12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
เจ้าของ: Watcher

ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-7-29 14:29:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 29 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซื่อ เวลา 10.00 - 11.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตอนใต้ ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

อีเว้นท์ ภารกิจ “มิตรภาพเหนือกาลเวลา”


สายลมเช้าวันนั้นพัดใบไม้ไหวเบา ๆ ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทราเงียบสงบ มีเพียงกลิ่นธูปที่ลอยคลุ้งตัดกับแสงแดดยามสายที่ส่องลอดชายคาไม้เก่าแก่ เถียนเฟิงก้าวช้า ๆ เคียงข้างหลินหยา พลางสังเกตสีหน้าที่แม้จะพยายามยิ้มแต่แววตายังคงหม่นลึก หลินหยาถอนหายใจออกมายาว “ข้าว่าเทพเยว่เหล่าคงเบื่อข้าแล้วแน่ ๆ มาบ่อยจนคงเอียนหน้าไปแล้ว” เสียงบ่นของนางเต็มไปด้วยความขี้เล่นกลบความเศร้า เถียนเฟิงเหลือบมองนาง ยกมุมปากแซวเบา ๆ “เจ้ามาบ่อยถึงเพียงนั้นหรือ? แล้วท่านโผล่มาให้เจ้าเห็นหน้าหรือไม่”


หลินหยาหันมามองเขา ขยับยิ้มบาง “อืม โผล่มาแล้วด้วย…หน้านิ่งสุด ๆ เลยนะ”


ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย เอียงศีรษะ “โกหกหรือเปล่า?” นางหัวเราะในลำคอเบา ๆ “เรื่องจริงแหละ ท่านมาแบบหน้าตาดี เท่ ๆ คูล(?) ๆ หน้านิ่ง…เหมือนใครบางคนเลย” ดวงตาหวานเหลือบไปทางเถียนเฟิงอย่างเจ้าเล่ห์ เขาชะงักไปครู่ ก่อนถอนหายใจพร้อมยิ้มอย่างจนใจ “ข้าหรือ? อย่างน้อยข้าก็ยังพูดกับเจ้า”


“จริงด้วย” หลินหยาหัวเราะเบา ๆ เสียงหัวเราะนั้นแม้จะอ่อนแรงแต่ก็อบอุ่น ทั้งสองเดินไปยังแท่นบูชา หลินหยายกธูปขึ้นเหนือหัว หลับตาอธิษฐานอย่างเงียบ ๆ เถียนเฟิงยืนนิ่งข้าง ๆ มองภาพหญิงสาวในแสงแดดที่ส่องลงมาพอดี ดวงตาเขาสะท้อนแววกังวลที่ปิดไม่มิด เทพเยว่เหล่า…หากท่านฟังอยู่ ช่วยชี้ทางให้เด็กคนนี้ด้วย


เมื่อหลินหยาเปิดตาขึ้น นางหันมายิ้มกับเขา “ข้าอธิษฐานแล้วนะ หวังว่าเทพจะไม่รำคาญคำขอข้า” เถียนเฟิงยกพัดเคาะไหล่นางเบา ๆ “ถ้าเทพรำคาญ ข้าก็จะอธิษฐานแทนเจ้าบ้าง” หญิงสาวหัวเราะออกมาอีกครั้ง แม้หัวใจยังเจ็บ แต่ยามนี้ในศาลเจ้าที่เงียบสงบ มีเพื่อนคนหนึ่งยืนข้าง ๆ นางก็รู้สึกว่าโลกไม่ได้โหดร้ายจนเกินไปนัก เถียนเฟิงเลยเดินไปหยิบเซียมซีมาให้ เธอพ่นลมหายใจแล้วรับมา เถียนเฟิงมองหลินหยาเงียบ ๆ ขณะที่นางรับไม้เซียมซีจากมือเขา เสียงกระทบของไม้เล็กกับกระบอกไม้ไผ่ดังกรุ๋งกริ๋งเบา ๆ ก่อนหนึ่งไม้จะหลุดร่วงลงมาบนพื้นศาล หลินหยาหยิบมันขึ้นแล้วยื่นให้สตรีวัยกลางคนผู้ดูแลศาลเจ้าอย่างเคยชิน


ผู้ดูแลรับไม้เซียมซีไป เธอเปิดแผ่นคำทำนายที่สอดไว้ในลิ้นชักเล็ก ๆ ของโต๊ะบูชา อ่านเงียบ ๆ สักพักก่อนสีหน้าจะค่อย ๆ แปรเปลี่ยน ความสงบเปลี่ยนเป็นความสับสน สุดท้ายสตรีนั้นเงยหน้าขึ้นสบตาหลินหยา “ข้าขอโทษนะเด็กน้อย…คำทำนายนี้…ข้าอ่านไม่ได้” เสียงของนางแผ่วแต่ชัดเจน


หลินหยาขมวดคิ้ว “อ่านไม่ได้? หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ? มันไม่ดีหรือเจ้าคะ?”


ผู้ดูแลส่ายศีรษะช้า ๆ “มิใช่ว่ามันไม่มีคำตอบ แต่ข้ามองไม่เห็น ไม่เห็นอะไรเลย…ราวกับว่ามีม่านหมอกหนาทึบปกคลุมทุกสิ่ง ข้ามองไม่ทะลุ” สตรีนั้นเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะหันไปมองเถียนเฟิงกับหลินหยาอย่างประหลาด อันนี้…เกินปัญญาของข้าแล้วจริง ๆ”


หลินหยาถึงกับเอ๋อค้าง ดวงตากะพริบปริบ ๆ มองไม้เซียมซีในมือราวกับมันกำลังล้อเลียนเธอ เธอหันไปสบตาเถียนเฟิงช้า ๆ “เอ่อ…นี่มันหมายความว่ายังไง?” เถียนเฟิงเองก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ดวงตาคมเต็มไปด้วยแววคิดคำนวณราวกับพยายามหาคำตอบ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนพูดเสียงเรียบ “เจ้ามักดึงดูดเรื่องที่ไม่ปกติอยู่เสมอหลินหยา…แม้แต่คำทำนายของเทพก็ยังปกปิดชะตาของเจ้า”


หญิงสาวทำหน้าตายู่ ๆ พลางถอนหายใจ “โอ้ย แบบนี้น่ากลัวนะท่านเถียนเฟิง…แล้วข้าจะทำยังไงต่อไปดีเนี่ย” 


เถียนเฟิงหันไปยิ้มบาง แต่สายตาแฝงความกังวล “บางที…บางสิ่งอาจกำลังทดสอบเจ้าอยู่” เขาพูดพลางยื่นมือมารับไม้เซียมซีคืนจากนาง ลอบมองตัวอักษรจาง ๆ ที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ ก่อนจะยื่นคืนให้หญิงสาว “แต่อย่างน้อย เจ้าก็ไม่ต้องเผชิญมันคนเดียว” หลินหยามองเขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนระบายยิ้มบาง ๆ ออกมา แม้ไม่เข้าใจชะตาตัวเอง แต่ความอบอุ่นเล็ก ๆ ในหัวใจทำให้นางรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย


หลังจากเรื่องน่าสงสัยหลินหยาเลยเดินเล่นรอบ ๆ ศาลเจ้าแทนกับเถียนเฟิง รอบ ๆ ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรามีต้นซากุระใบเขียวสลับด้วยดอกสีขาวโปรยบาง ๆ ลมยามสายพัดเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ แผ่วผ่านเข้ามา หลินหยาก้าวเดินช้า ๆ ลากปลายนิ้วไปตามราวไม้เก่าแก่ของศาล ดวงตาเธอทอดมองขึ้นไปบนฟ้าเหมือนกำลังพูดกับบางสิ่งที่อยู่เหนือสายลม “องค์เทพเยว่เหล่าเคยบอกข้าแล้วนะ…ทางที่ข้าเลือกเต็มไปด้วยขวากหนาม” เสียงนางสั่นน้อย ๆ แต่เต็มไปด้วยความมั่นคง


เถียนเฟิงที่เดินเคียงข้างเพียงเหลือบมองก่อนถอนหายใจยาว ดวงตาคมฉายความเข้าใจ “เทพพูดถูก…ทางของเจ้าไม่ได้ง่ายเลยหลินหยา” หญิงสาวหันมายิ้มบาง ๆ “แต่ท่านก็รู้ใช่ไหมว่าข้าไม่เคยกลัว” แล้วเสียงเธอก็แผ่วลงเมื่อพูดต่อ “องค์เทพยังบอกด้วยว่า…ชะตามิอาจฝืน หากความรักของข้าไม่อาจชนะอุปสรรคได้ เส้นด้ายจะขาดสะบั้น…” คำพูดนั้นทำให้เถียนเฟิงชะงักเล็กน้อย มือเขากำพัดแน่นราวกับกดความคิดในใจ เขาหลุบตาลงคล้ายถามตัวเอง หรือว่าข้า…กำลังทำให้เส้นด้ายโชคชะตาของนางขาดกันนะ?


