12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
เจ้าของ: Admin

ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 9 ชั่วโมงที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 29 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซื่อ เวลา 10.00 - 11.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตอนใต้ ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

อีเว้นท์ ภารกิจ “มิตรภาพเหนือกาลเวลา”


สายลมเช้าวันนั้นพัดใบไม้ไหวเบา ๆ ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทราเงียบสงบ มีเพียงกลิ่นธูปที่ลอยคลุ้งตัดกับแสงแดดยามสายที่ส่องลอดชายคาไม้เก่าแก่ เถียนเฟิงก้าวช้า ๆ เคียงข้างหลินหยา พลางสังเกตสีหน้าที่แม้จะพยายามยิ้มแต่แววตายังคงหม่นลึก หลินหยาถอนหายใจออกมายาว “ข้าว่าเทพเยว่เหล่าคงเบื่อข้าแล้วแน่ ๆ มาบ่อยจนคงเอียนหน้าไปแล้ว” เสียงบ่นของนางเต็มไปด้วยความขี้เล่นกลบความเศร้า เถียนเฟิงเหลือบมองนาง ยกมุมปากแซวเบา ๆ “เจ้ามาบ่อยถึงเพียงนั้นหรือ? แล้วท่านโผล่มาให้เจ้าเห็นหน้าหรือไม่”


หลินหยาหันมามองเขา ขยับยิ้มบาง “อืม โผล่มาแล้วด้วย…หน้านิ่งสุด ๆ เลยนะ”


ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย เอียงศีรษะ “โกหกหรือเปล่า?” นางหัวเราะในลำคอเบา ๆ “เรื่องจริงแหละ ท่านมาแบบหน้าตาดี เท่ ๆ คูล(?) ๆ หน้านิ่ง…เหมือนใครบางคนเลย” ดวงตาหวานเหลือบไปทางเถียนเฟิงอย่างเจ้าเล่ห์ เขาชะงักไปครู่ ก่อนถอนหายใจพร้อมยิ้มอย่างจนใจ “ข้าหรือ? อย่างน้อยข้าก็ยังพูดกับเจ้า”


“จริงด้วย” หลินหยาหัวเราะเบา ๆ เสียงหัวเราะนั้นแม้จะอ่อนแรงแต่ก็อบอุ่น ทั้งสองเดินไปยังแท่นบูชา หลินหยายกธูปขึ้นเหนือหัว หลับตาอธิษฐานอย่างเงียบ ๆ เถียนเฟิงยืนนิ่งข้าง ๆ มองภาพหญิงสาวในแสงแดดที่ส่องลงมาพอดี ดวงตาเขาสะท้อนแววกังวลที่ปิดไม่มิด เทพเยว่เหล่า…หากท่านฟังอยู่ ช่วยชี้ทางให้เด็กคนนี้ด้วย


เมื่อหลินหยาเปิดตาขึ้น นางหันมายิ้มกับเขา “ข้าอธิษฐานแล้วนะ หวังว่าเทพจะไม่รำคาญคำขอข้า” เถียนเฟิงยกพัดเคาะไหล่นางเบา ๆ “ถ้าเทพรำคาญ ข้าก็จะอธิษฐานแทนเจ้าบ้าง” หญิงสาวหัวเราะออกมาอีกครั้ง แม้หัวใจยังเจ็บ แต่ยามนี้ในศาลเจ้าที่เงียบสงบ มีเพื่อนคนหนึ่งยืนข้าง ๆ นางก็รู้สึกว่าโลกไม่ได้โหดร้ายจนเกินไปนัก เถียนเฟิงเลยเดินไปหยิบเซียมซีมาให้ เธอพ่นลมหายใจแล้วรับมา เถียนเฟิงมองหลินหยาเงียบ ๆ ขณะที่นางรับไม้เซียมซีจากมือเขา เสียงกระทบของไม้เล็กกับกระบอกไม้ไผ่ดังกรุ๋งกริ๋งเบา ๆ ก่อนหนึ่งไม้จะหลุดร่วงลงมาบนพื้นศาล หลินหยาหยิบมันขึ้นแล้วยื่นให้สตรีวัยกลางคนผู้ดูแลศาลเจ้าอย่างเคยชิน


ผู้ดูแลรับไม้เซียมซีไป เธอเปิดแผ่นคำทำนายที่สอดไว้ในลิ้นชักเล็ก ๆ ของโต๊ะบูชา อ่านเงียบ ๆ สักพักก่อนสีหน้าจะค่อย ๆ แปรเปลี่ยน ความสงบเปลี่ยนเป็นความสับสน สุดท้ายสตรีนั้นเงยหน้าขึ้นสบตาหลินหยา “ข้าขอโทษนะเด็กน้อย…คำทำนายนี้…ข้าอ่านไม่ได้” เสียงของนางแผ่วแต่ชัดเจน


หลินหยาขมวดคิ้ว “อ่านไม่ได้? หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ? มันไม่ดีหรือเจ้าคะ?”


