[บันทึกการเดินทาง] : การเดินทางตามหามุกวารี

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-7-9 17:42

武林志






บันทึกยุทธภพสีคราม


[การเดินทางตามหามุกวารี]

จากตั่งเตียง สู่ ภูผา
จากวังหลัง สู่ เทียนซาน
จากฉางอัน สู่ ยูนนาน
จากนิมิตร สู่ สุดสายตาจะพิศมอง



ผู้บันทึก



ชื่อสกุล — เว่ยเจียเหลียนฮวา | 魏佳莲花
สมญานาม — พหูสูตรน้อย
ผู้ร่วมเดินทาง

โจวจิน
จ้าวหนิงเฟย









แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 3247 ไบต์และได้รับ 1 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-5-9 18:12
โพสต์ 2025-5-10 21:45:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-5-31 10:27


บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 1
วันที่ยี่สิบหก ซื่อเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด
ต้นยามเฉิน (07.30 น.)






   แรกน้ำค้างแว่วสกุณาร้องรับสุริยัน
ณ ห้วงฝันใต้ท้องนภาไร้กำบัง



วันที่ยี่สิบหก ซื่อเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด

   ในช่วงเวลาฟ้ายังไม่สาง เมื่อสิ้นกิจวัตรคราสุดท้าย เอ่ยร่ำลากับองค์ไท่โฮ่วในการเข้าเฝ้ายามเช้า บอกลาหลานตัวดีทั้งสองในฐานะของน้าสาว บอกลาเจี่ยเจีย เหม่ยเมยที่จริงใจและกระโดดขึ้นหลังม้าเพื่อเริ่มต้นการเดินทางที่คงจะยาวนานมาก ๆ เส้นทางทอดยาวจากป่าไผ่ ม่านหมอกที่ลอยเอื่อยบังตา ทว่าเมื่อแสงตะวันทออาบไล้ทั่วทุกที่มันทำให้ดวงใจของข้าเต้นไม่เป็นส่ำ ทั้งชีวิตของข้านั้นอยู่ในห้อง ใต้แผ่นฝ้าคุ้มหัว ดวงตาสะท้อนเพียงน้ำหมึก เรียวนิ้วสัมผัสเพียงพู่กันและกระดาษ เช่นนั้นแล้วการออกมาสู่โลกกว้างของข้าในครานี้นั้นย่อมเป็นการแสวงปัญญาของดินแดนแห่งนี้เป็นแน่

   ด้วยความที่การเดินทางนี้มันช่างไกลแสนไกล ทั้งยังมีพระสนมเป็นหนึ่งในคณะเดินทาง ใช่ ตัวข้า เว่ยเจียเหลียนฮวา ผู้เป็นพระสนมยศเสียนอี๋…ทว่าในระหว่างการเดินทางนี้ ไร้ยศฐาบรรดาศักดิ์ หากไม่จำเป็นก็จะแทนตนเช่นอดีต ‘คุณหนูสามเว่ยเจีย’ เป็นคำเรียกขานที่น่าคิดถึงเสียจริง เพราะเช่นนี้เองฝ่าบาทเลยประทานม้าพันธุ์ดีให้แก่ข้าถึงสามตัวเพื่อลดระยะเวลาในการเดินทาง แม้ว่าจะต้องอดทนฟันฝ่าความหวาดกลัวในวัยเด็กจนแทบคลื่นไส้ ทว่ามันก็เร็วกว่าการเดินเท้าผ่านป่าเขาเช่นนี้อยู่มากโขเลย

   ในวันนี้เป็นวันที่เรียบง่าย การเดินทางในวันแรก ๆ คงเป็นเช่นนี้เสียส่วนมาก อาจเพราะยังไม่ห่างจากฉางอันมากนักด้วยเลยยังไม่มีปีศาจน่ากลัวนัก แต่สิ่งที่ตื่นเต้นเองก็มีอยู่มาก นั่งพักริมน้ำครั้งแรกเอย นอนดูดาวเคียงกองไฟเอย เป็นประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือน

  
(ในช่วงท้ายของกระดาษมีร่องรอยหมึกวาดรูปม้าบิดเบี้ยวพร้อมกับตัวอักษรที่แทนความรู้สึกของผู้เขียน “ข้า เกลียด ม้า”)


   จุดเริ่มต้นของการเดินทางแม้เป็นนิมิตแลเลือนลาง ทว่ากลับรู้สึกถึงจุดหมายได้อย่างชอบกล ในสายตาผู้อื่นการเดินทางนี้อาจจะดูเลื่อนลอย ทว่าในสิ่งที่สะท้อนผ่านนัยน์ตาสีน้ำตาลสุกใสนั้นคือแสงที่พาดผ่านเป็นด้ายเปล่งประกายนำทาง มีกลุ่มแสงน้อย ๆ คอยบินวนราวกับย้ำเตือนให้นางได้ก้าวสองเท้าเดินออกจากสถานที่ที่เป็นดั่งโลกทั้งใบของนาง

   แม้ว่าสิ่งที่ต้องเผชิญอย่างยากลำบากอย่างการขึ้นขี่ม้าจะทำให้การเดินทางในช่วงแรก ๆ นั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้าจนเร็วกว่าฝีเท้าปกติไม่มากนักหากเทียบกับความเร็วที่ควรจะทำได้ ทว่าช่วงยามอู่ที่พักใต้ร่มไม้ โจวจินได้บอกนางให้ลองทำความรู้จักและสร้างความสนิทสนมกับมันดูเผื่อจะกลัวลดลงบ้าง นางเลยได้ข้ามผ่านกำแพงความกลัวอันสูงใหญ่และยื่นฝางหญ้าให้มันกินดู

   เสี่ยวเฮย ม้าสีดำตัวใหญ่ทว่ากลับเชื่องและใจดีมันมีชื่อว่าเสี่ยวเฮย จริง ๆ มันมีชื่อที่ดูองอาจกว่านี้ทว่าสิ่งที่นางจดจำได้คือคำว่า สีดำ สุดท้ายแล้วจากชื่อที่องอาจที่ฝ่าบาทตรัสบอกให้เอ่ยนามของมันบ่อย ๆ ก็เหลือเพียงเจ้าสีดำตัวน้อยเสียอย่างนั้น

   การเดินทางในวันนี้เป็นการเดินทางที่เรียบง่าย เดินทางโดยที่ยังสามารขยับได้เต็มกำลังไร้สิ่งขัดขวาง เช่นนั้นแล้วจากฉางอัน บัดนี้ก้าวเข้าสู่เขตของ ป่าชิงสุ่ย ใกล้กับ หมู่บ้านซานหลิง เขตเมืองเฟิ่งเซี่ยน

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 10710 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-5-10 21:45
โพสต์ 10,710 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D)  โพสต์ 2025-5-10 21:45
โพสต์ 10,710 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2025-5-10 21:45
โพสต์ 10,710 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +2 ความโหด จาก บัณฑิต  โพสต์ 2025-5-10 21:45
โพสต์ 10,710 ไบต์และได้รับ +2 EXP +4 คุณธรรม จาก พู่กันคัดอักษร  โพสต์ 2025-5-10 21:45
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-5-12 20:41:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด

บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 2

สองประโยคเลื่อนลอย
คอยกระซิบหวังดังใจ




  

วันที่ยี่สิบเจ็ด ซื่อเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด

   วันนี้เป็นวันที่ข้าเดินทางออกจากจุดเดิมมาไกลพอควร ออกจากป่าเขียวขจี ลำธารไหลเย็นมาสู่ผืนทรายหยาบและแสงแดดร้อน ทว่าสิ่งที่ได้ค้นพบในวันนี้มันมากมายนัก

   ฟ้าแตกผืนโลกทลาย หนี่วาสร้างสะพานสรวง
   เลือดเนื้อกลั่นมุกสรวง หล่อดวงใจปกมวลชน
   หากมารฟื้นคืนหายนะ ต้นธารจะชี้ทางหน
   ทายาทจงฟังเสียงตน ในเงาน้ำคือชาติกำเนิด


   บทกลอนบนผ่นศิลาแม้เลือนลางทว่ากลับยังคงชัดมากพอที่จะอ่านมัน ตัวอักษรโบราณพวกนี้ต้องขอบคุณหอสมุดหลวงที่ทำให้ข้าได้เข้าไปอ่านตำรามากมายไม่ใช่น้อย ๆ บทกลอนนี้ต้องเป็นบนกลอนที่เอาไว้ย้ำเตือนสตรีผู้เป็นบุตรีแห่งหนี่วาเป็นแน่ นับว่าเป็นการค้นพบหลักฐานที่ชี้ประจักษ์ถึงนิมิตได้หรือไม่ ทั้งหมดนี้ทำให้ข้าอยากรู้เสียแล้วว่าในจุดสุดท้ายของการเดินทางมีอะไรขอพวกเราอยู่


   จุดเริ่มต้นของวันใหม่มักเริ่มต้นโดยที่ท้องฟ้ายังประดับดวงดารามากมาย ด้วยกิจวัตรในฐานะของพระสนมที่ขึ้นยศพระสนมขั้นสูงอย่างรวดเร็วเล็กน้อยตั้งแต่เข้าวังหลังไม่นานทำให้การตื่นนอนของเว่ยเจียเหลียนฮวาแปรเปลี่ยนเป็นคนที่ตื่นนอนเอาตั้งแต่ยามเหม่า (ตี 5) แน่นอนว่าจ้าวหนิงเฟยที่รับใช้นางมาตลอดเองย่อมตื่นไวกว่าผู้เป็นนายอยู่แล้ว ร่างบางลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาบริเวณริมลำน้ำเย็นใสให้สดชื่น รับผ้าชุบน้ำจากจ้าวหนิงเฟยมาเช็ดกายสักหน่อยก่อนจะผลัดเปลี่ยนอาภรณ์โดยมีผู้ช่วยเหลือตลอด และโจวจินคือคนสุดท้ายที่ตื่นขึ้นมาหลังจากพวกนางจัดการตนเองเรียบร้อย (หรืออันที่จริง เขาตื่นแล้วแต่รั้งรอให้เหล่าสตรีจัดการตนเองให้เรียบร้อยก่อนก็ไม่อาจทราบได้)

   ในช่วงที่ฟ้าเริ่มสาง พวกนางก็เริ่มเดินทางกันต่อ เนื่องจากยังเช้าจึงเลือกที่จะจับจูงเหล่าม้าทั้งหลายให้เดินพอคลายง่วงไปบ้างจนไปเจอเข้ากับหมู่บ้านซานหลิง คณะเดินทางจึงตัดสินใจหยุดพักทานอาหารเช้ากันที่โรงเตี๊ยมและซื้อเสบียงพื้นเมืองอย่างพวกเกาลัดตากแห้ง หรือ สมุนไพรป่า มากักตุนไว้เพิ่มเติมก่อนจะเดินทางต่อโดยไม่รั้งรอให้เสียเวลานาน

   เพราะสำหรับเว่ยเจียเหลียนฮวา นางเสียเวลามาร่วมเกือบเก้าเดือนแล้ว

   ออกจากหมู่บ้านซานหลิง ครานี้ทั้งสามเลือกขึ้นขี่ม้า เหลียนฮวาแม้จะมีอาการสั่นตามกายบ้าง ทว่าเพื่อขี่สักพักก็พอจะสงบใจขึ้นมาหน่อย นับว่าเป็นการพัฒนาจากเดิมอยู่มาก เส้นทางนี้เป็นแนวป่าชิงสุ่ยชั้นนอก มีหมอกจางลอยนิ่งและบรรยากาศของป่าที่เงียบสงัดจนได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าของม้า แม้จะดูน่ากังวลใจ ทว่าการที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งออกจากป่า

   ในช่วงยามอู่ ในช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นตรงกลางศีรษะ พวกนางได้เข้ามาสู่เส้นทางหุบเขาฝูเหริน — ทางแคบกลางผาหิน ในตอนแรกนั้นเหลียนฮวาคิดเพียงว่ามันเป็นเพียงทางแคบข้ามหุบเขาธรรมดา ทว่าเมื่อควบม้าเดินช้า ๆ เรื่อย ๆ ไปสักพักก็ได้พบกับสองทางของผาหินที่เต็มไปด้วยภาพแกะสลักรูปหญิงสาวถือไข่มุกอยู่เหนือสายน้ำ บอกเล่าเรื่องราวของตำนานแห่งเทพหนี่วากับชนเผ่าพื้นเมือง สามารถบ่งบอกได้ถึงหลักฐานของการมีอยู่ของตัวตนที่นางแลเห็นในนิมิตและได้ประติดประต่อเรื่องราวจนรับรู้ว่าเส้นทางนี้เป็นเส้นเกวียนโบราณที่เคยใช้เชื่อมต่อระหว่างเมืองพรมแดน

   เมื่อพ้นเส้นทางแคบนี้ไปเรียบร้อย ในช่วงเวลาที่แสงแดดร้อนจัด สายลมพัดทรายเป็นหมอกเบาบาง ทัศนียภาพที่เปิดกว้างขึ้นเผยให้เห็น ซากหอคอยอิฐโบราณที่นางจำได้ว่าเคยได้ยินในเรื่องเล่าตามม้วนวรรณกรรมที่ได้อ่าน หอคอยของโหลวหลาน