ทว่าเสียงใส ๆ ของหลินหยาก็ดึงเขากลับมา “แต่สำหรับข้า…มันยังไม่ขาด” เธอหันมายิ้มทั้งที่ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย “เพราะข้ายังไม่ได้ตัดใจจากเขาเลย…จากจางกงกงน่ะ” เถียนเฟิงเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไรต่อ ความเหนื่อยใจฉายชัดบนสีหน้าของเขา เขารู้ว่าความรักที่หลินหยามีช่างดื้อดึงมั่นคงจนเหมือนคนมืดบอด แต่ในแววตาเธอตอนนี้…มันไม่ใช่แค่ความเจ็บปวดอีกต่อไป มันมีประกายของการต่อสู้กับชะตาชัดเจน


เขาพยักหน้าเบา ๆ “ตราบที่เจ้ายังมีแสงในใจ…เส้นด้ายนั้นจะยังอยู่” คำพูดเรียบง่ายแต่น้ำเสียงจริงใจ ทำให้หลินหยาหันมายิ้มกว้างขึ้นนิดหนึ่ง ทั้งสองเดินต่อไปอย่างเงียบสงบ ท่ามกลางศาลเจ้าอันเงียบงันที่เหมือนกำลังฟังคำสัญญาของพวกเขาอยู่เงียบ ๆ “เช่นนั้นแล้ว เจ้ารู้อดีตของเขา เจ้าไม่ลองอยากรู้ปัจจุบันของเขาดูบ้างล่ะ? เขาแสดงสิ่งใดให้เจ้าได้รู้บ้าง นอกจากความมืดบอดของตัวจางกงกงเองน่ะ”


บรรยากาศรอบศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรายามสายยังคงเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมพัดไหวใบไผ่และเสียงระฆังที่ดังคลอเบา ๆ เถียนเฟิงยืนกอดอก ใช้พัดขนนกเคาะฝ่ามืออย่างครุ่นคิด ดวงตาคมจับจ้องหลินหยาที่กอดอกแน่น พยายามหลบสายตาเขา นางเงยหน้ามองฟ้าแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว “ข้าจะไปหาข้อมูลจากไหนล่ะ จางกงกงอยู่ในวัง ตอนนี้ข้าไม่ใช่นางกำนัลแล้วจะไปหาข้อมูลจากไหน” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความท้อแท้ นางกัดริมฝีปากแน่น ก่อนกอดอกต่อราวกับกำลังป้องกันหัวใจของตนเอง


เถียนเฟิงยกคิ้วเล็กน้อย เขาก้าวเข้ามาใกล้จนเงาของเขาทาบลงบนร่างบาง ดวงตาเฉียบคมฉายแววคาดคั้นแต่แฝงความห่วงใย “เจ้าก็อยากรู้สินะ ว่าปัจจุบันเขาเป็นเช่นไร?” เสียงทุ้มราบเรียบ แต่แฝงแรงกดดันจนหลินหยาขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม 


“ข้าก็อยากรู้” หลินหยาตอบเบา ๆ แววตาเจือความลังเล “แต่การหาข้อมูลคนอย่างจางกงกงมันยากมากนะ อีกอย่างเขาระวังตัวมาก ๆ…ถ้าจะมีคนหาจริง ๆ ก็คงต้องเป็นพวกคนลับ ๆ เท่านั้นมั้ง” เถียนเฟิงยกพัดขึ้นเคาะกับฝ่ามือเบา ๆ แววตาคมมองหญิงสาวตรงหน้า “เจ้าว่าถ้าจะมีคนลับ ๆ หาข้อมูลได้คงเป็นใครระดับนั้น…แล้วถ้าข้าเสนอจะเป็นคนนั้นให้เจ้าเล่า?” คำพูดนั้นทำให้หลินหยาหันขวับกลับมามองทันที “หา? ท่าน…จะทำอะไรนะ?” เธอขมวดคิ้วเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง


“ข้าถามจริง หลินหยา” เถียนเฟิงก้าวเข้ามาใกล้ ลดเสียงลงจนแทบเป็นกระซิบ “ถ้าเจ้าต้องการรู้ ‘ปัจจุบัน’ ของเขา เจ้ากล้าพอไหมที่จะรับรู้ทุกสิ่ง…แม้จะเป็นสิ่งที่ทำร้ายหัวใจเจ้าก็ตาม?” 


หญิงสาวชะงักไปดวงตาสั่นไหว เธอกอดอกแน่นกว่าเดิม ราวกับป้องกันตัวเองจากคำถามนั้น “ข้า…” เสียงเธอแผ่วลง “ข้าอยากรู้…แต่ก็กลัว…”


เถียนเฟิงก้าวเข้ามาอีกก้าว เสียงเขาทุ้มลง กลายเป็นกระซิบที่แผ่วแต่แฝงด้วยความจริงจัง “ความกลัวนั้นเป็นสิ่งที่ธรรมดา แต่การเลือกที่จะไม่รู้ก็เท่ากับปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในความมืดบอดตลอดไปหลินหยา เจ้าจะอยู่กับความไม่รู้ หรือจะกล้าเผชิญกับความจริงแม้มันจะโหดร้ายแค่ไหนก็ตาม” สายตาของเขาจับจ้องเธอไม่วางราวกับรอคำตอบ หญิงสาวหลุบตาลง กอดอกแน่นยิ่งกว่าเดิม ลมหายใจเธอสั่นพร่าแต่สุดท้ายก็พึมพำออกมา “ข้า…อยากรู้” เสียงนั้นแผ่วเบาแต่หนักแน่นในที


เถียนเฟิงยิ้มมุมปากบาง ๆ พัดขนนกถูกกางออกช้า ๆ แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นนิ่งและเย็นเฉียบ “ดี…หากเจ้ากล้าพอข้าก็จะสนอง” ลมในลานศาลเจ้าแรงขึ้นราวกับสัญญาณแห่งการเริ่มต้นบางสิ่ง หลินหยามองเถียนเฟิงเงียบ ๆ แววตายังคงสับสน มือหนึ่งหมุนพัดขนนกอย่างใจเย็น สายตาคมราวกับอ่านทะลุใจคนมองหลินหยาที่ทำหน้ามึนงงอยู่ตรงหน้า เขายกคิ้วเล็กน้อยแล้วเอ่ยเสียงเรียบแต่น้ำหนักเต็มไปด้วยความหมาย “ไปหอจิวหลิ่งอิน”


หลินหยาขมวดคิ้วทันที “หอจิวหลิ่งอิน? นั้นมัน…หอปรึกษาปัญหาชีวิตคู่ไม่ใช่หรือ? ท่านให้ข้าไปถามวิธีแก้ปัญหารักสามเส้าหรือไง?” นางถามด้วยน้ำเสียงกึ่งขุ่นกึ่งล้อ แต่สายตาก็เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เถียนเฟิงหัวเราะในลำคอเบา ๆ พัดขนนกสะบัดช้า ๆ ก่อนจะตอบ “ไม่ใช่แค่ชีวิตคู่ เจ้าคิดตื้นเกินไปแล้ว ที่นั่นคือศูนย์กลางข่าวสารลับในเงาของฉางอัน ใครก็ตามที่เข้าไป ต้องมีเหตุผลและหลักฐานยืนยันถึงสิทธิ์ ข้าให้เจ้ามาที่นี่ เพราะข้าต้องการให้เจ้ารู้ความจริงทั้งหมด”


“แล้วคนในหอนั้นจะเชื่อข้าได้ยังไงล่ะ? ข้าเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาแม่ค้าปากตลาด แถมยังเป็นสาวใช้ในสายตาคนอื่นอีก” หลินหยายู่ปาก ทำเสียงเหมือนคนไม่พอใจ


เถียนเฟิงไม่ตอบในทันที เขาหยิบตราประจำตำแหน่งของตนจากอกเสื้อ ยกขึ้นให้แสงแดดสะท้อนประกายโลหะ ก่อนจะยื่นไปให้หลินหยาด้วยมือที่มั่นคง “ใช้สิ่งนี้ ตราของต้าซือคงแห่งราชสำนัก เมื่อพวกเขาเห็น พวกเขาจะเชื่อทุกคำที่เจ้าพูด…และเจ้าจะได้รับการต้อนรับที่สมเกียรติ”


“ต้องทำขนาดนี้เลยหรือ? ท่านถึงกับยอมให้ข้าใช้ตราส่วนตัวขนาดนี้เชียว?” หลินหยามองตรานั้น ดวงตากลมโตฉายแววลังเล นางยู่ปากหนักกว่าเดิม


เถียนเฟิงยิ้มมุมปากอย่างคนที่รู้คำตอบอยู่แล้ว “ใช่ ต้องทำ เพราะเจ้าคือเพื่อนที่ข้าเลือกจะปกป้องด้วยตัวเอง ข้าไม่ให้ใครมาดูแคลนเจ้าได้” น้ำเสียงทุ้มต่ำหนักแน่นทำให้หลินหยาหลบตาไปเล็กน้อย หัวใจอบอุ่นขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว


“ก็ได้…ข้าจะไป แต่ถ้าเกิดเรื่องขึ้น ข้าจะโทษท่านคนเดียวเลยนะ” นางพึมพำเสียงเบา เถียนเฟิงหัวเราะเบา ๆ พลางเก็บพัดขนนกลง “โทษข้าได้ทุกเมื่อ หลินหยา…แต่อย่าลืมสิ เจ้ากำลังจะก้าวไปในเงามืดที่แม้แต่คนในราชสำนักยังไม่กล้าเหยียบ” ดวงตาของเขามองนางนิ่งจนหัวใจเธอเต้นแรง หลินหยากอดอกทำท่าประชด “เฮอะ…ก็ได้! แต่ถ้าเจ้าให้ข้าไปถึงที่นั่นแล้วมันน่ากลัวเกินไปนะ ข้าจะวิ่งกลับมาด่าท่านแน่”