ผู้ดูแลส่ายศีรษะช้า ๆ “มิใช่ว่ามันไม่มีคำตอบ แต่ข้ามองไม่เห็น ไม่เห็นอะไรเลย…ราวกับว่ามีม่านหมอกหนาทึบปกคลุมทุกสิ่ง ข้ามองไม่ทะลุ” สตรีนั้นเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะหันไปมองเถียนเฟิงกับหลินหยาอย่างประหลาด อันนี้…เกินปัญญาของข้าแล้วจริง ๆ”


หลินหยาถึงกับเอ๋อค้าง ดวงตากะพริบปริบ ๆ มองไม้เซียมซีในมือราวกับมันกำลังล้อเลียนเธอ เธอหันไปสบตาเถียนเฟิงช้า ๆ “เอ่อ…นี่มันหมายความว่ายังไง?” เถียนเฟิงเองก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ดวงตาคมเต็มไปด้วยแววคิดคำนวณราวกับพยายามหาคำตอบ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนพูดเสียงเรียบ “เจ้ามักดึงดูดเรื่องที่ไม่ปกติอยู่เสมอหลินหยา…แม้แต่คำทำนายของเทพก็ยังปกปิดชะตาของเจ้า”


หญิงสาวทำหน้าตายู่ ๆ พลางถอนหายใจ “โอ้ย แบบนี้น่ากลัวนะท่านเถียนเฟิง…แล้วข้าจะทำยังไงต่อไปดีเนี่ย” 


เถียนเฟิงหันไปยิ้มบาง แต่สายตาแฝงความกังวล “บางที…บางสิ่งอาจกำลังทดสอบเจ้าอยู่” เขาพูดพลางยื่นมือมารับไม้เซียมซีคืนจากนาง ลอบมองตัวอักษรจาง ๆ ที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ ก่อนจะยื่นคืนให้หญิงสาว “แต่อย่างน้อย เจ้าก็ไม่ต้องเผชิญมันคนเดียว” หลินหยามองเขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนระบายยิ้มบาง ๆ ออกมา แม้ไม่เข้าใจชะตาตัวเอง แต่ความอบอุ่นเล็ก ๆ ในหัวใจทำให้นางรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย


หลังจากเรื่องน่าสงสัยหลินหยาเลยเดินเล่นรอบ ๆ ศาลเจ้าแทนกับเถียนเฟิง รอบ ๆ ศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรามีต้นซากุระใบเขียวสลับด้วยดอกสีขาวโปรยบาง ๆ ลมยามสายพัดเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ แผ่วผ่านเข้ามา หลินหยาก้าวเดินช้า ๆ ลากปลายนิ้วไปตามราวไม้เก่าแก่ของศาล ดวงตาเธอทอดมองขึ้นไปบนฟ้าเหมือนกำลังพูดกับบางสิ่งที่อยู่เหนือสายลม “องค์เทพเยว่เหล่าเคยบอกข้าแล้วนะ…ทางที่ข้าเลือกเต็มไปด้วยขวากหนาม” เสียงนางสั่นน้อย ๆ แต่เต็มไปด้วยความมั่นคง


เถียนเฟิงที่เดินเคียงข้างเพียงเหลือบมองก่อนถอนหายใจยาว ดวงตาคมฉายความเข้าใจ “เทพพูดถูก…ทางของเจ้าไม่ได้ง่ายเลยหลินหยา” หญิงสาวหันมายิ้มบาง ๆ “แต่ท่านก็รู้ใช่ไหมว่าข้าไม่เคยกลัว” แล้วเสียงเธอก็แผ่วลงเมื่อพูดต่อ “องค์เทพยังบอกด้วยว่า…ชะตามิอาจฝืน หากความรักของข้าไม่อาจชนะอุปสรรคได้ เส้นด้ายจะขาดสะบั้น…” คำพูดนั้นทำให้เถียนเฟิงชะงักเล็กน้อย มือเขากำพัดแน่นราวกับกดความคิดในใจ เขาหลุบตาลงคล้ายถามตัวเอง หรือว่าข้า…กำลังทำให้เส้นด้ายโชคชะตาของนางขาดกันนะ?