   ตอนนี้ที่พวกนางกำลังยืนอยู่ทางเข้าเมืองโหลวหลานที่ร้างแลไร้ชีวิตเป็นช่วงเวลาปลายยามเว่ย ตรงหน้าของนางที่หลุดจากป่าชื้นเป็นผืนทรายแข็งและซากอิฐโบราณ การเดินทางนี้นั้นเป็นการเดินทางไปตามสัญชาตญาณและตามการชี้นำของด้ายทองแห่งเทพเซียน เมื่อร่องรอยกระแสด้ายสีทองนำทางเข้ามาในเมืองนี้พวกนางจึงจำต้องมุ่งตรงเข้าไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดวงตาสีน้ำตาลคู่งามโผล่พ้นผ้าคลุมป้องกันทรายสอดส่องไปทั่วอาณาบริเวณ ภาพความร้างและไร้ผู้คนทำเอารู้สึกหลากหลายในอกมิใช่น้อย

   ครั้งหนึ่งในที่แห่งนี้เคยมีผู้คน ทว่าในตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว

   ณ ใจกลางเมืองโหลวหลานที่รกร้าง ในช่วงเวลาที่ท้องฟ้าแดงส้มอ่อนแสงอาทิคย์ แสงสุดท้ายตกกระทบ [ แท่นบูชาหินทราย ] ที่มีลวดลาย มังกรวารี สลักรอบราวต้องมนต์ให้พวกนางได้พิศมองและพบเจอเข้ากับวิหารที่สูงใหญ่แม้ผ่านกาลเวลาไปนับหลายร้อนพันเหมันต์

   “นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว อีกทั้งวิหารสมัยอดีตมักจะแข็งแรงทนลมฟ้ามาจนถึงยุคสมัยนี้ เช่นนั้นแล้วเราค้างแรมพักก่อนดีหรือไม่ขอรับ เจ้าม้าจะได้พักกันด้วย”

   เสียงของโจวจินผู้ที่ดูมีประสบการณ์ด้านการเดินทางไกลเช่นนี้มากที่สุดในบรรณาคณะเดินทางที่มีเพียงสามคนได้เอ่ยขึ้น เหลียนฮวาผู้ที่สวมยศฐาเป็นเพียงบุตรีตระกูลขุนนางก็พยักหน้าเบา ๆ เห็ฯด้วยกับความคิดนี้

   “หากเจ้าว่าเช่นนั้นก็ย่อมได้”

   ทั้งสามคนได้เดินตรงเข้ามายังวิหารที่เหลือโครงสร้างไว้ให้พักพิง เรื่องม้าและการพักแรมพวกนั้นเหลียนฮวาปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโจวจินและจ้าวหนิงเฟย ส่วนตัวของนางที่ได้เหลือบไปแลเห็นสัญลักษณ์คุ้นตาดึงดูดความสนใจของนางไม่น้อยก็เดินถือคบเพลิงไปไปอ่านตามผนัง ดวงตางดงามกวามมองไปรอบ ๆ แลเห็นแผ่นศิลาบันทึกคำกลอน ว่าด้วยสตรีผู้ถือมุกแห่งวารี

   ฟ้าแตกผืนโลกทลาย หนี่วาสร้างสะพานสรวง
   เลือดเนื้อกลั่นมุกสรวง หล่อดวงใจปกมวลชน
   หากมารฟื้นคืนหายนะ ต้นธารจะชี้ทางหน
   ทายาทจงฟังเสียงตน ในเงาน้ำคือชาติกำเนิด


   พหูสูตรน้อยเช่นนางมือหรือจะปล่อยไปเฉย ๆ ร่างเล็กรีบอ่านและจดจำมันเอาไว้ให้มั่นก่อนจะรีบก้าวเดินกลับไปที่ค่ายพักแรมขนาดย่อมเพื่อหยิบกระดาษและพู่กันมาจดบันทึกไว้ว่าเนื้อหาพวกนี้ดูมีความสำคัญเพียงใด

   ในช่วงเวลาสุดท้ายของวัน ในช่วงเวลาที่ราตรีโอบกอด ดวงตาที่สุกใสค่อย ๆ หลับลงเพื่อเข้าสู่ห้วงนิทรา ในค่ำคืนนี้ในห้วงฝันได้ปรากฎสตรีผู้งดงามนางหนึ่งกำลังก้าวเดินอยู่บนสายน้ำ รอบกายของนางผู้นั้นมีแสงเรืองรองก่อนจะได้แลเห็นว่ามันคือแสงจากไข่มุกงามลอยอยู่เบื้องหน้า ภายในห้วงฝันนี้เสียงสะท้อนประโยคที่ชัดแจ้งราวกับต้องการให้นางจดจำให้ได้แม้ยามตื่นนอนก็ตาม

   “จงมอบมันให้ทายาทแท้จริง... ผู้ถือสายเลือดจากสตรีผู้ปั้นมนุษย์...”





แบบนี้ถือว่าเป็น โรลเพลย์ค้นคว้าหาความรู้จากการฟัง หรือ อ่าน +30 EXP (วันละครั้ง) ได้ใช่ไหมนะ ?

@Admin

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2025-5-15 15:38
โพสต์ 19160 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-5-12 20:41
โพสต์ 19,160 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D)  โพสต์ 2025-5-12 20:41
โพสต์ 19,160 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2025-5-12 20:41
โพสต์ 19,160 ไบต์และได้รับ +3 EXP +10 คุณธรรม +4 ความโหด จาก บัณฑิต  โพสต์ 2025-5-12 20:41
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-5-15 20:48:09 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-5-31 10:32


บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 3
สามเสี้ยวพริบตาจดจำไม่รู้ลืม




  

วันที่ยี่สิบแปด ซื่อเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด

   วันนี้ข้าคงขอข้ามกิจวัตรเดิม ๆ อย่างการอธิบายว่าข้าตื่นมายามไหน ทำสิ่งใดบ้าง สิ่งแรกที่น่าจดจำคงไม่พ้นการที่เกิดผืนดินสั่นไหวอยู่ ณ วิหารร้างที่พักแรมกัน ทว่าสิ่งนั้นคือการเปิดทางอุโมงค์ที่ใหญ่มากพอที่ข้าคิดว่าคงเป็ฯเส้นทางที่เหล่าสาวกเทพหวี่วาใช้งานเป็นแน่ ข้าตัดสินใจเชื่อในพลังนำทางของเซียนจึงเข้าไปในนั้น ต้องขอบคุณเลยนอกจากที่จะได้รู้เรื่องราวของเทพหนี่วาแล้ว ยังได่ร่นระยะการเดินทางจากราว ๆ สามวันเหลือเพียงวันเดียวเท่านั้น

   เมื่อสิ้นเส้นทางนี้ก็ได้พบว่ามีผู้เฒ่าเซียนที่ข้าคิดว่าเขาน่าจะเป็นเซียนเป็นแน่ สิ่งที่เขาเอ่ยบอกนั้นคือเรื่องของเซียนปกครองเป็นอาณาเขต เช่นนั้นแล้วพลังสีทองที่นำทางข้าอยู่นั้นจำต้องสิ้นพลังไปอย่างช่วยไม่ได้ แม้จะดูเหมือนสิ้นไร้ไม้ตรอกแล้ว ทว่าผู้เฒ่าผู้นั้นได้ยกไม้เท้าหินกลวงที่น้ำหนักเบาอย่างไม่น่าเชื่อให้แก่ข้า มันสลักลายหยดน้ำทำให้ข้ารู้สึกได้ว่ามันต้องถูกสร้างมาเพื่อตามหาทายาทแห่งพลังเทพหนี่วาเป็นแน่

   สุดท้ายแล้วพวกเราทั้งสามก็มาหยุดที่แนวที่ราบฮัวซินของหุบเขาชิงหยาง ม้าที่เดินทางมาทั้งวันแล้วจำต้องหยุดเพื่อพักผ่อน และความข้าก็ต้องพักผ่อนเช่นกัน


   เริ่มต้นวันในยามเหม่าเช่นเคย ทว่าวันนนี้ยามเช้าของนางกลับมิได้แจ่มใสเช่นที่ควร ดวงตาสีน้ำตาลกลมใสกลับดูเหม่อลอยไปทางทิศตะวันออกราวกับต้องการถามลมฟ้าและดวงสุริยัน ภายในหัวของนางนั้นกลับมีภาพฝันหมุนวนพร้อมประโยคที่ดังก้องราวกับต้องการย้ำเตือนนางให้เร่งฝีเท้ามากขึ้น

   “จงมอบมันให้ทายาทแท้จริง... ผู้ถือสายเลือดจากสตรีผู้ปั้นมนุษย์...”

   “เร่งฝีเท้ากันเถิด”

   น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้นเมื่อทุกคนในค่ายพักแรมนอกวังนี้ได้เตรียมตัวครบเรียบร้อยแล้ว การเตรียมตัวในวันนี้ค่อนข้างรวดเร็วเนื่องจากว่าไม่ได้มีแหล่งน้ำให้อาบ อาศัยผ้าชุบน้ำเช็ดกายเพื่อประหยัดทรัพยากรแทน ทางด้านของจ้าวหนิงเฟยและโจวจินต่างรับคำอย่างพร้อมเพรียง

   ในขณะที่กำลังจะตรวจทานสัมภาระเพื่อให้พร้อมต่อการเดินทาง ช่วงยามนั้นเองที่เกิดแรงสั่นสะเทือน ณ ใต้พื้นที่ที่ทั้งสามยืนอยู่ วิหารทั้งหลังสั่นไหวก่อนจะได้ยินเสียงดังสนั่นจากกำแพงสลักภาพของเทพหนี่วา ปรากฎทางลาดจากพื้นลงใต้ดินเป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่มากพอที่จะให้คนขี่ม้าขี่เข้าไปได้ ราวกับว่าเป็นเส้นทางที่ตระเตรียมไว้ให้เหล่าผู้เดินทางตามหาเส้นทางขององค์เทพหวี่วาก็ไม่ปาน ด้ายสีทองที่เคยงุนงงว่าเหตุใดมันถึงนำทางลงใต้พื้นกันนั้นบัดนี้ได้กระจ่างแจ้งแล้ว ดวงใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำด้วยอารามตกใจก่อนจะค่อย ๆ หันเมียงมองใบหน้าเหล่าสหายร่วมทางทั้งสองคนราวกับต้องการยืนยันความปลอดภัยและการตัดสินใจที่จะเดินลงไปในนั้น

   “คุณหนูสาม มันจะไม่อันตรายหรอกหรือเจ้าคะ” เสียงของจ้าวหนิงฮวาเอ่ยขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่านางนั้นใส่ใจความปลอดภัยของผู้เป็นนายเป็นที่สุด

   “ทว่า…กระแสพลังเทพเซียนผู้นั้นนำทางลงไปที่แห่งนี้…” แม้จะดูไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัยมากนัก ทว่าเพื่อป้องกันเรื่องเช่นนี้ นอกจากจะพาจ้าวหนิงเฟยมา นางถึงชวนโจวจินมาด้วย “ต้องลำบากเจ้าแล้วโจวจิน เราไปตามทางเส้นนี้กันเถิด”

   “ขอรับคุณหนูสาม…” ราวกับปลงตกแล้วที่การเดินทางกับสตรีผู้นี้ต้องไม่ง่าย เช่นนั้นแล้วเขาก็กระทำกระไรได้นอกจากตามหลังสตรีทั้งสองนางลงไปยังภายในอุโมงค์ใต้ดิน

   เพื่อความปลอดภัยของผู้คนทั้งสาม โดยเฉพาะสตรีผู้สูงศักดิ์ การที่เขาจะมีเศียรประดับบ่าไว้ได้นั้นจำต้องจัดตำแหน่งการเดินทางให้ดี การเดินทางของคณะเดินทางนี้นับว่ายังดีนักที่นางกำนัลอย่างจ้าวหนิงเฟยพอได้วรยุทธ์อยู่บ้างจึงให้นางเดินรั้งท้าย ทั้งคอยช่วยเหลือพระนางยามมีปัญหาและคอยระวังหลังเป็นอย่างดี ส่วนเขาผู้เยี่ยมยุทธ์ที่สุดเลือกที่จะอยู่เป็นคนแรกของขบวน ทั้งเพื่อดูลาดเลา ระวังภัยที่จะมาถึง และ สามารถปกป้องสตรีทั้งสองที่อยู่ข้างหลังได้

   เป็นบุญของเขานักที่นายผู้คุ้มกันเคยร่วมงานกันมาก่อน นางฉลาดพอจะไม่หาเรื่องใส่ตัว

   ในเมื่อตั้งสติและจัดขบวนใหม่อีกครั้งแล้วก็เริ่มเดินทาง แม้ว่าจะต้องเสียสละเศษผ้าและต้องจุดไฟขึ้นมาใหม่เพื่อเดินเข้าไปยังอุโมงค์อับแสงเช่นนี้ ทว่าก็ดีกว่าเดินทางท่ามกลางความมืด ทั้งเขาทั้งสามหาได้เดินทางเท้าไม่ พวกเขาเดินทางด้วยม้าทั้งสิ้น เช่นนั้นแล้วนอกเหนือจากความปลอดภัยนั้น จำต้องคำนึงถึงอาชาคู่ใจไม่ใช้มันสติกระเจิงจนนำมนุษย์ผู้เป็นนายไปสู่คราวสิ้นชีพเป็นแน่

