ่งใบหลิวที่คงไม่พ้นต้นแถว ๆ นี้ที่แหว่งไปโดยไม่รู้เรื่องราว ปลายหางเรือก็ตกแต่งได้ดู…เศร้าสร้อยไม่ต่างกัน

   ว่ากันว่าเรือที่ดีคือเรือที่เน้นลำเรือเพรียว การที่การตกแต่งน้อย ขอเพียงให้มองเป็นมังกรก็ถือว่าสิ่งนี้ดูเหมือนว่าจะช่วยให้การตกแต่งน้อยชิ้นพวกนี้ไม่ต้ามกระแสน้ำและสายลมตอนที่จ้ำอ้าวแจวเรือ เช่นนั้นแล้ว…

   “ข้าขอลงพนัน เรือมังกรผงาด(ได้เท่านี้)

   ตำลึงเงินสิบตำลึงเงินถูกยื่นลงพนันไปเรียบร้อยตามระเบียบ ใบหน้าของเขาแม้ว่าจะไม่หวัง ทว่าสิบตำลึงเงินที่ไม่ได้ระคายหน้าแข้งเขาเท่าไหร่ก็ถือว่าสนองความใคร่รื่นเริงงานในเทศกาลก็แล้วกัน เว่ยเจียมู่หงเมื่อยืนซึมซับบรรยากาศเพียงไม่นานเท่านั้นก็เดินกลับไปทางเดิม แลเห็นสิ่งใดน่าสนใจก็ซื้อติดมือไว้ ก่อนจะหวนกลับคืนสู่กองฎีกาและภาระหน้าที่ของซื่ออวี๋สื่อ

   * 夏至 เชี่ยจื้อ : กลางคิมหันต์ฤดู : 21-22 มิถุนายน อ้างอิงจาก ตำราเรื่องรอบตัวต้าฮั่น
   ** ถอนฟืนใต้หม้อ หมายถึง แก้ปัญหาที่ต้นตอ (ตัดไฟแต่ต้นลม) อ้างอิงจาก ตำราเรื่องสำนวนต้าฮั่น



รางวัลที่ได้เมื่อเข้าร่วมกิจกรรมที่ 1 3 และ 4
ได้รับ 5 ตำลึงเงิน + บ๊ะจ่าง 1 ชิ้น + 10 EXP
ได้รับ 5 ตำลึงเงิน + 15 คุณธรรม
ได้รับ 10 ตำลึงเงิน
รวมทั้งหมด 20 ตำลึงเงิน + บ๊ะจ่าง 1 ชิ้น + 10 EXP + 15 คุณธรรม

ลงพนัน 10 ตำลึงเงิน













แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 35936 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-21 22:17
โพสต์ 35,936 ไบต์และได้รับ +10 EXP +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-6-21 22:17
โพสต์ 35,936 ไบต์และได้รับ +35 EXP +12 คุณธรรม จาก ยอดนักดนตรี  โพสต์ 2025-6-21 22:17
โพสต์ 35,936 ไบต์และได้รับ +15 EXP +20 คุณธรรม จาก อัจฉริยะ  โพสต์ 2025-6-21 22:17
โพสต์ 35,936 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ 2025-6-21 22:17
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x377
x10
x7
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-6-21 23:46:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด







วันที่ 21 อู่เยว่ เจี้ยนหยวนศกที่ 11
ยามโหย่ว (เวลา 17.00 – 19.00 น.)



ยามโหย่วแสงตะวันคล้อยต่ำแผ่ไล้ผ่านชายคาร้านรวงทั่วฉางอัน เมืองหลวงในยามเทศกาลตวนอู่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา แม้จะเผชิญภาวะปีศาจรุกราน หากแต่เทศกาลนี้ก็เปรียบประหนึ่งประหนึ่งหยาดฝนโปรยปรายกลางฤดูแล้ง เติมชีวิตชีวาให้กับหัวใจอันแห้งผากของผู้คน ธงหลากสีสั่นไหวเหนือศีรษะของชาวบ้าน กลิ่นบ๊ะจ่างหอมกรุ่นลอยคลุ้งไปตามลม พร้อมเสียงหัวเราะและบทกลอนที่ดังก้องเป็นระยะ

หรงป๋อเหวินในอาภรณ์แพรสีฟ้าหม่นพิมพ์ลายเมฆคราม เดินทอดน่องอย่างสงบท่ามกลางฝูงชน ใบหน้าราบเรียบแฝงรอยอ่อนโยน มือหนึ่งถือพัดด้ามยาวที่เขาพกติดตัวเสมอ อีกมือไขว้หลังอย่างเป็นธรรมชาติ

สายตาเขากวาดผ่านร้านขายบ๊ะจ่าง ร้านเครื่องหอม เครื่องประดับด้ายห้าสีและตุ๊กตาแป้งรูปเสือ เด็กเล็กหัวเราะคิกคักเมื่อได้ของเล่นใหม่ บ้างก็วิ่งไล่กันริมร่องน้ำอย่างร่าเริง

“พี่ชาย ท่านอยากแลกด้ายห้าสีกับข้าหรือไม่?” เด็กหญิงตัวน้อยกล่าวพลางยื่นข้อมือที่ร้อยเชือกหลากสีออกมาให้

หรงป๋อเหวินชะงักเล็กน้อย ก่อนคลี่ยิ้มบาง เขาหยิบเชือกห้าสีเส้นเล็กจากร้านข้างทาง ยื่นให้นางพลางผูกข้อมืออีกฝ่ายอย่างเบามือ

“เส้นนี้สีใกล้กับของเจ้านะ”

เด็กหญิงหัวเราะเสียงใส ก่อนหมุนตัววิ่งจากไปโดยไม่ลืมตะโกน

“ขอบคุณเจ้าค่ะ!”

ฝีเท้าของหรงป๋อเหวินยังไม่หยุดลงแม้บทสนทนากับเด็กหญิงตัวน้อยจะจบสิ้นลงแล้ว เขาเดินผ่านกลุ่มนักขับกลอนผู้สวมอาภรณ์เขียวสลับขาว ข้างทางมีหญิงสาวหัวเราะคิกขณะหยอดลูกข่างไม้ลงถ้วยน้ำชาตามความเชื่อโบราณ แต่แล้วสายตาเขาก็สะดุดกับซุ้มขนาดกลางซุ้มหนึ่ง 

ผู้คนรายล้อมซุ้มอย่างคึกคัก พ่อค้า แม่บ้าน เด็กเล็ก ขุนนางชั้นปลาย ๆ ต่างก็ได้รับการเชื้อเชิญให้มาร่วมกิจกรรมด้วย ทุกคนมีใบไผ่ในมือ บ้างห่อได้สวยงาม บ้างห่อจนข้าวทะลักออกมานอกใบไผ่ เสียงหัวเราะครื้นเครงปะปนไปกับกลิ่นหอมกรุ่นของข้าวเหนียวและไส้หมูเค็มที่ลอยอบอวล

“คุณชายสนใจลองห่อดูสักลูกหรือไม่เจ้าคะ?” น้ำเสียงหนึ่งเอ่ยถามทันทีที่เขามาถึงหน้าซุ้ม

หรงป๋อเหวินชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ

“สักหน่อยก็ดี” เขาตอบสุภาพ พลางก้าวเข้าไปยังที่นั่งว่างด้านหน้า

หญิงสาวยื่นใบไผ่และเชือกส่งให้ เขารับมาอย่างเบามือ

“เลือกไส้ตรงนี้ได้เลยเจ้าค่ะ ถั่ว แปะก๊วย หรือหมูเค็มก็มีนะเจ้าคะ”

เขาพยักหน้าอีกครั้ง หยิบใบไผ่ลวกมาอย่างพิถีพิถัน ล้างด้วยน้ำสะอาดในขัน แล้วใช้ผ้าขาวบางซับให้แห้งหมาด เขาพยายามพับใบให้เป็นทรงกรวยตามที่เห็นคนอื่นทำ มือขยับช้าและระมัดระวัง ทว่าใบไผ่กลับโค้งผิดมุมจนปลายรั้งเบี้ยว เขาลองพับใหม่อีกครั้งแต่ก็ยังไม่ได้ทรงที่ต้องการนัก

หญิงสาวข้างซุ้มเอียงคอมองแล้วแอบยิ้ม

“คุณชาย...พับตรงนี้โค้งขึ้นอีกหน่อยจะได้มุมพอดีนะเจ้าคะ”

เขายิ้มบาง ๆ อย่างไม่ถือสา

“ขอบใจแม่นาง ข้าไม่คุ้นมือเรื่องครัวนัก ปกติจะให้บ่าวจัดการ”

เมื่อเริ่มพับได้เป็นทรงแล้ว เขาตักข้าวเหนียวใส่ชั้นล่างอย่างเบามือ ใส่ไส้แปะก๊วยและหมูเค็มกลางข้าวแล้วกลบด้วยข้าวอีกครั้ง ทว่าพอถึงขั้นตอนพับปิด ฝ่ามือของเขากลับลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนพับปลายใบเข้าหากัน ขอบใบด้านหนึ่งกลับทับไม่สนิทจนเห็นไส้โผล่ออกมาน้อย ๆ