ทว่าเสียงใส ๆ ของหลินหยาก็ดึงเขากลับมา “แต่สำหรับข้า…มันยังไม่ขาด” เธอหันมายิ้มทั้งที่ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย “เพราะข้ายังไม่ได้ตัดใจจากเขาเลย…จากจางกงกงน่ะ” เถียนเฟิงเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไรต่อ ความเหนื่อยใจฉายชัดบนสีหน้าของเขา เขารู้ว่าความรักที่หลินหยามีช่างดื้อดึงมั่นคงจนเหมือนคนมืดบอด แต่ในแววตาเธอตอนนี้…มันไม่ใช่แค่ความเจ็บปวดอีกต่อไป มันมีประกายของการต่อสู้กับชะตาชัดเจน


เขาพยักหน้าเบา ๆ “ตราบที่เจ้ายังมีแสงในใจ…เส้นด้ายนั้นจะยังอยู่” คำพูดเรียบง่ายแต่น้ำเสียงจริงใจ ทำให้หลินหยาหันมายิ้มกว้างขึ้นนิดหนึ่ง ทั้งสองเดินต่อไปอย่างเงียบสงบ ท่ามกลางศาลเจ้าอันเงียบงันที่เหมือนกำลังฟังคำสัญญาของพวกเขาอยู่เงียบ ๆ “เช่นนั้นแล้ว เจ้ารู้อดีตของเขา เจ้าไม่ลองอยากรู้ปัจจุบันของเขาดูบ้างล่ะ? เขาแสดงสิ่งใดให้เจ้าได้รู้บ้าง นอกจากความมืดบอดของตัวจางกงกงเองน่ะ”


บรรยากาศรอบศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทรายามสายยังคงเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมพัดไหวใบไผ่และเสียงระฆังที่ดังคลอเบา ๆ เถียนเฟิงยืนกอดอก ใช้พัดขนนกเคาะฝ่ามืออย่างครุ่นคิด ดวงตาคมจับจ้องหลินหยาที่กอดอกแน่น พยายามหลบสายตาเขา นางเงยหน้ามองฟ้าแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว “ข้าจะไปหาข้อมูลจากไหนล่ะ จางกงกงอยู่ในวัง ตอนนี้ข้าไม่ใช่นางกำนัลแล้วจะไปหาข้อมูลจากไหน” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความท้อแท้ นางกัดริมฝีปากแน่น ก่อนกอดอกต่อราวกับกำลังป้องกันหัวใจของตนเอง


เถียนเฟิงยกคิ้วเล็กน้อย เขาก้าวเข้ามาใกล้จนเงาของเขาทาบลงบนร่างบาง ดวงตาเฉียบคมฉายแววคาดคั้นแต่แฝงความห่วงใย “เจ้าก็อยากรู้สินะ ว่าปัจจุบันเขาเป็นเช่นไร?” เสียงทุ้มราบเรียบ แต่แฝงแรงกดดันจนหลินหยาขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม 


“ข้าก็อยากรู้” หลินหยาตอบเบา ๆ แววตาเจือความลังเล “แต่การหาข้อมูลคนอย่างจางกงกงมันยากมากนะ อีกอย่างเขาระวังตัวมาก ๆ…ถ้าจะมีคนหาจริง ๆ ก็คงต้องเป็นพวกคนลับ ๆ เท่านั้นมั้ง” เถียนเฟิงยกพัดขึ้นเคาะกับฝ่ามือเบา ๆ แววตาคมมองหญิงสาวตรงหน้า “เจ้าว่าถ้าจะมีคนลับ ๆ หาข้อมูลได้คงเป็นใครระดับนั้น…แล้วถ้าข้าเสนอจะเป็นคนนั้นให้เจ้าเล่า?” คำพูดนั้นทำให้หลินหยาหันขวับกลับมามองทันที “หา? ท่าน…จะทำอะไรนะ?” เธอขมวดคิ้วเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง


“ข้าถามจริง หลินหยา” เถียนเฟิงก้าวเข้ามาใกล้ ลดเสียงลงจนแทบเป็นกระซิบ “ถ้าเจ้าต้องการรู้ ‘ปัจจุบัน’ ของเขา เจ้ากล้าพอไหมที่จะรับรู้ทุกสิ่ง…แม้จะเป็นสิ่งที่ทำร้ายหัวใจเจ้าก็ตาม?” 