   ใช้เวลาอยู่นานราว ๆ ชั่วยามเลยทีเดียวที่ต้องเดินไปเรื่อย ๆ ในอุโมงค์ใหญ่นี้ กว่าสิ่งที่ดูจะทำให้การเดินทางเข้ามาเสี่ยงภายในพื้นที่ปิดเช่นนี้ดูจะมีความหมายยิ่งขึ้นคงจะเป็นเรื่องของภาพวาดบนผนังหินทั้งหลายที่เป็นรูปของสตรีผู้เป็นมารดาแห่งปวงชนทั้งผอง ท่ามกลางผู้คนมากมายที่บูชานางผู้นั้นราวกับเทพมารดา ใจกลางที่ส่องประกายเป็นลูกกลม ๆ สีขาวขุ่นไปตามกาลเวลามราสามารถตีความได้ถึงสิ่งที่นางกำลังตามหา

   ในเมื่อสิ่งที่นางอ่านมาตลอดล้วนเล่าเรื่องราวของเทพหนี่วา เช่นนั้นแล้วใยภาพอิสตรีผู้นี้จักมิใช่เทพหนี่วาเล่า

   ในช่วงเวลาที่พหูสูตรน้อยกำลังหลงใหลกับโบราณสถานไปเรื่อย ๆ ช่วงเวลานี้เองก็เป็นดั่งการข้ามเวลามาจนพบกับปลายทางอันมีแสงส่องรำไร ทั้งสามคนต่างไม่ต้องเอ่ยถามก็ย่อมรู้แก่ใจว่าการเดินออกจากสถานที่แห่งนี้ย่อมปลอดภัยยิ่งกว่าเป็นแน่

   ฉับพลันที่ก้าวออกจากอุโมงค์มืด รอบข้างพลันสว่างไสวด้วยแสงอาทิตย์ปลายยามซื่อเข้ายามอู่ สายลมร้อนพัดโบก พื้นที่ที่ยืนยังคงเป็นเนินหินกลางทะเลทราย ทัศนียภาพตรงหน้าที่แลเห็นไกลออกไปนั้นคือหุบเขาสีเขียวขจี ทว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกนางหาได้มีเพียงภาพสีเขียวขจีไม่ ยอดเนินหินนี้มีผู้เฒ่าผู้หนึ่งนั่งบนหินผาพร้อมถือไม้เท้าหินแลดูทั้งหนักและเบาในคราเดียวกัน

  “ถึงเนินหินกานซูแล้วสินะ”

   เสียงทุ้มแหบแสดงถึงความอวุโสราวกับเซียนเฒ่าในป่าถือสันโดษห่างจากผู้คน ท่านผู้นั้นเคาะไม้เท้าเบา ๆ แสงสีทองนำทางก็ค่อย ๆ มลายหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่ สร้างความตกตะลึงให้แต่คณะเดินทางทั้งสามยิ่งนัก

   “เปิ่นเสี่ยวเจียขอเรียนถามท่านผู้อวุโส เมื่อครู่นี้ท่านกระทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ”

   เว่ยเจียเหลียนฮวาเอ่ยถามผู้เฒ่าผู้ยังคงนั่งถือไม้เท้าหินนั่งไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ในใจนั้นกำลังหวั่นวิตกด้วยเส้นด้ายนำทางเพียงอย่างเดียวของนางหายไป ต่อจากนี้พวกนางจะกระทำเช่นไร ?

   “เมื่อสิ้นอาณาเขตพิทักษ์แห่งเซียนย่อมต้องสิ้นพลังเซียนเป็นธรรมดา สถานที่ที่พวกเจ้าจะก้าวขาออกจากที่แห่งนี้นั้นจะไม่อาจใช้ด้ายเซียนของพวกเจ้าชี้นำได้อีกต่อไป” ผู้เฒ่าหินผาเอ่ย “แม่หนูผู้ได้รับนิมิตแห่งเซียนเอ๋ย จงเอาไม้เท้านี้ไป”

   สิ้นวจีทุ้มแห้งตามวัยเอ่ย ไม้เท้าหินนั้นก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าของเหลียนฮวาผู้เป็น ‘แม่หนูผู้ได้รับนิมิตแห่งเซียน’ ตามที่ท่านผู้นั้นกล่าว เรียวมือสีซีดที่เดิมทีจับแต่พู่กันกับม้วนตำราก็ยกขึ้นถือไม้เท้าหินที่สูงเท่าไหล่บาง มันมีน้ำหนักเบาเกินกว่าที่นางประมาณการณ์ไว้มากนัก และเมื่อปลายไม้เท้ากระทบพื้นหินใต้เท้าของนางก็พบได้ว่า จากเสียงสั่นสะเทือนนี้ได้แสดงให้เห็นว่าไม้เท้าหินนี้เป็นหินกลวง

   “มันจะสะท้อนกระแสพลังของผู้ที่เจ้าตามหา แม่หนู ขอให้พวกเจ้าโชคดี”

   ทันใดนั้นเองกปรากฎสายลมหวนโอบล้อมกายของคนทั้งสาม ก่อนจะพบว่าผู้เฒ่าเซียนนั้นหายไปราวกับไม่เคยมีผู้ใดนั่นตรงหน้าพวกนางมากก่อน

   “คุณหนูสาม สิ่งนี้มัน…”

   “ในเมื่อแสงส่องนำทางของข้ามลายไปแล้ว หนิงเฟย เราเลือกไม่ได้นอกจากว่าต้องใช้สิ่งนี้”

   “แล้วท่านจะใช้มันอย่างไร ?”

   คำถามของโจวจินได้สร้างความตระหนักให้แก่เว่ยเจียเหลียนฮวาถึงการใช้งานสิ่งนี้ ก่อนหน้านางไม่ต้องกระทำสิ่งใดก็มีกระแสพลังนำทาง ทว่าในยามนี้ คงต้องพึ่งไหวพริบและสัญชาตญาณของนางเองเสียแล้ว มือเล็กยกไม้เท้าขึ้น คิดถึงภาพของผู้เฒ่าเคาะปลายไม้เท้าก็ริลองกระทำตาม จากนั้นรูปแกะสลักหยดน้ำที่ไม้เท้าพลันเรืองรอง ก่อให้เกินกระแสพลังคล้ายมวลคลื่นลำธารสีฟ้าใสลอยเอื่อยจาง ๆ ชี้นำทางต่อไป

   “ได้เวลาเดินทางต่อแล้ว”

   แม้ไม่อยากจะเอ่ยออกมา ทว่าพวกนางก็อดขอบคุณอุโมงค์มืดนั่นไม่ได้ว่ามันทำให้พวกนางลดระยะเวลาในการเดินทางข้ามทะเลทรายจากสามวันเป็ฯเพียงแค่วันเดียง ซ้ำยังหลบหลีกภัยร้ายต่าง ๆ มากมายอีกด้วย ในยามนี้เป็นกลางยามโหย่ว ช่วงเวลาที่แสงสนธยาระบายสีส้มงดงามทั่วผืนฟ้า พวกนางได้ก้าวเข้ามาสู่พื้นที่สีเขียวเสียที

   “ไม่ผิดแน่ นี่คือหุบเขาชิงหยาง” โจวจินผู้มีประสบการณ์ของการเดินทางในอาชีพพ่อค้านั้นย่อมทราบได้อย่างรวดเร็วว่าเส้นทางของพวกนางคืบหน้าได้ไวเพียงใด “พวกท่านแลเห็นทุ่งดอกฮัวซินหรือไม่ นั่งคือจุดสังเกตเฉพาะของหุบเขาชิงหยาง หากเราเดินทางทันเวลาคงได้แวะพักแรมที่ที่แห่งนั้น ที่นั่นมีบ่อน้ำให้ใช้งานได้ด้วยขอรับ”

   และสถานที่สุดท้ายที่พวกนางได้เดินทางไปพักแรมคือแนวที่ราบฮัวซินอันอุดมด้วยทุ่งฮัวซินและมีบ่อน้ำใสตรงกลาง พร้อมกับสัญญาณจากไม้เท้าหินกลวงถึงการเข้าใกล้พลังแห่งเทพหนี่วา…





อ่านผนังหินในอุโมงค์ เรียนรู้เรื่องราวของเทพหนี่วาและไข่มุกวารี  เรียนรู้การใช้งานไม้เท้าหินกลวง  +30exp ได้ไหมนะ

@Admin

แสดงความคิดเห็น

เผาเทพแอดมินได้หรือไม่ (ไฟลุก)  โพสต์ 2025-5-17 16:07
เข้าใจเลย อายุปูนนี้แล้วต้องเรียนรู้การใช้ไม้เท้า  โพสต์ 2025-5-17 11:53
คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2025-5-17 11:53
โพสต์ 26801 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-5-15 20:48
โพสต์ 26,801 ไบต์และได้รับ +6 EXP +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D)  โพสต์ 2025-5-15 20:48
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-5-17 16:06:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-5-31 10:35


บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 4
สี่ก้าวสดับทัณฑ์ คลื่นวารี
สี่ราตรีก้าวสู่เทียนซาน





วันที่ยี่สิบเก้า ซื่อเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด

   ตอนนี้ข้าอยู่ที่เทียนซานแล้ว  ย้อนไปช่วงยามซื่อข้าได้เจอกับศาลเจ้าร้างเล็ก ๆ ถูกเถาวัลย์พันเกี่ยวจนแทบไม่เห็นสิ่งใด  ทว่าเมื่อข้าสัมผัสมันกลับแลเห็นนิมิต  สตรีนางนั้นหาใช่สตรีที่เคยเห็นในนิมิตฝันไม่  ทว่าคำกล่าวของนาง ท่าทางของนาง  คงจะเป็นทายาทเทพหนี่วารุ่นก่อนเป็นแน่  นางฝังกล่องไม้เอาไว้ใต้ศาลเจ้านั้น  มันคือ  เกล็ดมุกวารี  เป็นแน่  แสงที่กระจ่างเช่นในนิมิต  ทั้งยังมีคลื่นสีครามราวกับสายน้ำแผ่กระจาย  ข้าเลือกที่จะเก็บมันไว้เผื่อได้ใช้งานในอนาคต
          
           เพราะข้านี่แหละ สตรีผู้ได้รับนิมิต...

           เดินทางไปจนถึงสถานที่ที่ข้าคิดว่ามันคงจะอยู่แค่ในตำราหรือเป็นเพียงตำนานเล่าขาน  สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยน้ำนองประมาณข้อเท้าเสี่ยวเฮย  ทว่ามันกลับใสราวกับกระจกสะท้อนตัวตนของพวกข้า  แล้วเราก็ได้พบกับ  ทัณฑ์วนวารี  ที่ตำนานได้กล่าวเอาไว้  เส้นทางที่ผู้พิทักษ์แห่งเทพหนี่วาได้เดินทางข้ามผ่าน  ผู้ใดคิดคดต่อเทพหนี่วา  มันผู้นั้นจำต้องจมลงใต้วนวารี

          ตอนนั้นเกล็ดวารีก็เปล่งแสงออกมา  แล้วก็ช่วยนำทางให้พวกข้าได้เดินข้ามผ่านทัณฑ์วนวารีจนมาสู่เชิงเขาเทียนซานได้  นับว่าตัดสินใจถูกนักที่ข้าเลือกที่จะเก็บมันเอาไว้

         วันพรุ่งนี้คงจะได้ขึ้นเขาเทียนซานจริง ๆ แล้ว  นอนเอาแรงดีกว่า


   ร่างเล็กค่อย ๆ ขยับลุกขึ้นในปลายยามเหม่าเช่นเคย เว่ยเจียเหลียนฮวาที่ตื่นมาจากความฝันน่ากลัวของเมืองเมืองหนึ่ง และบุรุษที่อยู่ตรงนั้นคือบุคคลที่นางคุ้นเคยดี มือเล็กยกขึ้นเช็ดเหงือที่หยดลงมาบริเวณกรอบหน้าก่อนจะมองไปรอบ ๆ ที่แห่งนี้คือแนวที่ราบฮัวซิน ทุ่งบุปผางามสีครามโอนเอนตามสายลมอ่อนพัดทำให้ทราบได้เวลาว่าความฝันเมื่อคืนนี้เล่นทำเอาดวงใจของนางเต้นระส่ำจนร้อนไปหมด จ้าวหนิงเฟยที่ตื่นก่อนหน้าไม่นานเดินมาหบสตรีผู้เป็นนายก็เร่งก้าวเดินมาพร้อมอุปกรณ์ชำระล้างร่างกายให้หมดจดเสียหน่อย

   “คุณหนูสาม ที่แห่งนี้มีบ่อน้ำใส ข้าให้โจวจินช่วยตรวจสอบดูแล้วปลอบภัยดี ระดับความลึกราว ๆ บริเวณเอวของเขา คาดคะแนแล้วปลอดภัยแน่นอนเจ้าค่ะ”