หญิงสาวช่วยเลื่อนบ๊ะจ่างกลับมาตรงหน้า

“อนุญาตนะเจ้าคะ” นางใช้ปลายนิ้วเรียวจัดมุมใบไผ่ให้แน่นขึ้น

“พับมุมซ้ายให้ครอบขึ้นอีกนิด จากนั้นพันเชือกตรงนี้เจ้าค่ะ... ข้างล่างไม่ต้องดึงแรง เดี๋ยวไส้ทะลัก”

เขาผูกเชือกตามที่นางแนะนำ พันรอบบ๊ะจ่างด้วยมือที่แม้ไม่ชำนาญ แต่พยายามจะให้เป็นระเบียบที่สุด
เมื่อเสร็จแล้วจึงค่อยยื่นให้นางด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

“แม้จะดู...พอถูไถ แต่ก็คงไม่ถึงกับต้องโยนทิ้งกระมัง” เขากล่าวกลั้วหัวเราะแผ่ว ๆ

หญิงสาวหัวเราะบ้าง

“ไม่เลวเลยเจ้าค่ะ อย่างน้อยก็ไม่รั่วเหมือนของเด็กชายคนก่อนหน้า”

“ขอรับคืนภายหลังได้หรือไม่”

“ได้เลยเจ้าค่ะ ท่านเก็บป้ายไม้นี้ไว้ แสดงเมื่อมารับอีกทีนะเจ้าคะ”

หรงป๋อเหวินพยักหน้ารับ เขารับป้ายไม้มาแล้วเก็บไว้ในแขนเสื้ออย่างเป็นระเบียบ ลุกขึ้นพลางปัดรอยแป้งออกจากชายแขนเสื้อ

หญิงสาวยังมองตามอยู่เล็กน้อย ก่อนเอ่ยตามหลัง

“คราวหน้าหากห่ออีก ท่านอาจห่อได้เรียบร้อยยิ่งกว่าคนที่นี่ก็เป็นได้นะเจ้าคะ”

หรงป๋อเหวินยิ้มเพียงเล็กน้อยโดยไม่หันกลับ ก่อนเดินจากไป ในหัวก็พลางคิดถึงน้องสี่ หากนางไม่ต้องไปทำศึกเทศกาลวันนี้ อาจได้มาห่อบ๊ะจ่างด้วยกันก็คงจะดีไม่น้อยเลย



กิจกรรมที่ 1 ห่อบ๊ะจ่าง
รางวัลเข้าร่วมกิจกรรม
ได้รับ 5 ตำลึงเงิน + บ๊ะจ่าง 1 ชิ้น + 10 EXP







แสดงความคิดเห็น

คุณพี่ชายมากความสามารถมากเจ้าค่ะ!  โพสต์ 2025-6-22 09:03
โพสต์ 17901 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-21 23:46
โพสต์ 17,901 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-6-21 23:46
โพสต์ 17,901 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 ความโหด จาก เกราะเกล็ดมังกร  โพสต์ 2025-6-21 23:46
โพสต์ 17,901 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 ความโหด จาก ทักษะพรานป่า  โพสต์ 2025-6-21 23:46
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
หมวกเกราะทหารใหม่
ตำรากฎทหาร
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
ง้าวปีศาจปลา
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x11
x1
x63
x44
x42
x1
x18
x28
x15
x10
x30
x20
x2
x1
x10
x76
x1
x27
x10
x5
x2
x116
x37
x90
x38
x2
x3
x40
x1
x3
x2
x7
x7
x7
x4
x5
x17
x2
x2
x16
x7
x20
x2
x114
x4
x4
โพสต์ 2025-6-22 03:55:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2025-6-22 03:57

ภาพตัวอย่าง
Character Avatar
ลู่ชางหรง ཐིཋྀ ตวนอู่พิสดาร
จิวหลิ่งอินคอเปอร์เรชั่น(?) ⋆ จอมโวยวายอันดับหนึ่งแห่งลั่วหยาง
ช่วงค่ำ - 21 อู่เยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

บัดซบ

จอกดินเผากระแทกลงกับโต๊ะน้ำชาเป็นเสียงดังปัง กังวานสะนั่นแต่ก็ใช่ว่าจะมีใครสนใจ ชางหรงอยากจะหัวเราะ แต่เสียงที่ออกมากลับเสียงคำราม — เทศกาลตวนอู่ ช่วงเวลาแห่งครอบครัว ตลอดหลายปีที่เขาไม่มีโอกาสได้กลับบ้านไปพบครอบครัวในหลาย ๆ เทศกาลเพราะต้องคอยดูแลหอจิวหลิ่งอินให้คนบางคนที่ไม่แม้แต่จะสำนึกบุญคุณ

‘ฮั่น อู่ ตี้! เจ้ามังกรเคลือบทอง!’

เสี่ยวหรั่นของเขามาหาถึงฉางอันแล้วแท้ ๆ เจ้านั่นกลับกักนางไว้เสียดื้อ ๆ !

“เหอะ..”

ได้ ตวนอู่ปีนี้เขาจะไปคนเดียว

มือหนากำจอกชาแน่นจนแทบแตก เส้นเลือดผุดขึ้นที่ขมับเป็นสัญญาณของความเคียดแค้น ไม่ว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร เรื่องเล่าเกี่ยวกับเทศกาลของเขาต้องน่าฟังมากกว่าเรื่องของคนป่วยกระเซาะกระแซะจนต้องออกว่าราชการหลังม่านอย่างเจ้ากิงก่าทองคำนั่นอยู่แล้ว

มุมปากของคนแซ่ลู่ยกขึ้นเพียงเล็กน้อยแต่กลับเสริมความร้ายกาจให้ยิ่งเด่นชัด อาจเป็นเพราะรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ผิวขาวราวหยก พักตร์คมดั่งรูปสลัก แต่กลับสวมแต่อาภรณ์ดำขลับ ดู ๆ ไปแล้วยิ่งคล้ายจิ้งจอกจำแลง ไม่เสียแรงที่เป็นถึงพี่ชายของสาวงามอันดับหนึ่งแห่งลั่วหยาง

ชายรูปงามยืนขึ้นท่ามกลางตาหลายคู่ที่แอบเหลือบมอง ก่อนจะโยนตำลึงทองทิ้งไว้บนโต๊ะและคว้าหมวกไผ่ผ้าคลุมดำมาสวมปิดใบหน้า เจ้ามนุษย์ฎีกา (เว่ยเจียมู่หง) กล่าวไว้ถูกต้องแล้ว ถึงเวลาต้องพักผ่อน แต่เมื่อตนก้าวออกจากโรงเตี๊ยม สองไหล่กลับหนักอึ้ง ใบหน้าใต้หมวกไผ่เงยขึ้นมองนภาสดใส

ถ้าเช่นนั้นข้าพเจ้าควรทำสิ่งใด , ใช้ชีวิตอย่างนี้มาหลายปี วิธีพักผ่อน.. เหมือนจะลืมไปเสียแล้ว

“บ๊ะจ่างจ้า บ๊ะจ่าง ! เข้าตวนอู่ก็ต้องทำบ๊ะจ่าง ใครยังไม่ได้ลอง เร่มาทางนี้เร็ว ~”

ทำบ๊ะจ่าง? คุณชายสีนิลหันตามเสียงตะโกนและความโหวกเหวกของผู้คนจนพบกับซุ้มหนึ่งที่จัดวางโต๊ะและเก้าอี้ให้ประชาชนได้ร่วมชมการสาธิตและลงมือทำไปพร้อม ๆ กัน ชางหรงหลุบตาลงมองสองมือของตัวเอง สองมือนี้ถูกใช้มาสารพัดวิธีแต่กลับไม่เคยถูกใช้เพื่อทำอาหาร

น่าหงุดหงิดเหลือเกินที่ความธรรมดาของปุถุชนแลดูจะห่างไกลจากตัวเขานัก หากลองสักครั้ง พวกนางคงดีใจ , ชางหรงโคลงศีรษะด้วยความอ่อนใจ ก่อนจะก้าวขาเข้าไปด้านในซุ้ม แต่แทนที่จะนั่งปลายแถวอย่างสงบเสงี่ยม ชางหรงเบียดตัวแทรกฝูงชนเข้านั่งอยู่ด้านหน้าบริเวณสาธิตราวกับบัณฑิตดีเด่นในสถานศึกษาที่กระตือรือร้นเกินความจำเป็น

“ขั้นแรก นำใบไผ่แห้งไปต้มจนอ่อนนุ่ม จากนั้นนำไปล้างให้สะอาดแล้วเช็ดให้พอแห้งหมาด ๆ” ผู้นำขณะทำบ๊ะจ่างบรรยายไปพร้อมหยิบใบไผ่ออกจากกองที่วางอยู่ข้างโต๊ะ “ขั้นตอนต้ม ซุ้มเราจัดการไว้แล้ว เชิญทุกท่านเลือกใบที่ชอบไปล้างทำความสะอาดแล้วซับน้ำออกเถิด”