“ข้ารอให้เจ้ากลับมาด่าอยู่แล้ว” เถียนเฟิงยิ้มบาง มุมปากยกขึ้นราวกับกำลังพอใจในความกล้าของนาง


  แล้วเหมือนหลินหยาจะนิ่งไปสักพักเหมือนนางพึ่งคิดอะไรบางอย่างได้ เลยหันไปทางท่านเถียนเฟิงที่อยู่ข้าง ๆ กัน “ท่าน ๆ เราเข้าไปในตัวศาลเจ้าอีกครั้งได้หรือไม่?” เถียนเฟิงยังไม่ทันจะเอ่ยปากถาม หลินหยาก็ลากแขนเขาเข้าไปในตัวศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทราเสียแล้ว ก้าวเท้าของนางรวดเร็วราวกับคนที่คุ้นเคยกับทุกซอกทุกมุมในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ดวงตานั้นเปล่งประกายขึ้นอย่างตั้งใจ ทั้งที่เมื่อครู่ยังดูอิดโรยอยู่แท้ ๆ เถียนเฟิงมองด้วยสายตาแปลกใจแต่ก็ยอมปล่อยให้เธอลากไปโดยไม่ขัดขืน เมื่อเข้ามาในศาล ภายใต้เงาโคมแดงที่แกว่งไหวช้า ๆ ด้วยแรงลม เสียงกระดิ่งเล็กที่ประดับอยู่เหนือประตูส่งเสียงกังวาน หลินหยาไม่เสียเวลาลังเล นางก้าวตรงไปยังแท่นบูชาของเทพเยว่เหล่า หยิบเครื่องสักการะที่เตรียมจากไหนไม่รู้ลงอย่างคล่องมือ เถียนเฟิงเลิกคิ้วขึ้นนิด ริมฝีปากยกยิ้มจาง ๆ กับความคล่องแคล่วนี้


“สุราไผ่เขียวหนึ่งไห หม้อไฟแปดเซียนร้อน ๆ หนึ่งหม้อ และผลท้อสองผล...” หลินหยาพึมพำพลางจัดเรียงทุกอย่างบนแท่นบูชาอย่างระมัดระวัง กลิ่นสุราหอมละมุนลอยคลุ้งไปทั่ว พร้อมกับไอร้อนจากหม้อไฟที่ยังคงเดือดปุด ๆ บ่งบอกถึงความตั้งใจที่นางมีต่อการถวายครั้งนี้ เถียนเฟิงพับพัดขนนกลง มองภาพตรงหน้าอย่างเงียบงัน เสียงของเขาเอื้อนเอ่ยอย่างสงสัยแต่แฝงรอยขัน “เจ้าดูคล่องเกินไปนะหลินหยา...เจ้ามาที่นี่บ่อยจนเทพเองยังจำหน้าเจ้าได้แล้วสินะอย่างว่า”


หลินหยาหันมามอง ยิ้มระคนแววตาล้อเลียน “แน่นอนสิ ข้ามาบ่อยจนเทพเยว่เหล่าคงเอือมข้าไปแล้วล่ะ” นางหันกลับไป จุดธูปสามดอกแล้วปักลงในกระถางอย่างมั่นคง ก่อนหลับตาไหว้อย่างจริงจัง “ข้าไม่ขอพรใหญ่โตอะไรหรอก แค่ขอให้เส้นด้ายแดงของข้า...ไม่ขาดกลางทางก็พอ” เสียงของนางเบาหวิวแต่แฝงความสั่นเครือ เถียนเฟิงยืนนิ่งข้าง ๆ ใจเหมือนถูกกระตุกอย่างบอกไม่ถูก


เมื่อหลินหยาลืมตาขึ้นนางหันมายิ้มกว้างให้เขา “เห็นไหมล่ะ ข้าบอกแล้วว่าทำเป็น”


“เจ้าทำเหมือนนี่เป็นบ้านของเจ้าเลยนะหลินหยา” เถียนเฟิงส่ายหน้าเล็กน้อยทั้งเหนื่อยใจทั้งเอ็นดู


นางยักไหล่พลางตอบอีกคนแบบง่าย ๆ “ก็ไม่ต่างกันหรอก ข้ามาที่นี่จนรู้ทุกมุมแล้ว...เฮ้อ แต่รู้ไหม ข้าสบายใจทุกครั้งที่ได้มาที่นี่” เถียนเฟิงมองเธอด้วยสายตานิ่ง ๆ แต่ลึกซึ้ง “ถ้าอย่างนั้น...เจ้าก็ทำสิ่งที่ทำให้เจ้าสบายใจต่อไปเถอะ แม้แต่เทพยังยอมฟังเสียงของเจ้า ข้าเองก็จะฟัง” คำพูดนั้นทำให้หลินหยาชะงักเล็กน้อย ก่อนระบายยิ้มบาง ราวกับได้แรงใจใหม่ แม้ในใจยังเต็มไปด้วยความสับสน แต่มีเถียนเฟิงอยู่ตรงนี้...นางรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เดินลำพังในเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามอีกแล้ว




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: มีเควสไหนที่ผมไม่ต้องมาที่นี่บ้าง 555+


เผาค่าความโหด

“ข้า หนาน หลินหยา ขอถวายศรัทธาจากก้นบึ้งของหัวใจแก่เหล่าเทพ องค์เทพเยว่เหล่า เทพแห่งการแต่งงานและพรหมลิขิต”

จำนวนค่าความโหดที่มอบให้: 3000

(ทุก ๆ 1000 ความโหด = +50 ความโปรดปรานจากเทพ)


รางวัล: 

ได้รับ "เครื่องรางแห่งความหวัง" (ไอเท็มประกอบฉาก)

(เครื่องรางเต็มตัวแล้วเย็กแม๊)


สักการะบูชาและถวายอาหาร แด่ [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

สักการะด้วย ลูกท้อ 2 ผล

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

เผาค่าความโหดในการเคารพบูชาเทพเจ้า ความโปรดปราน +150 แต้ม

ถวายคอมโบ หม้อไฟแปดเซียน อาหารเกรดแดง + สุราไผ่เขียว สุราเกรดทอง โบนัสเพิ่ม +15 แต้ม

อาหารปรุง ความสัมพันธ์ +5

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


แสดงความคิดเห็น

หัวใจผู้เฒ่าจันทราตัน 8 ดวงแล้ว  โพสต์ 2025-7-29 17:29
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า) เพิ่มขึ้น 200 โพสต์ 2025-7-29 17:29
คุณได้รับ --3000 ความโหด โพสต์ 2025-7-29 17:29
โพสต์ 66131 ไบต์และได้รับ 48 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-29 14:29
โพสต์ 66,131 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-7-29 14:29
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ตำราขนมหวานสูตรลับ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x30
x4
x10
x12
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x5
x8
x2
x2
x4
x21
x8
x20
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x5
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x17
x6
x93
x51
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x197
x55
x68
x68
x4
x105
x5
x9
x4
x3
x8
x4
x2
x15
x69
x1
x1
x7
x52
x36
x47
x16
x140
x7
x10
x10
x26
x10
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x135
x55
x28
x70
x54
x49
x3
x3
x117
x11
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x24
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x10
x14
x48
x3
x1
x3
โพสต์ 2025-9-17 18:33:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 17 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามโหย่ว เวลา 17.00 - 19.00 น.
╰┈➤ พบเจอเถียนเฟิง

สายลมยามเย็นพัดผ่านแผ่นไม้และใบไม้ของศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา ใต้ท้องฟ้าที่สีค่อย ๆ ละลายจากครามเป็นสีเทาอ่อน โคมกระดาษนับร้อยถูกจุดขึ้นทีละดวง แสงไฟอ่อน ๆ ส่องสะท้อนบนตุ่มน้ำมันและแผ่นทองคำประดับรูปพระจันทร์เก่าแก่ กลิ่นธูปควันจาง ๆ เลื้อยเป็นเกลียว คล้ายสายใยที่พาเรื่องราวทั้งหลายลอยขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นหนึ่ง

ชายหนุ่มผู้งดงามยืนอยู่หน้าแท่นบูชา มือเรียวยกธูปสามดอกขึ้นแนบหน้าผาก ดวงตาสีอำพันเงยมองรูปปั้นผู้เฒ่าจันทราที่ถูกสลักด้วยไม้เก่า รูปปั้นนั้นมีรอยยิ้มอ่อนโยนและดวงตาที่ดูเหมือนซุกซ่อนปัญญาโบราณ เสวี่ยซีหายใจเข้าลึก ๆ ควันธูปคลอเคลียแก้มขาว ทำให้ภาพของชายหนุ่มดูเปราะบางยิ่งขึ้น