  “ขอบใจมาก หนิงเฟย”

   เหลียนฮวารับคำก่อนจะไปจัดการธุระส่วนตัวในยามรุ่งสางเช่นเดิม วันนี้เป็ฯวันที่พวกนางหมายมั่นว่าอย่างน้อยต้องได้แลเห็นเชิงเขาเทียนซาน ด้วยความที่เดิทนทางข้ามผ่านทะเลทรายได้อย่างรวดเร็วทำให้ได้แลเห็นยอดเขาเทียนซานอยู่ไม่ไกลนัก วันพรุ่งคงได้ฤกษ์หนาวเหน็บเช่นเหมันต์เป็นแน่ เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ เว่ยเจียเหลียนฮวาที่ตื่นสายกว่าทุกวันเร่งแต่งเนื้อแต่งตัวให้เร็วขึ้นแล้วเดินกลับค่ายพักแรมชั่วคราว

   “คุณหนูสาม ข้ามีเรื่องจะรายงาน รอบ ๆ นี้เห็นรอยเท้าคุ้นตาคล้ายกับปีศาจปีศาจเจวี๋ยฮว่า ทางที่ดีเราควรเร่งออกเดินทางจากตรงนี้”

   “เช่นนั้นก็เร่งมือเถิด เสี่ยวเฮยกับตัวอื่นคงพักผ่อนเพียงพอแล้ว”

   จากนั้นการเดินทางในวันนี้ก็เริ่มต้นต่อจากเดิม พวกนางเดินทางตามกระแสพลังของไม้เท้าหินกลวงจนไปถึงยามซื่อ ขบวนเดินทางลัดเลาะผ่าน แนวป่าชาดหนาน (南赤林) ซึ่งเป็นป่าพื้นต่ำระหว่างทุ่งหญ้ากับเชิงเขา การเดินทางในวันนี้แลดูราบรื่นไร้เภทภัยตามที่ต้องการ ไร้ม่านหมอกบดบังสายตาจนเป็นกังวล จนกระทั่งหางต่าของนางเหลือไปเห็นที่ตั้งสถานที่คุ้นตาอันแปลกประหลาดเกินจะมาตั้งในที่แห่งนี้ มันคือศาลเจ้าเล็กๆ ถูกเถาวัลย์รัดแน่น ภายในมีรูปสลักหนี่วาเศียรมังกร ขณะเข้าใกล้ศาลเจ้า ไม้เท้าหินกลวงเรืองแสงขึ้นอย่างช้า ๆ แสดงว่ามีพลังของ ทายาทหนี่วา สะท้อนอยู่บริเวณนี้

   เหลียนฮวาผู้ที่ครอบครองไม้เท้าเรืองรองในตอนนี้ค่อย ๆ วางมือแตะศาลเจ้าตามแรงดึงดูดบางอย่าง ภาพนิมิตแวบเข้ามา — เห็นหญิงสาวในชุดสีม่วงคุกเข่าหน้าศาลนี้

   “ได้โปรด หากผู้ใดวาสนาต้องกัน ขอผู้นั้นจงหาศาลเจ้านี้พบแล้วเร่งช่วยเหลือบุตรีของข้าด้วยเถิด”

   ด้วยเสียงสั่นไหว รูปร่างและช่วงวัย ทั้งด้วยรูปประโยคของสตรีในนิมิตทำให้นางได้ทราบว่านางคงเป็นทายาทหนี่วารุ่นก่อนที่กำลังฝากฝังกล่องไม้อยู่ใต้ผืนดินที่นางกำลังเหยียบย่ำอยู่ ไม่รอช้าเหลียนฮวาหันไปหาจ้าวหนิงเฟยทันที

   “ช่วยขุดตรงที่ข้าเหยียบที”

   ไม่เพียงแค่จ้าวหนิงเฟย โจวจินก็ลงมือช่วยขุดดินในตำแหน่งหน้าศาลเจ้าเล็กร้าง ๆ จนไปเจอเข้ากับกล่องไม้เก่า ๆ เว่ยเจียเหลียนฮวายื่นมือไปรับมันมาจากมือของจ้าวหนิงเฟยก่อนจะเปิดดู — ข้างในคือ [ เกล็ดมุกวารี ] ขนาดเท่าเล็บก้อย มีแสงเรืองจาง ๆ

   “เกล็ดเช่นนี้อาจเป็น เศษหนึ่งของมุกวารีที่แตกออกเมื่อนานมาแล้วก็ได้”

   “มันคงมีความหมายกระไรสักอย่าง ข้าแลเห็นนิมิตจากศาลเจ้านี้”

   ในเมื่อรั้งรอสักพักแล้วไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งที่นางกระทำคือการเก็บเสี้ยงมุกวารีนี้ไว้แล้วเดินทางต่อ

   เมื่อถึงกลางยามเว่ย จากหุบเขาชิงหยางก็มาถึงเนินสลับสูงต่ำ เข้าสู่พื้นที่ที่เรียกขานกันว่า ทางเงาน้ำ (水影路) — มันเป็นเส้นทางธรรมชาติอันมีแอ่งน้ำสะท้อนท้องฟ้าเกือบตลอดทาง ทั้งสามคนเดินทางตามที่เหลียนฮวาเอ่ยบอกไปเรื่อย ๆ ตามเดิม ทว่าสิ่งที่ดูเหมือนจะติดใจจ้าวหนิงเฟยคงจะเป็นการที่นางสังเกตเห็นว่าว่าเงาสะท้อนของสตรีผู้เป็นนายในน้ำเรืองรองด้วยแสงสีครามล้อมรอบกายราวกับเป็นสิ่งคุ้มกันทั้งสามมิให้ถูกฝูงกาฝูงนกปีศาจที่บินวนไม่ไกลนัก ซึ่งเมื่อนางเงยหน้ามามองสตรีตรงหน้าแล้วกลับไม่มีสิ่งใดแตกต่างไปจากเดิมแม้แต่น้อย

   จ้าวหนิงเฟยเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ คาดคิดว่าคงเป็นแสงของไม้เท้าที่กำลังเปล่งพลังอย่างที่นายของตนนั้นได้แลเห็นมาตลอด หรือไม่ก็แสงของเกล็ดมุกวารีที่ผู้เป็นนายของตนเก็บเอาไว้ ส่วนของคุณหนูสาสกุลเว่ยเจียเองก็ไม่ได้สังเกตสิ่งใดนอกจากการเพ่งบอกกระแสพลังนำทาง เป็นเช่นนี้จนโจวจินที่อยู่ข้างหน้าหยุดลงและยกมือขึ้นมาเป็นสัญญาของการหยุดขบวน

   “มีกระไรหรือ”

   “ทัณฑ์วนวารีขอรับ…”

   ระหว่างทางนั้นมีฝูงนกดำบินวนอยู่เหนือเส้นทางทว่าเมื่อเข้าสู่อาณาบริเวณที่โจวจินเอ่ยแล้วพวกมันกลับสลายไปทันทีที่พ้นแนว รอยหินโค้งคล้ายประตูสวรรค์ โจวจิน เตือนให้ระวังเพราะ เส้นทางนี้เป็นทางโบราณซึ่งเคยเป็นเส้นทางของพวกผู้พิทักษ์เทพีหนี่วา หากผู้มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ผ่านไป อาจถูก ทัณฑ์วนวารี กลืนกิน

   บัดนั้นเมื่อขาของเสี่ยวเฮยย่ำก้าวไปข้างหน้า คลื่นน้ำวนที่ส่งกระทบมาถึงพวกนางพลันสงบ ดวงตาของนางแลเห็นความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ก็ลองให้เสี่ยวเฮยเดินนำหน้าไปเพิ่มอีกหน่อย แล้วก็เป็นดังที่นางคาดไว้ ราวกับก่อเป็นเส้นทางน้ำสงบเป็นเส้นทางเดียวที่นางก้าวเดิน ขณะนั้นเองเกล็ดมุกวารีพลังเปล่งแสงกระจ่างจนนางต้องหยิบขึ้นมาถือในมือ

   “ตามข้ามาให้ดี”

   สตรีผู้สูงศักดิ์รับรู้ได้ในทันทีว่าการนำทางที่สตรีในนิมิตเอ่ยคือสิ่งใด สิ่งนี้จะนำทางให้นางได้ก้าวผ่านทัณฑ์วนวารีได้เป็นแน่ นางบังคับเสี่ยวเฮยให้ขยับนำขบวน และนางก็ได้เดินทางข้ามผ่านเขตทางเงาน้ำเข้าสู่ เชิงเขาเทียนซานด้านใต้

   ในช่วงที่ผ่านพ้นเขตอันตราย สายลมเย็นได้พัดโบกจนสั่นไปทั่วทั้งกาย เกล็ดหิมะที่โปรยปรายเบาบางทำให้ได้รับรู้ว่าบัดนี้ภูผาสูงชันได้อยู่ตรงหน้าพวกนางเดียบร้อยแล้ว

   “นี่ก็คงจะราว ๆ ยามซวีแล้ว เราหาถ้ำแล้วก่อไฟพักแรมดีหรือไม่ ภูเขาหิมะยามราตรีหาได้ปลอดภัย”

   โจวจินเอ่ยแสดงความเห็น สตรีทั้งสองก็พยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินทางด้วยพลังกายเฮือกสุดท้ายในการตามหาที่พักพิง พวกนางควบม้าไปเรื่อย ๆ ก็ได้พบกับถ้ำหินน้อย ๆ ไม่ได้ลึกกระไรมาก ทว่ากลับมีพื้นที่ให้ได้ก่อไฟเอนกายพักผ่อน

   แล้วในค่ำคืนที่ย่างกรายเข้าสู่เขตขุนเขาเทียนซานนี้เอง เว่ยเจียเหลียนฮซาก็ได้นิมิตฝันถึงสตรีที่อยู่ท่ามกลางปีศาจน่าหวาดกลัว…






[NPC-13] โจวจิน
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์

@Admin

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-13] โจว จิน เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 2025-5-18 18:13
โพสต์ 23016 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-5-17 16:06
โพสต์ 23,016 ไบต์และได้รับ +6 EXP +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D)  โพสต์ 2025-5-17 16:06
โพสต์ 23,016 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2025-5-17 16:06
โพสต์ 23,016 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +6 ความโหด จาก บัณฑิต  โพสต์ 2025-5-17 16:06
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-5-21 22:00:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-5-31 10:36


บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 5
ห้าราตรีเพื่อพานพบ
ห้ามารคีรีที่ต้องกำจัด




  

วันที่สามสิบ ซื่อเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด

   ไม่มีบันทึก เนื่องจากสถานการณ์ในวันนี้ค่อนข้างหนักหน่วงจนเหลียนฮวาเอนกายก็หลับปุ๋ยเลย


   เสียงกรีดร้องของสตรีหวีดดังภายในฝันราวกับหลอกหลอนให้ห้วงฝันนั้นเต็มไปด้วยความโกลาหล ภาพของสตรีที่ถูกปีศาจตัวมหึมาน่าหวาดหวั่นโอบล้อม มีผู้ปกป้องนางเพียงหนึ่งเท่านั้น ทว่าสิ่งที่สายตาของสตรีผู้นั้นสบเข้าคือสายตาของนาง ราวกับว่าแหวกกระแสความวุ่นวายจับจ้องผู้เป็นพยานในห้วงฝัน

   “ช่วยด้วย…”

  “...สาม …หนูสาม …คุณหนูสาม !!!”

   ฉับพลันนั้นร่างบางที่ตื่นจากความฝันอันเลวร้ายก็สะดุ้งโหยงตามเสียงเพรียกของจ้าวหนิงเฟย แลเห็นกระแสความห่วงใยที่ส่งผ่านคิ้วขมวดของสตรีผู้เป็นนางกำนัลส่วนพระองค์ เว่ยเจียเหลียนฮวาพยายามหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะตั้งสติให้มั่น พบว่าตอนนี้ก็เข้าช่วงปลายยามเหม่าเสียแล้ว

   “แค่…ฝันร้าย ไม่เป็นไรหนิงเฟย”

   โจวจินที่ตื่นไวที่สุดเนื่องจากเขารู้สึกไม่สบายใจกับพื้นที่โดยรอบเท่าไหร่ก็ออกไปตรวจดูพื้นที่ พบว่าหิมะถูก เหยียบย่ำอย่างรุนแรง จากกลุ่มที่ขึ้นเขาไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ รอยเท้าใหญ่ผิดมนุษย์ ห้าเส้น กลิ่นกำยานเน่าโชยมาตามลม – โจวจินยืนยันว่าเป็นกลิ่นเดียวกับที่ เคยพบในป่าที่เจวี๋ยฮว่าเคยปรากฏ

   “คุณหนูสาม ข้าพบร่องรอยปีศาจ”

   ไม่ทันไรที่จะรายงานสถานการณ์ก็ได้ยินเสียงของเหล็กกระทบและเสียงกรีดร้องดังไกล ๆ จากทิศทางที่โจวจินสังเกตว่ารอยเท้าพวกนั้นมุ่งหน้าไปทิศนั่น

   “โจวจิน รีบไปเร็ว”

   เว่ยเจียเหลียนฮวาเร่งให้ทุกคนรีบโยนอุปกรณ์ขึ้นหลังม้าแล้วมุ่งหน้าไปตามเสียงกรีดร้องนั่นทันที ท่ามกลางหิมะสีขาว ปรากฎกลุ่มปีศาจห้าตัวล้อมรอบหนึ่งสตรีหนึ่งบุรุษเช่นในความฝันทำเอานางต้องหยุดชะงักค้าง

   “โจวจิน ไปช่วยเร็ว”

   “ขอรับ !!”