ลูกเป็ด

เนตรคมใต้เงาแพรเหลือบมองสตรีกรีดกรายจับจูงแขนและมือชายไปเลือกใบไผ่กันเป็นขบวน โดยไม่ได้ดูเลยว่าข้างโต๊ะแต่ละตัวมีใบไผ่แบ่งมาวางไว้ให้อยู่ก่อนแล้ว ‘คนอื่นโง่แล้วเหตุใดข้าจักต้องโง่ไปกับพวกเขา? ชางหรงใช้สองนิ้วคีบใบไผ่ขึ้นมาวางบนโต๊ะ ท่าทางดูเหมือนจะรังเกียจทั้งที่เขายังไม่ทันได้คิดสิ่งใด

“จากนั้นให้พับเป็นกรวย ทำอย่างนี้นะ”

ผู้ดูแลเริ่มสาธิตการพับใบไผ่ที่ถูกต้องพร้อมคอยอธิบายด้วยคำพูดกำกับควบคู่กันไปเหมือนกำลังสอนเด็กวัยไม่กี่หนาว รอบข้างต่างก็พากันขานตามผู้ดูแลประหนึ่งว่าเป็นคนเสียสติ ทว่าชางหรงกลับขยับแค่นิ้วไม่คิดขยับปากไปตลอดขั้นตอนพับใบไผ่ไปจนถึงการใส่ข้าวเหนียวและไส้ แต่บางทีอาจต้องโทษว่าเป็นเพราะสัญชาตญาณชายที่มักไม่ละเอียดอ่อนแล้วยังตะกละ ไหนจะแรงเยอะชนิดที่ไม่รู้ว่าควรใช้แรงเท่าไหร่ไปกับการมัดบ๊ะจ่างให้แน่น โพละ — เสียงใบไผ่ขาดกระจุยพร้อมข้าวเหนียวแล้วไส้ที่ทะลักเปื้อนไปทั้งบนโต๊ะและอกเสื้อของเขา สภาพเวทนาของชายที่หน้ามืดครึ้มเพราะทำบ๊ะจ่างแหลกคามือ

“คุณชายท่านนี้.. ไปซื้อบ๊ะจ่างที่ด้านนั้นได้นะเจ้าคะ”

… ตวนอู่บัดซบ

ภารกิจที่ 1 ลองทำบ๊ะจ่าง — ล้มเหลวไม่เป็นท่า



ได้รับ 5 ตำลึงเงิน + บ๊ะจ่าง 1 ชิ้น + 10 EXP

แสดงความคิดเห็น

คุณพี่ซื้อกินเถิด...  โพสต์ 2025-6-22 09:02
โพสต์ 16275 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2025-6-22 03:55
โพสต์ 16,275 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ธนูไม้จันทน์  โพสต์ 2025-6-22 03:55
โพสต์ 16,275 ไบต์และได้รับ +2 ความโหด จาก กระบอกธนู  โพสต์ 2025-6-22 03:55
โพสต์ 16,275 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-6-22 03:55
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x10
x16
x5
x1
x1
x1
x2
x2
x2
x4
x3
x2
x4
x6
x3
x4
x1
x11
x9
x3
x4
x16
x2
x5
x4
x2
x7
x6
x4
x15
x4
x1
โพสต์ 2025-6-26 18:23:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-6-26 18:25


(พิเศษ) วันที่ ยี่สิบสาม เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเฉินถึงยามอู่ เวลา 07.00 - 13.00 น. ณ งานเทศกาลตวนอู่


            แสงตะวันของยามเช้าสาดส่องลงมายัง นครฉางอันที่เปลี่ยนโฉมราวกับถูกย้อมด้วยสีสันแห่งพิธีกรรม เมื่อถึงวันเทศกาลตวนอู่ เมืองทั้งเมืองก็ราวกับพลิกกลายเป็นอีกโลกหนึ่ง บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของข้าวเหนียวหมักเครื่องสมุนไพรน่ากิน กลิ่นควันของชิงเฉาที่แขวนอยู่ตามหน้าบ้านเรือน แห้งมันเป็นช่อแขวนรวมกับสมุนไพรอย่างชะเอมหรือบอระเพ็ด ใบไม้แหลมคมลู่ลมเบา ๆ ราวกับกำลังไล่ลมอัปมงคลที่เคยวนเวียนอยู่ในจรอกซอกซอยออกไปให้พ้นยังต้าฮั่น

            หลินหยาสวมเสื้อคลุมผ้าฝ้ายบางสีอ่อน สอดแถบลายดอกไม้งามปัดสีอ่อนทับด้วยผ้าคลุมไหล่โปร่ง มวยผมขึ้นหลวม ๆ แล้วเสียบปิ่นไม้ลายดอกไม้ ข้อมือผูกของตามประเพณี สายสีแดงเขียวเหลืองน้ำเงินม่วงทาบผิดขาวจัดของนางอย่างมีชีวิตชีวา เสียงหังเราะจากเด็กเล็กที่วิ่งเล่นพร้อมตุ๊กตาที่ทำจากหน้าและก้อนแป้งรูปสัตว์ปีเกิดยังคงมี จนเรียกเสียงรอยยิ้มบางจากริมฝีปากของหลินหยาได้ตลอด ดวงตาสีน้ำตาลมะพร้าวนั้นกวาดไปยังร้านค้าริมทางที่ประดับด้วยผ้าสีแดงและโคมรูปเรือมังกรห้อยระย้าเหนือศีรษะ

            ตามตรอกเล็กบ๊ะจ่างนับสิบ ๆ หม้อแขวนห้อยระย้าไว้รอจำหน่าย ห่อด้วยใบไผ่สีมรกตมัดด้วยตอกไม้ไผ่กลิ่นหอมฉุย บ้างเป็นไส้หมูหวาน บ้างเป็นไส้ถั่วแดง หรือไส้ไข่เต็มกับเห็ดหอม หลินหยาชะเง้อมองหม้อเหล็กใบโตที่ตั้งอยู่หน้าร้านบ๊ะจ่างเจ้าเก่า ควันสีขาวพวยพุ่งพร้อมกลิ่นหอมร้อน ๆ ยามฝานฝ้าสัมผัสปลายจมูก มันชวนให้ท้องร้องเบา ๆ ทั้งที่ยังไม่ได้เดินเทศกาลให้ครบถึงครึ่งด้วยซ้ำไป

            “ขอบ๊ะจ่างไส้เกาลัดไข่เต็มลูกหนึ่งเจ้าค่ะ” เสียงของเธอดังขึ้นอย่างเสียใสกับคุณป้าคนขาย ก่อนที่จะจ่ายเงินแล้วรับห่อที่ยังร้อนอยู่ไว้แนบอกไว้ กลิ่นหอมหวานจนใจอ่อนแทบจะอดใจไม่ไหวต้องเดินหาที่นั่งกินมันเสียเดี๋ยวนี้ ระหว่างที่นางเดินเลียบถนนไปตามเส้นทางที่ทอดยาวจนเกือบถึงสะพานหิน หน้าทางเข้าท่าเรือก็มีเวทีชั่วคราวตั้งขึ้น ผู้คนเบียดเสียดดูการประลองกลอง ขุนนางบางคนแต่งชุดเต็มยศขึ้นไปอ่านบนกวีด้วยเสียงอันทรงพลัง บ้างก็ยืนร่ายคำข้างล่างจนเสียงแทบแทรกกลับกันไปมา หลินหยาเดินไปหัวเราะไปอย่างอแดไม่ได้ เมื่อเห็นคนลืมกลอนตัวเองแล้วหน้าแดงเถือก น่าสงสารยิ่งนัก..

            ไหนจะไฮไลต์ของเทศกาลที่ทุกคนเฝ้ารอคือเสียงกลองเรือมังกรที่ดังลั่นมาจากทางท่าเรือของแม่น้ำเว่ยอีกล่ะ บรรดาเด็กชายวัยรุ่นยกอกถือไม้พายเรืออย่างกระฉับกระเฉง เรือไม้ที่ตกแต่งเป็นมังกรยาวดูลื่นไหลไปตามผิวน้ำเหมือนพญางูทองใต้สายน้ำ ชาวบ้านสองข้างทางต่างยิ้มแย้มแจ่มใส แลกเปลี่ยนบ๊ะจ่างกับคำอวยพร “ให้แข็งแรงปราศจากปีศาจร้าย!” “ให้ลูกหลานปลอดภัยแคล้วคลาด!” กลายเป็นเสียงประสานทั่วเมือง แม้แต่หญิงสาวคนหนึ่งก็ได้รับบ๊ะจ่างจากป้าแก่ที่จำเธอได้จากการเคยมาซื้อของ นางรับไว้ยิ้ม ๆ พลางขอบคุณด้วยเสียงอ่อนโยน ก่อนจะหยิบเหรียญอู่จูจากถุงใบเล็กที่ผูกเอวแน่น แลกของเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นของฝากไปให้คนที่โรงเงินตรา

            ฉางอันในวันตวนอู่จึงเหมือนดินแดนในความฝัน...ซึ่งแม้ปีศาจจะกล้ำกรายมาในรอยแผลของแผ่นดิน แต่ความอบอุ่น ความรัก และรอยยิ้มของมนุษย์ก็ยังคงเป็นเกราะมนตราที่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดในใต้หล้า