“ขอให้ผู้เฒ่าจันทรา…โปรดชี้ทางให้ข้าด้วย…ข้าควรทำเช่นไร…จึงจะพิสูจน์ให้เขาเห็น…ว่าข้าไม่ได้ต้องการชีวิตเช่นนี้…ว่าข้า…รักเขา” เสียงพร่าพึมพำที่แทบจะเป็นคำอธิษฐานลอยออกมาจากริมฝีปาก เสียงนั้นเต็มไปด้วยความกลัวและความหวังปนกัน เสียงที่เคยตรองคำพูดด้วยความระมัดระวังยามต้องเผชิญผู้คนในเมือง วันนี้กลับเปราะบางจนแทบจะขาด

เขาจำได้ดีถึงภาพความทรงจำ — หอว่านหงเหริน แสงเทียนสีแดง ขนมที่แม่เคยทำ รอยตีนของพ่อโจรป่าที่เคยทึ้งจิตใจของมารดา และภาพของหลี่หยางคนรักเก่าที่กล่าวคำหวานแล้วผลักเขาลงเหวของการถูกทรยศ ความทรงจำทุกภาพเรียงร้อยจนเป็นเงาคมที่กดทับทรวงอก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่คำอธิษฐานครั้งนี้จะมีเพียงเสียงแผ่ว ๆ ของคนตัวเล็กคนหนึ่งกลางสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

คนที่ยืนเงียบอยู่ห่าง ๆ ส่องดูจากเงามืดใต้ซุ้มไม้ เถียนเฟิงเองก็ยังไม่ปรากฏกายตัวเต็มให้เสวี่ยซีเห็น เขาไม่ได้ตั้งใจจะยุ่มย่าม ไม่ได้ตั้งใจเดินเข้ามาเสียตอนนี้ แต่เพราะภาพเมื่อค่ำคืนยังวาววับในใจ ภาพที่ชายผู้งามต้องถูกเหยียบย่ำด้วยน้ำมือของคนไร้ใจ ภาพนั้นแทงใจเขาจนไร้ที่วางเท้า เขาจึงเลือกหลบอยู่ในมุมหินห่าง ๆ แต่สายตาและหัวใจไม่เคยห่างไกลจากชายตรงหน้าไปได้เลย

มือของเสวี่ยซีทิ้งธูปลงในกระถางทราย เกร็ดแสงจากเปลวเทียนสะท้อนบนดวงตา เขาปล่อยให้ความเงียบกลืนน้ำเสียงอ่อนหวานที่กระซิบกับผู้เฒ่า จากนั้นเขาก้มลงคุกเข่าลง สองเข่าติดพื้นไม้เย็น เสียงธูปและจังหวะหัวใจประสานกันจนเป็นหนึ่งเดียว

“ท่านผู้เฒ่าจันทรา” เขาพูดอีกครั้ง หวังว่าสิ่งที่ออกจากปากจะเรียงร้อยเป็นแนวทางที่ช่วยให้เขาหลุดพ้นจากความสิ้นหวังนี้ ความรู้สึกผิด ความอับอาย และความกลัวที่ทำให้เขาไม่กล้าบอกความจริงกับใคร โดยเฉพาะกับคนหนึ่งที่เขารัก

เถียนเฟิงก้าวเข้ามาเงียบ ๆ เท้าของเขาไม่ทำให้พื้นกระพือเสียง เขายืนมองด้วยมุมมองที่ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนจากความคับแค้นเป็นความห่วงใยที่ซ่อนอยู่ เขาเห็นถึงรอยร้าวในจิตใจของเสวี่ยซี ที่ขยายกว้างขึ้นในทุกครั้งที่ถูกคนอื่นเคลื่อนไหวด้วยการใช้กำลังและคำพูด

เมื่อเสวี่ยซีรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่มาใกล้ เขาเงยหน้ามอง พบว่าเงาร่างของผู้เป็นที่รักยืนอยู่ใกล้ แววตาทอประกายบางอย่างที่ไม่ใช่โทสะเพียงอย่างเดียว แต่มีกลิ่นอายของความเหนื่อยล้าที่เขาไม่เคยยอมให้ใครเห็นมาก่อน

ความเงียบแผ่กว้างเป็นบทสนทนา เถียนเฟิงลุกขึ้นช้า ๆ เดินมาทางเสวี่ยซี ขาบางก้าวผ่านเงาของโคมไฟ ประกายจันทร์กำลังสะท้อนบนผิวท่อนแขนของเขา ทำให้ภาพของชายขุนนางดูนุ่มนวลผิดกับท่าทางตั้งแต่ก่อนหน้า

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่” คำถามนั้นออกจากปากของเขาอย่างแผ่วเบา ไม่ใช่คำตัดพ้อ แต่เป็นเสียงที่พยายามเก็บกักอารมณ์ให้สงบนิ่ง

เสวี่ยซีพยักหน้าเล็กน้อย ริมฝีปากสั่น “ข้ามากราบท่านผู้เฒ่า…ขอคำชี้แนะแต่ใจ” น้ำเสียงของเขาแหบพร่า แต่ความจริงใจที่หลุดจากคำพูดนั้นช่างหนักแน่น

เถียนเฟิงก้าวเข้ามานั่งลงเบื้องหลัง เสี้ยวหนึ่งเขาอยากลดระยะห่างให้มากกว่านี้ เขาอยากจับมือเรียวของชายตรงหน้าไว้ แต่ความรู้สึกผิดยังฉาบทาฉับ ๆ ในอกเขา เขาพยายามทบทวนการกระทำเมื่อคืนของตนเอง, คำพูดรุนแรงที่พรั่งพรูออกมา ทั้งที่ลึกลงไปใจล้วนอยากคุ้มครอง แต่เพราะความโกรธและความอับอายทำให้ถ้อยคำแหลมคม

ด้วยเสียงหวานอ่อน เถียนเฟิงเอ่ยว่าเขามาขอโทษ แต่คำทั้งหลายที่ออกมาจากปากเขากลับเหมือนวาดเส้นบาง ๆ ในอากาศ ประคองแววตาของผู้อื่นให้มั่นคงกลับมา “ขอโทษ” คำสั้น ๆ แต่เต็มไปด้วยน้ำหนัก เขาไม่อยากย้ำว่าตนเองผิดแค่ไหน แต่สายตาที่มองมานั้นบอกชัดว่าไม่อยากเห็นบาดแผลเหล่านั้นอยู่ที่ร่างของเสวี่ยซีอีก

เสวี่ยซีไม่รอช้า รีบโผเข้ากอด กอดเขาแน่นเหมือนเด็กที่พบความอบอุ่นเป็นครั้งแรกในวันอันเหน็บหนาว ปลายคางซบไหลกว้าง ริมฝีปากเรียวยิ้มบางด้วยน้ำตาที่ยังคงไหลพรากออกมา เขาเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน “ท่านไม่ผิด ข้าเป็นฝ่ายผิดเองที่พาเรื่องมาถึง…”

เถียนเฟิงแข็งทื่อในวันแรกที่เสวี่ยซีกอด เขาสอดมือหนาไว้รอบหลังบอบบางนั้น กดไหล่ไว้เหมือนต้องการให้ชายผู้งามนี้รู้ว่าเขาไม่ใช่คนเดียวในโลกที่ต้องเดินเดียวดาย ความอุ่นจากกายของเขาค่อย ๆ แทรกซึมผ่านเสื้อบาง ๆ ปลุกความเป็นจริงที่ว่า ยังมีคนหนึ่งที่เลือกอยู่ตรงนี้แนบชิด

เมื่อกอดที่อบอุ่นพาให้ทั้งสองเผลอ เทียนแห่งความเงียบก็ลึกจนได้ยินเสียงลมหายใจ ตัวตนทั้งสองค่อย ๆ ซึมซาบถึงความเจ็บปวดของกันและกัน โดยไม่ต้องเอ่ยถ้อยคำมากมาย เสวี่ยซีละมือออกจากอ้อมกอด ค่อย ๆ เงยหน้ามองดวงตาดำคมของอีกฝ่าย ริมฝีปากอ้าปากปริบ “ท่าน…ท่านเชื่อใจข้าแล้วใช่ไหม”

ความเงียบตามมาอีกครั้ง เป็นความเงียบที่ไม่ใช่ระยะห่าง หากเป็นช่วงเวลาที่รอคอยคำตอบที่สำคัญที่สุด คำตอบนั้นไม่ใช่การรับรองว่าทุกอย่างจะกลับเหมือนเดิม แต่เป็นการยอมรับความจริงที่ว่า แม้จะผิดพลาด ก็ยังมีพื้นที่ให้เริ่มต้นใหม่

เถียนเฟิงหลับตาลงน้อย ๆ เสียงลมหายใจลึก ๆ คล้ายถอนหายใจจนทุกสิ่งชะงัก พอเปิดตาขึ้น สายตานั้นอ่อนโยนจนเสวี่ยซีไม่อาจหลบได้ เขาค่อย ๆ กล่าวออกมาอย่างเอียงอายและไม่มั่นคงเท่าใดนัก “ข้าเชื่อใจเจ้า แต่การเชื่อใจไม่ใช่สิ่งที่จะให้ได้ง่าย ๆ มันต้องใช้เวลา ต้องมีความจริงใจที่ต่อเนื่อง” น้ำเสียงเขาเรียบ แต่หนักแน่น “อย่าให้ข้าต้องเห็นเจ้าเจ็บปวดอีก เพราะข้าจะ…” คำที่ตามมาถูกกลืนลงไป เขาไม่สามารถพูดเรื่องที่จะทำต่อหน้าพระจันทร์ที่กำลังดูเงาของพวกเขาได้ง่ายนัก