หญิงสาวชะงักไปดวงตาสั่นไหว เธอกอดอกแน่นกว่าเดิม ราวกับป้องกันตัวเองจากคำถามนั้น “ข้า…” เสียงเธอแผ่วลง “ข้าอยากรู้…แต่ก็กลัว…”


เถียนเฟิงก้าวเข้ามาอีกก้าว เสียงเขาทุ้มลง กลายเป็นกระซิบที่แผ่วแต่แฝงด้วยความจริงจัง “ความกลัวนั้นเป็นสิ่งที่ธรรมดา แต่การเลือกที่จะไม่รู้ก็เท่ากับปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในความมืดบอดตลอดไปหลินหยา เจ้าจะอยู่กับความไม่รู้ หรือจะกล้าเผชิญกับความจริงแม้มันจะโหดร้ายแค่ไหนก็ตาม” สายตาของเขาจับจ้องเธอไม่วางราวกับรอคำตอบ หญิงสาวหลุบตาลง กอดอกแน่นยิ่งกว่าเดิม ลมหายใจเธอสั่นพร่าแต่สุดท้ายก็พึมพำออกมา “ข้า…อยากรู้” เสียงนั้นแผ่วเบาแต่หนักแน่นในที


เถียนเฟิงยิ้มมุมปากบาง ๆ พัดขนนกถูกกางออกช้า ๆ แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นนิ่งและเย็นเฉียบ “ดี…หากเจ้ากล้าพอข้าก็จะสนอง” ลมในลานศาลเจ้าแรงขึ้นราวกับสัญญาณแห่งการเริ่มต้นบางสิ่ง หลินหยามองเถียนเฟิงเงียบ ๆ แววตายังคงสับสน มือหนึ่งหมุนพัดขนนกอย่างใจเย็น สายตาคมราวกับอ่านทะลุใจคนมองหลินหยาที่ทำหน้ามึนงงอยู่ตรงหน้า เขายกคิ้วเล็กน้อยแล้วเอ่ยเสียงเรียบแต่น้ำหนักเต็มไปด้วยความหมาย “ไปหอจิวหลิ่งอิน”


หลินหยาขมวดคิ้วทันที “หอจิวหลิ่งอิน? นั้นมัน…หอปรึกษาปัญหาชีวิตคู่ไม่ใช่หรือ? ท่านให้ข้าไปถามวิธีแก้ปัญหารักสามเส้าหรือไง?” นางถามด้วยน้ำเสียงกึ่งขุ่นกึ่งล้อ แต่สายตาก็เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ เถียนเฟิงหัวเราะในลำคอเบา ๆ พัดขนนกสะบัดช้า ๆ ก่อนจะตอบ “ไม่ใช่แค่ชีวิตคู่ เจ้าคิดตื้นเกินไปแล้ว ที่นั่นคือศูนย์กลางข่าวสารลับในเงาของฉางอัน ใครก็ตามที่เข้าไป ต้องมีเหตุผลและหลักฐานยืนยันถึงสิทธิ์ ข้าให้เจ้ามาที่นี่ เพราะข้าต้องการให้เจ้ารู้ความจริงทั้งหมด”


“แล้วคนในหอนั้นจะเชื่อข้าได้ยังไงล่ะ? ข้าเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาแม่ค้าปากตลาด แถมยังเป็นสาวใช้ในสายตาคนอื่นอีก” หลินหยายู่ปาก ทำเสียงเหมือนคนไม่พอใจ


เถียนเฟิงไม่ตอบในทันที เขาหยิบตราประจำตำแหน่งของตนจากอกเสื้อ ยกขึ้นให้แสงแดดสะท้อนประกายโลหะ ก่อนจะยื่นไปให้หลินหยาด้วยมือที่มั่นคง “ใช้สิ่งนี้ ตราของต้าซือคงแห่งราชสำนัก เมื่อพวกเขาเห็น พวกเขาจะเชื่อทุกคำที่เจ้าพูด…และเจ้าจะได้รับการต้อนรับที่สมเกียรติ”


“ต้องทำขนาดนี้เลยหรือ? ท่านถึงกับยอมให้ข้าใช้ตราส่วนตัวขนาดนี้เชียว?” หลินหยามองตรานั้น ดวงตากลมโตฉายแววลังเล นางยู่ปากหนักกว่าเดิม