กิจกรรมที่ 1 ห่อบ๊ะจ่าง


            เสียงหัวเราะเจือกลิ่นข้าวเหนียวลอยพลุ้งในอากาศ บรรยากาศอบอุ่นจากไอแดดยามสายปะปนกับกลิ่นสมุนไพรและกลิ่นหมูตุ๋นซึมซาบเข้าสู่หัวใจของผู้คนที่มารวมตัวกัน ณ ซุ้มไม้ไผ่ขนาดกลางซึ่งจัดเป็นจุดสาธิตการห่อบ๊ะจ่างริมตลาดตะวันออก ซุ้มนี้มีผ้าพลิ้วผูกเป็นชายระบาย ด้านบนมีป้ายผ้าลายมือเขียนสีหมึกชัดแจ้งชัดเจนว่า ‘เชิญห่อบ๊ะจ่าง เอาฤกษ์เอาชัย สืบสายวัฒนธรรม ปกป้องบ้านเมือง’

            ภายในซุ้มโต๊ะไม้เรียงกันเป็นแถวมีใบไผ่สดเขียวเรียงซ้อนในอ่างน้ำ ใกล้กันคือข้าวเหนียวแช่ปรุงสมุนไพรจนมีกลิ่นและสีชัด ข้าวมีสีอ่อนเขียวเรืองด้วยน้ำใบเตยหรือสมุนไพรมีสีทั้งหลาย ถัดไฟคือเนื้อหมูตุ๋นสีแดงเข้ม ไข่แดงเค็มที่แห้งแต่อวบอิ่มน่าเอาเข้าปากเสียเดี๋ยวนี้ เห็ดหอมสีดำมันและถั่วต้มจนนุ่มเรียงรายกันอยู่ในถาดไม้ ทุกอย่างจัดอย่างเป็นระเบียบชวนให้คนผ่านไปมาทั้งน้ำลายไหลและใจเต้นตาม

            เสียงเจ้าหน้าที่หญิงวัยกลางคนทำหน้าที่เป็นคนสาธิตการห่อบ๊ะจ่าง พูดไปหัวเราะไปเรื่อย ๆ “ก่อนอื่นต้องเอาใบไผ่มาวางซ้อนกันนะลูก ปลายหนึ่งสั้นกว่าปลายหนึ่งแล้วพับเป็นกรวยแบบนี้ เอ้า ลองดู!” นางบอกกับเด็กตัวน้อยที่รู้ประสาคนหนึ่ง

            “ง่ำ ๆ ง่ำ ๆ ข้าอยากลอง! ข้าอยากห่อ!” เสียงเล็ก ๆ ราวแมวพูดตอนปากเต็มไปด้วยอาหารดังขึ้นเบา ๆ จากด้านข้าง ก่อนที่ร่างเล็กของหญิงสาวในเสื้อคลุมบางสีขาวครีมจะพุ่งเข้ามาในขอบสายตาทุกคน หลินหยาโผล่มาในสภาพที่สองแก้มพองราวลูกกระรอก ปากง้ำงำเต็มไปด้วยบ๊ะจ่างไส้เกาลัดและไข่เค็มที่ซื้อมาก่อนหน้า มือหนึ่งยังกำห่อกระดาษใบไผ่ที่ห่ออยู่ ส่วนมืออีกข้างก็กำลังดึงแขนเสื้อให้เลิกขึ้นเหนือข้อศอกเพื่อเตรียมทำงาน ผู้คนรอบข้างหัวเราะเอ็นดู มีเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งนั้นกำลังกระตุกชายเสื้อแม่ของตนพลางกระซิบว่าหากนางกินแล้วเหตุใดจะมาห่ออีกเล่า?

            หลินหยาหลังจากเคี้ยวอาหารจนหมดรีบวางห่อบ๊ะจ่างที่กัดไปครึ่งลงบนผ้าผูกเอวของตน “เอาไว้ก่อนนะเจ้าคะ เดี๋ยวกินต่อ เสร็จแล้วข้าจะกินหมดเลย!” พลางหยิบใบไผ่ขึ้นมาทำตามคำสอนอย่างตั้งอกตั้งใจ

            นางมองใบไผ่ที่เรียงซ้อนกันในอ่างน้ำต้มจนกลิ่นหอมธรรมชาติ แล้วยืนอยู่หน้าซุ้มไม้ไผ่ด้วยดวงตาเปล่งประกายราวกับเด็กหญิงที่เพิ่งได้เห็นเรื่องมหัศจรรย์ครั้งแรก ทั้งที่ด้านข้างยังถือบ๊ะจ่างที่พึ่งกินไปครึ่งตรงเอว เธออยากทำของตัวเองให้เสร็จสักชิ้น หลินหยาเลือกใบไผ่เส้นหนึ่ง สีเขียวอมทองข้างใบช้ำ ๆ เหมือนโดนแดด แต่ยืดหยุ่นดี นางล้างด้วยน้ำสะอาดจากอ่างน้ำ เช็ดด้วยผ้าขาวบางสะอาดจนหมาดแล้ววางบนโต๊ะอย่างปราณีต ปลายนิ้วยาวเรียวเริ่มพับจากก้นใบขึ้นเป็นกรวยคว่ำ ปลายแหลม นางกดให้โค้งนิด ๆ แล้วพับจนได้เป็นรูปทรงแล้วยิ้มบางออกมา..

            "เอาล่ะ...เจ้าอย่าหลุดนะ" เธอพูดกับกรวยใบไม้ราวกับมันมีชีวิต ก่อนจะตักข้าวเหนียวหอมสมุนไพรใส่ลงไปทีละช้อน อุ่น ๆ ยังพอมีไอไหลขึ้นมาบาง ๆ กลิ่นใบเตยกับเห็ดหอมลอยคลุ้ง จากนั้นก็ถึงขั้นตอนใส่ไส้ ซึ่งหญิงสาวตักหมูตุ๋นแทรกลงไปด้านในอย่างเบามือ ตามด้วยไข่แดงและถั่วลิสง แต่แทนที่จะใส่กระจัดกระจาย เธอกลับค่อย ๆ จัดเรียงไส้รูปดอกไม้ในกลางข้าว "แหมะ ต้องมีศิลปะหน่อยสิ บ๊ะจ่างของข้าจะต้องงดงามทั้งรสและรูป" เสียงเล็กของนางบ่นเบา ๆ

            เมื่อจัดเสร็จแล้วก็โรยข้าวเหนียวทับจนเกือบเต็ม นางใช้นิ้วกดข้าวลงให้แน่นอย่างอ่อนโยนแล้วจึงค่อย ๆ พับใบไผ่ด้านข้างเข้าหากัน ขมวดปลายและพับทบลงเหมือนห่อของขวัญอันเล็กจิ๋ว จากนั้นจึงหยิบเชือกที่เป็นทางซุ้มเตรียม แต่หลินหยาหยิบเชือกสีชมพูอ่อนซึ่งโดดเด่นในสายตาของเธอจากกล่ิงทันทีไม่ลังเลแม้แต่น้อย

            “มันก็ต้องสีนี้สิ” นางบอกกับตัวเองแล้วหัวเราะเบา ๆ แล้วก็มัดเชือกรัดบ๊ะจ่างตัวน้อยอย่างตั้งอกตั้งใจสุด ๆ พันหนึ่งรอบ สองรองแล้วก็สามรอบแล้วผูกเงื่อนอบบที่นางเคยใช้ผูกเวลาทำงานของตนเอง เมื่อเสร็จแล้วก็ชูบ๊ะจ่างขึ้นในระดับหน้า เสร็จจจจ สักกกก ทียว์ ใบหน้าเล็ก ๆ ยิ้มจนตาโค้งราวกับพระจันทร์เสี้ยว

            สตรีวัยกลางคนคนเดิมพยักหน้าเอ็นดู “เจ้ามัดสวยมากแม่นางน้อย ถ้าอยากต้มก็วางถาดนี้เลย เดี๋ยวต้มเสร็จค่อยมารับก็ได้” หลินหยาที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบวางบ๊ะจ่างของตนบนถาพที่ติดป้ายว่า สำหรับผู้ต้องการรับของตัวเอง" แล้วใช้ปลายนิ้วแตะเชือกชมพูเล็กน้อยเหมือนเป็นคำอำลาเบา ๆ "ไว้เจอกันนะ ข้าวของข้า" เธอกระซิบก่อนจะหันหลัง เดินไปจากซุ้มด้วยหัวใจที่ฟูฟ่อง เหมือนกลิ่นข้าวเหนียวที่กำลังระเหยขึ้นจากหม้อใหญ่กลางตลาด...อบอุ่น อ่อนโยน และเต็มไปด้วยเรื่องเล่า