เสวี่ยซียิ้มทั้งน้ำตาด้วยความโล่งใจจนหัวใจแทบจะระเบิด เขาพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “ข้าจะทำทุกอย่าง เพื่อพิสูจน์ให้ท่านเห็น”

คำสาบานนั้นเรียบง่าย ทว่าฝังรากในหัวใจของคนฟัง เถียนเฟิงรู้สึกว่าความโกรธเริ่มจางลง แทนที่ด้วยความอ่อนโยนที่ล้นพ้น เขาลูบผมดำของเสวี่ยซีอย่างแผ่วเบา “หากเจ้าอยากพิสูจน์ ก็จงทำด้วยความระมัดระวัง เรียนรู้ อย่ายอมให้คนอื่นกำหนดชีวิตเจ้า” เขาจับมือเรียวไว้ กำหมัดไว้เรียบง่าย “ข้าจะอยู่ข้างเจ้า แต่ไม่ใช่เพื่อให้เจ้าพึ่งพิงจนลืมตัว แต่เพื่อเป็นกำแพงให้เจ้าได้ยืนด้วยขาตัวเอง”

คำพูดนั้นช่างหนักแน่นและเป็นจริง มันบอกชัดว่าการเป็นผู้คุ้มครองไม่ใช่การครอบครอง แต่อยู่เคียงข้างในทางที่ให้พลังและความเข้มแข็งแก่กัน เสวี่ยซีซึมซับทุกถ้อยคำด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความคิดและความหวัง เขารู้สึกว่า แม้ทางข้างหน้าจะยาวไกลและมีเส้นทางขรุขระ แต่ในมือของเขาและเถียนเฟิงนั้นมีสิ่งที่เรียกว่าความตั้งใจ

ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทราไม่เพียงเป็นสถานที่อธิษฐานอีกต่อไป แต่กลายเป็นพยานของสัญญาที่เงียบงันและหนักแน่น ทั้งสองคนนั่งลงบนบันไดหิน ทอดมองแสงจันทร์ที่ค่อย ๆ ลอยสูงขึ้น สายลมพัดเอาควันธูปหวาน ๆ พร่างพัดไปทั่ว พวกเขาไม่ได้พูดคำหวานหวานหรือสาบานอย่างโอ่โถง เปิดเผย แต่มีการยืนเงียบเคียงกัน โดยใจสองดวงค่อย ๆ ปักหลักที่จุดเดียวกัน

เมื่อความมืดเคลื่อนตัว พวกเขายืนขึ้น เสวี่ยซีจับมือเถียนเฟิงแน่น ดวงตาอำพันเต็มไปด้วยประกายความมั่นใจใหม่ แม้จะยังมีคราบน้ำตาติดอยู่ที่มุมตา พร้อมคำพูดที่ขอสัญญาด้วยหัวใจทั้งดวง


ไอเทมเควสปลดหัวใจ เถียนเฟิง


แสดงความคิดเห็น

หวายยยย มีคนรักกันแหละท่านเยว่เหล่า ดูสิๆๆๆ  โพสต์ 2025-9-17 18:36
โพสต์ 22398 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-17 18:33
โพสต์ 22,398 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2025-9-17 18:33
โพสต์ 22,398 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-17 18:33
โพสต์ 22,398 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-17 18:33
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-20 04:45:07 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 20 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเหม่า เวลา 05.00 - 07.00 น.
╰┈➤ พบเจอผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)


ใบไม้หล่นลู่ลงมาบนไหล่และชายแขนเสื้อของเสวี่ยซี ร่างบอบบางก้าวไปบนบันไดหินที่ทอดยาวสู่ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา ดวงตาคู่สวยดุจอำพันทอดมองไปข้างหน้าด้วยความแน่วแน่ ขณะริมฝีปากเม้มแน่นซ่อนความลังเลไว้ภายใน ทุกย่างก้าวที่ผ่านพ้น ความเงียบยิ่งกดทับหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวังและความหวาดหวั่นในคราวเดียวกัน

เสวี่ยซีคือภาพลักษณ์แห่งความงามที่ทำให้ผู้คนยากละสายตา ใบหน้าขาวเนียนประหนึ่งหยกสลัก แผ่วบางและละเอียดละออ เส้นผมดำยาวถูกรวบครึ่งไว้ด้วยปิ่นหยกเรียบง่าย ริมฝีปากบางสีระเรื่อไม่ต้องแต้มแต่งก็ชวนให้ผู้คนเผลอคิดปรารถนา แต่ภายใต้รูปลักษณ์นายโลมนั้น หัวใจกลับหนักอึ้งไปด้วยพันธนาการบางอย่างที่มิอาจสลัดทิ้ง

เมื่อก้าวพ้นประตูไม้เก่าแก่เข้าสู่ลานกว้าง แสงโคมแดงสั่นไหวราง ๆ ท่ามกลางสายลม เสวี่ยซีหยุดยืนสูดลมหายใจลึก ก่อนจะก้าวไปคุกเข่าหน้าศาลเจ้า หยิบธูปขึ้นเหนือศีรษะ หลับตาลงช้า ๆ เสียงอธิษฐานที่สั่นเครือหลุดออกมาจากริมฝีปาก

“หากฟ้าดินยังเมตตา โปรดนำพาข้าไปพบรักแท้ที่มอบความสุขแท้จริง ให้หัวใจที่เหนื่อยล้าดวงนี้ได้พึ่งพิงเสียที…”

สายลมวูบหนึ่งพัดผ่านราวกับตอบรับ ทุกอย่างรอบกายหยุดนิ่งกลางอากาศ ความเงียบสงัดถูกแทนที่ด้วยเสียงทุ้มลึกดังกังวาน

“เสวี่ยซี ผู้ถูกผูกไว้ด้วยเส้นด้ายแดงซึ่งไม่มีผู้ใดตัดได้”

ดวงตาของเสวี่ยซีเบิกกว้าง ท่ามกลางลานกว้าง บุรุษผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้น ร่างสูงในชุดยาวสีขาวสะอาดปกคลุมด้วยเสื้อคลุมขนเงิน สง่างามประหนึ่งหลุดออกจากจิตรกรรมโบราณ ใบหน้าคมคายสงบนิ่ง แววตาลุ่มลึกดุจท้องนภาในคืนเดือนเพ็ญ นั่นคือผู้เฒ่าจันทราที่จำแลงมาในร่างมนุษย์

เขามิได้กล่าวคำพร่ำยาว หากแต่เพียงจ้องมองทะลุเข้าไปในใจเสวี่ยซี ราวกับอ่านทุกความลับที่เจ้าของหัวใจเองยังไม่กล้าเผชิญ

“เจ้ามาขอพรเพื่อรักแท้ แต่เจ้ารู้หรือไม่ รักแท้ไม่ใช่สิ่งที่เทพเจ้าจะหยิบยื่นได้โดยง่าย มันเป็นเส้นทางที่เจ้าต้องกล้าก้าวเดินเอง… และต้องเรียนรู้การให้อภัย”

เสวี่ยซีสั่นสะท้านทั้งความหวังทั้งความกลัวปะทุขึ้นในอก แต่ไม่อาจเอ่ยถามได้ว่าตนจะได้พบรักแท้จริงหรือไม่

ผู้เฒ่าจันทรายกมือราวกับคว้าบางสิ่งในอากาศ ทันใดนั้นสายตาของเสวี่ยซีก็เห็นเส้นด้ายแดงเรืองแสงบาง ๆ ลอยอยู่ตรงหน้า ปลายหนึ่งผูกแน่นที่ข้อมือตนเอง อีกปลายทอดไปในความมืด ก่อนจะเผยให้เห็นร่างบุรุษสูงสง่าในชุดเข้ม—เถียนเฟิง ใบหน้าคมเข้มคุ้นตาฉายชัดราวจริง

หัวใจเขาเต้นแรง ความทรงจำเกี่ยวกับชายผู้นั้นไหลเข้ามาในหัว ทั้งคำพูดที่ทำร้าย ทั้งสัมผัสอบอุ่น หวงแหนปะปนกันจนชวนให้เจ็บปวด

ผู้เฒ่าจันทรากล่าวต่อเสียงสงบ “โชคชะตาของเจ้ากับเขาผูกพันแน่นหนา จะหนีไปไกลเพียงใดก็ยังวนกลับมาพบกัน แต่เส้นทางนี้เต็มไปด้วยบททดสอบ หากไร้ความเข้าใจ หากปราศจากการให้อภัย… เส้นด้ายที่ควรนำพาเจ้าทั้งสองสู่ความสุข ก็จักกลายเป็นพันธนาการที่ทำร้ายหัวใจเจ้าเสียเอง”

คำพูดนั้นเหมือนคมมีดกรีดกลางอก เสวี่ยซีเม้มปากแน่น หยาดน้ำตาเอ่อคลอโดยไม่รู้ตัว แม้ในใจไม่อาจแน่ชัดว่าความรักที่มีต่อเถียนเฟิงคือสิ่งใดกันแน่ แต่เขากลับไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าชะตานั้นช่างเหนี่ยวรั้งเกินกว่าจะหลีกเลี่ยง