เถียนเฟิงยิ้มมุมปากอย่างคนที่รู้คำตอบอยู่แล้ว “ใช่ ต้องทำ เพราะเจ้าคือเพื่อนที่ข้าเลือกจะปกป้องด้วยตัวเอง ข้าไม่ให้ใครมาดูแคลนเจ้าได้” น้ำเสียงทุ้มต่ำหนักแน่นทำให้หลินหยาหลบตาไปเล็กน้อย หัวใจอบอุ่นขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว


“ก็ได้…ข้าจะไป แต่ถ้าเกิดเรื่องขึ้น ข้าจะโทษท่านคนเดียวเลยนะ” นางพึมพำเสียงเบา เถียนเฟิงหัวเราะเบา ๆ พลางเก็บพัดขนนกลง “โทษข้าได้ทุกเมื่อ หลินหยา…แต่อย่าลืมสิ เจ้ากำลังจะก้าวไปในเงามืดที่แม้แต่คนในราชสำนักยังไม่กล้าเหยียบ” ดวงตาของเขามองนางนิ่งจนหัวใจเธอเต้นแรง หลินหยากอดอกทำท่าประชด “เฮอะ…ก็ได้! แต่ถ้าเจ้าให้ข้าไปถึงที่นั่นแล้วมันน่ากลัวเกินไปนะ ข้าจะวิ่งกลับมาด่าท่านแน่”


“ข้ารอให้เจ้ากลับมาด่าอยู่แล้ว” เถียนเฟิงยิ้มบาง มุมปากยกขึ้นราวกับกำลังพอใจในความกล้าของนาง


  แล้วเหมือนหลินหยาจะนิ่งไปสักพักเหมือนนางพึ่งคิดอะไรบางอย่างได้ เลยหันไปทางท่านเถียนเฟิงที่อยู่ข้าง ๆ กัน “ท่าน ๆ เราเข้าไปในตัวศาลเจ้าอีกครั้งได้หรือไม่?” เถียนเฟิงยังไม่ทันจะเอ่ยปากถาม หลินหยาก็ลากแขนเขาเข้าไปในตัวศาลเจ้าผู้เฒ่าจันทราเสียแล้ว ก้าวเท้าของนางรวดเร็วราวกับคนที่คุ้นเคยกับทุกซอกทุกมุมในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ดวงตานั้นเปล่งประกายขึ้นอย่างตั้งใจ ทั้งที่เมื่อครู่ยังดูอิดโรยอยู่แท้ ๆ เถียนเฟิงมองด้วยสายตาแปลกใจแต่ก็ยอมปล่อยให้เธอลากไปโดยไม่ขัดขืน เมื่อเข้ามาในศาล ภายใต้เงาโคมแดงที่แกว่งไหวช้า ๆ ด้วยแรงลม เสียงกระดิ่งเล็กที่ประดับอยู่เหนือประตูส่งเสียงกังวาน หลินหยาไม่เสียเวลาลังเล นางก้าวตรงไปยังแท่นบูชาของเทพเยว่เหล่า หยิบเครื่องสักการะที่เตรียมจากไหนไม่รู้ลงอย่างคล่องมือ เถียนเฟิงเลิกคิ้วขึ้นนิด ริมฝีปากยกยิ้มจาง ๆ กับความคล่องแคล่วนี้


“สุราไผ่เขียวหนึ่งไห หม้อไฟแปดเซียนร้อน ๆ หนึ่งหม้อ และผลท้อสองผล...” หลินหยาพึมพำพลางจัดเรียงทุกอย่างบนแท่นบูชาอย่างระมัดระวัง กลิ่นสุราหอมละมุนลอยคลุ้งไปทั่ว พร้อมกับไอร้อนจากหม้อไฟที่ยังคงเดือดปุด ๆ บ่งบอกถึงความตั้งใจที่นางมีต่อการถวายครั้งนี้ เถียนเฟิงพับพัดขนนกลง มองภาพตรงหน้าอย่างเงียบงัน เสียงของเขาเอื้อนเอ่ยอย่างสงสัยแต่แฝงรอยขัน “เจ้าดูคล่องเกินไปนะหลินหยา...เจ้ามาที่นี่บ่อยจนเทพเองยังจำหน้าเจ้าได้แล้วสินะอย่างว่า”