กิจกรรมที่ 2 ปักถุงหอมและถักสร้อยข้อมือห้าสีเสริมสิริมงคล


            ภายในซุ้มปักถุงหอมกับสร้อยข้อมือห้าสี ผู้คนแวะเวียนเข้ามาไม่วาดสาย กลิ่นอายของเทศกาลตวนอู่ปะปนกับกลิ่นหอมอบอวลจากเครื่องหอมหลากชนิดคล้ายกลิ่นดอกไม้แห้งและสมุนไพรโบราณ สายลมฤดูร้อนพัดลอดชายผ้าโปร่งของหลังคาซุ้มเข้ามาเบา ๆ คล้ายกับปลุกเร้าให้อารมณ์ศิลป์ของทุกคนโลดแล่นขึ้นมาทันที หลินหยาสวมผ้าคลุมบางสีครีมเหมือนเคย สีหน้าของเธอสดใสราวกับกำลังจะเข้าไปตักขนมหวานแบบเด็ก ๆ เสียเต็มประดา เด็กสาวผู้นั้นเบื่องตัวลอดม่านผ้าเข้ามาในซุ้ม ดวงตากลมโตเป็นประกายในทัทีที่เห็นเครื่องไม้เครื่องมือที่จัดวางละลานตาบนโต๊ะ

            “ว้ายยย..มีด้ายสีชมพูกุหลาบด้วยล่ะ” เธอพูดออกมาเบา ๆ พลางพุ้งตัวไปหยิบด้านผืนเล็กสีหวานขึ้นมาดูด้วยความกระตือรือร้น จากนั้นก็กวาดสายตาไปทั่วซุ้มอย่างมีชีวิตชีวา โต๊ะยาวแผ่เป็นรูปแบ่งเป็นสองฝั่ง ด้านหนึ่งเต็มไปด้วยผืนฟ้าหลากเนื้อหลายชนิดพร้อมรอยปักลวดลายเบื้องต้นก็มีเหมือนกัน บ้างเป็นลายเมฆ บ้างเป็นรูปสัตว์มงคลอย่างกิเลน เฟิงหวง มังกร..ด้านหนึ่งมีถุงหอมที่เย็บขึ้นรูปแล้วในทรงต่าง ๆ ทั้งแบบซองเรียบง่าย หรือแบบผูกพู่ระย้าไว้ด้านล่าง และอีกด้านเป็นโต๊ะเรียงขวดเครื่องหอม ทั้งกำยานบด ดอกไม้แห้ง กานพลู ผิวส้มซุ่น เฉาก๊วยแห้ง มดยอบ และแม้แต่ผงกฤษณาชั้นดีที่กลิ่นอบอุ่นติดหวานนวลจาง ๆ

            หลินหยานั้นยืนคิดอยู่สักพักหนึ่ง.."จะทำแบบที่มีพู่ยาว ๆ ด้านล่าง แล้วก็ต้องมีเชือกถักห้อยเอวด้วยนะ จะได้สะบัดให้ดูสวยเวลาเดิน" เธอพึมพำกับตัวเองก่อนจะคว้าผ้าผืนเล็กสีงาช้างและชมพูอ่อนขึ้นมา นางกดมุมผ้าเล็กน้อย ราวกับวัดว่าสามารถปักลายเล็ก ๆ ด้านหน้าได้หรือไม่ ก่อนจะคว้ากล่องเข็มกับด้ายสีอ่อนหลายหลอดมากระจายเรียงไว้บนโต๊ะ

            นางเอียงหน้าเล็กน้อยแล้วคลี่ยิ้มหว้าง สายตาแฝงแววของความคิดเจือเล่นสนุก ริมฝีปากเล็กเหมือนคิดอะไรอยู่ “ทำเป็นรูปผลท้อกับดอกท้อบานเสียดีกว่า แล้วก็ใส่ผ้าพู่ห้อยสวย ๆ หนึ่งช่อ” พูดรัวด้วยเสียงตื่นเต้น ปลายนิ้วบางหยิบเข็มขึ้นมาแล้วเริ่มปัก...ด้วยหัวใจที่เต้นตุบ ๆ เหมือนกับเด็กหญิงในฤดูใบไม้ผลิที่เพิ่งหัดเย็บผ้าครั้งแรก ความสุขเล็ก ๆ เรียบง่ายเช่นนี้กลับกลายเป็นสายลมหวานพัดผ่านหัวใจผู้คน…

            สิ่งที่หลินหยาปักในวันเทศกาลนั้น มิใช่เพียงถุงหอมธรรมดา หากแต่เป็นถุงหอมที่ซ่อนตัวตน ความรักในชีวิต และความฝันของเด็กสาวผู้หนึ่งไว้จนเกินกว่าจะบรรยายเป็นเพียงคำพูดธรรมดา...เนื้อผ้าสำหรับถุงนั้น เธอเลือกผ้าไหมย้อมสีพีชโทนหวานละมุน เย็บขึ้นทรงกลมเล็กขนาดเท่าฝ่ามือ ด้านล่างแต่งพู่ไหมยาวประณีตสีชมพูแสงทับทิมสลับเส้นสีทองอ่อน ห้อยลู่ลงราวกับหางนกยูงที่ปลิวล้อลมทุกย่างก้าวเมื่อสะพายติดกับสายเอวของเสื้อผ้าสตรี

            บนผ้าผืนนั้น หลินหยาปักลวดลายตรงกลางถุง เป็นลาย ลูกท้อสุก สีส้มอมชมพูสดใส กลีบพีชดูอวบอิ่มคล้ายผลไม้ที่พร้อมหยิบมากัด ดอกท้อบานชูช่อในฤดูใบไม้ผลิกลางสวนหลวง เส้นด้ายที่ใช้ปักเป็นไหมเบาบางหลากเฉดตั้งแต่ชมพูจางจนถึงชมพูเข้มปลายกลีบ ไล่โทนละเอียดประหนึ่งใช้แสงวาด ภายในเกสรดอกมีลูกปัดแก้วขนาดจิ๋วสอดแทรกระยิบระยับจับแสง เพื่อสื่อถึงชีวิตที่ผลิบาน ความอบอุ่นแห่งฤดูที่นำพาความอ่อนโยน ความสุข ความรัก และโชคลาภมาให้ ดอกท้อในลัทธิเต๋าคือสัญลักษณ์แห่งการขจัดปีศาจ อายุยืน และโชคดีในความรัก การที่เธอเลือกปักเช่นนี้...ย่อมบอกอะไรหลายอย่างมากกว่าที่ใครรู้

            การตกแต่งนั้นเธอร้อยลูกปัดสีชมพูใสเล็กจิ๋วแซมรอบถุง เหมือนดาวที่ล้อมจันทรา ลูกปัดสมชมพู ดุจหยดน้ำหวานจากผลไม้ที่ใสสะอาดในตำนาน ว่ากันว่าโรสควอตซ์นำพาความสงบในใจ และช่วยเยียวยาจิตวิญญาณจากความทุกข์เก่า ๆ ระหว่างชั้นของปักเย็บ เธอสอดลูกปัดหยกขนาดเล็กเพียงปลายนิ้วก้อยเข้าไปในชั้นผ้าด้านหน้า เป็น หยกเผิงจู่สีเขียวใส ซึ่งเป็นหยกบริสุทธิ์เกรดดี มีประกายเมื่อกระทบแสงจันทร์ สีเขียวของมันสื่อถึงความสมดุล เยียวยา สุขภาพดี และความมั่นคงในชีวิต ในขณะเดียวกันก็ให้พลังในการตัดสินใจอย่างมั่นคง พู่สีชมพูยาวแต่งปลายด้วยลูกปัดทรงกลมและเส้นไหมจีนเกรดสูงทิ้งตัวอ่อนละมุนพอดีจังหวะ สายพู่เมื่อขยับตามลมจะเปล่งเสียงเสียดสีเบา ๆ ราวกับเสียงสายฝนตกกระทบหลังคาไม้ในวันฝนพรำ ฟังแล้วให้ความรู้สึกสงบ สมบูรณ์ และอบอุ่น

            หลังจากนั้นภายในถุงหอมเธอก็ใส่สมุนไพรอบแห้งและเครื่องหอมที่ตัวเองชอบไว้มากมาย..กลีบกุหลาบแห่ง หอมหวานคล้ายรักแรก ช่วยประโลมใจที่เหนื่อยล้าให้กลับมาอบอุ่น กลิ่นหอมของดอกไม้ม่วงหอมเย็นอ่อนช่วยคลายความกังวน นอนกลับฝันดีและพื้นฟูจิตใจ..รากโสมป่น หอมเผื่อนช่วยให้จิตใจสดชื่อสำหรับต่อสู้กับวันที่เหนื่อยล้า อบเชยบดหยาบเครื่องเทศอุ่นให้ปลอดภัยเพิ่มพลังงานชีวิต..เปลือกส้มแห้งหวานซ่อนเปรี้ยวซ่าแทนความกระฉับกระเฉย..สุดท้ายคือกลิ่นที่นางชอบที่สุด กฤษณา..กลิ่นไม้หอมนุ่มลึก สื่อถึงฐานะ ความมสงบและความศรัทธา..