เสียงสายลมพัดคลอธูปที่มอดช้า ๆ ควันขาวลอยวนเหนือศาลเจ้า ร่างของผู้เฒ่าจันทรายังคงยืนนิ่งตรงหน้า ดวงตาอันสงบลึกล้ำทอดมองเสวี่ยซีที่ก้มหน้าด้วยหัวใจสั่นคลอน

“ข้า…ต้องทำเช่นไร ถึงจะรักษาเขาไว้ได้ ช่วยตอบข้าที” เสียงเสวี่ยซีสั่นพร่า ดวงตาเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำใส

ผู้เฒ่าจันทราเพียงยิ้มอ่อน สายตาแฝงเมตตา “เจ้ามิได้มีหน้าที่ ‘รักษา’ ใครไว้ หากแต่ต้องเรียนรู้ที่จะ ‘เปิดหัวใจ’ ให้แก่กัน ความรักมิใช่พันธะที่กักขัง แต่เป็นสะพานที่เชื่อมสองดวงใจ หากเจ้ายังยึดติดกับความกลัวว่าจะสูญเสีย ก็จะไม่มีวันได้ครอบครองแท้จริง”

เสวี่ยซีเงยหน้าขึ้น น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงอาบแก้ม “แล้วข้ากับเขาจะลงเอยเช่นไร หรือว่าจะเป็นไปไม่ได้เพราะฐานะแตกต่างกันเกินไป”

ผู้เฒ่าจันทราสบตาเขานิ่งนาน ก่อนตอบเสียงแผ่ว “ฟ้ายังมิอาจเปิดเผยปลายทางที่แน่ชัดแก่เจ้าได้ มีเพียงว่า…ความรักครั้งนี้จะทดสอบเจ้าอย่างสาหัส หากเจ้าหวั่นไหว เส้นด้ายจะพันธนาการจนบาดลึก แต่หากเจ้ากล้าเผชิญและให้อภัย ความรักนี้จักเป็นรักแท้ที่ไม่มีวันแตกสลาย”

คำพูดนั้นเหมือนระฆังที่ก้องสะท้อนอยู่ในอก เสวี่ยซีอยากจะถามต่อ แต่ภาพของผู้เฒ่าจันทราก็เริ่มเลือนหาย แสงสว่างรอบกายค่อย ๆ กลับคืนสู่ความเงียบสงัด

ก่อนร่างท่านจะจางหายหมดสิ้น เสียงสุดท้ายยังคงก้องอยู่ในโสตประสาท “จำไว้ความรักที่แท้จริง มิใช่การยึดครอง แต่คือการกล้าที่จะเชื่อมั่นในกันและกัน”


[GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า) เพิ่มขึ้น 30 โพสต์ 2025-9-20 12:49
โพสต์ 15091 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-20 04:45
โพสต์ 15,091 ไบต์และได้รับ +2 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2025-9-20 04:45
โพสต์ 15,091 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-20 04:45
โพสต์ 15,091 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-20 04:45
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-24 21:12:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 24 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเซิน เวลา 15.00 - 17.00 น.
╰┈➤ พบเจอจางกงกง

หลังจากออกจากร้านซือโฉว เสวี่ยซีเดินเคียงข้างห่าวหมิงไปบนถนนหินกว้างของนครฉางอัน แสงแดดเริ่มคลายความร้อนแรงลง แต่ยังอบอุ่นพอให้เมืองเต็มไปด้วยชีวิตชีวา บรรยากาศคึกคัก เสียงพ่อค้าแม่ค้าขายผ้าสีสันสดใส เสียงนักดนตรีริมทางบรรเลงพิณเบา ๆ คลอเคลียกับเสียงผู้คนพลุกพล่าน

ในขณะที่เสวี่ยซีมัวเอาแต่กอดกล่องปิ่นปักผมแนบอก ห่าวหมิงก็มองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ครู่หนึ่งเขากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและสุขุม “เจ้ามีความตั้งใจจริง ข้าชื่นชมในความพยายามของเจ้า แต่ความรักไม่เพียงขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรามอบให้ มันยังเกี่ยวข้องกับโชคชะตาด้วย”

เสวี่ยซีหันขวับไป ใบหน้าเปี่ยมด้วยความสงสัย “โชคชะตารึ”

ห่าวหมิงพยักหน้าช้า ๆ “ใช่ ความรักเป็นเรื่องที่มนุษย์ไม่อาจควบคุมได้ทั้งหมด หากเจ้าอยากให้ความรักราบรื่น ข้าแนะนำให้เจ้าไปขอพรจากผู้เฒ่าจันทรา ที่ศาลเจ้าเยว่เหล่า ผู้เฒ่าท่านคือผู้ผูกด้ายแดงแห่งโชคชะตา เชื่อกันว่าหากจริงใจในการอธิษฐาน ความรักจะได้รับการปกปักรักษา”

เสวี่ยซีเบิกตากว้าง รอยยิ้มเล็ก ๆ คลี่ออกมาในทันที “น่าสนใจไม่น่อย”

ห่าวหมิงจึงพาเสวี่ยซีเดินไปทางทิศฝั่งใต้ของเมือง ถนนเริ่มเงียบสงบขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพ้นย่านการค้า อาคารสูงลดน้อยลง กลายเป็นเรือนบ้านไม้และแนวต้นหลิวที่ทอดเงาเรียงราย สายลมเย็นยามบ่ายพัดผ่านกลีบดอกไม้ร่วงหล่นลงมาเป็นระยะ คล้ายกำลังโรยพรมทางเดินให้ผู้ที่มีศรัทธา

ทั้งสองก็เดินมาถึงหน้าศาลเจ้าเยว่เหล่า ประตูศาลาทำจากไม้สนแกะสลักรูปเมฆและจันทร์เสี้ยว ทาด้วยสีแดงเข้มเก่าแก่ กลิ่นไม้เก่าผสมกลิ่นธูปที่โชยออกมาจากภายใน เสียงระฆังลมดังแผ่วเบาจากชายคา คล้ายเป็นเสียงต้อนรับผู้มาเยือน

เสวี่ยซีหยุดยืนอยู่หน้าประตู ดวงตาสีอำพันฉายแววทั้งตื่นเต้นและศรัทธา เขาหันไปหาห่าวหมิงเล็กน้อย ก่อนพยักหน้าและก้าวเข้าไปด้านใน

ภายในศาลเจ้ามีรูปเคารพผู้เฒ่าจันทรานั่งยิ้มละไม มือหนึ่งถือสมุดชะตา อีกมือหนึ่งถือด้ายแดงยาวราวกับจะผูกให้คู่รักทั้งหลาย แสงเทียนสลัวสะท้อนเงาร่างขององค์ผู้เฒ่าให้ดูสงบและน่าเกรงขาม ผนังรอบด้านเต็มไปด้วยแผ่นป้ายไม้ที่ผู้คนมาเขียนคำอธิษฐานแขวนไว้ กลิ่นธูปหอมอบอวลจนทำให้บรรยากาศเงียบขรึมเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์

เสวี่ยซีรับธูปจากบ่าวศาลเจ้ามาจุด เขาประนมมือ ก้มศีรษะเบา ๆ และกล่าวในใจด้วยความจริงใจที่สุด

“ข้าขอให้ความรักของข้าราบรื่น ขอให้ข้าและเขามีความสุขด้วยกันตลอดไป…”

เขาหลับตาแน่นขึ้นอีก ริมฝีปากขยับพึมพำช้า ๆ “ขอให้ความรักของข้าและเขาเป็นนิรันดร์ ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปเพียงใด ข้าขอเพียงให้เขายิ้มได้เสมอ!”

สายลมเบาบางพัดผ่านชายแขนเสื้อของเสวี่ยซี ราวกับผู้เฒ่าจันทราตอบรับคำอธิษฐานนั้น เขาเปิดตาช้า ๆ แล้วปักธูปลงในกระถางอย่างนอบน้อม ก่อนจะถอยหลังออกมา

ห่าวหมิงยืนมองเงียบ ๆ ตลอดเวลาแม้สีหน้าจะไม่เปลี่ยนมากนัก แต่แววตาเขาสะท้อนความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะบรรยาย เสวี่ยซีอาจไม่รู้ตัวว่า ทุกคำอธิษฐานที่กล่าวออกไปนั้นเต็มไปด้วยความใสซื่อและรักอันมั่นคง จนทำให้คนฟังอดประทับใจไม่ได้

ห่าวหมิงเอ่ยขึ้นเสียงทุ้มเรียบ “ข้าเชื่อว่าความรักที่เจ้ามีให้ จะนำพาความสุขมาสู่ท่านและคนรักของเจ้าอย่างแน่นอน”

เสวี่ยซีหันกลับมา ดวงตาสีอำพันเป็นประกายอ่อนโยน เขายกยิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณสำหรับคำอวยพร”

ห่าวหมิงพยักหน้ารับ เพียงเท่านั้นไม่ได้เอ่ยต่อแต่ในใจกลับรู้สึกชัดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าผู้นี้ แม้จะไร้เดียงสาไปบ้าง ทว่าสิ่งที่มีคือความจริงใจแท้บริสุทธิ์ และความรักที่พร้อมจะอุทิศทุกสิ่งเพื่ออีกฝ่ายหนึ่ง