หลินหยาหันมามอง ยิ้มระคนแววตาล้อเลียน “แน่นอนสิ ข้ามาบ่อยจนเทพเยว่เหล่าคงเอือมข้าไปแล้วล่ะ” นางหันกลับไป จุดธูปสามดอกแล้วปักลงในกระถางอย่างมั่นคง ก่อนหลับตาไหว้อย่างจริงจัง “ข้าไม่ขอพรใหญ่โตอะไรหรอก แค่ขอให้เส้นด้ายแดงของข้า...ไม่ขาดกลางทางก็พอ” เสียงของนางเบาหวิวแต่แฝงความสั่นเครือ เถียนเฟิงยืนนิ่งข้าง ๆ ใจเหมือนถูกกระตุกอย่างบอกไม่ถูก


เมื่อหลินหยาลืมตาขึ้นนางหันมายิ้มกว้างให้เขา “เห็นไหมล่ะ ข้าบอกแล้วว่าทำเป็น”


“เจ้าทำเหมือนนี่เป็นบ้านของเจ้าเลยนะหลินหยา” เถียนเฟิงส่ายหน้าเล็กน้อยทั้งเหนื่อยใจทั้งเอ็นดู


นางยักไหล่พลางตอบอีกคนแบบง่าย ๆ “ก็ไม่ต่างกันหรอก ข้ามาที่นี่จนรู้ทุกมุมแล้ว...เฮ้อ แต่รู้ไหม ข้าสบายใจทุกครั้งที่ได้มาที่นี่” เถียนเฟิงมองเธอด้วยสายตานิ่ง ๆ แต่ลึกซึ้ง “ถ้าอย่างนั้น...เจ้าก็ทำสิ่งที่ทำให้เจ้าสบายใจต่อไปเถอะ แม้แต่เทพยังยอมฟังเสียงของเจ้า ข้าเองก็จะฟัง” คำพูดนั้นทำให้หลินหยาชะงักเล็กน้อย ก่อนระบายยิ้มบาง ราวกับได้แรงใจใหม่ แม้ในใจยังเต็มไปด้วยความสับสน แต่มีเถียนเฟิงอยู่ตรงนี้...นางรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เดินลำพังในเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามอีกแล้ว




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: มีเควสไหนที่ผมไม่ต้องมาที่นี่บ้าง 555+


เผาค่าความโหด

“ข้า หนาน หลินหยา ขอถวายศรัทธาจากก้นบึ้งของหัวใจแก่เหล่าเทพ องค์เทพเยว่เหล่า เทพแห่งการแต่งงานและพรหมลิขิต”

จำนวนค่าความโหดที่มอบให้: 3000

(ทุก ๆ 1000 ความโหด = +50 ความโปรดปรานจากเทพ)


รางวัล: 

ได้รับ "เครื่องรางแห่งความหวัง" (ไอเท็มประกอบฉาก)

(เครื่องรางเต็มตัวแล้วเย็กแม๊)


สักการะบูชาและถวายอาหาร แด่ [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า)

สักการะด้วย ลูกท้อ 2 ผล

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

เผาค่าความโหดในการเคารพบูชาเทพเจ้า ความโปรดปราน +150 แต้ม

ถวายคอมโบ หม้อไฟแปดเซียน อาหารเกรดแดง + สุราไผ่เขียว สุราเกรดทอง โบนัสเพิ่ม +15 แต้ม

อาหารปรุง ความสัมพันธ์ +5

โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


แสดงความคิดเห็น

หัวใจผู้เฒ่าจันทราตัน 8 ดวงแล้ว  โพสต์ 6 ชั่วโมงที่แล้ว
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [GOD-02] ผู้เฒ่าจันทรา (เยว่เหล่า) เพิ่มขึ้น 200 โพสต์ 6 ชั่วโมงที่แล้ว
คุณได้รับ --3000 ความโหด โพสต์ 6 ชั่วโมงที่แล้ว
โพสต์ 66,131 ไบต์และได้รับ +15 EXP +1 Point [ถูกบล็อค] ความชั่ว +40 คุณธรรม +40 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ 9 ชั่วโมงที่แล้ว
โพสต์ 66,131 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 9 ชั่วโมงที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ดาวนำโชค
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
พลั่ว
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x20
x15
x20
x52
x50
x25
x182
x1
x4
x4
x44
x1
x2
x2
x10
x10
x34
x2
x1
x122
x2
x18
x14
x5
x13
x60
x16
x49
x48
x74
x1
x1
x114
x2
x6
x1
x1
x1
x3
x9
x5
x3
x2
x1
x6
x6
x10
x5
x132
x40
x19
x7
x15
x42
x4
x1
x1
12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้