            กลิ่นที่ออกมาจากถุงหอมนั้นไม่หวาดจัดหรือฉุนจัดจนเกินไป หากแต่คล้ายกลิ่นของช่วงบ่ายฤดูใบไม้ผลิที่มีลมพัดอ่อนจากแนวไผ่ หอมอบอวลด้วยกลิ่นไม้ กลิ่นดอกไม้ และเงาเงียบของความสุขที่มองไม่เห็น ดมแล้วคล้ายกับนั่งอยู่ใต้ต้นท้อกลางหุบเขาแห่งหนึ่ง หลับตาฟังเสียงขลุ่ยเป่าจากชายคาที่ไกลโพ้น มันเป็นถุงหอมที่หลินหยานั้นปักเพื่อตนเอง..นางชอบมัน

            แม้ไม่มีใครรับรู้ถึงความหมายในทุกรายละเอียดที่เธอใส่ลงไป...แต่ทุกเข็ม ทุกด้าย ทุกกลิ่นหอม ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของเด็กสาวผู้แบกโลกทั้งใบไว้ในดวงตาคู่นั้น โลกที่ทั้งสดใส ทั้งเหน็ดเหนื่อย ทั้งหวาน ทั้งเปราะบาง และในขณะเดียวกัน...ก็งดงามเหนือกว่าทุกสิ่ง หลังจากนั้นก็วนกลับไปเอาบ๊ะจ่างที่ตัวเองทำเอาไว้เหมือนกัน




ชื่อผลงาน : ถุงหอมดอกท้ออร่อย

คำอธิบาย : ถุงหอมเรียบง่าย ตรงกลางถุง เป็นลาย ลูกท้อสุก สีส้มอมชมพูสดใส กลีบพีชดูอวบอิ่มคล้ายผลไม้ที่พร้อมหยิบมากัด ดอกท้อบานชูช่อในฤดูใบไม้ผลิกลางสวนหลวง เส้นด้ายที่ใช้ปักเป็นไหมเบาบางหลากเฉดตั้งแต่ชมพูจางจนถึงชมพูเข้มปลายกลีบ ไล่โทนละเอียด เพื่อสื่อถึงชีวิตที่ผลิบาน ความอบอุ่นแห่งฤดูที่นำพาความอ่อนโยน ความสุข ความรัก และโชคลาภ ร้อยลูกปัดสีชมพูใสเล็กจิ๋วแซมรอบปากถุง เหมือนดาวที่ล้อมจันทรา ลูกปัดสมชมพู ดุจหยดน้ำหวานจากผลไม้ที่ใสสะอาดในตำนาน ว่ากันว่าโรสควอตซ์นำพาความสงบในใจ และช่วยเยียวยาจิตวิญญาณจากความทุกข์เก่า ๆ ระหว่างชั้นของปักเย็บสอดลูกปัดหยกขนาดเล็กเพียงปลายนิ้วก้อยเข้าไปในชั้นผ้าด้านหน้า เป็น หยกเผิงจู่สีเขียวใส ซึ่งเป็นหยกบริสุทธิ์เกรดดี มีประกายเมื่อกระทบแสงจันทร์ สีเขียวของมันสื่อถึงความสมดุล เยียวยา สุขภาพดี และความมั่นคงในชีวิต ในขณะเดียวกันก็ให้พลังในการตัดสินใจอย่างมั่นคง พู่สีชมพูยาวแต่งปลายด้วยลูกปัดทรงกลมและเส้นไหมจีนเกรดสูงทิ้งตัวอ่อนละมุนพอดีจังหวะ สายพู่เมื่อขยับตามลมจะเปล่งเสียงเสียดสีเบา ๆ ราวกับเสียงสายฝนตกกระทบหลังคาไม้ในวันฝนพรำ ฟังแล้วให้ความรู้สึกสงบ สมบูรณ์ และอบอุ่น ภายในมีสมุนไพรอบแห้งและเครื่องหอม กลีบกุหลาบแห่ง หอมหวานคล้ายรักแรก ช่วยประโลมใจที่เหนื่อยล้าให้กลับมาอบอุ่น กลิ่นหอมของดอกไม้ม่วงหอมเย็นอ่อนช่วยคลายความกังวน นอนกลับฝันดีและพื้นฟูจิตใจ รากโสมป่น หอมเผื่อนช่วยให้จิตใจสดชื่อสำหรับต่อสู้กับวันที่เหนื่อยล้า อบเชยบดหยาบเครื่องเทศอุ่นให้ปลอดภัยเพิ่มพลังงานชีวิต เปลือกส้มแห้งหวานซ่อนเปรี้ยวซ่าแทนความกระฉับกระเฉย สุดท้ายคือกลิ่นกฤษณาไม้หอมนุ่มลึก สื่อถึงฐานะ ความมสงบและความศรัทธา

ชื่อผู้จัดทำผลงาน : หนาน หลินหยา




กิจกรรมที่ 3 ถวายบ๊ะจ่างรำลึกถึงชวีหยวน


            เสียงกลองเรือมังกรที่ดังสนั่นจากเบื้องล่างท่าเรือกลายเป็นฉากหลังอันคึกคักทว่า ณ ริมแม่น้ำเว่ย ประดับธงผ้าหลากสีพริ้วไหวเคลื่อนตัวตามแรงลม ท่ามกลางเสียงผู้คนที่เบาบางลงและบรรยากาศที่เหมือนจะชะลอลมหายใจทั้งเมือง หลินหยายืนอยู่ตรงหน้าบันไดหินซึ่งทอดยาวลงสู่ริมน้ำ ราวกับเป็นทางเดินอันศักดิ์สิทธิ์สู่แท่นบูชา มือเล็กของเธอกำบ๊ะจ่างที่เธอลงมือห่อด้วยตนเองไว้แน่น บ๊ะจ่างลูกกลมแต่งลายใบไผ่ขลิบด้วยด้ายชมพู ผูกด้วยเงื่อนเล็กอย่างตั้งใจ เธอก้าวอย่างระมัดระวังขึ้นไปบนแท่นบูชาไม้ไผ่ สายตากวาดมองรอบกาย เห็นหญิงชาย ชาวบ้าน ขุนนาง และเด็กน้อยต่างเข้ามาสักการะผู้ล่วงลับด้วยใจจริง

            หลินหยาก้มหัวลงช้า ๆ แล้ววางบ๊ะจ่างลงบนจานไม้เคลือบขาวอย่างแผ่วเบา เสียงของเธอที่เปล่งออกมาแทบจะกลืนไปกับสายลม “ข้าหวังว่าพวกท่านจะไม่โดดเดี่ยว แม้เวลาผ่านไปนานเพียงใด ชื่อของท่านก็ยังคงดงงามในแผ่นดินและใจคน” หลังจากนั้นหลินหยาจึงเดินไปที่ต้นหลิวที่แผ่กิ่งสยายลงแนบริมแม่น้ำ กิ่งหลิวหลายกิ่งมีแผ่นไม้แขวนห้อยระย้า ด้านบนมีตัวอักษรมากมายเขียนไว้ หลินหยาเลือกแผ่นไม้ขนาดพอดีมือ เธอหยิบพู่กันจุ่มหมึกแล้วเขียนอักษรตัวเดียวกลางแผ่นไม้ด้วยลายมือที่..ไก่เมายาบ้านิดหน่อย..

樂 - ความสุข


            ไม่ใช่ความสำเร็จ ชื่อเสียง ชัยชนะ แต่คือความสุขเล็ก ๆ ที่หล่อเลี้ยงชีวิตในทุกวันของผู้คนไม่ว่าจะต่ำหรือสูงเท่าใด..หลังจากผูกแผ่นไม้นั้นเข้ากับปลายกิ่งหลิวที่แกว่งไกวตามลม หลินหยาก็เงยหน้าขึ้นมองมันเบา ๆ แล้วหลับตาลงครู่หนึ่ง ราวกับเธอกำลังส่งคำขออันเรียบง่ายนี้ไปถึงชวีหยวน และผู้คนทั้งต้าฮั่น รวมถึงใครสักคนที่ไม่อยู่ตรงนี้ในเวลานี้ แต่เธออยากให้เขามีความสุขเช่นกัน



กิจกรรมที่ 4 แข่งขันเรือมังกร


            แสงแดดยามเที่ยงคล่อยสาดทาบผืนน้ำของแม่น้ำเว่ยราวโลหะขัดเงา แวววาวจนตาพร่าไปด้วยกัน เสียงโห่ร้องดังกระหึ่มไปทั่วฟากฝั่น จวันสีทองถูกจุดขึ้นเหนือพื้นส่งสัญญาณเริ่มต้นกิจกรรมที่ผู้คนทั้งเมืองต่างรอคอยตลอดหนึ่งปี การแข่งบันเรือมังกรอันศักดิ์สัทธิ์..ริมแม่น้ำเว่ยคลาคล่ำไปด้วยผู้คนตั้งแต่ขุนนางจนถึงชขาวบ้าน เด็กเล็กบนบ่าพ่อแม่ ผู้เฒ่าผู้แก่ที่นั่งเก้าอี้ไม้ไผ่ หญิงสาวชายหนุ่มสวมชุดสีสันสดใสเดินกันขวักไขว่า หลินหยายืนแอบใต้ร่มไม้หลิวเงียบ ๆ ไม่แทรกฝูงชนมากนัำก เพียงขยับมือมาบังแดดเบา ๆ