   นับว่าดียิ่งนักที่มีโจวจินร่วมทาง สตรีทั้งสองที่ไร้วรยุทธ์(ไม่ว่าจะในแง่ของไม่มีอยู่แล้ว หรือคิดว่าตนเองไม่มีก็ตาม)ก็รับหน้าที่ขี่ม้าเอาพวกมันไปไกล ๆ เพื่อกันลูกหลงและผูกเชือกไว้ก็หินยักษ์ก่อนจะเร่งไปดูสถานการณ์ ณ ตอนนั้น

   ดูเหมือนพวกนางจะมาช้าไปหนึ่งก้าว ในอ้อมกอดของสตรีบางที่นางแลเห็นในความฝัน มีบุรุษที่สวมชุดราวกับผู้เยี่ยมยุทธท่านหนึ่ง

  “จื่อเซวียนกงจู่… กระหม่อมไม่อาจร่วมทางกับพระองค์ได้แล้วขอรับ…”

  “ไม่ เจ้าต้องอยู่กับข้าสิ ไหนว่าเจ้าจะอยู่กับข้าอย่างไรเล่า!!!”

   “เสี่ยวกงจู่ของกระหม่อม…ตามหามุกวารี…ปกป้องหนานจ้าว…อึก–...มีเพียงพระองค์เท่านั้น…”

   และสุดท้ายก็เหลือเพียงหนึ่งสตรีที่สูญเสียกับร่างที่แน่นิ่งของบุรุษผู้กระทำหน้าที่อย่างองอาจ ส่วนผู้ที่มาทีหนังอย่างเว่ยเจียเหลียนฮวา จ้าวหนิงเฟยและโจวจินต่างก็เลือกที่จะให้เวลาดรุณีน้อยนางนี้ได้หลั่งน้ำตาแห่งความสูญเสียสักพัก

   เมื่อร่างเล็กของสตรีที่ดูอ่อนเยาว์กว่านางไม่มากตั้งสติขึ้นมาได้ก็ค่อย ๆ วางร่างของบุรุษที่น่าจะเป็นคนใกล้ชิดลงก่อนจะค่อย ๆ หันมาหาพวกนาง

   “ข้า… แซ่ จื่อเซวียน นาม ชิงหลี กงจู่แห่งหนานจ้าว ขอบพระคุณผู้มีพระคุณทั้งสามมาก ข้าขอทราบนามพวกท่านได้หรือไม่ ?”

   “เรียนหนานจ้างกงจู่ หม่อมฉันมีนามว่า จ้าวหนิงเฟย เป็นหญิงรับใช้ของคุณหนูสาม เว่ยเจียเหลียนฮวา บุตรีเจ้ากรมโยธาแห่งต้าฮั่น ส่วนทางนั้น โจวจิน จอมยุทธ์ที่ร่วมทางเพคะ” จ้าวหนิงเฟยผู้รู้งานเอ่ยแนะนำนายหญิงของนางโดยไม่ต้องให้เหลียนฮวาต้องแนะนำตนเอง

   “...เอ่อ คือว่าก่อนจะสนทนากันต่อ ขอข้าจัดการเจ้าถิ่นได้หรือไม่?”


   ดูเหมือนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเรียกให้เจ้าถิ่นอย่างปีศาจหมาป่าสีเงินมุ่งมาทางนี้ โจวจินเร่งป้องกันสตรีทั้งสามและให้จ้าวหนิงเฟยที่พกกระบี่ช่วยต่อสู้ด้วย ส่วนเว่ยเจียเหลียนฮวาก็คอยปกป้องจื่อเซวียนเท่าที่จะทำได้ ทว่าไม่การต่อสู้ที่ดุเดือดนี้จะจบลงที่หมาป่าสีเงินแลเห็นว่าสตรีสองคนข้างหลังอ่อนแอเท่าใดจึงกระโจนเข้าใส่ในเฮือกสุดท้าย ราวกับว่าหากมันต้องตายก็จะขอเอามนุษย์พวกนี้ไปตายด้วยกัน

   เว่ยเจียเหลียนฮวารีบหยิบกระบี่ที่หล่นอยู่ของบุรุษที่สิ้นลมแล้วขึ้นมาถือให้มั่นก่อนจะทิ่มแทงเข้าไปที่ลำคอของปีศาจที่อ่อนแรงนั่นซะ ไม่อาจทราบได้เลยว่าเพราะมันใกล้ตายอยู่แล้วหรือเพราะว่านางคือสตรีผู้ข้ามผ่านโลกมาเยือน ณ ที่แห่งนี้จึงดูเหมือนจะแทงเข้าเนื้อเต็มที่ทีเดียว ในช่วงเวลานั้นเองที่มีแสงเรืองรองออกจากกาย นางที่ทั้งชีวิตไม่เคยจะคร่าชีวิตด้วยมือสองข้างตรง ๆ เลยจึงรู้สึกผิดจนอดไม่ได้ที่จะลูบขนนุ่มของมันที่เปรอะโลหิตสีแดงฉานและเกล็ดหิมะแข็ง

   ฉับพลันนั้นละอองแสงพวกนั้นกลับค่อย ๆ ดูดซึนเข้าร่างของนางแทน ก่อเกิดเป็นเม็ดตบะก้อนกลมบนมือเรียวบาง

   “เรา…เปลี่ยนที่กันเถิด”

   ทุกคนล้วนเห็นด้วยที่จะเปลี่ยนที่เพื่อไม่ให้มีเจ้าถิ่นแถวไหนมาทำร้ายอีก เว่ยเจียเหลียนฮวาก็เริ่มซักถามองค์หญิงแห่งหนานจ้าวถึงที่มาที่ไปพร้อมกับแจกเสี่ยวหลงเปาให้ทุกคนกินพร้อมชาดอกเบญจมาศที่จ้าวหนิงเฟยภาคภูมิใจ ก่อนที่ตลอดทั้งวันนี้จะกลายเป็นการเดินทางเพื่อลงจากเขาเทียนซานและตรงไปที่ฉางซานแทน

   เพื่อร่วมเดินทางไปกับทายาทแห่งหนานจ้าว และไขวิกฤตแห่งเมืองฉางซานเสีย






[NPC-13] โจวจิน
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+15 ความสัมพันธ์อาหารเกรดน้ำเงิน + ชา/สุราเกรดน้ำเงิน (+10)


[NPC-14] จื่อเซวียน ชิงหลี
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+15 ความสัมพันธ์อาหารเกรดน้ำเงิน + ชา/สุราเกรดน้ำเงิน (+10)


ดูดซับพลังวิญญาณปีศาจหมาป่าขาว:
(เอฟเฟคผู้มีบุญไม่ x2 เพราะไม่ใช่ทรัพยากร)
+30 ตบะฝึกฝน
+1 เศษเสี้ยววิญญาณหมาป่าขาว
+แพรจันทร์หนาว (เลขไบต์หลักสุดท้าย) ชิ้น

@Admin

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-13] โจว จิน เพิ่มขึ้น 50 โพสต์ 2025-5-21 22:29
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-14] จื่อเซวียน ชิงหลี เพิ่มขึ้น 50 โพสต์ 2025-5-21 22:29
โพสต์ 17707 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-5-21 22:00
โพสต์ 17,707 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม +1 ความชั่ว +4 ความโหด จาก กระบี่  โพสต์ 2025-5-21 22:00
โพสต์ 17,707 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ 2025-5-21 22:00

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตบะฝึกฝน +30 ย่อ เหตุผล
Watcher + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-5-22 22:50:43 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-5-31 11:59


บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 6
หกสหายในการเดินทางอันยาวนาน


  


วันที่หนึ่ง อู่เยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด

   วันนี้เป็นวันที่ข้าดีใจที่สุดที่ได้กินอิ่ม ๆ ท้องอุ่น ๆ เสียที หลังจากที่ต้องนอนบนเขาเทียนซานจนจะแข็งตายในสามวันเจ็ดคืน แน่นอนว่าการผูกมิตรที่ดีที่สุดล้วนเป็นการผูกมิตรในขณะที่ร่วมโต๊ะอาหาร นับว่าได้พูดคุยกับทายาทหนี่วาที่ในที่สุดก็ได้เจอเสียทีอย่าง จื่อเซวียนชิงหลี หนานจ้าวกงจู่ หากว่ากันตามยศฐา นางอยู่สูงกว่าข้านัก ทว่าในการเดินทางนี้ข้าไม่ได้แนะนำตนเช่นพระสนม ข้าแนะนำตนเป็นคุณหนูท่านหนึ่ง และกงจู่เองก็ปรารถนาที่จะสนทนาเช่นมิตรสหายไร้ความเหินห่างทางยศฐา พวกข้าจึงไม่ได้ใช้ราชาศัพท์แม้แต่น้อย (ยกเว้นที่ยังคงเรียกนางว่า จื่อเซวียนกงจู่น่ะนะ)

   ในวันนี้ข้าก็ได้นินทาเจี่ยเจียคนดีของข้าไปเสียยกใหญ่เชียว มันคงจะไม่ลอยไปเข้าหูคนงามว่าที่หวงโฮ่วหรอกกระมัง ?

   อีกอย่างในการเดินทางนี้ดูเหมือนว่าข้าจะได้สหายใหม่ เว่ยซาน หมาป่าที่เจอบนเขาเทียนซาน คาดว่ามันน่าจะตามลงมาจากเขาเพราะเห็นข้าเป็นจ่าฝูงตัวใหม่กระมัง ถึงจะรู้สึกแปลก ๆ พิกล ทว่าการที่มันช่วยไม่ให้ข้าต้องนอนตายเสียก่อนก็ถือว่าเป็นความดีที่มากพอที่จะรับเลี้ยงมัน

   เว่ยซาน เจ้านี่ตาแหลมใช้ได้


  “ฮัดชิ่ว !”

   วันนี้ในยามเฉินเป็นช่วงเวลาเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง ดูจากเส้นทางแล้วพวกนางคงจะเริ่มใกล้สู่เชิงเขามากขึ้น หลังจากที่เมื่อคืนนี้จู่ ๆ ก็มีพายุโหมจนต้องหยุดพักอยู่บนเขาทั้งอย่างนั้นเสียได้ เว่ยเจียเหลียนฮวาเริ่มรู้สึกว่าความหนาวที่ขาวโพลนนี้แม้งดงามเพียงใด ทว่ากลับแฝงความน่ากลัวไว้เช่นกัน และในยามนี้เองนางก็เริ่มรู้สึกแสบผิว แสบจมูกจนแดงเป็นผลอิงเถา

   ในช่วงเวลานั้นเองที่กำลังเดินทางย่ำหิมะปุยขาว ฉับพลัลนั้นได้ยินเสียงขู่ร้องของสัตว์สี่เท้าขนปุยล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ทั้งสิ้นราว ๆ สี่ตัวได้ โจวจินที่เป็นผู้เยี่ยมยุทธร่วมกับจ้าวหนิงเฟยหยิบกระบี่คู่ที่พกมาเพื่อช่วยเหลือโจวจินอีกแรง ส่วนของเว่ยเจียเหลียนฮวาเลือกที่จะให้กระบี่ขององครักษ์กับจื่อเซวียนกงจู่ ส่วนของนางหยิบธนูไม้จันทน์ขึ้นมาเป็นฝ่ายสนับสนุนจากข้างหลังและช่วยปกป้องจื่อเซวียนกงจู่ที่นอกจากถือกระบี่ไว้กับตัวให้มั่นก็ดูจะหวาดกลัวเกินจะต่อกรกับพวกมัน




   ไม่นาน เหตุการณ์ทั้งหลายนก็จบลงที่มีศพของหมาป่าทั้งสี่ตัวนอนเกลื่อนก่อนที่จะมีอีกหนึ่งตัวที่ดูเหมือนว่าจะแอบอยู่หลังหินใหญ่

  “ตอนนี้ถ้าจำไม่ผิด…เนื้อของเราน่าจะพร่องไปราว ๆ แปดส่วนแล้วกระมัง”

   สายตาของเว่ยเจียเหลียนฮวาพลันมืดมนลงทันตา เจ้าสตรีผู้รักเนื้อนั้นอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้มีเนื้อตกถึงท้องจึงอ้อนจ้าวหนิงเฟยให้ทำอาหารที่มีเนื้อให้ทานจนมันร่อยหรออย่างรวดเร็ว

   “เจ้ากินเยอะนี่นาโจวจิน”

   “คุณหนูสามอย่าโบ้ยความผิดสิเจ้าคะ”

   “เงียบปากน่า จะแล่เนื้ออะไรก็ทำ”

   “แล้วอีกตัวนึงเล่าขอรับ”

   “หากมันไม่กระโจนรนหาวันตายก็ปล่อยให้มันได้สืบพันธุ์ต่อไปเถิด”

   จากคำเอ่ยของสตรีผู้นำคณะเดินทางก็จบลงที่ให้โจวจินแล่เนื้อหมาป่าในส่วนที่น่าจะกินได้เก็บไว้ แล้วก็เดินทางกันต่อโดยมีเจ้าสี่เท้าขนปุยคอยติดตามไม่ห่างราวกับว่าพยายามตามไม่ให้พวกนางได้รับรู้

   ใช้เวลาราว ๆ สองชั่วยามได้คณะเดินทางสามสตรีหนึ่งบุรุษก็เดินทางมาจนถึงตีนเขาอันมีโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ ตั้งอยู่ เรียกว่าเป็นบุญนักเพราะยามนี้นางโหยหาน้ำแกงร้อน ๆ อย่างหาที่สุดมิได้

  “หม้อไฟแปดเซียน ไก่ขอทาน เกี๊ยวทอด สุราเบญจมาศ!”