บรรยากาศศาลเจ้ายังคงสงบ ธูปควันบางลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า คล้ายส่งคำอธิษฐานของเสวี่ยซีไปยังสวรรค์



[GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20


ไอเทมเควสปลดหัวใจ จางกงกง

ครบเงื่อนไข พิมพ์นิยม
เปลี่ยนเป็น โดดเด่นมีเอกลักษณ์


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า) เพิ่มขึ้น 30 โพสต์ 2025-9-24 23:18
โพสต์ 12966 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-24 21:12
โพสต์ 12,966 ไบต์และได้รับ +5 EXP +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนหยกสลักนาม   โพสต์ 2025-9-24 21:12
โพสต์ 12,966 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2025-9-24 21:12
โพสต์ 12,966 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-24 21:12
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-25 12:15:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 25 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามซื่อ เวลา 09.00 - 11.00 น.
╰┈➤ พบเจอชายแปลกหน้า

แสงอาทิตย์ลอดผ่านหมู่เมฆเบาบางทาบลงบนทางเดินหินสีเทาที่ทอดยาวเข้าสู่ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า) สายลมพัดหอบกลิ่นหอมของดอกเหมยที่ปลิวล่องอยู่รอบบริเวณ เสียงกระดิ่งลมตามระเบียงศาลเจ้าดังกังวานเบา ๆ คล้ายเสียงหัวเราะของเทพเซียนที่กำลังละเล่นอยู่เบื้องบน

เสวี่ยซีเดินมาคนเดียวร่างบางงดงามราวหยกที่ซ่อนอยู่ในผืนผ้าไหม นัยน์ตาสีอำพันฉายแววใสซื่อบริสุทธิ์ เขาเงยหน้ามองศาลเจ้าที่สูงเด่นท่ามกลางแนวไม้เก่าแก่ รู้สึกได้ถึงอำนาจลี้ลับที่แฝงอยู่ในทุกอิฐทุกแผ่นหินของที่แห่งนี้ บรรยากาศสงบเย็นจนหัวใจของเขาเผลอเต้นแผ่วช้าลง

“ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา…” เสวี่ยซีพึมพำเสียงเบา ริมฝีปากคลี่ยิ้มหวานโดยไม่รู้ตัว “ได้ยินกิตติศัพท์มานานนักว่าสถานที่แห่งนี้ประสานโชคชะตาแห่งความรักให้ราบรื่น”

เขาก้าวเข้าไปภายใน ลานกว้างของศาลเจ้าร่มรื่นด้วยเงาไม้ใหญ่ สายน้ำใสไหลเอื่อยผ่านข้างศาล เสียงนกร้องก้องประสานกันเป็นทำนองที่เหมาะแก่การสวดมนต์อธิษฐาน

ระหว่างที่เสวี่ยซีกำลังจะก้าวเข้าสู่แท่นบูชา กลับมีบุรุษแปลกหน้าผู้หนึ่งยืนอยู่ก่อนแล้ว เขาเป็นชายหนุ่มในชุดเรียบง่าย ไม่ได้แต่งกายหรูหรา แต่ท่วงท่ากลับดูสงบสุขุม คล้ายผู้บำเพ็ญเพียรในป่าเขา

ชายหนุ่มเหลือบหันมา เมื่อเห็นเสวี่ยซีก็ยกมือคารวะพลางยิ้มบาง ๆ

“ท่านก็มาอธิษฐานต่อผู้เฒ่าจันทราเช่นกันหรือ?”

เสวี่ยซีชะงักเล็กน้อย ดวงตากะพริบสองครั้งก่อนยกมือขึ้นตอบกลับด้วยความสุภาพ

“ใช่แล้วขอรับ ข้ามา… เพื่อขอพรเรื่องความรักของข้าเอง”

ชายหนุ่มหัวเราะเบา เสียงหัวเราะคล้ายสายลมที่พัดผ่านใบไม้

“เป็นเรื่องที่น่ายินดีนัก ความรักคือสิ่งสูงค่า หาได้ง่ายแต่รักษาไว้ให้ราบรื่นนั้นมิใช่เรื่องง่าย ทุกคนที่มาที่นี่ต่างก็มีความปรารถนาเช่นนั้น”

เสวี่ยซีโน้มศีรษะเล็กน้อย ดวงตาเปล่งประกายแววฝัน “จริงอย่างที่ท่านว่า ข้ามีคนที่รักอยู่แล้ว แม้ดูภายนอกเข้มงวดเย็นชา แต่สำหรับข้าแล้ว เขาอ่อนโยนและอบอุ่นนัก ข้าเพียงหวังให้สายใยที่ผูกเราสองคนมั่นคง ไม่ถูกลมพายุแห่งโชคชะตาพัดพาให้ขาดสะบั้น…”

น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาช่างอ่อนหวาน อ่อนโยนราวหยดน้ำค้างบนกลีบดอกไม้ ชายหนุ่มแปลกหน้ามองเสวี่ยซีครู่หนึ่ง แววตาเต็มไปด้วยความฉงนปนชื่นชม
“เจ้าช่างพูดจากตรงไปตรงมา ราวกับดวงใจไร้สิ่งใดปิดบัง”

เสวี่ยซียิ้มอาย ๆ แก้มขึ้นสีจาง ๆ “ข้า… ข้าเป็นเช่นนี้อยู่แล้วขอรับ อาจเพราะข้าเชื่อคนง่ายไปสักหน่อย มักถูกผู้คนล้อบ่อย ๆ ว่าซื่อเกินไป”

“แต่ความซื่อบริสุทธิ์ก็เป็นคุณธรรมอันล้ำค่า หากผู้ใดมอบความรักแก่เจ้าแล้ว ก็จักไม่กล้าทำลายสิ่งงดงามนั้นหรอก” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างหนักแน่น ก่อนจะเสริมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ขอให้พรของเจ้าสมหวัง”

เสวี่ยซีหันมองแท่นบูชาอีกครั้ง ดวงตาสีอำพันวับวาวด้วยความตั้งใจ เขาก้าวไปคุกเข่าเบื้องหน้าผู้เฒ่าจันทรา หลับตาลงประสานมือแนบอก แล้วเอ่ยคำอธิษฐานด้วยเสียงแผ่วเบาแต่จริงใจ

“ข้าขอให้ความรักของข้ากับเถียนเฟิง ราบรื่นยิ่งนัก มิว่าพายุจะหนักเพียงใด ก็ขอให้เรายังคงเคียงข้างกัน ขอให้ผู้เฒ่าจันทราช่วยผูกเส้นด้ายแดงของเราสองให้แน่นหนา…ไม่ถูกตัดขาดไปตลอดกาล”

เสียงสวดอธิษฐานลอยก้องไปในอากาศ สายลมพลันพัดแรงขึ้น กระดิ่งลมที่แขวนอยู่บนชายคาศาลเจ้าดังไพเราะราวเป็นการขานรับพรนั้น เสวี่ยซีลืมตาขึ้น ยกยิ้มบางคล้ายได้ยินเสียงตอบรับจากผู้เฒ่าจันทราจริง ๆ

ชายหนุ่มแปลกหน้ายืนมองอยู่ห่าง ๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มของเสวี่ยซีก็พลันยกยิ้มตามไปด้วย “บางที พรของเจ้าอาจถูกฟังและจารึกแล้วก็เป็นได้”

เสวี่ยซีหันมาพยักหน้า ดวงตาเป็นประกายแห่งความหวัง “ข้าขอบคุณท่านที่ให้กำลังใจ ข้ารู้สึกเบาใจขึ้นมากนัก”

หลังจากนั้นเขาลุกขึ้นช้า ๆ ค่อย ๆ หยิบห่อเล็กที่พกติดตัวมาเปิดออก ภายในคือขวดน้ำทิพย์กวางตุ๋นยาจีนและสุรานารีแดง กลิ่นหอมอบอวลคล้ายกำจายไปทั่วบริเวณ เขาวางสิ่งของเหล่านี้ลงแท่นบูชาด้วยสองมือ ประนมมือคารวะอีกครั้ง

“นี่เป็นของถวายเล็กน้อยจากใจข้า ขอให้ผู้เฒ่าจันทรารับไว้ด้วยเถิด”

สายลมอ่อนพัดอีกครั้ง กลีบดอกเหมยปลิวลงตรงหน้าเสวี่ยซีพอดี เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองอ่อน แววตาส่องประกายงดงามด้วยความศรัทธาและความรักที่มั่นคง

ชายหนุ่มแปลกหน้าเอ่ยปิดท้ายเบา ๆ “ข้าเชื่อว่าผู้เฒ่าจันทราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าแล้ว เจ้าหนุ่มผู้มีใจอ่อนโยนเช่นนี้ย่อมได้รับการปกป้องจากสวรรค์แน่นอน”

เสวี่ยซีคลี่ยิ้มหวาน อ่อนโยนดังเดิม ก่อนจะเอ่ยขอบคุณและร่ำลาชายผู้นั้นด้วยความสุภาพ


เผาค่าความโหด

“ข้า เสวี่ยซี ขอถวายศรัทธาจากก้นบึ้งของหัวใจแก่เหล่าเทพ องค์เทพเยว่เหล่า เทพแห่งการแต่งงานและพรหมลิขิต”