            สายตาเธอมองออกไปยังแม่น้ำที่บัดนี้กลายเป็นเวทีอันยิ่งใหญ่ เรือมังกรหลายลำเรียงแถวลอยนิ่งอยู่บนผิวน้ำ ลำเรือแต่ละลำยาวเหยียดท้องเรือท่าสีเข้มตัดลายทองอย่างวิจิตรงดงามก็มี หัวเรือหลายลำสลักเป็นรูปมังกรทะบานขึ้นจากฝืนน้ำ ลำตัวยาวราวกับเกล็ดสะท้อนแสง เสียงกลองสามใบดังขึ้นเป็นหัวใจของมังกรที่ออกล่า นักพายเรือมากหน้าหลายตา ต่างสวมผ้าคาดศีรษะสีเดียวกัน แขนเปลือยโชว์กล้ามแน่นจากการฝึกฝน บางกลุ่มเป็นทหารจากค่ายบางซ้าย บางกลุ่มคือคนงานก่อสร้างริมเขื่อน บางกลุ่มกลับเป็นเหล่าพ่อค้าในตลาดตะวันออกที่จับมือรวมกลุ่มสมัครใจ

            “...กล้ามเป็นมัด ๆ…” เรือแต่ละลำล้วนมีวิญญาณของหมู่คณะ ผสานกับเสียงกลองเป็นจังหวะ แม้ว่าสายตาของหลินหยาจะมองอย่างอื่นมากกว่าก็ตาม

            เรือลำหนึ่งเริ่มพายเริ่มเร่ง พุ่งนำคนอื่นไปครึ่งลำ แข่งกับลมและเสียงกู่เชียร์ของเหล่าผู้ชมที่ดังสนั่น ท้องฟ้าเหนือแม่น้ำเว่ยเริ่มโปรยสายลมเย็นลงมา กลิ่นชิงเฮสจากสะบายรอบบ้านผสมกลิ่นหอมละมุนของถุงหอมที่ห้อยแนบเอว หลินหยากระชับชายเสื้อแล้วมองแสงสะท้อนจากผืนน้ำทาบเงาบนแก้มขาวนวลอมชมพูของนาง มองเรือมังกรที่พุ่งไปด้านหน้ากับคนทั้งลำเรือที่พากันใช้ไม้พายไปพร้อมกันราวกับว่าความศรัทธพา ความกล้า ความเหนื่อยากเป็นหนึ่งเดียวกันตอนนี้..

            “สู้ ๆ นะเจ้าคะ..พวกท่านทั้งหลาย” เธอกระซิบให้กับเหล่านักพายที่มิได้ยิน..ได้แต่เพียงยิ้มบาง ๆ แล้วมองไปด้านหน้า ในวันแห่งศรัทธาและมังกรที่กำลังเร่งรัดแข่งขันกัน..



            เสียงเชียร์จากฝั่งแม่น้ำเว่ยยังคงดังระงม บรรยากาศความฮึกเหิมและความขลังแห่งการแข่งขันลอยกรุ่น ๆ กลางลมร้อนของฤดูเทศกาลตวนอู่ แต่ในมุมหนึ่งของสนามริมน้ำนั้น ใต้ร่มผ้ามีชายหนุ่มใบหน้าระรื่นผูกผ้าโบกศีรษะกำลังตะโกนเชิญชวนผู้คนรอบข้างให้เข้าร่วม วงพนันเรือมังกร.. "สิบตำลึงเงิน สิบตำลึงเงินเท่านั้น! ทายถูกรับคืนสามเท่า! คนสวยคนหล่อเดินมาเลย! ใครว่าแน่ ใครว่าแม่น พยากรณ์ผลจากใจเจ้ามา!" เขาตะโกนพร้อมกระดกสุราหอมคลุ้งเบา ๆ ดวงตาพราวระยับราวหมาป่าตลาดล่างที่เกิดมาเพื่อการเสี่ยง

            หลินหยานั้นจ้องมองตรงที่เขาตะโกนกันด้วยดวงตาไหววับเมื่อเห็นป้ายชื่อเรือที่มีการวาดลายมังกรแต่ละสี..หืม??

            เรือมังกรชมพู..นางมังกรซานเย่ว์…

            “อุบ๊ะ..” หลินหยาถึงกับหลุดอุทานในใจ สีชมพูระเรื่อเป็นเนื้อผ้าพริ้ว ผสมแถบลายดอกไม้ปักไว้ที่ท้ายเรือราวกับกลีบบุปผาที่ปลิวไหว ดอกไม้สีอ่อนประดับปลายหางมังกรประหนึ่งจะกล่อมศัตรูให้ตายใจเสียมากกว่าทำสงครามกลางน้ำ ทั้งหัวเรือยังเป็นมังกรน้อยหน้าหวาน ดวงตากลมโต หางขนงอนเป็นสายริบบิ้นประดับกล่องของขวัญ แถมยังติดกระดิ่งเล็ก ๆ ที่ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง ๆ ตอนที่เรือพาย..

            และสิ่งที่น่ารักเชียร์จนห้ามใจ..อ๊าาาาาา ทีมพายเรือเป็นสตรีทั้งหมด เกิร์ลกรุ๊ปหรอคะ? กลุ่มหญิงสาวชุดแขนกุดแบบนักรบ มัดผมหางม้าไว้เรียบร้อยแต่มีริบบิ้นปลายผม ทั้งหมดใส่ผ้าคาดศีรษะสีชมพูอ่อน มีลายคำว่า ใจเด็ดเกินบรรยาย เย็บไว้ด้วยแวววับ หัวเราะเอิ๊กอ๊ากระหว่างซ้อมชูไม้พายซ้ายขวา บ้างมีแอบส่งเสียง “เย้~!” ท้าทายกลุ่มนักพายชายล่ำบึ้กที่อยู่ไม่ไกล

            หลินหยายิ้มแป้นออกมาราวกับจะระเบิดเสียงหัวเราะร่าของเธอ ก่อนเดินปรี่มาที่โต๊ะพนันอย่างว่องไว “ข้า! ข้าขอลงเรือนางมังกรซานเย่ว์เจ้าค่ะ” เธอกล่าวก่อนที่จะมีประกาศของความสนุกก่อนที่จะส่งเงิน 10 ตำลึงเงินให้เต็มมือชายเจ้าเมือ และเธอก็ไม่หวังอะไรว่าจะชนะด้วยนะ ชายคนนั้นหัวเราะร่าเพราะนางเลือกเรือแปลกกว่าชาวบ้าน

            “เหตุใดมาเลือกเรือนี้กันเล่าแม่นางน้อย” เขาถาม

            “เหตุผลก็ไม่มีอะไรซับซ้อนเจ้าค่ะ” หลินหยาพูดเสียงใส “เพราะนางน่ารักที่สุด!”





อื่น ๆ : ลงพนัน 10 ตำลึงเงิน (โอนแล้วจ้า)

รางวัล:
กิจกรรมที่ 1 ห่อบ๊ะจ่าง ได้รับ 5 ตำลึงเงิน + บ๊ะจ่าง 1 ชิ้น + 10 EXP
กิจกรรมที่ 2 ปักถุงหอมและถักสร้อยข้อมือห้าสีเสริมสิริมงคล ได้รับ 10 ตำลึงเงิน
กิจกรรมที่ 3 ถวายบ๊ะจ่างรำลึกถึงชวีหยวน ได้รับ 5 ตำลึงเงิน + 15 คุณธรรม
กิจกรรมที่ 4 แข่งขันเรือมังกร ได้รับ 10 ตำลึงเงิน

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 20 EXP โพสต์ 2025-6-28 13:00
ขอให้โชคดี โชคดี *หนุ่มพนันเอ่ยอวยพร*  โพสต์ 2025-6-26 18:46
โพสต์ 58233 ไบต์และได้รับ 40 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-26 18:23
โพสต์ 58,233 ไบต์และได้รับ +10 EXP +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-6-26 18:23
โพสต์ 58,233 ไบต์และได้รับ +8 EXP +35 คุณธรรม +25 ความโหด จาก ผู้มีบุญ  โพสต์ 2025-6-26 18:23

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงทอง +7 ตำลึงเงิน +50 ย่อ เหตุผล
Admin + 7 + 50

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
โพสต์ 2025-6-28 09:10:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-6-28 09:22










端午节
เทศกาลตวนอู่


ประกาศผลงานเทศกาลตวนอู่

    สุริยันเหนือฟ้ามอดดับ จันทราฉายวนซ้ำไม่รู้คลาย เมื่อกาลเวลาดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายของงานเทศกาลตวนอู่ ผู้คนคลาคล่ำ แขกเรื่อต่างเมืองมากมาย ณ เวทีประกวดของเครื่องรางประจำปีนี้ ผู้คนมากมายมีมติเป็นเอกฉันท์ ณ ถุงหอมใบน้อยแสนดึงดูดและใจพร้อมทั้งช่วยอวยพรให้ปีนี้อย่าได้มีสิ่งใดทุกข์ยาก ขอให้อ่อนละมุนและอิ่มหนำสำราญดั่งถุงหอมนี้


ผู้ชนะการประกวดถุงหอม

หนาน หลินหยา (LinYa)

ผลงาน ถุงหอมดอกท้ออร่อย


ผู้ชนะการประกวดปักถุงหอมและถักสร้อยข้อมือห้าสี
ได้รับผลที่ตัวเองเสนอ 1 ชิ้น (ถุงหอม หรือ สร้อยข้อมือห้าสี) + 3 ตำลึงทอง + 30 ตำลึงเงิน + 20 EXP + หินอัปเกรดและหินตีบวกอย่างละ 2 ก้อน