   ว่ากันว่าเพื่อให้พ้นผ่านความหนาวอันโหดร้ายจึงต้องดื่มสุราเพื่อความอบอุ่นของร่างกาย นางจึงไม่ลังเลที่จะสั่งชุดใหญ่เต็มโต๊ะราวกับว่างดข้าวปลาร่วมสิบคืนวัน เถ้าแก่ที่ดูแลโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ นี้ก็หน้าบานนักที่ได้รับลูกค้ากระเป๋าหนักตำลึงทอง ทั้งสี่คนต่างร่วมโต๊ะกันอย่างอบอุ่น ถือเป็นการทำความรู้จักกับจื่อเซวียนกงจู่ให้มากขึ้น โดยภายในใจของเว่ยเจียเหลียนฮวานั้นหวังว่าการเดินทางนี้จะราบรื่น แม้จะทำได้เพียงแค่หวังก็ตาม

   “คุณหนูเว่ยเจีย ข้าอยากทราบว่าในเมืองหลวงมีอะไรน่าสนใจบ้าง ?”

  “อืม…”

   เว่ยเจียเหลียนฮวาที่กำลังเคี้ยวไก่ขอทานอยู่ก็กลืนลงคอก่อนจะนึกออกแล้วว่าจะเล่าเรื่องใดดี ดวงตาที่มักจะแสดงความอ่อนหวานปนเฉื่อยชาเสมอบัดนี้กลับส่งแววประกายมองซ้ายมองขวาแลเห็นว่ามีผู้คนอยู่บ้างก็กระแอมไอนึกสนุกอยากนินทาผู้สูงศักดิ์เล่นสักเล่นน้อย

   เจี่ยเจียเจ้าขา เจี่ยเจียคงไม่โทษเหมยเหม่ยผู้น่ารักของเจี่ยเจียกระมัง จะเป็นหวงโฮ่วก็ต้องมีข่าวลือพิเศษเสียหน่อย

“ว่ากันว่า ในวังหลังนั้นมีเทพธิดาสถิตอยู่…” นางทำท่าทางจะลดเสียง ทว่ากลับยังดังชัดเจนให้ผู้คนได้ยิน “นางเป็นเทพธิดาที่ลงมาเยือนพื้นพิภพ ทว่านางกลับถูกตาต้องใจของโอรสสวรรค์จนไม่อาจกลับสวรรค์ไปได้ นางถูกคัดเลือกให้เป็นพระสนมที่มังกรตกภวังค์ในรักทันทีที่ได้สบตาเชียว ใช้เวลาไม่นานเท่านั้นความโปรดปรานก็เป็นที่ประจักษ์ จากยศต่ำสู่ผู้สูงสุดในวังหลัง จากเหม่ยเหริน สู่ กุ้ยเฟย แถมยังมีพยานรักที่ในยามคลอดมีปรากฎการณ์พิเศษราวกับท้องนภาเป็นสักขีพยานถึงการกำเนิดเทพธิดาตัวน้อยเชียว !!!!”

   เว่ยเจียเหลียนฮวาเล่าอย่างออกรส นางถึงกับตบโต๊ะเสียงดังทำท่าทางแสดงถึงความใหญ่โตของอภินิหารที่บังเกิดในช่วงเวลาที่หลานตัวน้อยของนางกำเนิด

   แม้ว่าทุกอย่างจะได้ยินจากปากนางกำนัลในเรือนอีกทีก็ตาม…

   ไม่นานนักการสนทนาก็จบลง ในระหว่างที่รอจ้าวหนิงเฟยจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย พหูสูตรน้อยที่ไปขอซื้อม้วนตำราที่ดูเหมือนว่าจะเป็นของที่บัณฑิตเมื่อนานมาแล้วลืมทิ้งไว้ที่แห่งนี้ก็เดินออกจากโรงเตี๊ยมหมายมั่นว่าจะมาเปิดอ่านระหว่างที่รั้งรอ ทว่าสิ่งที่ดึงดูดสายตาเสียก่อนกลับเป็นหางฟู ๆ ที่วิ่งไปไกล ๆ ราวกับว่ามันเพิ่งวิ่งออกจากอาณาบริเวณนี้ทันทีที่รู้ว่านางเดินออกมา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหวานสบเข้ากับดวงตาสีทองของนักล่าตัวใหญ่ก่อนจะเห็นมันที่ทำท่าเหมือนจะดูเชิงพวกนาง

   “เอาไปสิ”

   เว่ยเจียเหลียนฮวามองซ้าย มองขวาก่อนจะฉีกเนื้อไก่ขอทานที่เหลือจากมื้ออาหารเมื่อครู่นี้ให้เจ้าหมาป่าไป มันก็รีบรับไก่ไปกินอย่างหิวโหย นางได้เห็นว่าไก่เหลือที่เก็บได้ไม่นานเท่าไหร่มีประโยชน์ก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

   คณะเดินทางค่อย ๆ เดินทางต่อไปตามทางที่เถ้าแก่แนะนำ คราวนี้ไม่มีไม้เท้าหินกลวงคอยนำทางเนื่องจากมันได้แตกสลายไปในตอนที่ช่วยเหลือทายาทหนี่วาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยังดีที่การเดินทางครานี้มิใช่การเดินทางโดยใช้การนำทางแห่งเซียน ทว่าเป็นการเดินทางโดยตั้งจุดหมาย ณ เมืองฉางซาน เช่นนั้นแล้วการเดินทางครานี้ย่อมดูมีจุดหมายยิ่งนัก ผู้นำทางจึงมิใช่นางเช่นเดิม ทว่ากลายเป็นโจวจินที่ดูจะชำนาญด้านการเดินทางเพราะด้วยมีประสบการณ์ในการท่องยุทธภพออกเกวียนค้าขาย ในส่วนของคุณหนูสามแห่งสกุลเว่ยเจียก็ใช้ความสามารถพิเศษที่สั่งสมมาตั้งแต่เด็กที่นั่งเกวียนเดินทางจากไคเฟิงมาฉางอันบ่อยครั้งในการอ่านตำราไปด้วยขี่ม้าไปด้วย

   เพราะว่านางเลือกที่จะเสียสละม้าให้จื่อเซวียน และตนเองซ้อนเจ้าหนิงเฟยแทนอย่างไรเล่า ช่างมีเมตตาเสียจริง!

   พวกทางเดินทางออกมาจากบริเวณเขาเทียนซาน แม้จะยังคงหนาวอยู่บ้าง ทว่ามันก็อบอุ่นขึ้นมาเมื่อเทียบกับอุณหภูมิอันหนาวจบแสบจมูกข้างบนนั้น ด้วยความที่เดินทางมาจนเสี่ยวเฮยและเพื่อน ๆ ดูจะเหนื่อยกันแล้วก็หาที่ทางใกล้แหล่งน้ำเพื่อพักพิงในต้นยามโหย่ว ในระหว่างที่กำลังตั้งค่ายพักแรมขนาดย่อม ๆ นี้เอง เหลียนฮซาเลือกที่จะเดินไปหาที่นั่งใต้ต้นไม้เพื่ออ่านม้วนตำราตามประสาสตรีในห้องหอผู้เอาแต่อ่านตำราเช่นบัณฑิต ทว่าอ่านได้ไม่ถึงเค่อนักก็ได้ยินเสียงประหลาดจากบนต้นไม้

   “ฟ่อ…”

   “กรี๊ดดด”

   “โฮ่ง !!!!”

   ไม่รู้นางจะตกใจสิ่งใดก่อนระหว่างต้นไม้ที่นางนั่งดันมีงูอยู่ กับหมาป่าตัวหนึ่งกระโจนมากัดงูจนจมเขี้ยว เว่ยเจียเหลียนฮวาที่ตกอกตกใจก็ทำให้จ้าวหนิงเฟย โจวจินและจื่อเซวียนเร่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่

  “คุณหนูเจ้าคะ ท่านคงมิได้แอบเลี้ยงมันหรอกใช่หรือไม่ ?”

   “ข้าแอบเจ้าได้ที่ไหน อย่าบอกนะว่าจากโรงเตี๊ยมนั่นเจ้าก็ตามพวกข้ามาตลอดเลย”

   เจ้าหมาป่าดูเหมือนว่าจะมีความคิดว่าพวกนางฆ่าจ่าฟูงได้ ผู้อยู่จุดสูงสุดคือจ่าฝูง และ ณ ตอนนั้นผู้ที่อยู่บนหลังม้าและแสดงท่าทีองอาจที่สุดดันเป็นเว่ยเจียเหลียนฮวาผู้ใช้ธนูเสียได้ เช่นนั้นแล้วบัดนี้นางจึงกลายเป็นจ่าฝูงในสายตาของเจ้าหมาป่าที่เหลือตัวสุดท้ายในฝูงนั้น

   ด้วยความรู้สึกผิดจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วก็ลองพยายามยื่นมือที่ถือเนื้อแดดเดียวให้มัน และพยายามเข้าหาอย่างเป็นมิตร

   “ข้ามีนามว่าเว่ยเจียเหลียนฮวา ทางนั้นโจวจิน จ้าวหนิงเฟย จื่อเซวียน ดีใจที่ได้รู้จักเจ้านะ…” นางเอ่ยก่อนจะเพิ่งนึกได้ว่า…นางต้องตั้งชื่อใช่หรือไม่ ? “เอ่อ…อ่า…ได้ นับตั้งแต่นี้ไปข้าจะเรียกเจ้าว่าเว่ยซาน มาจากนามสกุลข้า แล้วก็เทียนซานก็แล้วกัน”

   แล้วในวันนั้นก็จบวันด้วยการที่นางได้รับสมาชิกใหม่หนึ่งตัว…







[NPC-13] โจวจิน
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+30 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดแดง + (+5) ชาหรือสุราก็ได้
(หากเป็นอาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม)


[NPC-14] จื่อเซวียน ชิงหลี
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+30 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดแดง + (+5) ชาหรือสุราก็ได้
(หากเป็นอาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม)


ไอเท็มดรอป(ใช้เอฟเฟคผ่านประลองระบบ): เนื้อสัตว์
(เลขไบต์หลักสุดท้าย = จำนวนเนื้อที่ได้)

ไอเท็มดรอป(ประลองระบบ):
เนื้อสัตว์ (เลขไบต์หลักสุดท้าย = จำนวนได้)
หนังหมาป่า (เลขไบต์รองสุดท้าย = จำนวนได้)


- สามารถเผยแพร่ข่าวลือในฉางอันเพื่อปั่นทอนชื่อเสียงเป้าหมายได้ ( Username เป้าหมาย = @LuBairan ) เป้าหมายจะสูญเสียค่าคุณธรรม-100 ทันที (+1 Point แก่โรลเพลย์สร้างข่าวลือ - สัปดาห์ละครั้ง ครั้งต่อไป +30 EXP )

- สามารถโรลเพลย์ค้นคว้าหาความรู้จากการฟัง หรือ อ่าน +30 EXP (วันละครั้ง)

โรลเพลย์อุปการะปีศาจหมาป่าเร่ร่อน จะได้รับ 15 Point สำหรับ Level 1

กิจกรรมโรลเพลย์ x2 ตลอดเดือนพฤษฏาคม

@Admin

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-14] จื่อเซวียน ชิงหลี เพิ่มขึ้น 65 โพสต์ 2025-5-23 10:37
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-13] โจว จิน เพิ่มขึ้น 65 โพสต์ 2025-5-23 10:37
คุณได้รับ 24 EXP โพสต์ 2025-5-23 10:36
คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2025-5-23 10:36
โพสต์ 30918 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-5-22 22:50
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-5-23 00:03:10 | ดูโพสต์ทั้งหมด

บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 7
เจ็ดคืนวันและการเดินทางอันยาวนานยังคงดำเนินต่อไป