จำนวนค่าความโหดที่มอบให้: 2000

(ทุก ๆ 1000 ความโหด = +50 ความโปรดปรานจากเทพ)
✎ เผาค่าความโหดในการเคารพบูชาเทพเจ้า ความโปรดปราน +100 แต้ม

[GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)
✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม
✎ หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

คอมโบอาหารแดง
✎ อาหารแดง + สุรา (เกรดทอง-แดง): โบนัสเพิ่ม +20 แต้ม (น้ำทิพย์กวางตุ๋นยาจีน - สุรานารีแดง)

✎ โดดเด่นมีเอกลักษณ์
มีโอกาสได้รับความเอ็นดูจาก NPC ความโปรดปรานเพิ่มขึ้น +15 ทุกครั้งที่พบเจอและทำอาหารให้อีกฝ่ายกิน

@Watcher


แสดงความคิดเห็น

((หากไม่มีอีเว้นท์เทพลงมาโลกมนุษย์จะไม่สามารถขออีเว้นท์ปลดหัวใจเทพได้))  โพสต์ 2025-9-25 21:18
หัวใจเยว่เหล่าตันสองดวงแล้ว สามารถขอปลดได้เมื่อวันที่ท่านเทพลงมาโลกมนุษย์ ไม่สามารถเพิ่มแต้มได้อีกจนกว่าจะปลดอีเว้นท์  โพสต์ 2025-9-25 21:17
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า) เพิ่มขึ้น 140 โพสต์ 2025-9-25 21:17
การถวายอาหารไม่ได้ถวายผ่านเตาวิเศษที่จัดตั้งในสถานที่เหมาะสมเพื่อรักษารูปลักษณ์อาหาร มิใช่แค่กลิ่นธูป ทำให้ได้ +10 เท่านั้น เนื่องจากเทพไม่ได้ลิ้มรสอาหารจานนั้นจริงๆ  โพสต์ 2025-9-25 21:17
✎ โดดเด่นมีเอกลักษณ์ไม่สามารถใช้ได้ไม่ได้เจอหน้า และถวายอาหารได้แค่ค่าคุณธรรม  โพสต์ 2025-9-25 21:16
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-10-2 08:05:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 29 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามโฉ่ว เวลา 00.00 - 02.00 น.

╰┈➤ พบเจอผู้เฒ่าจันทรา


ในใจของเสวี่ยซีกลับไม่ได้อยู่กับบรรยากาศรอบตัว เขายังคงครุ่นคิดถึงบทกวีปริศนาที่หมานเฉียนมอบไว้



จันทราลับเลือน ดาราเคลื่อนคล้อย

วารีไหลริน สิ้นซึ่งความหมาย

ผู้ใดไขปริศนาแห่งราตรี

จักได้พบหนทางสู่สวรรค์



แม้จะตีความได้บ้าง แต่ยังคงมีบางส่วนที่คลุมเครืออยู่ในใจ เสวี่ยซีรู้สึกว่าคำว่า จันทราลับเลือนนั้นมีความหมายลึกซึ้งกว่าที่เขาคิด เขาจึงตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากเขตชานเมืองด้านตะวันออกของฉางอัน


ศาลเจ้าถูกโอบล้อมด้วยต้นสนสูงใหญ่ ไฟโคมกระดาษสีแดงแขวนเรียงรายไปตามทางเดินหิน เสียงน้ำจากลำธารเล็กไหลผ่านข้างศาลเจ้า ฟังแล้วสงบเย็นราวกับตัดขาดจากความคึกคักของเมืองใหญ่ เมื่อก้าวเข้าสู่ลานด้านใน เสวี่ยซีพบชายชราร่างผอมบางนั่งอยู่ใต้ต้นสนใหญ่ เขามีผมขาวยาวเป็นแพมือข้างหนึ่งถือถ้วยชา อีกข้างถือกาน้ำร้อน กลิ่นชาหอมกรุ่นลอยอบอวลในอากาศ


เสวี่ยซีชะงักไปเล็กน้อย ความใสซื่อในดวงตาทำให้เขามองชายชราด้วยความเคารพปนสงสัย ก่อนจะก้าวเข้าไปคารวะ “ผู้เฒ่าท่าน… ข้า”


ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยจบ ชายชราก็หัวเราะเสียงนุ่มทุ้ม แววตาเปี่ยมด้วยเมตตา “เจ้ามาหาข้าด้วยเหตุอันใด หรือเจ้าปรารถนาจะผูกด้ายแดงแห่งรัก”


เสวี่ยซีหน้าแดงเล็กน้อย รีบส่ายศีรษะพลางเอ่ยเสียงเบาหวาน “ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าเพียงต้องการหาความกระจ่างในปริศนาที่ข้าได้รับมา อาจารย์ของข้าได้มอบไว้ ข้าพยายามครุ่นคิดแต่ก็ยังไม่เข้าใจทั้งหมด”


ผู้เฒ่าจันทราวางถ้วยชาลง หัวเราะเบา ๆ อีกครั้ง แววตาเต็มไปด้วยความรู้ลึกซึ้งที่มิอาจหยั่งถึง “ปริศนาเหล่านั้น ล้วนเกี่ยวข้องกับความรัก ความผูกพัน และชะตาชีวิตของมนุษย์ หากเจ้าสามารถเข้าใจถึงแก่นแท้ของสิ่งเหล่านี้ เจ้าก็จะไขปริศนาได้ด้วยตนเอง”


เสวี่ยซีขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาใสซื่อจนไม่อาจจับความหมายลึกซึ้งทั้งหมดได้ในทันที แต่ก็พยายามตั้งใจฟังด้วยหัวใจอ่อนโยน ใบหน้าขาวซีดเงยขึ้นมองท่านผู้เฒ่า ดวงตาสีอำพันพราวระยิบในแสงโคมไฟ


ผู้เฒ่าจันทราล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อกว้าง แล้วหยิบหินหยกก้อนหนึ่งออกมา มอบให้เสวี่ยซี “นี่คือสิ่งที่จะช่วยเจ้ามองเห็นหนทางที่ซ่อนเร้น”


เสวี่ยซีรับหินหยกนั้นอย่างระมัดระวัง มันเป็นหยกสีเขียวอ่อน สลักเป็นรูปจันทร์เสี้ยว สัมผัสเย็นวาบไหลเข้าสู่ปลายนิ้ว ความงดงามเรียบง่ายทำให้เขาเผลอยิ้มบาง ๆ ออกมาอย่างไร้เดียงสา แต่เมื่อก้มมองใกล้ ๆ ก็สังเกตเห็นว่า บริเวณขอบหยกมีอักษรเล็ก ๆ สลักอยู่ ตัวอักษรโบราณเรียงเป็นคำที่เขาเพ่งอ่านอย่างตั้งใจ


“โรงชาเมฆาซ่อนจันทร์?” เขาพึมพำเบา ๆ


ผู้เฒ่าจันทรายกถ้วยชาขึ้นจิบอีกครั้ง แววตาทอประกายยามกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ “ความรู้ที่แท้จริง มิได้ซ่อนอยู่แต่ในตำราหรือแท่นสังเกตการณ์ แต่บางครั้งมันอาจอยู่ในสถานที่ธรรมดาที่ผู้คนพักผ่อนหย่อนใจ ที่ที่หัวใจเปิดกว้างและเรื่องราวของผู้คนไหลเวียนเจือปน หากเจ้าต้องการเบาะแสเพิ่มเติม จงไปที่นั่น”


เสวี่ยซีเงยหน้ามองผู้เฒ่าด้วยความประหลาดใจและศรัทธา เขากอดหินหยกแนบอก รู้สึกถึงความอบอุ่นราวกับได้รับพลังบางอย่างมา น้ำเสียงนุ่มใสเอ่ยอย่างจริงใจ


“ขอบพระคุณท่านผู้เฒ่า ข้าจะไปตามเบาะแสนี้”


ผู้เฒ่าจันทราเพียงหัวเราะเบา ๆ สายตาเปี่ยมเมตตา แต่ไม่กล่าวอะไรอีก เหมือนทุกคำตอบได้ซ่อนอยู่แล้วในก้อนหยกนั้นเอง


เสวี่ยซีคารวะอย่างลึกซึ้ง ก่อนหมุนกายเดินออกจากศาลเจ้า แสงโคมไฟไหวไปตามแรงลม ร่างบอบบางของเขาเคลื่อนหายไปในความมืด ทว่าในดวงใจกลับเต็มไปด้วยแสงแห่งความหวังใหม่ 


เขาคิดถึงคำของอาจารย์หมานเฉียนที่ว่า การเรียนรู้ดวงดาวมิใช่เพียงตำรา หากแต่ต้องใช้หัวใจเชื่อมโยงกับฟ้า



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 20724 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-2 08:05
โพสต์ 20,724 ไบต์และได้รับ +10 EXP +15 คุณธรรม +15 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-10-2 08:05
โพสต์ 20,724 ไบต์และได้รับ +9 EXP +9 คุณธรรม +9 ความโหด จาก แหวนหยกสลักนาม   โพสต์ 2025-10-2 08:05
โพสต์ 20,724 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-10-2 08:05
โพสต์ 20,724 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-10-2 08:05
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้