“...เขาคือชวีหยวน ขุนนางแห่งรัฐฉู่ ผู้จงรักภักดีจนยอมสละชีพเพื่อชาติ เมื่อเขากระโดดลงแม่น้ำ ประชาชนต่างร่วมพายเรือค้นหา ในช่วงเวลาที่หวาดหวั่นว่าปลาในแม่น้ำจะไต่ตอมกัดกินร่างจนสลายไปจึงโยนข้าวห่อใบไผ่ลงไปป้องกันไม่ให้ปลากินร่างของเขา... นั่นจึงเป็นเหตุที่เราห่อบ๊ะจ่างและแข่งเรือในวันนี้ มิใช่เพียงเพื่อเฉลิมฉลอง ทว่าเพื่อรำลึกถึงผู้ที่ไม่เคยหันหลังให้แผ่นดินเช่นกัน”

  เทศกาลตวนอู่นี้มิใช่เพียงการขับไล่ปีศาจอย่างเดียวเท่านั้น ยังรำลึกถึงบรรพบุรุษผู้มากด้วยคุณธรรมอย่างชวีหยวน ขุนนางผู้จงรักภักดีแห่งรัฐฉู่ ในยุคจ้านกว๋อ เขาเป็นกวีผู้เปี่ยมด้วยปัญญาและรักชาติอย่างสุดหัวใจ แต่เพราะถูกใส่ร้าย เขาถูกเนรเทศออกจากราชสำนัก
  ครั้นได้ยินข่าวว่าบ้านเมืองจะล่มสลาย ชวีหยวนเศร้าจนหมดสิ้นความหวัง จึงกระโดดลงแม่น้ำมี่ลั่ว สละชีพเพื่อแผ่นดิน
  ชาวบ้านที่รักและเคารพเขา ต่างพากันพายเรือออกตามหาร่าง พร้อมโยนข้าวห่อใบไผ่ลงน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ปลากินร่างของท่าน นั่นจึงเป็นต้นกำเนิดของการแข่งเรือมังกร และการห่อบ๊ะจ่างถวายแด่วิญญาณผู้กล้า


   ณ ริมลำน้ำเว่ยอันทอดผ่านเมืองฉางอัน ในช่วงที่ดวงตะวันทอแสงได้มีการจัดการแข่งขันพายเรือมังกรครั้งสำคัญของปีนี้

   ตึง! ตึง! ตึง!

   “โอ๊ยยยยย! มาแล้วขอรับท่านผู้ชม!! ศึกปะทะพลังแขน บุกลำน้ำเว่ยกลางเมืองฉางอัน! ศึกนี้ มิใช่แค่แรง…แต่ต้องแซ่บ!!! เราจะได้เห็นเรือมังกรที่ ‘ตบด้วยตา สะกิดด้วยใจ’ ปะทะกับเรือที่...อืม เรียกได้ว่ามีงบจำกัดแต่ใจมันได้!!”

   ณ จังหวะนั้นเสียงกลองก็เร่งจังหวะเร้า ฝูงชนร้องเฮลั่นก้องทั่วริมน้ำ

   “ขอเสียงให้กับ ‘เรือนางมังกรซานเย่ว์’! มาในรูปลักษณ์...สตรีงามแห่งลำน้ำ โอ้โห! หัวเรือเป็นมังกรน้อยหน้าหวาน ตานี่กลมป๊อกยิ่งกว่าลูกชิ้นปลาร้านเจ๊อันเจียง! หางงอนเป็นริ้วผ้าสุดฟรุ้งฟริ้ง(?)กระดิ่งกรุ๊งกริ๊งกรุ๊งกริ๊ง~ กล่อมใจคนดูเหมือนกล่อมให้ตายก่อนจะลงสู้! เรือไม่พายก็หวานอยู่แล้วววว!”

   เฮฮฮฮฮฮฮฮ!!!!!!

   กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!

   “ส่วนลูกเรือ โอ้ยแม่คุณ! …เกินต้าน!! ผ้าคาดหัวปักคำว่า ‘ใจเด็ดเกินบรรยาย’...แต่ท่าทางดูแล้ว แสบเกินบรรลัย มากกว่า! นี่คือเรือที่พายพร้อมเสียง ‘เย้~!’ จิกตาให้ทีมชายข้าง ๆ อย่างอหังการ!”

   “และฝั่งตรงข้าม…นั่นไง มาแล้วจ้า ‘เรือมังกรผงาด (ได้เท่านี้)’!!! เอ๊าาาาาาาาา เอ๊าาาาาา เอ่อ…อ่าาา โอเค…เรือมันก็...ผงาดแหละ แต่ผงาดแบบ ‘ฮึบ ๆ จะร่วงรึเปล่าไม่รู้’ แม่เจ้า!! หัวเรือวาดลายมังกร...หรือกิ้งก่าทอง!? ไม่แน่ใจ เพราะหางมันงอกกิ่งหลิวมาแบบไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของต้น!! ข้างซ้ายแหว่ง ข้างขวาแหว่ง แถมหางเรือก็เหมือนอกหักมาเมื่อคืน! โอ๊ย ลำนี้สายมโนภาพทว่าใจมาเต็ม!”

   เมื่อแนะนำเรือผู้เข้าแข็งขันอีกราว ๆ สามลำเสร็จเสียงฆ้องก็ดังขึ้น เป็นการประกาศเริ่มต้นการแข่งขันกลางแสงสุริยันยามอู่ในยามที่ร้อนที่สุดของปี

   “และการแข่งขันเริ่มแล้ว!!! เรือนางมังกรซานเย่ว์พุ่งออกตัว โอ๊ยแม่คุณ! พายเร็วแต่ยังไม่วายส่งเสียงหวาน ‘สู้ ๆ ๆ เย้~!’ พายพร้อมยิ้มพร้อมจิกตามองชายเรือฝั่งตรงข้าม”

   “ส่วนฝั่งผงาด...ฮึบ ๆ โอ๊ยพ่อคุณ...แถวหน้าเหมือนยังลังเลชีวิต แถวหลังพายสวนทาง!! กิ่งหลิวยังปัดหน้าไม่หยุด เจ้ากรรม!”

   “เฮ้ยเฮ้ยเฮ้ย!! เรือนางมังกรแซงแล้ว!! ไปแล้วจ้าาาาาา ลอยลิ่ว ๆ ๆ กลีบดอกไม้ปลิวว่อน กระดิ่งดังกุ๊งกิ๊งเป็นจังหวะหัวใจ!!”

   เรือหนึ่งจัดเต็ม แต่อีกเรือแสนเศร้า ผลงานที่เป็นประจักษ์ปานนี้คงไม่ต้องสืบแล้วกระมังว่าผู้ใดจะชนะ เมือเสียงประทัดจุดฉลองแตกระเบิดเป็นกลีบบุปผา เมื่อนั้นผู้ชนะก็ถึงเส้นชัย

   “และสุดท้าย! เสียงระฆังดัง! ตุ๊ง! เรือนางมังกรซานเย่ว์ เข้าถึงเส้นชัยไปด้วยท่าทางที่...เอ่อ...สะบัดไม้พายแบบหญิงงามชั้นสูงขึ้นเวที โบกมือทักคนดู! ส่วนเรือผงาด…ยังผงาดอยู่ตรงโค้ง…กระมัง?”

   “ศึกนี้สอนให้รู้ว่า…หัวใจแกร่ง บวกริ้วผ้าชมพู มันเอาชนะกิ้งก่าทองได้เสมอ!!! ขอยกมือปรบมือให้สาว ๆ แห่งเรือนางมังกรซานเย่ว์!! เย้~!!”




รางวัลชนะพนันแข่งเรือมังกร

@LinYa

ได้รับค่าลงพนันของทุกคนที่เข้าร่วม 20 ตำลึงเงิน + 4 ตำลึงทอง + กุ้งผัดชาหลงจิ่งและปลาเก๋านึงซีอิ๊วอย่างละ 1 จาน ( 1 รางวัล) + 5 point + หินตีบวก 1 ก้อน + ไหมแก้วแสงจันทร์ 1 ผืน

รางวัลขวัญใจเรือพาย (ผู้ที่อธิบายเรือมังกรได้สุดเฟี้ยวโดนใจผู้จัดงาน)

WeijiaLianhua (???)

ได้รับ + 20 ตำลึงเงิน







@Admin



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 15819 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-28 09:10
โพสต์ 15,819 ไบต์และได้รับ +6 EXP +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-6-28 09:10
โพสต์ 15,819 ไบต์และได้รับ +10 EXP +2 คุณธรรม จาก ยอดนักดนตรี  โพสต์ 2025-6-28 09:10
โพสต์ 15,819 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม จาก อัจฉริยะ  โพสต์ 2025-6-28 09:10
โพสต์ 15,819 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ 2025-6-28 09:10

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงเงิน +20 ย่อ เหตุผล
Admin + 20

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พัดคุณชาย
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x5
x10
x38
x1
x179
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x4
x6
x1
x1
x21
x33
x10
x2
x1
x19
x10
x4
x6
x3
x20
x2
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x377
x10
x7
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x111
x67
x26
x164
x6
x17
x81
x16
x10
x21
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้