   นับว่าการที่มันเป็นหมาป่านั้นทำให้รู้สึกเหมือนนางได้รับสหายที่ไว้ใจได้มาเพิ่มหนึ่งตัว ในการเดินทางลงจากเทียนซานสู่ฉางซานนี้นางค่อย ๆ เดินทางไปเรื่อย ๆ ออกจากริมลำธารมาเรื่อย ๆ ตลอดทางนั้นมิได้มีอภินิหารกระไรนักเพราะว่าบัดนี้นางมิได้ใช้การนำทางแห่งเซียนแล้วกระมัง ทว่าตลอดการเดินทางนั้นนางได้เจอเข้ากับปีศาจเจี๋ยฮว่า

   พวกมันเข้ามาโจมตีคณะเดินทางโดยที่เห็นได้ชัดว่าเพ่งเล็งจื่อเซวียนกงจู่เป็นคนแรกเสมอ ด้วยเหตุนี้เองจึงต้องรบกวนโจวจินและคู่หูใหม่อย่าง เว่ยซาน อยู่พอควรทีเดียว เว่ยเจียเหลียนฮวาเลือกที่จะดูดซับตบะเอาไว้ คงเป็นเพราะว่าไม่ต้องการจะแบกของหนักอะไร ทั้งยังต้องการปลดปล่อยผู้คนด้วยกระมังนางจึงได้รับคำขอบคุณพอควรทีเดียว

   ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วนางทำเพียงแค่ไม่อยากจะให้เสี่ยวเฮยแบ่งของหนัก ทั้งยังไม่อยากจะต้องมาแลเห็นภาพติดตาเช่นตอนที่แล่หมาป่าอีก

   การเดินทางนี้ทำให้โรคกลัวม้าของเว่ยเจียเหลียนฮวาดีขึ้นมาก นางตอนนี้ไม่ได้กลัวจนจะเป็นลมไปทุกครั้ง แม้จะมีหวาดผวาบ้างในยามที่มันพ่นลมหายใจใส่ตอนมันหิวก็ตาม ทว่านางก็อ่านอารมณ์พวกมันได้มากขึ้น และสนิทกับพวกมันมากขึ้นโดยเฉพาะเสี่ยวเฮยที่นางให้จ้าวหนิงเฟยมาขี่ม้ากับนาง

   ในวันนี้การเดินทางนั้นช่างเรียบง่าย ใช้เวลาทั้งวันกับการอยู่บนหลังม้าและผืนป่า จนกระทั่งปลายยามเซินก็มาถึงเมืองหมิงโจว ทำให้คืนนี้ของพวกนางได้นอนพักบนเตียงสบาย ๆ ในรอบเจ็ดคืน









ดูดซับปราณแท้จากปีศาจเจวี๋ยฮว่า: +20 ตบะ / +50 คุณธรรม
และ มุกไอปีศาจ (มุกที่กักเก็บไอปีศาจไว้ภายใน) 1 เม็ด

กิจกรรมโรลเพลย์ x2 ตลอดเดือนพฤษฏาคม

@Admin

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ +50 คุณธรรม โพสต์ 2025-5-24 15:02
คุณได้รับ 4 EXP โพสต์ 2025-5-24 15:02
โพสต์ 6431 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-5-23 00:03
โพสต์ 6,431 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก ธนูไม้จันทน์  โพสต์ 2025-5-23 00:03
โพสต์ 6,431 ไบต์และได้รับ +2 ความโหด จาก กระบอกธนู  โพสต์ 2025-5-23 00:03

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตบะฝึกฝน +20 ย่อ เหตุผล
Watcher + 20

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-5-23 13:51:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-5-24 08:11


บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 8
แปดคืนในพงไพรสู่แปดก้วนซื้อความสุขใจในวันนี้


  

วันที่สาม อู่เยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด

   ในที่สุึดก็ได้หลับเต็มอิ่มเสียที ต้องขอบคุณโจวจินที่มีแผนที่แผ่นดินคร่าว ๆ จึงทำให้ได้ดูเส้นทางและตัดสินใจเรื่องการเดินทาง เสว้นทางพวกนี้ทำให้เห็นได้ชัดว่าเส้นทางการค้านั้นอยู่ไปในทางเดียวกันกับพวกเราพอดี อย่างน้อยก็จนถึงลั่วหยาง เช่นนั้นแล้วเราจะบุกป่าฝ่าดงไปทำไม ก็ติดกองคาราวานสักกอง ไม่ก็จ้างเหมาจ้างเกวียนสักเล่มพร้อมม้าเทียมคงจะได้กระมัง

   จริงสิ ข้าลืมถามโจวจินเลยว่าเขาขับเกวียนได้หรือไม่ คงได้กระมัง เป็นพ่อค้านี่

   ด้วยประการฉะนี้แล้ว แทนที่จะมานอนอุตุในหมิงโจว ข้าเลือกที่จะกลับฉางอันอย่ารวดเร็วแทน เพื่อที่จะได้มานอนพักในสถานที่ที่สบายตัวสบายใจที่สุดและได้พาจื่อเซวียนกงจู่ไปเที่ยวฉางอันตามที่เคยได้เล่าเอาไว้

   อย่างไรก็ตาม หากต้องใช้เกวียนจะให้พวกเสี่ยวเฮยไปเทียมลากเช่นนี้ ถึงแม้ว่าพวกมันจะทำได้จริงทว่าข้าไม่อยากจะให้มันต้องมาลำบากกับเรื่องเช่นนี้ เช่นนั้นแล้วก็ไปซื้อเกวียนอื่นก็คงจะดีกว่า เมื่อตื่นเช้าขึ้นมาในฉางอัน ข้าคงต้องพาเหล่าม้ากลับวังเสียแล้ว


   “เราจะพักในนี้สักวันดีหรือไม่”

   เป็นคำถามแรกของวันที่เว่ยเจียเหลียนฮวาเอ่ยถามสหายทั้งหลายในวงโต๊ะอาหารเช้า ณ โรงเตี๊ยมประจำหมิงโจว ทว่าเพื่อประกอบการตัดสินใจนั้นโจวจินที่มีแผนที่คร่าว ๆ ก็แนะนำว่าเดี๋ยวไปรวมตัวกันที่ห้องของใครสักคนแล้วมาปรึกษากันดีกว่า สุดท้ายจึงได้มารวมหัวกันในยามซื่อ

   “ข้ามีแผนให้พวกเจ้า 2 ทาง หากยังไม่อยากกลับฉางอันก็ต้องไปทางเว่ยโจว แต่ถ้าเอาสบายขึ้นมาหน่อยคงจะเป็นทางฉางอัน ฮัวโจว ลั่วหยาง อันยาง แล้วก็ตรงไปฉางซาน”

   “จริง ๆ เราจะเดินทางวันนี้แล้วไปนอนสบาย ๆ ที่ฉางอันก็ไม่แย่นะเจ้าคะ จะได้พาจื่อเซวียนเที่ยวฉางอันด้วย”

   “จ้าวหนิงเฟย ข้าวไม่ต้องกลับ…เอ่อ…ไปเยี่ยมหลานก็ได้ใช่หรือไม่ ?”

   “ถ้าท่านมิประสงค์จะเยี่ยมเยียนผู้ใดก็ย่อมได้...เจ้าค่ะ”

   “ช่างมันเถิด เอาเป็นว่าข้าอยากสบายบ้างในครานี้ ไปเส้นกลับฉางอันแล้วตรงไปตามเส้นทางสายไหมก็ไม่แย่นัก เอาตามนี้เลยเถิด วันนี้ออกเดินทางก่อนแล้วค่อยไปพักที่ฉางอัน”

   เว่ยเจียเหลียนฮวาในครานี้หมายมั่นว่าจะเดินทางโดยเกวียนเดินทางไปตามเส้นทางที่ได้รับการบุกเบิกแล้วอย่างเส้นทางสายไหม เช่นนั้นแล้วด้วยสมาชิกที่มากขึ้นคงจะทำให้การเดินทางโดยการขับขี่ม้ามันยากขึ้น หรือไม่ก็ติดตามคาราวานสักกองขอเดินทางไปด้วย

   ในเมื่อตัดสินใจเช่นนนี้แล้วด้วยระยะทางที่ไกลหน่อยคงจะถึงฉางอันเอาช่วงปลายยามซวีเชียว คณะเดินทางทั้งหลายจึงแยกย้ายซื้อของที่จำเป็น เนื้อแดดเดียวเอย ธัญพืชเอย ม้วนตำราเอย(?) สุดท้ายก็มารวมตัวกัน ณ โรงเตี๊ยมหมิงโจวก่อนจะออกเดินทางออกจากหมิงโจวในยามอู่

   ออกจากเมืองส่วนใหญ่ล้วนเป็นเส้นทางเลียบป่า หรือบ้างก็เข้าป่าบ้าง ด้วยความที่ตัดสินใจแล้วว่าหลังจากนี้จะเดินทางอย่างสบายที่สุด จึงทำให้เส้นทางที่ใช้ส่วนมากจะเป็นเส้นทางที่ทำเป็นถนนให้เกวียนผ่านโดยแท้

   “กลับฉางอันแล้วข้าจะไปจ้างเกวียนดี ๆ สักเล่มแล้ว ส่วนพวกม้าคงต้องเอาไปคืนวังก่อนกระมัง”

   “สุดท้ายก็กลับวังสินะเพคะพระสนม”

   “ก็ทำไงได้ ถ้าจะต้องแยกจากเสี่ยวเฮย แต่หลังจากนี้ข้าจะใช้เกวียน จะให้เสี่ยวเฮยมาลากเกวียนได้อย่างไรกัน”

   บทสนทนานี้เป็นบทสนทนาเบา ๆ ที่สองสตรีขับขี่อาชาสูงตัวเดียวกัน เช่นนั้นแล้วสหายที่ขี่ม้าตัวอื่นย่อมไม่ได้ยินที่พวกนางสนทนากันเท่าใดนัก สี่คนหนึ่งตัวได้เดินทางโดยแวะพักบ้างให้เหล่าอาชาได้พักหายใจ กินน้ำกินหญ้า ก่อนจะเดินทางต่อไปเรื่อย ๆ จนกลับหวนคืนสู่ฉางอันในต้นยามจื่อแทน…

   แน่นอนว่าในวันนี้นางได้อ่านตำราว่าด้วยเรื่องของการเลี้ยงหมาป่าจนจบเล่มเชียว








[NPC-13] โจวจิน
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์

[NPC-14] จื่อเซวียน ชิงหลี
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์

- สามารถโรลเพลย์ค้นคว้าหาความรู้จากการฟัง หรือ อ่าน +30 EXP (วันละครั้ง)



กิจกรรมโรลเพลย์ x2 ตลอดเดือนพฤษฏาคม

@Admin

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 38 EXP โพสต์ 2025-5-24 15:03
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-14] จื่อเซวียน ชิงหลี เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 2025-5-24 15:02
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-13] โจว จิน เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 2025-5-24 15:02
โพสต์ 13776 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-5-23 13:51
โพสต์ 13,776 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก ธนูไม้จันทน์  โพสต์ 2025-5-23 13:51
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-5-24 19:24:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-5-25 10:40


บันทึกการเดินทางสีครามบทที่ 9
ก้าวอีกครา หวนคืนสู่ฉางอัน


  

วันที่สี่ อู่เยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด

   จดหมายถึงองค์หวงตี้

   เรียนฝ่าบาทที่เคารพ หม่อมฉันได้เดินทางตามที่ได้ทูลไปก่อนหน้าที่จะออกจากฉางอัน บัดนี้หม่อมฉันได้แลเห็นว่าเส้นทางของการเดินทางครานี้ได้มีโอกาสกลับฉางอัน เช่นนั้นแล้วหม่อมฉันจะกลับไปเข้าเฝ้าพระองค์เพื่อรายงานผลการเดินทาง ขออภัยเป็นอย่างสูงที่จดหมายที่ส่งถึงพระองค์นี้ช่างกระทันหันและมากด้วยความเอาแต่ใจของหม่อมฉัน

   ทว่า…หม่อมฉันมิได้อยู่ฉางอันนานนัก พระองค์คงไม่ถือสาหรอกกระมัง ?

   จาก เหลียนฮวา


   จดหมายถึงองค์ไท่โฮ่ว

   ด้วยการเดินทางเพื่อช่วยเหลือปวงประชาตามคำสั่งขององค์หวงตี้ หม่อมฉันเสียใจมากที่มิได้เข้าเฝ้าพระองค์ ด้วยความเคารพที่หม่อมฉันมีให้พระองค์นั้น แม้ว่าช่วงเวลาที่ได้มีโอกาสกลับคืนสู่ฉางอันนั้นสั้นเพียงพริบตา ทว่าหม่อมฉันให้คำมั่นว่าจะไปเข้าเฝ้าพระองค์เพคะ

   จาก เว่ยเจียเสียนอี๋


   จดหมายถึงพระสนมลู่กุ้ยเฟย

   เจี่ยเจียเป็นอย่างไรบ้างในช่วงเวลาที่มิได้พบหน้ากัน เหม่ยเมยรู้สึกเสียใจยิ่งในวังหลังแห่งนี้ช่างพรากความสดใสของสตรีทั้งหลายจนสิ้น ในช่วงเวลาที่อยู่ก็มิได้ออกจากตำหนักเกือบแรมปี ช่วงเวลาที่ได้ออกมาพบเจี่ยเจีย หม่อมฉันก็ต้องรีบเตรียมตัวเพื่อออกเดินทาง เหม่ยเมยนั้นช่างน่าอดสูยิ่ง หนึ่งครามิได้ดูแลยามพระครรภ์ สองครามิได้เยี่ยมเยียนในคราวประสูติพระราชโอรส ครานี้มิทันจะได้ช่วยเลี้ยงหลานตัวน้อยจำต้องจากไปแดนไกล
   ทว่า…ในการเดินทางครานี้มีโอกาหวนคืนสู่ฉางอันราว ๆ สองวันได้ เช่นนั้นแล้วเหม่ยเมยสัญญาว่าจะไปหาเจี่ยเจียแน่นอน

   จาก เสี่ยวเหลียนฮวา


   ตื่นเช้าขึ้นมาในยามหยินเป็นช่วงเวลาที่นางต้องกลับมาตื่นเช้าเช่นเดิมด้วยเหตุที่ว่านางต้องการเข้าวัง และเมื่อนางต้องเข้าวัง วันนี้ของนางควรจักปฏิบัติตนเฉกเช่นพระสนมเอกสมควรกระทำ จ้าวหนิงเฟยปลุกเว่ยเจียเหลียนฮวาขึ้นมาเพื่อแต่งกายเพียงคร่าว ๆ อาศัยช่วงเวลาที่ผู้คนยังคงอยู่ในห้วงนิทราเดินทางเข้าวังไปยังตำหนักเถียนเซี่ยเพื่ออาบน้ำขัดผิวกายให้สะอาด เป็นการกลับมาอาบน้ำครั้งใหญ่ในรอบเจ็ดแปดวันที่ทำให้นางรู้สึกเนื้อตัวสะอาดที่สุดก็ว่าได้ ครั้นชำระกายเรียบร้อยก็เข้าสู่กระบวนการแต่งอาภรณ์งดงามด้วยอาภรณ์ประจำตำแหน่งพระสนมเอก

   “สุดท้ายนกน้อยย่อมต้องกลับกรงทองงั้นหรือ”

   ในช่วงเวลาที่ขบวนเสด็จของพระสนมตั้งขึ้นหน้าตำหนัก ดวงตาสีน้ำตาลที่เคยสดใสก่อนหน้านี้พลันเฉยชาขึ้นมา เป็นแววตาเช่นเดิมที่นางมักจะทอดมองทุกสรรพสิ่งภายในรั้ววังหลัง สวนบุปผาต้องพิษ ขาเรียวสวมรองเท้าไหมปักงดงามก้าวเดินขึ้นเกี้ยวเพื่อออกจากตำหนักตรงไปยังตำหนักเซวียนเต๋อ

   “พระสนมเว่ยเจียเสียนอี๋!”

   เสียงขานยศฐาของหนึ่งในพระสนมเอกได้ดังขึ้น เว่ยเจียเหลียนฮวาก้าวเข้าภายในโถงใหญ่เพื่อเดินไปยอบกายถวายความเคารพแด่องค์ไท่โฮ่ว

   “ถวายพระพรไท่โฮ่ว ขอทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี”

   “เจ้ากลับมาแล้ว เสียนอี๋”

   “แม้เพียงระยะสั้นก่อนเดินทางต่อ ทว่า…กลับมาแล้วเพคะองค์ไท่โฮ่” ใบหน้าเพียงพิศไม่แสลงตานั้นยามแต่งองค์ทรงเครื่องล้วนดูมองไม่หน่าย ซ้ำเมื่อแย้มสรวลออกมาแลสดใสขึ้นบ้าง เหลียนฮวาที่ได้ฤกษ์ดีมาถวายพระพรเช่นนี้ก็ไม่ลืมที่จะยกขนมจากต่างแดนมาถวาย “ขนมบัวหิมะที่ซื้อมาจากเมืองแถบเทียนซาน ว่ากันว่ารสชาติดั้งเดิมแลงดงามไม่น้อย หม่อมฉันพิศมองแล้วคิดถึงพระองค์เลยซื้อมาถวายเพคะ”

   “เจ้าช่างใส่ใจอ้ายเจียนัก ขอบใจมาก”

   แล้วการถวายพระพรช่วงเช้าก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย เมื่อเสร็จสิ้นแล้วเว่ยเจียเหลียนฮวาก็เดินตรงเข้าไปหาลู่กุ้ยเฟยผู้เป็นเจี่ยเจียและสหายคนสนิทของตนเอง

   “ลู่เจี่ยเจีย เหม่ยเมยก็มีของฝากจากเทียนซานให้ หากเจี่ยเจียไม่ว่ากระไรขอเยี่ยมเยียนเจี่ยเจียที่ตำหนักได้หรือไม่เพคะ ?”

   แน่นอนว่าจุดหมายหลังจากนี้ย่อมเป็นตำหนักตงเฉิน นางมาสนทนากับพระสนมกุ้ยเฟยผู้มีบุตรธิดาตัวน้อยวิ่งเล่นในตำหนัก ได้หยอกหลาน ชวนสตรีผู้งดงามของนางมาเล่นหมากล้อม จิบชา ทานขนมที่ซื้อมาฝากก่อนจะเดินทางออกจากตำหนักตงเฉินในอีกหนึ่งชั่วยามต่อมา

   เข้าปลายยามเหม่า ได้เวลาที่องค์จักรพรรดิแห่งต้าฮั่นจะเข้าห้องทรงพระอักษรเพื่อทรงราชกิจ เว่ยเจียเหลียนฮวาผู้ซื้อบัวหิมะมาอย่างมมากมายนั้นย่อมต้องมีให้องค์หวงตี้ด้วยเช่นกัน นางเดินไปตำหนักเว่ยหยางเพื่อขอเข้าเฝ้า

   “มาแล้วหรือ เหลียนฮวา”

   “ถวายพระพรองค์หวงตี้ ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี”

  “ตามสบาย”

   “ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท ก่อนจะรายงานเรื่องการเดินทางในครานี้ หม่อมฉันขอถวายขนมบัวหิมะเขตเทียนซานให้พระองค์ลิ้มลองเพคะ”

   เว่ยเจียเหลียนฮวาเอ่ยอย่างฉะฉาน ครานี้นางดูสดใสและเฉยชาขึ้นในคราวเดียวกัน คงเป็นเพราะสถานะระหว่างบุรุษผู้สูงศักดิ์และตัวนางนั้นชัดเจนขึ้นมากเพียงใด

   บุรุษผู้หนึ่งมากรักด้วยอำนาจ สตรีนางหนึ่งไร้ใจในหน้าที่

   เช่นนั้นแล้ว ในเมื่อสามารถก้าวเดินคนละครึ่งทางได้ ใยมิเจรจาต่อรองดวงใจทั้งสองเล่า สุดทายแล้วบุรุษผู้นั้นก็เป็นเพียงเกอเกอผู้หนึ่ง ไม่ก็บิดาคุ้มหัวในสวนบุปผชาติมากพิษ ส่วนนางก็เป็นสตรีเสริมอำนาจและกระทำตนเยี่ยงเหม่ยเมยมห้เขาปวดหัวไปวัน ๆ

   “หากข้าไม่ได้รับจดหมายของเจ้า เจ้ากับขนมแสนเอาแต่ใจนี้จะได้มาถึงห้องทรงอักษรของข้าหรือไม่ ?”

   “ก็ถึงมือแล้วนี่เพคะ อย่าตริตรองสิ่งเล็กน้อยให้ปวดพระเศียรเลย ถือเสียว่าผ่อนปรนให้พระสนมที่กลับมาเยี่ยมพระองค์ในเวลาสั้น ๆ” สตรีร่างเล็กเอ่ยจ้อไม่สนใจสิ่งใดพร้อมกับจัดวางขนมบัวหิมะพร้อมรินชาไป๋หาวอิ๋นเจินอย่างเรียบร้อย ทว่าในวินาทีถัดมากลับทำท่าจะยกจานขนมหนีเสียอย่างนั้น “หรือฝ่าบาทมิประสงค์จะทอดพระเนตรใบหน้าของหม่อมฉัน เช่นนั้นแล้วแม้แต่บัวหิมะที่อุตส่าห์ตั้งใจมาถวายพระองค์ ค น เ ดี ย ว คงจะต้องเก็บไว้ทานเองแล้วเพคะ”

   “คนเดียวที่หมายถึงส่วนนี้ของข้าคนเดียว แล้วมีส่วนขององค์ไท่โฮ่วกับกุ้ยเฟยคนเดียวน่ะหรือ ?”

  “ข้าล่ะเกลียดคนรู้มากจริง ๆ”

   กลายเป็นว่าคำว่า คนเดียว ที่นางอุตส่าห์แกล้งย้ำไปกลับมีคนรู้มากทราบดีอยู่แล้วว่าคนเดียวของนางมีตั้งสามส่วน…ที่จริง ห้าส่วนต่างหาก อีกสองส่วนคือของตัวนางเองคนเดียว

   “อะแฮ่ม มันอร่อยมากนะเพคะ” พระสนมเสียนอี๋ที่ถูกดักทางได้ก็ทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้กับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนจะเริ่มเอ่ยธุระของนางเสียที “การเดินทางของหม่อมฉันนั้นจุดสิ้นสุดของการชี้นำคือเขาเทียนซานเพคะ หม่อมฉันได้พบกับสตรีผู้เป็นหนานจ้าวกงจู่ นาม จื่อเซวียนชิงหลี เป็นสตรีผู้อยู่ในนิมิตรที่ว่า…”

   “ทายาทหนี่วา ?”

   “เพคะ ทายาทหนี่วา แล้วสิ่งที่นางผู้นั้นต้องกระทำคือไปยังฉางซานเพื่อตามหามุกวารีและช่วยเหลือผู้คน เช่นนั้นแหละหม่อมฉันกำลังเป็นห่วงว่าอาจจะกำลังเกิดเภทภัย ณ แว่นแคว้นนั้น เพราะสิ่งที่ทำร้ายทายาทหนี่วาคือปีศาจเจี๋ยฮว่าเพคะ”

   “เช่นนั้นเองรึ”

   แล้วทั้งสองก็เอ่ยสนทนาเกี่ยวกับหนทางที่จะแก้ไขปัญหาใดได้บ้างทว่าสิ่งที่เหลียนฮวารู้สึกนั้นไม่อาจใช้เป็นหลักฐานได้ ในเมื่อมันคือนิมิตและปาฎิหารย์คงต้องทำได้แค่สั่งไพร่พลเตรียมกำลังให้พร้อม ตื่นตัวตลอดเวลา และ ส่งผู้คนไปตามสัญญาณขอกำลังเสริมให้ไวที่สุด

   “เช่นนั้นที่ข้าทำได้คือการสะสมกำลังพล ณ แว่นแคว้นใกล้เคียงแทน”

   “เป็นพระมหากรุณาธิคุณมากเพคะ”

   “แล้วเจ้าจะเดินทางต่อเมื่อใด”

   “ราว ๆ รุ่งสางเพคะ หม่อมฉันเลยมาคืนพวกเสี่ยวเฮย…”

   “เสี่ยวเฮย?”

   “หมายถึง อาชาที่พระองค์พระราชทานให้ใช้ก่อนหน้านี้ หม่อมฉันคิดว่าจะเดินทางด้วยเกวียนผ่านเส้นทางสายไหม เช่นนั้นแล้วไม่บังอาจนำยอดอาชาไปเทียมเกวียนได้หรอกเพคะ”

   “ได้ เช่นนั้นก็ไปเบิกตำลึงกับจางกงกง เอาไปซื้อเกวียนเดินทางต่อเสีย”

   “ขอบพระทัยเพคะ ฝ่าบาท”

   ในเมื่อได้กระทำตามที่ต้องการทั้งยังได้รับของกำนัลเพิ่มอีกต่างหาก นางจึงถอนสายบัวเคารพอีกฝ่ายอย่างอ่อนหวานที่สุดแล้วก็เดินออกจากห้องทรงอักษรเพื่อผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนจะไปชวนจื่อเซวียนเที่ยวช่วงใกล้ยามอู่และหาโรงม้าเพื่อซื้อเกวียนพร้อมม้าเทียมเกวียนด้วยเสีย





[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง +  ชาเกรดทอง (+10)


[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์
+20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง


ถวายพระพร x2
- รางวัลงาน: ค่าบารมีจากการถวายพระพรไท่โฮ่ว 15x2
+100 พลังใจ

กิจกรรมโรลเพลย์ x2 ตลอดเดือนพฤษฏาคม

@Admin

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 55 โพสต์ 2025-5-27 14:30
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว เพิ่มขึ้น 45 โพสต์ 2025-5-27 14:30
คุณได้รับ 16 EXP โพสต์ 2025-5-27 14:29
โพสต์ 27375 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-5-24 19:24
โพสต์ 27,375 ไบต์และได้รับ +15 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ธนูไม้จันทน์  โพสต์ 2025-5-24 19:24

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +100 พลังปราณ +30 ย่อ เหตุผล
Watcher + 100 + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้